...
ครบกำหนดสองวันตามที่ยายได้ตกลงไว้กับอ้อย อ้อยก็ได้มาฟังคำตอบจากยายตามที่ได้สัญญาเอาไว้ ยายก็ได้บอกว่าให้อ้อยมาอยู่ด้วยกันไปก่อนก่อนที่อ้อยจะคลอดลูก จะได้มีคนคอยดูแลและช่วยกัน ยายให้อ้อยทำงานบ้านง่ายๆและให้นอนข้างล่างตรงกลางบ้าน
ส่วนอ้อยในตอนนี้ไม่พูดว่าอะไรแต่หล่อนยอมตกลงที่จะมาอยู่ด้วย หล่อนก็มีเหตุผลของหล่อน
" ดีเหมือนกันค่ะ.. พอดีหนูจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าห้องของเดือนนี้แล้วหนูจะย้ายมาเลยนะคะ เพราะงานร้องเพลงของหนู หนูคงทำไม่ไหวแล้วล่ะค่ะ หนูใส่ชุดอะไรไม่ได้เลยตอนนี้ มันติดท้องติดพุงไปหมดแล้วค่ะ "
" ก็แล้วแต่เธอเลยแล้วกัน แต่ที่บ้านนี้เขาอยู่ด้วยกันอย่างพี่น้องนะ มีอะไรก็ค่อยๆพูดจากันนะอย่าหาเรื่องมาทะเลาะกันล่ะ " ยายพยายามบอกอ้อยเพราะกลัวเธอจะสร้างปัญหาให้ที่บ้าน
" ค่ะแม่ หนูก็ไม่ชอบหาเรื่องกับใครหรอกค่ะ " เธอยิ้มอย่างมีเลศนัย
...
ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมหน้าร้อน โชจึงต้องอยู่บ้านเพราะโรงเรียนยังไม่ได้เปิด และช่วงนี้ลุงพุธก็ยังว่างงานจึงทำให้ลุงพุธก็ต้องอยู่บ้านด้วยเหมือนกัน พออ้อยมาอยู่ที่บ้านของยายได้ไม่กี่วัน ลุงก็ดูมีความสุขจนออกนอกหน้า จากที่เคยไปช่วยเฝ้าร้านค้าขายของชำของป้าเพ็ญ ลุงก็ไม่ยอมออกไปแต่นอนเฝ้าบ้านแทนเสียเฉยเลย และอีกอย่างอ้อยเธอเป็นคนช่างพูดช่างคุยฉอเลาะปากหวานและพูดเป็น ซ้ำยังเอาอกเอาใจลุงพุธได้เก่งมาก จึงทำให้ถูกใจลุงพุธเสียเหลือเกิน
ส่วนป้าเพ็ญนั้นเธอก็ทนเห็นภาพบาดตาแทบจะไม่ไหว เธอก็ได้แต่หนีไปที่ร้านขายของแบบคนไร้ทางสู้ อีกทั้งลุงพุธก็ยังไม่มาสนใจป้าเพ็ญอีกเลยด้วยซ้ำ และยายก็รู้สึกสงสารป้าเพ็ญด้วยเหมือนกัน แต่ทางอ้อยเธอก็ไม่ได้ทำอะไรผิดแค่เธอทำตัวดีเกินไปกับลุงพุธแค่นั้นเอง หรือจะมองว่าเค้ารักกันดีก็ได้ แต่เค้าในที่นี้มีแค่อ้อยกับลุงพุธเท่านั้น
ผ่านไปได้แค่สองสามวัน ป้าเพ็ญก็เลยขอตัวไปนอนที่ร้านค้ามันเสียเลย ไม่ใช่ว่าป้าเพ็ญจะประชดประชันหรอกนะ แต่เธอทนเห็นและทนฟังเสียงที่เขาพูดคุยกันไม่ไหวนั่นเอง และยายก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับป้าเพ็ญ ว่าลุงพุธนั้นลำเอียงรักอ้อยมากกว่าป้าเพ็ญ
ด้วยที่ว่าอ้อยนั้นยังสาวกว่าและดูสวยกว่า ถึงเธอจะท้องเธอก็ยังแต่งตัวไม่ได้ดูโทรมเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันป้าเพ็ญทำแต่งานไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องอะไร อายุอานามก็ 46 ปีไปแล้ว แถมคำพูดของเธอก็คุยไม่ค่อยเก่งเท่ากับอ้อย ลุงพุธในตอนนี้ก็เลยดูมีความสุขเสียเหลือเกิน ยายมองดูยังรู้สึกว่าน่ารังเกียจในตัวของลูกชายของนางเลย
ยายคิดว่าลุงพุธนี้ทำตัวเหมือนวัวแก่กินหญ้าอ่อน เหมือนพวกเฒ่าหัวงูทั้งหลายทั้งที่ลุงพุธอายุ 36 ปี และอ้อยก็อายุ 28 ปี
และอ้อยก็ยังพยายามทำตัวดีกับยายและทุกคนภายในบ้านนี้ด้วย จึงไม่มีข้อหาไหนไปกล่าวหาและว่าอ้อยได้
จะมีก็แต่เรื่องที่มันบาดตาบาดใจป้าเพ็ญนี้แหละ และลุงพุธก็ไม่สนใจอะไรเลย ป้าเพ็ญคงนึกน้อยใจเลยขอตัวไปนอนเฝ้าที่ร้านค้าไม่ยอมกลับมานอนที่บ้าน และโชก็ไปช่วยป้าเพ็ญขายของที่ร้านแทนลุงพุธที่ไม่ยอมไป
แต่.. แทนที่ลุงพุธจะรู้สึกและสำนึกเสียบ้างว่าตัวเองทำอะไรลงไปนั้น ก็เปล่าเลย.. ลุงพุธยังคงทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนและยังชักชวนอ้อยให้ขึ้นไปอยู่ในห้องข้างบนแทนป้าเพ็ญเสียอีก!?
แถมพวกบรรดาชาวบ้านทั้งหลายทั้งที่เป็นลูกค้าและไม่ใช่ลูกค้า เห็นครอบครัวของลุงพุธอยู่กันอย่างมีเมียน้อยและมีเมียหลวงที่อยู่ร่วมกันในแบบนี้ ก็ยิ่งอยากรู้อยากเผือก เรื่องของเขาด้วยกันทั้งนั้น
พวกป้าๆมหาภัยทั้งหลายก็เลยเข้าๆออกๆร้านค้าของป้าเพ็ญกันเป็นว่าเล่น จนในที่สุด.. ความอดทนของป้าเพ็ญก็มาถึงจุดสิ้นสุด..
ผ่านมาได้แค่เดือนเศษๆ ป้าเพ็ญก็ขอแยกทางกับลุงพุธไปเองโดยที่เธอเป็นคนตัดสินใจเองทั้งหมด ( ดีแล้วที่ตัดสินใจแบบนี้ ) เพราะว่าอันที่จริงแล้ว ป้าเพ็ญอยู่กับลุงพุธด้วยความรักที่มี แต่ป้าเพ็ญกลายเป็นรักแต่ลุงพุธฝ่ายเดียวเท่านั้น ในตอนนี้ลุงพุธไม่เห็นค่าของป้าเพ็ญแม้แต่นิดเดียว.. ลุงพุธสิ้นเยื่อขาดใยในตัวของป้าเพ็ญ จนทำให้ป้าเพ็ญรู้ซึ้งและเข้าใจว่า อยู่ด้วยกันต่อไปมีแต่ตัวของป้าเพ็ญคนเดียวเท่านั้นที่จะต้องเสียใจและเศร้าอยู่คนเดียว อีกอย่างป้าเพ็ญแกไม่มีลูกกับลุงพุธจึงไม่มีห่วงอะไรแบบนั้น และแกก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกด้วย ป้าเพ็ญแกคิดได้ดั่งนั้นเป็นการดีเสียอีก เพราะถ้าขืนอยู่ด้วยกันแบบนี้ต่อไปก็ยิ่งแย่ เพราะป้าเพ็ญจะกลายเป็นหมาหัวเน่าในทันทีที่อ้อยคลอดลูกออกมา..
ป้าเพ็ญแกคิดไว้อย่างนั้น แกก็เลยขอแยกทางกับลุงพุธอย่างดีดี.. และหย่ากันแบบเงียบๆ โดยที่ยายก็รับรู้และเข้าใจในตัวของป้าเพ็ญ ป้าเพ็ญคงอยากจะพ้นจากห่วงและวงจรอุบาทว์นี้ ในที่สุด.. ป้าเพ็ญก็ได้เลิกลากับลุงพุธไปตามอดีตที่โชเคยผ่านมา แต่ผิดตรงที่ ป้าเพ็ญในครั้งนี้เป็นฝ่ายบอกเลิกกับลุงพุธเองและตัวของป้าเพ็ญไม่ได้พิการตาบอดแต่อย่างใด
มันจึงทำให้โชได้รู้ว่า ถึงจะเปลี่ยนอดีตไปบ้างแต่บุคคลยังคงเดิม และเหตุการณ์ก็คล้ายเดิมอาจจะแปรผันเล็กน้อยแต่ก็เป็นไปในทางที่ดีจากเดิมขึ้น.. ที่จริงโชเขาก็อยากให้ป้าเพ็ญเลิกกับลุงพุธของเขานะ เพราะว่าโชเขารู้ว่าลุงพุธของเขาเป็นคนไม่ดี เพราะฉนั้นคนไม่ดีก็ต้องเจอกับคนไม่ดีเหมือนๆกันถึงจะสาสม..
ป้าเพ็ญออกจากบ้านไปและยกร้านค้าให้กับลุงพุธไว้ขายของ ซึ่งป้าเพ็ญก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไรเลยด้วยซ้ำ เธอกลับไปรักษาแผลใจของเธอที่บ้านเก่าของเธอด้วยรูปร่างและหน้าตาที่ยังอยู่ครบองค์ประกอบแต่ขาดแค่พลังใจในตอนนี้
เวลาเท่านั้นที่จะช่วยพยุงและรักษาจิตใจของเธอไว้ให้หายดี อีกเพียงไม่นาน..
....
ณ ที่บ้านเช่าของเรไร
หลังจากที่อานนท์ได้พาเรไรไปซื้อของใช้จำเป็นเพื่อนำมาเข้าที่บ้านเช่าของเรไร อานนท์ช่วยเรไรถือของเพราะกลัวว่าเธอจะหนัก เขายังคงทำตัวน่ารักในสายตาของเรไร เมื่อถึงที่บ้านเรไรชวนให้อานนท์เข้ามานั่งพักก่อน
" พี่นนท์คะ มานั่งพักก่อนค่ะพี่ "
" อืม.. หิวอะไรไหม ? " อานนท์วางถุงของและสัมภาระที่พื้นกลางห้อง
" เมื่อกี๊กินข้าวกับพี่นนท์ไปแล้วนี่ หนูยังไม่หิวอะไรหรอก "
" เหรอ.. นึกว่าจะหิวบ่อย พี่เห็นว่าท้องอยู่ งั้นก็ดีแล้ว.. แต่อย่าอดอาหารนะ "
" ค่ะพี่นนท์ เอ่อ.. แล้วพี่นนท์จะมาอยู่เป็นเพื่อนหนูรึเปล่าคะพี่ ? "
" อ่าว.. ทำไมล่ะ ? แล้วแม่ของเรไรล่ะ "
" แม่ของหนูเขาไม่มาอยู่กับหนูหรอกค่ะ ถ้าหนูไม่มีเงินจ้างเขา แม่เขาก็ไม่มา "
อานนท์จ้องและมองเรไร เขาพยายามนึกว่าเหตุใด ? ทำไมเรไรถึงพูดแบบนั้น และเขาก็ค่อยๆเข้าใจในตัวของเรไรมากขึ้น
" เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยววันนี้พี่จะอยู่เป็นเพื่อนกับเธอไปก่อน แล้วพรุ่งนี้พี่จะไปทำงานอาจจะไม่ได้เข้ามานะ พี่อาจจะเข้ามาแค่อาทิตย์ละสองวัน เธอจะอยู่ได้ไหม ? "
" ได้ค่ะพี่.. หนูดีใจจังเลยที่วันนี้พี่อยู่เป็นเพื่อนหนู " เรไรหน้าชื่นตาบานยิ้มกว้างอย่างเปิดเผย และคิดว่าวันนี้คงจะมีอะไรดีๆอีกอย่างแน่นอน
' ดีจริงๆ อย่างน้อยเขาก็ยังดีกับเรานะ วันนี้เราจะทำให้พี่อานนท์ ยอมนอนกับเราให้ได้เลย คอยดูสิ อิ.. อิ.. '
เรไรและอานนท์ช่วยกันจัดเรียงข้าวของที่ทั้งคู่ซื้อมาเก็บเข้าที่ ซึ่งมันก็ไม่ได้มากมายอะไร เพราะห้องของเรไรไม่ได้มีชั้นวางของหรือโต๊ะและตู้อะไรสักอย่าง ในตอนนี้มีแค่ที่นอนและมุ้งกับพัดลมตัวเล็กๆ ( ที่อานนท์ให้เงินไปซื้อมา ) และของใช้เล็กๆน้อยๆที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเพียงเท่านั้น
" พี่ซื้อหนังสือการ์ตูนขายหัวเราะกับมหาสนุกมาให้เธอเอาไว้อ่านด้วยนะ เผื่อจะเบื่อเวลาที่อยู่คนเดียว "
" ขอบคุณค่ะพี่ ดีเลยหนูชอบอ่านอยู่พอดี "
ทั้งคู่อยู่คุยกันไป.. เป็นเพื่อนกัน.. จนเวลาผ่านไป.. ความใกล้ชิดและความเคยมีอะไรคุ้นเคยกันจึงทำให้อานนท์ได้ตกลงปลงใจและได้ร่วมหลับนอนกับเรไรไปอีกครา.. ทั้งคู่จึงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เช้าวันใหม่.. อานนท์ตื่นขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะไปเข้างาน เรไรเดินไปซื้อโอวัลติลกับปาท่องโก๋และกาแฟมาเผื่ออานนท์ด้วย เขาทั้งคู่ดูเหมือนคู่แต่งงานใหม่ มีความสุขกันมากเหลือเกิน
" พี่นนท์คะ กินกาแฟกับปาท่องโก๋ก่อนไปทำงานสิพี่ "
" อืม.. ก็ดีเหมือนกันนะ ขอบใจมากเรไร "
ทั้งคู่นั่งกินอาหารเช้ากันแบบง่ายๆ และมีความสุขโดยที่ไม่รู้เลยว่า.. ที่บ้านของแม่สร้อยเมื่อวานนี้เกิดเรื่องอะไรกันขึ้น แม่ของเรไรไปทำเรื่องทำราวให้แม่สร้อยและพ่อวัลลพต้องปวดหัวกันขนาดไหน ส่วนสุพัทราเธอก็ยังไม่รู้ว่าสามีของเธอกลับมาคืนดีกับเรไรไปเสียแล้ว..
...
สุพัทราในวันนี้เธอยังคงเตรียมตัวเพื่อไปทำงานที่โรงงานเหมือนเดิมเป็นปรกติ เรื่องอาการป่วยของเธอนั้นยังไม่มีใครรู้เลยสักคน แม้กระทั่งแม่สร้อยหรือสุนิษาน้องสาวของเธอ เธอปิดบังอาการป่วยของเธอไว้และยังคงฝืนทำงานของเธอต่อเรื่อยๆไป เพื่อรอวันที่ทางโรงพยาบาลจะติดต่อกับเธอมา เธอเป็นคนใจเด็ดและสู้ไม่ถอยเลยทีเดียว
พอรู้ว่าตัวเองป่วย เธอก็พยายามหาของที่มาบำรุงร่างกายของตัวเอง ช่วงนี้สุพัทราเลยเป็นคนเลือกกินและเลือกอาหารเธอพยายามดูแลตนเองอย่างดีเพื่อให้เธอมีสุขภาพที่ดีและพร้อมที่จะต่อสู้ต่อไป
อานนท์แวะมาหาเธอบ้างในบางครั้ง สุพัทราเธอก็ไม่ยอมมีอะไรกับอานนท์เลยสักครั้ง จนอานนท์คิดว่าเธอยังโกธรในตัวของเขาอยู่อานนท์ก็เลยพยายามออดอ้อนขอคืนดีกับเธอ แต่สุพัทราโกหกบอกกับอานนท์ว่าช่วงนี้เธอไม่ค่อยสบายไปหาหมอมา หมอเขาตรวจภายในแล้วบอกว่าเธอเป็นตกขาวให้ยามาสอดและห้ามนอนกับแฟนจนกว่าจะหาย สุพัทรายังบอกกับอานนท์อีกว่า
" ทำไมไม่ไปนอนกับเรไรไปก่อนล่ะ ? พัทไม่สบายจริงๆ อีกอย่างเรไรก็อยู่คนเดียว ทีหลังไม่ต้องมาหาพัทก็ได้ไปนอนที่ห้องของเรไรเถอะ เผื่อเรไรปวดท้องจะคลอดขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง ? "
" พัทโกธรนนท์อยู่ล่ะสิ ไม่ต้องมาประชดกันเลยนะ "
" พัทพูดจริงๆไม่ได้ประชดหรอกนะ พัทอยู่กับลูกทับทิมได้ และที่นี่มีแม่สร้อยกับน้องๆของพี่และพ่อวัลลพ พัทไม่รู้สึกเหงาหรอก "
" แต่เรไรก็เพิ่งจะท้องแค่ 5 - 6 เดือนล่ะมั้ง ? ยังอีกนานกว่าจะคลอด "
" นั่นแหละ ช่วงนี้ปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไงล่ะ อันตรายเผื่อเรไรลื่นหกล้มไปจะว่ายังไง "
" ก็ได้.. เอาแบบนั้นก็ได้ ตามใจพัทแล้วนะ แต่นนท์ก็ยังรักพัทอยู่ดีนะ " อานนท์หอมแก้มสุพัทราเพื่อให้เธอรู้ว่าเขายังรักเธออยู่จริงๆ
....
ทางโรงพยาบาลได้ส่งจดหมายแบบโทรเลขมาถึงเธอ ในใจความจดหมายบอกให้เธอไปตามวันที่นัดหมายไว้ คือเป็นวันจันทร์ของสัปดาห์หน้า ( อีก 7 วัน ) เธอจึงต้องเตรียมตัวหลายๆอย่าง เพราะเธอยังไม่ได้บอกกับใครเลย วันนี้สุพัทราเข้างานตอนกะบ่าย และในตอนนี้เป็นเวลา 11.00 น. สุนิษาน้องสาวของเธอแวะมาหาเธอที่ห้องพอดี สุนิษามาหาเธอพร้อมด้วยน้ำตา หล่อนร้องห่มร้องให้อย่างน่าสงสาร สุพัทราจึงปลอบน้องสาวของเธอ
" เป็นอะไรไป ? ทำไมถึงร้องให้แบบนี้ "
" ฮือๆ พี่.. ฮือๆ เค้าทิ้งหนูไปแล้ว ฮือ.. "
" ใคร ? ใครทิ้งอะไร ? "
" แฟนของหนูไงพี่ มันทิ้งหนูไปมีคนใหม่แล้ว ฮือๆ "
สุพัทราสวมกอดน้องสาวของเธอ แล้วปลอบ
" ดีแล้วล่ะนิษา ให้มันทิ้งแกไปเถอะ ผู้ชายโง่ๆ อย่าไปเสียใจเลย นิษาของพี่แสนดีจะตายไป สวยแบบนี้หาผู้ชายดีๆที่ไหนก็ได้ "
" พี่.. ฉันขออยู่กับพี่ไปก่อนจะได้ไหม ? ฉันไม่อยากกลับไปอยู่ที่ห้องอย่างเดิม "
" ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ดีเสียอีก " เธอยิ้มให้กับน้องสาวของเธอ
" วันนี้พี่ไปทำงานกี่โมงเหรอ ? แล้วพี่เขยจะกลับมากี่โมงเหรอพี่ ? "
" วันนี้พี่ไปเข้ากะตอนบ่ายโมง ส่วนนนท์เขาไม่กลับมานอนที่บ้านหรอก สบายใจได้ "
" อ้าว แล้วพี่เขยไปนอนที่ไหนหรอ ? "
" เอ่อ.. เขาไปนอนที่ทำงานน่ะ "
" อ๋อ.. จ่ะพี่ "
สุพัทราลุกขึ้นเพื่อที่จะเตรียมตัวไปอาบน้ำ เธอเปลี่ยนเป็นผ้าถุงเพื่อจะได้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ เธอเดินไปได้สองสามก้าว ก็มีอะไรบางอย่างหล่นลงพื้น
" แผละ!!! " " แผละ!!! " " !!!!???? "
สุนิษาหันไปเห็นกองเลือดที่หล่นลงมาเป็นลิ่มๆ ก้อนโตๆ สองก้อน มันไม่เหมือนกับเลือดของประจำเดือนเพราะก้อนเลือดที่สุนิษาเห็นนั้น มันเป็นก้อนกองใหญ่เกือบเท่ากำปั้น
" กรี๊ด!!.. อะไรนั่น!!.. พี่!! เลือด!! " สุนิษากรีดร้องลั่น เธอตกใจกับกองเลือดที่อยู่ที่พื้น ณ ตอนนี้
สุพัทราก้มมองดูที่พื้นและขาของเธอ เธอไม่ได้รู้สึกเจ็บหรือปวดตรงไหนเลย แต่ทำไมเลือดของเธอถึงได้ไหลออกมาเยอะเป็นกองๆแบบนี้
" พี่!! พี่แท้งลูกเหรอ!? พี่!! ไม่ต้องไปทำงานแล้วไปโรงพยาบาลกัน.. เร็วเปลี่ยนใส่เสื้อได้ไหม ? นั่งก่อนนะพี่ "
สุพัทรานั่งลงที่เตียงนอนของหล่อนด้วยอาการตกตะลึง
" พี่รอแปบนะ เดี๋ยวฉันไปเรียกคนบ้านนั้นก่อน พี่รอฉันแปบนึง " สุนิษาวิ่งออกไปหน้าห้องพร้อมตะโกนเรียกแม่สร้อยอย่างเสียงดัง
" แม่สร้อย แม่สร้อย พี่พัทแท้งลูก ช่วยด้วยค่ะ!! "
เสียงของสุนิษาดังมาก จึงทำให้ทุกคนที่อยู่ในบ้านต่างก็ได้ยินกันหมด สร้อย พัชรี พัชรัตน์และอนันต์ ( อนันต์ยังไม่ได้ออกไปวิ่งรถ ) ต่างก็วิ่งกรูกันออกมา แม่สร้อยดูจะหน้าแตกตื่นกว่าเพื่อน