...
ทับทิมเดินมาตามย่าสร้อยของเธอ
" ย่าจ๋า.. น้องออยตื่นแล้วจ่ะ "
สร้อยลุกขึ้นพร้อมอุ้มน้องโอมเพื่อที่จะกลับไปยังบ้านของหล่อน แต่ยังคงไม่วายครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้คุยกับสุพัทราไปในวันนี้
สร้อยมองหน้าหลานสาวตัวน้อยของเธอด้วยความรักและเอ็นดู พลางเอามือลูบหัวหนูน้อย
" อย่าลืมนะทับทิม ต่อไปนี้.. ถ้าหลานหิว.. มาหาย่านะ มากินข้าวกับย่านะเด็กดี "
" ค่ะย่า หนูจะไปกินกากหมูของย่านะคะ " หนูน้อยยิ้มละมุนนัยน์ตาหยีจนแทบจะปิดบังดวงตาน้อยๆของเธอ
สร้อยเดินเข้าบ้านไปด้วยใจที่เป็นกังวล..
...
ที่โรงเรียนชั้นประถมเอกชนแห่งหนึ่ง
ทับทิมเรียนหนังสือเป็นปรกติวิชาที่เธอชอบเป็นพิเศษคือ วิชาคณิตศาสตร์กับศิลปะ เธอมักจะชอบวาดรูปและระบายสีด้วยกันกับสายชลเพื่อนของเธอบ่อยๆมาก ในตอนพักกลางวันหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองคนจะชักชวนกันมาเล่นวาดรูประบายสีกันที่ใต้ต้นไม้ของโรงเรียนกันเป็นประจำ บางครั้งจะไปซื้อขนมมาแบ่งกันกินด้วยกันอยู่เสมอๆ ส่วนชัชพี่ชายของสายชลนั้นเป็นพี่ชายใจดี เขามักจะแวะมา และเอาน้ำหวานหรือชอคโกแลตมาฝากน้องๆของเขาด้วยอยู่เสมอ แต่เขาก็ยังคงไปเล่นกับเพื่อนๆของเขาตามปรกติ แค่แวะมาดูน้องของเขาเพราะว่าพ่อฝากฝังให้คอยดูแลน้องด้วย ถึงแม้ว่าน้องสายชลจะเป็นน้องคนละแม่กับเขาก็ตาม
ชัช ( ชัชวาล ) อายุ 11 ปี ตอนนี้เขาเรียนอยู่ชั้น ป. 5 แล้ว เขาพยายามอย่างหนักที่จะทำตัวเป็นลูกที่ดีของพ่อ และเพื่อให้พ่อรักและเชื่อใจในตัวของเขาอย่างมากที่สุด เนื่องจากครอบครัวของเขาในตอนนี้มีเพียงพ่อคนเดียวเท่านั้นที่เขาคิดว่าเป็นที่พึ่งของเขา ส่วนน้องสาว ( สายชล ) กับแม่ของเธอนั้น ยังคงเป็นแค่เปลือก.. เปลือกที่ห่อหุ้มตัวพ่อของเขาเอาไว้ มันทั้งเกะกะและรกหูรกตา แต่ตัวของชัชก็ไม่ได้เกลียดน้องสาวหรือแม่เลี้ยงของเขาแต่อย่างใด แต่ภายในใจส่วนลึกของเขานั้นยังคงคิดถึงวัยเด็กที่แทบจะจำไม่ได้ กับแม่ของเขาที่หน้าตาเลือนลางจางลงไปในทุกที..
ส่วนแม่ของสายชล เธอเป็นคนดีมาก ( จนทำให้ไม่กล้าเรียกว่าแม่เลี้ยงเลย ) หล่อนรู้ตัวว่าตนเองนั้นมาทีหลัง หล่อนรักชัช เสมือนชัชเป็นลูกแท้ๆของหล่อนไปเลยจริงๆ
พ่อของชัชเลิกกับแม่ของชัชตอนที่ชัชอายุได้เพียง 3 ขวบ และพ่อของชัชนั้นรักชัชมากจริงๆ พ่อของเขาอยู่เป็นโสดนานได้ถึง 1 ปีเศษๆ แม่ของเขา ( ย่าของชัช ) ก็ได้เสียไป จึงทำให้เขาต้องทำงานและเลี้ยงดูชัชไปด้วย ซึ่งมันก็ทำให้เขาลำบากมากแต่ก็พอดีได้แม่ของสายชลมาช่วยดูแลชัชในตอนนั้น
แม่ของสายชลรู้จักกับพ่อของชัชมานานแล้ว เธอแอบชื่นชมและแอบรักเขามาข้างเดียวนานแล้วตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือที่มหาลัย แต่พ่อของชัชในตอนนั้นกลับไปชอบแม่ของชัชที่สวยกว่าดูพราวเสน่ห์ และเธอยังเป็นนักร้องที่เสียงไพเราะจนทำให้เขารู้สึกหลงใหล จนเกิดพลาดพลั้งไปด้วยในวัยที่ยังไร้เดียงสา พวกเขาทั้งสองคนยังไม่รู้จักกันดีพอ แต่กลับมาใช้ชีวิตคู่จึงทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำและผิดพลาด ต่างคนต่างเอาแต่ใจอยากเอาชนะอีกฝ่าย และไม่มีใครยอมใครจนกระทั่งถึงคราวแตกหัก ทั้งสองก็ได้แยกทางกัน
ที่จริงแล้ว ชัช นั้นมีพี่ชายแท้ๆอยู่หนึ่งคน แต่ด้วยความที่เขาในตอนนั้นยังเป็นเด็กเล็กมากเลยจำความไม่ค่อยได้จำได้แต่ไม่ปะติดปะต่อ และคงเป็นเพียงความทรงจำในจิตใต้สำนึกแต่เพียงแค่นั้น กับรูปภาพเก่าๆที่สีมันซีดและดูจืดจางที่ตัวของเขานั้นคงเก็บรักษาเอาไว้ดูต่างหน้า ทั้งที่ในใจคงคิดไปเสมอๆว่า
' แม่ทำไมไม่มาหาเราบ้างเลย.. หรือแม่จะลืมเราไปแล้ว '
และในบางครั้งก็จะโกรธแค้นคิดว่าเป็นเพราะพี่ชายของเขาที่แม่เอาไปเลี้ยงคนเดียวด้วย เขาคิดว่าแม่ไม่ได้รักเขาแต่รักพี่ชายของตนเองมากกว่า และแม่ทิ้งเขาเอาไว้ไม่เคยกลับมาหาเขาอีกเลย…
เมื่อพ่อของชัชเจอกับแม่ของสายชลบ่อยขึ้น.. บ่อยขึ้น.. และเธอก็อาสามาช่วยเลี้ยงลูกชายให้กับเขาด้วย ในตอนเด็กๆชัชจะติดเธอมาก เพราะเธอเป็นคนเดียวที่เลี้ยงชัชมาตั้งแต่แม่ของชัชเลิกกับพ่อของชัชไป พ่อของชัชจ้างให้เธอช่วยเลี้ยงชัชในตอนแรกๆ เพราะแม่ของเขา ( ย่าของชัช ) เลี้ยงแต่พี่ชายของชัชแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งมันก็น่าแปลกว่าทำไมคนบ้านนี้ ? จึงเลือกที่จะรักแค่.. ลูกชายหรือหลานชายเพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้น!! ( ย่ารักแค่หลานคนโตเท่านั้นส่วนพ่อรักแค่ลูกคนเล็กเท่านั้น!! )
พ่อของชัชชื่อ โชคชัย หรือ ตี๋ ส่วนแม่ของสายชลชื่อ ล้อมเดือน หรือ เดือน
ตี๋ เป็นลูกคนเดียวของแม่ของเขา ฐานะทางบ้านก็ดูดีพอสมควร เขามีกิจการและทำธุระกิจส่วนตัว แถมมีตึกและอาคารพาณิชย์ให้เช่า และพอแม่ของตี๋ได้จากไป ทรัพย์สินทั้งหมดก็ตกเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งในตอนนี้กิจการของเขาได้เติบโตไปไกลและตัวของเขาต้องดูแลอย่างแทบจะไม่มีเวลาให้กับที่บ้าน แต่เขายังโชคดีที่ได้แต่งงานกับเดือน
เดือนช่วยดูแลชัช และทำหน้าที่แม่เลี้ยงได้อย่างเหมาะสม เธอไม่เคยบังคับชัชให้เรียกเธอว่าแม่เลยสักครั้ง แถมยังแอบเอารูปภาพของแม่แท้ๆของชัชที่ถ่ายไว้ตั้งแต่นานแล้ว เอามาให้ชัชเก็บไว้ดูต่างหน้าแม่ของเขา ในรูปใบนั้นเก่าและซีดจางลงไปเยอะแล้ว มันคือรูปถ่ายที่มีแม่ของชัชกำลังอุ้มชัชและจูงมือพี่ชายของชัชอยู่ด้วย โดยพ่อของชัช ( ตี๋ ) เป็นคนถ่ายไว้
ชัชจึงเข้าใจมาโดยตลอดว่าแม่ของเขาทิ้งเขาไปแต่เพียงคนเดียว และแม่ไม่ได้รักเขามากเหมือนอย่างกับที่แม่รักพี่ชายของเขา เขาไม่เคยได้เห็นหน้าแม่ของเขาเลย จากความคิดของเขาแต่เพียงผู้เดียว โดยที่เขานั้นไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมแม่ของเขาถึงทิ้งเขาไป เพราะพ่อไม่เคยได้บอกอะไรกับเขาเลยสักครั้ง...
...
หลังจากที่สุพัทราได้ไปแจ้งแก่เจ้านายของอานนท์ ( เจ้าของโรงงานนั่นแหละ.. ) ว่าขอให้จ่ายเงินเดือนทั้งหมดของอานนท์ที่มีนั้นให้แก่เธอผู้เป็นภรรยาของอานนท์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเธอให้เหตุผลกับทางเจ้านายไปว่า
' เนื่องด้วยอานนท์ไม่ยอมกลับมาบ้านเพื่อดูแลครอบครัว และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกของตัวเธอเพราะเธอนั้นจำเป็นต้องใช้เงินในการดูแลลูกสาวและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จึงขอรับเงินเดือนทั้งหมดของสามีมาด้วยการนี้ ขอความเมตตาจากท่านเจ้าของโรงงานด้วยค่ะ '
เจ้าของโรงงานจึงอนุญาติอย่างไม่มีข้อสงสัยใดใด อีกทั้งเธอทำงานดีและยังเคยได้ตำแหน่งพนักงานดีเด่นประจำโรงงานของเขาด้วย และประวัติของเธอดีมากไม่เคยหยุดงานเลย ขยัน และทำงานดีมาตั้งแต่สมัยตั้งโรงงานใหม่ๆ แถมพนักงานหลายๆคนเธอก็เป็นคนฝากฝังให้ทำงานด้วย ( รวมถึงอานนท์สามีของเธอด้วย ) เจ้าของโรงงานจึงอนุญาติให้เป็นไปตามที่เธอต้องการอย่างง่ายดาย
เธอรับเงินเดือนของสามีของเธอมาแล้วถึง 3 เดือน
ในวันนี้เป็นวันอังคารซึ่งเป็นวันธรรมดาเด็กๆจึงไปโรงเรียนกันหมด แต่วันนี้สุพัทราทำงานเข้ากะในตอนบ่ายและจะเลิกงานตอนสี่ทุ่ม และตอนนี้ก็เพิ่งจะ 9 โมงเช้าเอง เธอก็เลยทำงานบ้านซักผ้าอะไรของเธอไป
" ยังไม่ได้ไปทำงานเหรอ ดีเลย.. "
สุพัทราหันไปตามเสียงที่พูดอยู่ เขา.. อานนท์นั่นเอง
" พัท.. นนท์มีเรื่องจะคุยกับพัทหน่อย.. ได้โปรดคุยกับนนท์ก่อนนะ "
สุพัทราเดินเข้าบ้านอย่างเงียบๆ ส่วนในใจของเธอนั้นเต้นเสียงดังโครมครามจนอกแทบจะระเบิด อานนท์ก็เดินตามเธอเข้ามาในบ้าน
" มีอะไรจะพูด ก็พูดมา " เธอลดตัวลงนั่งที่โซฟาตัวน้อย ด้วยอาการสงบนิ่งแต่สายตายังคงเคลือบแคลงและสงสัย
" นนท์รู้.. ว่าพัทโกธรเกลียดนนท์ในตอนนี้.. นนท์ไม่ได้ตั้งใจ ให้เกิดเรื่องในวันนั้นเลยนะ "
" ไม่ได้ตั้งใจ ? แต่.. ตั้งใจงั้นรึ!? " เธอถลึงตาใส่อานนท์ด้วยความโกธร
" ไม่ใช่แบบนั้น.. นนท์ขอโทษ.. นนท์สำนึกผิดแล้ว ยกโทษให้นนท์เถอะนะพัท " อานนท์ใช้สองมือของเขาประคองมือของสุพัทราไว้ เขากุมมือของเธอเพื่อหวังความเห็นใจและเพื่อให้สุพัทราใจอ่อน
" แล้วนนท์จะเอายังต่อไปเรื่องผู้หญิงคนนั้น " สุพัทราเริ่มจะใจอ่อนตามคำพูดของอานนท์
" เอ่อ.. ก็เรื่องนี้นี่แหละ.. ที่นนท์อยากจะบอก คือว่า.. " อานนท์เริ่มพูดติดๆขัดๆ
" ในตอนแรก นนท์แค่ลองเล่นๆ ไม่ได้คิดจริงจังอะไรเลยนะพัท เพราะนนท์เหงาน่ะ.. แต่.. ตอนนี้.. "
" แต่อะไรกัน ? " สุพัทราเริ่มมีอารมณ์ขุ่นมัวเพิ่มมากขึ้น
" เอ่อ.. พัท.. นนท์ขอเงินติดตัวบ้างได้ไหม ? นนท์ไม่มีเงินเลย เพราะพัทเบิกเงินเดือนของนนท์ไปหมดเลย "
" อ๋อ.. ต้องการเงินเลยกลับมาบ้านถูก อย่างงั้นสิ!! " สุพัทราเริ่มเสียงดังขึ้น
" ไม่ใช่แบบนั้นจ่ะพัท พัทฟังนนท์ก่อนนะ "
" ก็นนท์อยากได้เงินไง ! ถึงกลับบ้านมาหาพัทได้ แต่พัทไม่ให้หรอกนะ เงินน่ะ!! เพราะนนท์จะเอาเงินที่พัทสมควรจะได้ไปให้คนอื่น พัทไม่ยอม!! "
" แต่นนท์จำเป็นต้องใช้จริงๆนะ อยากให้พัทเข้าใจ "
" เข้าใจ ? ให้เข้าใจว่าอะไร ? ในเมื่อนนท์อยู่ที่นั่นข้าวก็ไม่ต้องซื้อกินเอง มีที่พักฟรี น้ำไฟก็ฟรี แถมยังเอาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มานอนด้วยอีก ลืมลูกกับเมียที่บ้านไปแล้วหรือ ? "
" นนท์เห็นแก่พัทและทับทิมไง ถึงได้เลิกกับเธอคนนั้นไปแล้ว และปล่อยให้พัทรับเงินเดือนไปทั้งหมดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่นนท์ยังคงคิดว่าพัทอาจจะโกธรและเกลียดนนท์อยู่ นนท์ยังเลยไม่กล้ากลับมาที่บ้านเพราะกลัวว่าพัทจะยังทำใจไม่ได้ แต่.. มันมีเหตุผลน่ะ พัทช่วยฟังเหตุผลของนนท์หน่อยนะ "
" เหตุผลอะไรกัน ? "
" เธอคนนั้น ท้อง "
" ห๊า!! อะไรนะ ? ท้อง!? "
" ใช่.. เธอ.. ท้องกับนนท์ "
" ไหนบอกว่าเลิกกันไปแล้วไง ? "
" ใช่!! นนท์เลิกกับเธอคนนั้นจริงๆตั้งแต่วันที่พัทมากับลูกทับทิมวันนั้น.. แต่นนท์ไม่กล้ากลับมาที่บ้าน "
" มันใช่เรื่องมั้ย.. แล้วนนท์ก็เชื่อเหรอ.. ว่าเธอคนนั้นท้องกับนนท์ ? "
" แต่.. เธอคนนั้นคงไม่ได้โกหกนนท์หรอก พัทก็รู้.. นนท์ไม่ได้เป็นคนมั่งมีเสียหน่อย เป็นแค่ยามเฝ้าบ้านให้เจ้านาย และกินเงินเดือน "
" จะให้เชื่อได้ยังไง แล้วมันเกี่ยวกันตรงไหนที่นนท์จะมาขอเงินกับพัท ? "
" ก็.. เรื่องนี้ไง.. ที่เธอคนนั้นมาบอกกับนนท์ว่าท้อง… "
" อะไรนะ!! นี่นนท์.. แค่นี้ยังเลวไม่พออีกเหรอ ? ถึงจะโกธรจะเกลียดแค่ไหน.. พัทก็ไม่ใช่คนใจไม้ใส้ระกำ พัทคงให้เงินแก่นนท์เพื่อเอาไปให้ผู้หญิงคนนั้นทำแท้งไม่ได้หรอก นนท์ทำไมถึงได้เป็นคนเลวร้ายแบบนี้ "
" ไม่ใช่นะพัท.. โอ้ยย.. เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ไม่ใช่แบบนั้น "
" ไม่ใช่แบบนั้นน่ะ มันแบบไหนกัน นนท์พูดอะไรให้พัทเข้าใจหน่อยสิ "
" ที่นนท์ขอเงินน่ะ จะขอแค่เงินที่นนท์ทำงานไม่ใช่เงินของพัท นนท์อยากจะรับผิดชอบช่วยเธอคนนั้นเรื่องเด็กในท้อง เพราะถึงยังไง นนท์ก็เป็นพ่อของเด็กในท้องอย่างน้อยก็ต้องมีค่าทำคลอดที่โรงพยาบาลมั่งแหละ.. นะพัท "
สุพัทราเงียบไปชั่วขณะ แล้วนี่เธอจะทำยังไงกันดีนะ ?
' ผู้หญิงคนนั้นมาหลอกอานนท์หรือเปล่า ? แต่อานนท์ก็ไม่ได้มีเงินมีทองหรือร่ำรวยมาจากไหนเลยจริงๆนี่นา หน้าตาก็ธรรมดามากๆไม่ได้หล่อขั้นเทพกับเค้าเสียหน่อย หรือหล่อนจะท้องกับอานนท์ของเธอจริงๆ และถ้าเป็นเรื่องจริง เด็กที่อยู่ในท้องนั่นก็ไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย และเธอคนนั้นก็ต้องท้องไม่มีพ่อ แล้วฉันจะเอายังไงกับพวกเขากันดีเนี่ย ? '
" นนท์พาผู้หญิงคนนั้นมาหาพัทหน่อยสิ "
" ให้พามาทำไมกันล่ะพัท ? "
" พัทอยากคุยอะไรกับเธอคนนั้นหน่อยน่ะ " สุพัทราพูดพร้อมกับคิดคำนึงถึงสิ่งที่เธอกำลังจะค้นหาความจริง
" เอ่อ .. ไว้นนท์จะนัดเจอให้นะ เอาวันที่พัทว่างๆดีไหม ? "
" วันพรุ่งนี้ได้ไหม ? พัทไม่อยากให้ทับทิมเห็น นนท์พามาเวลานี้ล่ะนะ " สุพัทราบอกกับนนท์ด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
" ได้สิ!! นนท์จะไปบอกเธอคนนั้นตามที่พัทบอกเลยนะ " อานนท์ดูหน้าตาสดชื่นขึ้นอาจเป็นเพราะว่าสิ่งที่เขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้คลี่คลายลงแล้ว และสุพัทราไม่ได้ทำหน้าตาบึ้งตึงใส่เขาแล้วนั่นเอง
อะไรกันสุพัทราหายโกธรอานนท์ไปแล้วยังงั้นหรือ ? หรือว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่ ? แล้วนายอานนท์ทำไมถึงต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษรับด้วยว่าเด็กในท้องนั้นคือลูกของเขากันด้วย ?
...
วันต่อมา เวลา 9 โมงเช้าตามที่สุพัทราได้นัดกับอานนท์ไว้เมื่อวานนี้ เขาได้มาพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น
สุพัทรามองผู้หญิงคนนั้นชัดๆ ก็คงเห็นว่าเธอ หน้าตาก็พอประมาณไม่ได้สวยมากแต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไร แต่ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้ อายุอานามก็น่าจะ 20 กว่าๆเห็นจะได้ เธอมีรูปร่างค่อนข้างจะตัวเล็กไม่ค่อยสูงแต่แต่งหน้าแบบจัดเต็ม แต่สุพัทราก็ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลยสักนิด
ผู้หญิงคนนั้นยกมือไหว้สุพัทรา และแนะนำตัวเองว่า หล่อนชื่อ เรไร อายุ 25 ปี เธอทำงานเป็นแดนซ์เซอร์ที่วงดนตรี และตอนนี้กำลังลำบากเพราะว่าท้องเลยทำงานไม่ได้ เธอแพ้ท้องหนักมาก และท้องโตขึ้นจนทำให้เธอดูเหมือนคนอ้วนและใส่ชุดแดนซ์เซอร์ลำบากขึ้น เธอขอโทษสุพัทราและเรียกสุพัทราว่าพี่ๆโดยตลอด สุพัทราพยายามมองและถามคำถามที่เธออยากจะรู้จากปากของผู้หญิงคนนั้น
" พวกเธอจะเอายังไงกับลูกของเธอกันแน่ "
เรไรอึกอักที่จะตอบคำถามของสุพัทรา แต่ด้วยที่หน้าของสุพัทรานั้น นิ่งและไม่ยิ้มเลยสักนิดจึงทำให้เรไรจึงจำเป็นต้องตอบคำถามนั้น
" พี่คะ.. หนูไม่อยากฆ่าลูกของหนูค่ะพี่.. หนูจะยอมทำตามที่พี่บอกทุกอย่างค่ะ ตอนนี้แม่ของหนูก็รู้แล้วด้วย "
" แล้วยังไง..? แม่ของเธอรู้ว่าอะไรกันแน่.. รู้แค่ว่าเธอท้อง!! หรือรู้ว่าเธอเป็นชู้กับผัวชาวบ้าน.. "
เรไรยังไม่ทันจะได้ตอบคำถามอะไร เสียงประตูก็ได้เปิดออกมา….