...
ยังไม่ทันที่เรไรจะตอบคำถามของสุพัทรา พลันก็มีเสียงเปิดประตูเข้ามา ทั้งสามคนหันหน้าไปมองพร้อมกัน คนที่เปิดประตูเข้ามานั้นคือ สร้อย นั่นเอง
สร้อยทำหน้าบึ้งตึงและดูขึงขัง ดวงตาของหล่อนเบิกโตและพร้อมจะบวกกับคู่ต่อสู้อยู่ตลอดเวลา เธอเดินกำหมัดตรงเข้ามาที่ข้างในห้อง สุพัทราและอานนท์ตกตะลึงไม่คาดคิดว่าแม่สร้อยจะเข้ามามีส่วนร่วมอยู่ในเรื่องครั้งนี้ด้วย ส่วนเรไรนั้นคงยังไม่รู้จักสร้อยดีสักเท่าไหร่..
" มาแล้วเรอะ.. ไอ้ตัวดี!! " สร้อยพูดพลางกำหมัดแล้วทุบไปอย่างแรงที่หลังของอานนท์ แรงของสร้อยถึงมันจะเป็นแรงของผู้หญิงแต่มันก็หนักหน่วงและรุนแรงพอให้อานนท์มีความรู้สึกเจ็บได้
" โอ้ย..!! แม่!! ผมเจ็บ!! " อานนท์ร้องอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่คาดคิดว่าแม่สร้อยของเขาจะตรงเข้ามาทำร้ายตัวเขาได้
" ไอ้ลูกเลว ฉันเคยสอนให้แกเป็นคนแบบนี้เหรอ ? " เธอยังคงตวาด และทุบตีลงไปที่อานนท์อย่างไม่ได้นับและไม่ยอมเลือกที่ อานนท์ก้มหัวและยกแขนขึ้นมากันกำปั้นของผู้เป็นมารดาของเขา
สุพัทราไม่ห้ามแม่สามีของนางแต่อย่างใด เธอได้แต่นั่งมองเหตุการณ์อย่างนิ่งเฉย เสียงด่าทอของสร้อยดังไปทั่วบริเวณบ้าน จนทำให้ พัชรัตน์ ที่ยังไม่ได้ไปเข้างานแต่เธอกำลังแต่งตัวอยู่ ( พัชรัตน์ทำงานขายของที่ห้าง ) กับพัชรีที่กำลังเก็บกวาดห้องของเธออยู่ ( พัชรีก็ทำงานที่โรงงานและเข้ากะในตอนบ่ายเช่นเดียวกันกับสุพัทรา ) ลูกสาวของสร้อยตกใจในน้ำเสียงของแม่ของพวกเธอ และไม่รู้ว่าแม่ของตนกำลังทะเลาะกับใครอยู่ จึงคิดจะมาช่วยแม่สร้อยของพวกเธอกัน
ทั้งสองพี่น้องวิ่งตรงมาที่ต้นเสียง นั่นก็คือห้องของสุพัทรานั่นเอง..
ทั้งสองคนยังไม่รู้เรื่องต้นสายปลายเหตุ แต่พวกเธอเห็นแม่ของเธอนั้นกำลังทุบและตีพี่ชายของพวกเธออยู่
" แม่!!.. แม่!!.. แม่ตีพี่อานนท์ทำไม ? " พัชรีจับแขนของสร้อยและช่วยดึงไม่ให้สร้อยตีพี่ชายของเธอ
" อย่ามายุ่ง!! ฉันจะตีมันให้สำนึก.. ไอ้ลูกเลว.. " สร้อยสะบัดข้อมืออย่างแรง แรงของเธอในตอนนี้มันเยอะมาก
พัชรัตน์เข้ามาช่วยพี่สาวของเธอห้ามแม่ และหล่อนยังคงมองแรงไปที่พี่สะใภ้ที่นั่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
" พี่สุ..? ทำไมไม่มาช่วยห้ามแม่หน่อยล่ะ ? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย.. "
สุพัทราปรายตามองน้องสาวของสามีที่ไม่ได้รู้ต้นสายปลายเหตุ ก็ได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า
" แม่คะ.. ใจเย็นก่อนนะคะ "
สร้อยกำหมัดแน่น และหยุดทุบตีอานนท์พร้อมกับมีอาการเหนื่อยหอบ แต่ใบหน้าและดวงตาของหล่อนคงยังไม่คลายความโกธร ยังคงมองอานนท์ด้วยดวงตาที่ลุกวาว
ส่วนเรไรที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์นั้น เธอมีอาการตื่นตกใจและตัวสั่นด้วยความกลัวในเวลานั้น
" จะให้แม่เย็นได้ยังไงไหว ? " สร้อยพูดพร้อมกับหายใจเหนื่อยหอบจากการที่เธอกระหน่ำทุบตีลูกชายของเธอ
" ค่ะ.. หนูรู้.. แต่ตอนนี้หนูกับนนท์กำลังปรึกษากันเรื่องของผู้หญิงคนนี้อยู่ค่ะ ว่าจะทำอย่างไรกันดี ? "
พอสิ้นเสียงประโยคสุดท้ายของสุพัทรา ร่างของสร้อยก็ปรี่ตรงรี่ไปที่เรไรในทันที เธอขยุ้มผมบนหัวของหล่อน
แล้วกระชากดึงมาอย่างแรง คราวนี้จึงเกิดความโกลาหลชุลมุนวุ่นวายกันไปหมด กว่าจะดึงแม่สร้อยออกกันมาได้และสุพัทราเห็นท่าจะไม่ได้คุยกันต่อไปอีกแน่ๆ เพราะแม่สร้อยไม่ได้มีอาการยอมแพ้แม้แต่นิดเดียว เธอยังคงตะโกนด่ากราดอย่างเสียงดังด้วยท่าทีที่ขึงขังและรุนแรง
สุพัทราจึงบอกให้อานนท์พาเรไรหนีออกไปก่อน แล้วเธอจะติดต่อไปใหม่อีกที อานนท์จึงพาเรไรวิ่งหนีไป..
...
พอตัวการทั้งสองคนไม่อยู่แล้ว สร้อยก็สงบขึ้น ลูกสาวทั้งสองคนของเธอตื่นตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะไม่คิดว่าแม่ของเธอจะทำอะไรแบบนี้ได้ และพี่น้องทั้งสองคนก็พอจะเดาเรื่องและเหตุการณ์ในครั้งนี้ออก
พัชรัตย์เธอเลยรู้สึกผิดที่ในตอนแรกเธอมองพี่สะใภ้คนดีของเธอผิดไป
" พี่สุคะ.. หนูขอโทษนะพี่.. หนูไม่รู้เรื่องจริงๆ ว่าพี่ต้องโดนอะไรแบบนี้ " พัชรัตย์บอกด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
" ไม่เป็นไรหรอกนะ.. ถ้าเป็นพี่.. เข้ามาเห็นเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องรู้สึกเหมือนเธอด้วยเหมือนกัน "
" ทำไมพี่อานนท์ถึงทำแบบนั้นนะ " พัชรีทำหน้าหงุดหงิด
" ไม่มีอะไรแล้ว พวกเธอก็ออกไปเถอะนะ พี่ว่าจะนอนพักสักหน่อย " สุพัทราดูเหนื่อยๆทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร
สร้อยมองดูและรู้สึกผิดสังเกตุในตัวของลูกสะใภ้
" ไม่สบายอะไรหรือเปล่า ไปหาหมอไหม ? หยุดงานสักวันก็ได้นี่ลูก "
" เอ่อ.. ไม่เป็นไรค่ะ หนูว่านอนพักสักครู่น่าจะดีขึ้น ขอบคุณแม่ด้วยนะคะที่เป็นห่วง "
" อืม.. ต้องห่วงสิ ยังไงๆแม่ของทับทิมก็เป็นคนในครอบครัวของเรานี่นา อ้อ.. และไม่ต้องคิดมากนะ เรื่องของพวกมัน!! ยังไงๆแม่ก็ไม่ยอมรับหรอก แม่รับแค่ลูกสะใภ้คนเดียวคือแม่ทับทิมเท่านั้น… คนอื่นอย่าหวัง!! "
สร้อยพูดจบก็เดินออกไป.. พี่น้องสองคนมองหน้ากันและบอกให้พี่สะใภ้ของพวกเธอนอนพัก และพวกเธอก็กลับไปทำงานที่ค้างไว้ของตนต่อให้เสร็จ…
...
สุพัทรานอนครุ่นคิดไปด้วยอาการของคนเหม่อลอย ในตอนนี้เธอไม่เหลือเค้าของคนที่เคยเข้มแข็ง ความเด็ดเดี่ยวของเธอได้อันตรธานหายไป คงเหลือไว้แต่เธอผู้ดูเงียบงัน
' นี่มันคงเป็นเวรกรรมของฉันแต่ชาติปางก่อนล่ะมั้ง.. ฉันอาจจะเคยไปแย่งของของผู้อื่นเขามา ตอนนี้เขาเลยตามมารังควานและทวงคืนและแถมฉันในตอนนี้ยังมี… ' เธอยังคิดนึกไม่ทันไร จู่ๆก็มี..
" ก๊อกๆ " เสียงเคาะประตูหน้าห้องของเธอ
สุพัทราตื่นจากภวัง เธอต้องตั้งสติแล้ว
" ใครคะ ? "
" ฉันเองจ่ะพี่ นิษาเองจ่ะ "
สุพัทราลุกขึ้นเดินมาเปิดประตูให้น้องสาวของเธอ นิษา ( สุนิษา ) คือน้องสาวแท้ๆของสุพัทรา นานๆทีเธอจะมาเยี่ยมหา
" อ่าว.. มายังไงนิษา "
" พอดีว่าหนูคิดถึงพี่น่ะ เลยแวะมาหา "
" ไม่ใช่ว่าเงินหมดหรอกรึ ? " สุพัทราแกล้งแหย่น้องของเธอเองเล่น
" เปล่าน่า.. แต่ถ้าพี่เมตตาให้.. ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะ " นิษาทำตาเล็กตาน้อยใส่พี่สาวของเธอ
" ไม่ต้องเลย.. อยู่นานไหม ? อีกเดี๋ยวพี่ต้องไปทำงานแล้วน่ะสิ "
" ฉันนอนที่นี่ได้ไหมพี่ ? "
" ได้สิ.. ดีเหมือนกัน จะได้อยู่เป็นเพื่อนกับทับทิมตอนที่พี่ไปทำงานเพราะกว่าพี่จะกลับ ก็สี่ทุ่มไปแล้ว "
" มีอะไรให้กินไหมพี่ "
" มีของในตู้เย็นน่ะ ลองหาดูเอา ไม่งั้นก็ไปซื้อที่ร้านค้าหน้าปากซอยนะ " พูดเสร็จสุพัทราก็วางเงินไว้ที่หลังตู้เย็น 200 บาท
" ตังอยู่นี่นะ พี่ไม่มีเวลาแล้ว อย่าลืมซื้อขนมมาฝากหลานด้วยล่ะ "
....
ทับทิมเลิกเรียนกลับมาถึงที่บ้านเห็นน้าสุนิษานั่งอยู่ในห้อง หนูน้อยก็ดีใจ เธอยกมือไหว้สวัสดีน้าสาวของเธอ
" สวัสดีค่ะน้านิษา หนูดีใจจังเลยที่น้ามาเนี้ย.. "
" แหม..! หลานสาวของน้าเนี้ย.. น่ารักจริงๆเลยนะ เข้าใจพูดซะด้วย "
" ก็.. หนูจะได้มีน้านิษาอยู่เป็นเพื่อนที่บ้านไงคะ ไม่งั้นหนูก็ต้องอยู่คนเดียว "
" อ่าว.. แล้วทุกๆครั้ง หนูไม่ได้ไปที่บ้านย่าเหรอทับทิม น้านึกว่าหนูไปอยู่ที่บ้านย่าของหนูเสียอีก "
" ไปค่ะ แต่หนูแค่ไปเล่นกับอาเล็ก แล้วพอมืดๆหนูก็มานอนรอแม่ที่ห้อง แต่ย่าชอบบอกว่าให้อยู่กับย่าค่ะ "
" ดีแล้วล่ะ.. อยู่กับย่าไม่ดีรึไง ? "
" ดีค่ะ.. แต่บางทีหนูก็อยากอยู่ที่ห้องรอแม่มาค่ะ "
" อยู่คนเดียวมันจะเหงานะ อยู่กับพี่ๆน้องๆจะได้มีเพื่อนเล่น "
" แต่หนูอยากดูการ์ตูนค่ะน้า ที่ห้องมีการ์ตูนเยอะแยะเลย แต่ย่าไม่มีค่ะ "
" อ๋อ.. อย่างนี้นี่เอง.. ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป แล้วมากินขนมกับน้ากัน "
ทับทิมทำตามที่น้าสาวของเธอบอกอย่างว่าง่าย…
...
สุพัทราได้ตกลงนัดให้อานนท์กับเรไรไปพบกันที่ข้างนอก โดยนัดเจอกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอย หลังจากที่สั่งก๋วยเตี๋ยวมากิน
" เธอบอกว่าแม่ของเธอรู้เรื่องแล้ว แสดงว่าตอนนี้เธอพักอยู่กับแม่ของเธอหรือ " สุพัทราเริ่มเรื่อง
" อ๋อ.. ไม่ใช่ค่ะ หนูพักอยู่กับเพื่อนๆที่ทำแดนส์เซอร์ด้วยกัน "
" เธอยังคงทำงานได้อยู่เหรอ ? เห็นบอกว่าแพ้มาก "
" ไม่ได้ค่ะ.. ตอนนี้.. เพื่อนๆก็เริ่มบ่นว่าหนูทำไมไม่คิดหาวิธีสักที " เรไรเริ่มพูดเสียงเบาลง
" แล้วแม่ของเธออยู่ที่ไหน ? "
" แม่ของหนูอยู่กับแฟนใหม่ของเค้าแต่หนูคงไปอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะหนูเกลียดแฟนใหม่ของแม่ และแม่ของหนูเค้าเป็นหมอนวดแผนโบราณแบบไปนวดตามบ้าน เงินก็เลยไม่ค่อยมากมายอะไรลำพังตัวแม่เองก็ลำบากแล้วค่ะ "
สุพัทรามองหน้าเรไรแบบรับรู้เรื่องราวของหล่อน
" เอาแบบนี้ก็แล้วกัน.. เดี๋ยวฉันจะพาเธอไปหาห้องเช่า แล้วให้เธออยู่ไปก่อนจนกว่าจะคลอดลูก เธอจะพาแม่ของเธอมาอยู่ด้วยก็ได้ หรือ… " สุพัทรามองหน้าอานนท์ ก่อนจะพูดอะไรต่อ..
" หรือจะให้อานนท์อยู่เป็นเพื่อนดีล่ะ "
ทั้งสองคนดูตกใจ และหันหน้ามองกัน ก่อนจะรีบตอบแบบคิดไม่ถึง
" พัทคิดอะไรถึงพูดแบบนั้น.. นนท์ก็บอกแล้วว่านนท์เลิกกับเรไรไปแล้วตั้งแต่วันนั้น "
" เอ่อ.. จริงค่ะพี่ พี่นนท์เค้าบอกเลิกกับหนูไปแล้วจริงๆค่ะ แต่พอหนูรู้ตัวว่าท้องหนูเลยมาบอกกับพี่เค้าจริงๆนะคะ " เรไรพูดกับสุพัทราด้วยหน้าตาที่น่าสงสาร หล่อนคงไม่มีที่พึ่งแล้วจริงๆ
" ฉันรู้แล้ว.. แต่เธอจะให้ลูกของเธอเกิดขึ้นมาได้ยังไง ? เคยคิดถึงอนาคตของเด็กที่จะเกิดมาไหม ? "
เรไรก้มหน้าไม่มีคำพูด
" แต่เธอต้องยอมรับความจริงให้ได้อยู่อย่างนึงนะ.. ว่าเธอในตอนนี้เป็นเมียน้อย!! ของสามีของฉัน ฉันจะยอมรับว่าเธอนั้นเป็นเมียของอานนท์อีกคนก็แล้วกัน และเธอคงไปทำงานที่เดิมของเธอนั้นไม่ได้หรอกใช่ไหม ? "
เรไรพยักหน้ายอมรับและเข้าใจ
" เพราะฉนั้น เธอก็ควรลาออกจากงานเก่าของเธอได้แล้ว และจะอยู่เฉยๆหรือหางานที่สามารถทำได้จนกว่าจะคลอดก็แล้วแต่เธอ.. แต่เรื่องบ้านเช่าฉันจะเป็นคนออกให้เอง "
" พัท.. นี่เธอ.. " อานนท์อึ้งในคำพูดของสุพัทราในขณะนี้มากๆ เพราะเขาไม่เคยคิดว่าภรรยาของเขาจะเอ่ยคำพูดแบบนี้มาช่วยแก้ปัญหาให้พวกเขาอย่างนี้
" แล้ว.. อานนท์ก็ด้วย เรื่องเงินเดือนของอานนท์ ฉันจะคืนให้อานนท์ครึ่งนึงนะในทุกๆเดือน อานนท์จะได้มีเงินติดตัวบ้าง แล้วจะเอาไปให้ใคร ? ฉันจะไม่พูดหรือว่าอะไรนนท์อีก เพราะมันเป็นสิทธิของนนท์และที่ฉันต้องเอามาครึ่งนึงนั้น.. มันก็คือสิทธิของฉันด้วยเพราะฉันก็เป็นเมียของเธอด้วยเหมือนกัน " สุพัทราพูดเป็นฉากๆกับอานนท์
นี่มันอะไรกันนี่ ? ใครไปทำอะไรกับเธอ..? สุพัทราเธอทำไมถึงเปลี่ยนไป ? นี่คือสิ่งที่อานนท์ครุ่นคิด แล้วทำไมถึงยอมรับเรไร ผู้หญิงคนนี้ให้เป็นเมียน้อยของเขา และยังให้ตัวเขาสามารถไปอยู่เป็นเพื่อนและยอมคืนเงินเดือนให้แก่เขาโดยแบ่งเงินของเขาไปเพียงครึ่ง หรือว่าเธอจะ…
" พัท.. อย่าบอกนะว่าพัทอยากจะเลิกกับนนท์ ไม่นะ.. นนท์ไม่ยอมเลิกกับพัทหรอกนะ "
" ใครพูดแบบนั้นกัน.. ฉันยังเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมายของนนท์อยู่นะ แต่ฉันยอมให้เพราะเห็นแก่เด็กที่อยู่ในท้องของเรไรจะได้มีพ่อ และอีกอย่างในตอนนี้เรไรก็ไม่มีที่พึ่ง แถมงานก็ไม่สามารถทำได้ " สุพัทรามองหน้าทั้งสองคน
" อันที่จริงแล้วมันเป็นความผิดของพวกเธอทั้งสองคน แต่ฉันจะละโทษเอาไว้ก่อน และถ้าเธอ.. เรไร ยอมเป็นเมียน้อยและอยู่ในความดูแลของฉันแล้ว ต่อไปเธอต้องเคารพและเชื่อฟังฉันด้วย เราจะต่างคนต่างอยู่ไม่ไปทำร้ายใจกัน เธอจะทำได้ไหมเรไร ? "
" ค่ะ.. พี่พัท หนูทำได้ค่ะ และหนูก็ขอขอบคุณพี่มากๆด้วยนะคะ พี่ใจดีจริงๆ " เรไรเธอยิ้มออกมาได้แล้ว สิ่งที่เธอไม่คาดคิด มันเป็นจริงได้ยังไง แต่สิ่งที่สุพัทราเสนอให้เธอมานั้น เธอไม่ได้เสียเปรียบเลยในตอนนี้ และอีกอย่างในใจลึกๆของเรไรยังคงอยากที่จะอยู่ใกล้ชิดกับอานนท์อีกครั้ง
" งั้นดีเลย เรามาทำข้อตกลงและเซ็นสัญญาเอาไว้ให้เป็นหลักฐานกันดีกว่า ฉันอยากมั่นใจว่าเธอจะไม่ผิดสัญญา "
การสนทนาในครั้งนี้จบลงด้วยดี ทั้งสามคนจึงออกเดินทางไปหาบ้านเช่า สุพัทรารู้จักคนเยอะอยู่ เธอเลยมีบ้านเช่าในดวงใจมาให้เลือกถึงสามที่ ซึ่งราคาก็ไม่ได้แพงจนเกินไปในสมัยนั้น เดือนละ 600 บาท จนถึง 1000 บาท แต่สุพัทราเลือกบ้านไม้เพราะราคาถูกกว่ามาก เรไรก็ดูพอใจในบ้านเช่าที่หล่อนไปดูมาพร้อมกับเธอ สุพัทราจ่ายเงินค่ามัดจำและค่าเช่าให้เรไรอยู่
" ทีนี้เธอก็ย้ายเข้ามาอยู่ได้เลยนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องบ้านพักแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆเธอคงต้องช่วยตัวเองนะ และไม่ต้องห่วงเรื่องค่าทำคลอดนะ ฉันจะช่วย.. " สุพัทราพูดกับเรไรด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
" ขอบคุณค่ะพี่ " เรไรยกมือไหว้ขอบคุณสุพัทรา
แล้วทั้งสามคนต่างก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน…
....
เรไรได้ขนข้าวของและเสื้อผ้าของเธอมาที่บ้านเช่าหลังใหม่ที่สุพัทราเป็นคนเช่าเอาไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว ดีว่าที่ข้าวของและเสื้อผ้าของเธอนั้นมันไม่ได้มากมายอะไร และตอนนี้เธออยู่กับแม่ของเธอ
" นี่.. บ้านนี้มันก็ดูกว้างดีนะ.. "
" ใช่!! แม่.. หนูว่ามันกว้างดี แต่มันอยู่ติดคลองไปหน่อย หนูว่ายุงคงจะเยอะแน่ๆ "
" แล้วแกมีมุ้งไหมล่ะ ? "
" ไม่มีน่ะสิ.. หนูไม่เคยนอนกางมุ้งเลยแม่ ตอนอยู่ที่ห้องเพื่อนมันติดมุ้งลวดน่ะ "
" แกก็ให้ผัวแกซื้อให้สิ บอกมันซื้อพัดลมมาด้วยนะ จะได้ไม่ร้อน "
" แต่หนูไม่รู้ว่าพี่นนท์จะซื้อให้รึเปล่าน่ะสิ กลัวเขาไม่มีเงิน "
" อะไร ? ของแค่เนี้ย.. ทำไมจะซื้อให้ไม่ได้ แหม.. ฉันไม่ได้ไปเรียกค่าตัวแกสักหน่อย ที่จริงฉันควรจะไปสิ!! ไหน? บ้านแม่ผัวของแกมันอยู่ที่ไหน ? ฉันจะไปเรียกค่าทำขวัญซะหน่อย หนอย… มาเต๊าะลูกสาวฉันฟรีๆได้ยังไง แกน่ะมันโง่!! จริงจริงเล้ยยย.. "
" แม่อย่าไปเลย.. ฉันตกลงกับพี่พัทแล้วว่า.. พวกเราจะต่างคนต่างอยู่ อย่าไปยุ่งกับเขาเลยนะแม่นะ "
" นั่นแหละ..!! งั้นแกก็ไปขอเงินอีนังเมียหลวงสิ!!.. มันมีตังไม่ใช่เหรอ ? "
" แม่!! พอได้แล้ว หนูอยากอยู่แบบนี้!! เดี๋ยวหนูไปขอพี่นนท์เอง แม่ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกเขาเลยนะ "
สองแม่ลูกต่างคนก็ต่างความคิด แม่ของเรไรคงอยากที่จะได้เงินค่าทำขวัญของลูกสาว.. แต่นั่นเป็นความคิดที่ดีหรือเปล่า ? เพราะว่าแม่สร้อยของเราคงจะไม่ยอมเป็นแน่.. หวังว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ…