...
หลังจากที่บรรดามนุษย์ป้าทั้งหลายได้กลับกันไปแล้ว โชจึงได้หยุดแกล้งกวาดหน้าร้านขายของชำของป้าเพ็ญ และเดินเข้ามาหาป้าเพ็ญของเขา ป้าเพ็ญคนดีของเขาในตอนนี้นั่งถอดถอนหายใจ อย่างคนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ป้าเพ็ญบอกขอบใจโช เพราะเธอรู้ว่าโชได้ช่วยไล่คนพวกนั้นออกไปอย่างเนียนๆ และอีกอย่างป้าเพ็ญยังไม่พร้อมที่จะคุยเรื่องของลุงพุธ
" ผมว่าป้าเพ็ญไม่น่ารีบเปิดร้านขายของเลยครับ " โชพยายามบอกกับป้าเพ็ญ
" แล้วจะให้ป้านอนอยู่ที่บ้านเฉยๆยังงั้นรึโช ? ป้าคงทำไม่ได้หรอก อีกอย่างแผลนี้มันไม่มีอะไรแล้วแค่ล้างแผลใส่ยากินยาตามหมอสั่งก็พอแล้วล่ะ " ป้าเพ็ญพยายามบอกเหตุผลกับโช
แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น มันเป็นเหตุการณ์ที่ใหญ่โตพอสมควรสำหรับคนในชุมชนแห่งนี้ เพราะว่าผู้คนที่นี่เขาอยู่กันอย่างสงบสุขไม่เคยมีใครที่มาทะเลาะเบาะแว้งและมีการขู่ที่จะฆ่ากันให้ตายแบบเรื่องของลุงพุธในครั้งนี้ จึงทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ชาวชุมชนที่อยากยุ่งเรื่องของชาวบ้านเอาไปคุยเล่นกันอย่างสนุกปาก ทำให้ป้าเพ็ญและยายของโชต้องรู้สึกอับอายและมีอาการเครียดกันไป ส่วนตัวของลุงพุธผู้เป็นต้นเรื่องกลับไม่ใส่ใจและคงยังใช้ชีวิตไปตามปรกติอย่างคนไม่รู้ทุกข์รู้ร้อน ช่างเป็นอะไรที่ไม่ค่อยจะยุติธรรมกับผู้ที่โดนผลกระทบอย่างป้าเพ็ญและยายของโชเลย
ป้าเพ็ญนอกจากจะเครียดกับเรื่องที่ชาวบ้านคอยตั้งคำถามยิงตรงมาในทุกๆครั้งที่มาเข้าร้านค้าของเธอแล้ว ป้าเพ็ญยังคงเครียดและรู้สึกผิดหวังในตัวของลุงพุธอีกด้วย แน่นอนว่าป้าเพ็ญนั้นรักลุงพุธผู้เป็นสามีของเธอมาก เธอยอมทำทุกอย่างให้ลุงพุธมีแต่ความสุขและความสบายใจเมื่อยามที่อยู่กับเธอ ทั้งยังช่วยดูแลแม่สามีอย่างดีและทุกๆคนในครอบครัวเธอยอมเหน็ดและยอมเหนื่อย ทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน แต่พอเธอได้รู้ว่าสามีที่เธอรักมากๆมาทำร้ายจิตใจของเธอด้วยการไปมีผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ ตัวเธอนั้นซึ่งไม่เคยได้คาดคิดมาก่อนพอได้เจอกับเหตุการณ์และปัญหาแบบนี้จริงๆเข้าก็ไม่รู้จะตั้งรับกับเรื่องที่เกิดในครั้งนี้ได้อย่างไร..
...
บ่ายของวันนั้น..
ผู้หญิงคนนั้นมาหาลุงพุธถึงที่บ้าน หล่อนคนนี้หน้าตาดูจัดจ้านและแต่งตัวเก่ง เธอเป็นผู้หญิงที่อายุน้อยกว่าลุงพุธอยู่หลายปี ดูจากลักษณะท่าทางเธอดูเป็นที่น่าจะฉลาดพอตัวเลยทีเดียว เนื่องจากพี่ชายของเธอมาก่อเรื่องและโดนจับเข้าคุกไปแล้วนั้น เธอเลยมาหาลุงพุธเพื่อที่จะมาตกลงและปรับความเข้าใจกับลุงพุธใหม่อีกครั้งนึง..
หล่อนเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวต่อคนในบ้านเลยสักนิด แต่ด้วยความฉลาดของเธอ เธอจึงทำทีเป็นอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ซึ่งนั่นก็คือยายของโชซึ่งเป็นแม่ของลุงนั่นเอง เธอบอกกับยายว่าเธอนั้นไม่มีที่พึ่งแล้ว พ่อและแม่ของเธอตายไปหมดแล้วและเหลือเพียงพี่ชายอยู่เพียงคนเดียว ญาติพี่น้องก็ไม่มีใครเลย เธอเป็นเด็กที่มาจากชนบทและมาทำงานที่กรุงเทพ ด้วยความรู้ที่ต่ำต้อยเรียนมาก็น้อย เลยหางานทำที่กรุงเทพได้อย่างลำบาก แต่ด้วยความที่เสียงของเธอพอใช้ได้เธอจึงได้ไปเป็นนักร้องตามคาเฟ่เพื่อประทังชีวิต แต่ก็เป็นได้ไม่นานจนมาเจอกันกับลุงพุธ และลุงพุธเป็นคนใจดีมาทำดีกับเธอ เธอเลยรู้สึกดีเหมือนกับลุงพุธเป็นพี่ชายของเธออีกคน เธอก็เลยรักชอบกับลุงพุธโดยไม่รู้มาก่อนว่าเขามีเมียอยู่แล้ว จนกระทั่งตัวของเธอท้องขึ้นมา และลุงพุธก็หายเงียบไป ( ที่หายเงียบไปเพราะลุงพุธไม่มีงานทำอยู่ช่วงหนึ่งเลยไม่มีข้ออ้างเพื่อที่จะออกไปข้างนอก )
เมื่อยายได้ฟังก็พินิจพิจารณาลำดับของเหตุการณ์ ก็เลยได้รับรู้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ผิดซะคนเดียว ด้วยเพราะเธอไม่รู้ว่าลุงพุธลูกชายของยายนั้นมีภรรยาอยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน ลุงพุธไปหลอกเธออีกทีว่าเป็นโสด จึงทำให้ลุงพุธเป็นคนที่ผิดอยู่เต็มๆ และอีกทั้งตัวของหล่อนในตอนนี้ยังท้องกับลูกชายของยายอีกด้วย ซึ่งยายก็ให้รู้สึกสงสารเด็กที่อยู่ในท้องขึ้นมา และอีกอย่างป้าเพ็ญที่แต่งงานอยู่กินกันมากับลุงพุธลูกชายของยายนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะท้องหรือมีบุตรกันเลย ลุงพุธอายุน้อยกว่าป้าเพ็ญถึง 10 ปี ( ในตอนนี้ลุงพุธอายุ 36 ปีแล้วและป้าเพ็ญอายุ 46 ปี ) และอยู่กันมานานกว่า 10 ปีแล้วซึ่งในตอนนี้อายุของป้าเพ็ญก็คงยากที่จะมีบุตร และในตอนนี้อ้อย ( ผู้หญิงคนนั้น ) ที่อยู่ตรงหน้าของยาย เธอก็มีเด็กที่อยู่ในท้องซึ่งเป็นลูกของลุงพุธ และจะเป็นหลานของยายในอนาคตอีกด้วย ยายจึงคิดทบทวนสิ่งต่างๆนานา ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป
" เธอ.. ในวันนี้ช่วยกลับไปก่อนจะได้ไหม.. ขอฉันปรึกษาเรื่องนี้กับลูกๆของฉันก่อน แล้วอีกสองวันเธอค่อยมาฟังคำตอบนะ แต่ยังไงๆฉันก็จะรับผิดชอบเรื่องที่ลูกชายของฉันเป็นคนทำ ขอให้เธอสบายใจได้ "
" ค่ะ.. คุณแม่ แล้วหนูจะรอคำตอบนะคะ สวัสดีค่ะ " อ้อยยกมือไหว้สวัสดีกับยายของโช และลากลับบ้านไป
...
อ้อย เธอเป็นคนฉลาดเธอเข้าทางผู้ใหญ่เพื่อขอความเห็นใจ ด้วยอาการที่นอบน้อม และเรียกคะแนนความน่าสงสารเพราะเธอขาดที่พึ่ง ( ไม่มีพ่อแม่ และพี่ชายโดนจับ ) และโดนหลอก ( ลุงพุธหลอกเธอว่าไม่มีเมีย ) เธอจึงไม่ได้ตั้งใจทำเรื่องแบบนี้เพียงคนเดียว และยายที่เข้าใจเรื่องราวก็ได้เกิดความสงสารเธอและเด็กที่อยู่ในท้อง ( เพราะเป็นหลานของยาย ) ยายของโชจึงได้ไปปรึกษาหารือเรื่องปัญหาในครั้งนี้กับลุงพุธและป้าเพ็ญ
" เพ็ญ.. แม่ก็ไม่ได้อยากให้เรื่องเกิดขึ้นแบบนี้หรอกนะ แต่พ่อพุธของเราน่ะ ไปก่อเรื่องให้มันเกิดขึ้นมาแล้ว และทางฝ่ายนั้นเขาก็ไม่รู้เรื่องตั้งแต่ตอนแรกว่าพ่อพุธมีเมียอยู่แล้ว และหล่อนในตอนนี้ก็ยังท้องลูกของพ่อพุธอยู่อีก แม่เพ็ญจะว่ายังไงกันดี.. "
" หนู.. หนู.. " ป้าเพ็ญคงคิดว่าจะพูดอะไรแต่คงพูดไม่ออก
" ฉันไม่ได้เร่งรัดอะไรแม่เพ็ญหรอกนะ แต่ฉันสงสารเด็กที่มันอยู่ในท้องเท่านั้นแหละ ส่วนแม่เพ็ญจะว่าอย่างไรฉันก็จะรับฟังทุกอย่าง เพราะลูกชายฉันมันเป็นคนผิดจริงๆ " ยายรีบบอกกับป้าเพ็ญเพื่อไม่ให้ป้าเพ็ญรู้สึกประหม่าเพราะยายก็ยังรักและเอ็นดูในตัวของป้าเพ็ญอยู่เหมือนเดิม
" ถ้าอย่างนั้น.. หนูก็จะรับเด็กคนนั้นมาเลี้ยงเป็นลูกได้ไหมคะแม่.. เพราะถึงยังไงเด็กก็เป็นลูกของพุธ " ป้าเพ็ญพยายามอย่างมากในการตอบออกมา
" ฉันก็ไม่รู้ว่าแม่เด็กเขาจะยอมยกให้แม่เพ็ญรึเปล่านะ แต่ถ้าเป็นแม่ก็คงทำใจลำบาก ใครๆก็รักลูกของตัวเองกันทั้งนั้น " ยายยังคงคิดมากและลำบากใจกับเรื่องแบบนี้
" เพ็ญก็ให้แม่อ้อยมาอยู่ช่วยงานเพ็ญที่บ้านดีไหม ? เพ็ญจะได้ไม่เหนื่อย " ลุงพุธออกความคิดเห็น
" แบบนั้นจะไม่ดีมั้งพ่อพุธ บ้านเราก็.. " ยายรีบท้วง
" ก็ไหนๆจะเอาลูกของเขามาเลี้ยง แล้วจู่ๆใครเขาจะให้ล่ะแม่ ก็ให้มาอยู่ด้วยกันไปเลย มาช่วยกันทำมาหากินด้วยไง และอีกอย่างตอนนี้อ้อยก็ตัวคนเดียว แถมท้องลูกของผมอยู่อีก แม่จะได้มีหลานเพิ่มมาอีกคนไงดีไหมล่ะแม่ " ลุงพุธพูดโดยไม่ถามความคิดเห็นของป้าเพ็ญเลย ในตอนนี้ป้าเพ็ญนั่งหน้าชาและคาดไม่ถึงว่าลุงพุธจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
" พ่อพุธจะไม่ถามความคิดเห็นของแม่เพ็ญหน่อยหรือ ? แม่ว่านะ เรายังไม่รู้จักนิสัยใจคอของคนที่ชื่ออ้อยดีเลย.. อยู่ๆจะให้มาอยู่ด้วย.. แม่ว่ามันไม่น่าเหมาะ และแม่เพ็ญจะคิดยังไงกัน ? " ยายกำลังเตือนสติลุงพุธ
" ถ้าแบบนั้น.. เอาอย่างที่พุธว่าก็ได้ค่ะแม่.. ส่วนตัวของหนู.. ไม่เป็นไร.. ให้เธอมาอยู่ที่บ้านก่อนก็ได้ เพราะว่าเธอท้องด้วย และตอนนี้ก็อยู่ตัวคนเดียวทำให้น่าเป็นห่วง ไว้ให้เธอคลอดลูกเสร็จเราค่อยตกลงว่าจะเอายังไงกันต่อไปดี " ป้าเพ็ญพูดด้วยใจที่คิดถึงว่าเธอนั้นพ่ายแพ้เพราะเธอไม่มีลูกกับลุงพุธ
ยายมองดูป้าเพ็ญก็ให้นึกสงสารและเวทนาในตัวของลูกสะใภ้คนนี้นัก ยายคิดว่าทำไมป้าเพ็ญเธอถึงไม่มีลูกกับลุงพุธกันนะหรือว่าเธอจะเป็นหมัน ? แต่ยายก็ไม่ได้อยากได้.. หลานอะไรนั่นหรอก!! แต่ในความเป็นจริงแล้วเด็กที่อยู่ในท้องของอ้อยก็เป็นลูกของลุงพุธลูกชายของยายจริงๆเสียด้วย จึงทำให้ยายตัดสินใจลำบากว่าแต่ยังไงมันก็คือความจริงที่หนีไม่พ้น และเรื่องนี้ตัวต้นตอสาเหตุนั่นก็คือลูกชายของยายนั่นแหละ!! ก็คือลุงพุธนั้นกลับทำท่าทีมีความสุขและสบายอกสบายใจ ทั้งที่เขาทำความลำบากใจให้ทั้งเมียและแม่ของเขาก็ตาม
ที่จริงแล้วลุงพุธนั้นเป็นคนเจ้าชู้มาโดยตลอด แต่เขาไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ต่างหาก ทั้งป้าเพ็ญและยายของโชต่างก็ไม่รู้ความจริงในเรื่องนี้ เวลาที่ลุงออกไปทำงานเขาก็แวะเที่ยวที่นู้นที่นี่ออกบ่อยๆ เพราะเขาทำงานรับเหมาก่อสร้างซ่อมแซมโดยทั่วไป การได้รับเงินมาแต่ละครั้งจึงได้เงินเป็นก้อนเป็นกอบเป็นกำแต่เขาเสร้งว่าได้เงินน้อยมั่ง เจ้าของบ้านกดราคามั่ง ลุงพุธเป็นคนกะล่อนที่ยายของโชกับป้าเพ็ญจับกันไม่ได้ต่างหาก แถมเวลาที่ไปซื้อของที่ร้านค้าขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ลุงเขาจะฮั้วกับเจ้าของร้าน โดยให้เขียนในบิลให้เกินราคาจริง บางทีของราคาแค่หลักสิบลุงพุธก็ให้ใส่ราคาหลักร้อยหลักพัน เพราะบางทีเจ้าของบ้านที่จ้างลุงเขาก็ไม่รู้เรื่องอะไรแบบนี้หรอก คือพูดง่ายๆ ลุงก็โกงเขานั่นล่ะ แล้วแบบเนี้ยจะเอาอะไรมาดีได้คนอย่างลุงพุธ.. แต่อย่างน้อยก็ยังให้เงินยายใช้บ้างล่ะนะ ก็ยังมีความเป็นคนกับเค้าอยู่บ้าง
ถึงยังไงลุงพุธก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของยาย ซึ่งยายก็รักลุงพุธมากอยู่ดีและยังคงตามใจลุงพุธมาตั้งแต่เด็กๆแถมลุงพุธเป็นลูกคนโตจึงเป็นพี่ใหญ่ประจำบ้าน น้องๆเลยต้องเชื่อฟัง เขาเลยมีนิสัยที่เอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ และค่อนข้างเอาแต่ใจ และคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ ประมาณมนุษย์ลุงในยุคนี้กระมัง
อย่างเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็เหมือนกัน ลุงก็คิดว่าตัวเองคือฝ่ายที่ถูกต้อง เขาเป็นผู้ชายจะมีเมียกี่คนก็ได้ไม่เห็นจะแปลก!! และเขาสามารถทำงานเลี้ยงครอบครัวได้ เงินที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรงของเขา ( โดยการโกงเค้ามาบ้างอ่ะนะ.. ) ก็ต้องเชื่อฟังในตัวของเขาเท่านั้นสิ!! และอีกอย่าง.. ความคิดของลุงในตอนนี้ คงอยากจะมีเมียเด็กเอาไว้ประดับบารมี อยู่ที่บ้านกับเขามั่ง ลุงพุธในตอนนี้อาจจะเบื่อป้าเพ็ญไปแล้วก็ได้.. ไม่มีใครรู้ ถึงป้าเพ็ญจะแสนดีแค่ไหนก็ตาม
ขนาดเมื่อก่อนในครั้งอดีต.. ( อดีตที่โชเคยผ่านมาจริงๆในตอนแรกเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ) ป้าเพ็ญบาดเจ็บเพราะถูกยิงเข้าที่เบ้าตาจนทำให้ป้าเพ็ญต้องกลายเป็นคนพิการตาบอดไปหนึ่งข้าง แถมลุงยังไม่ไปดูแลและใส่ใจคงทิ้งป้าเพ็ญให้ต้องชอกช้ำทั้งใจและกาย และปล่อยปละละเลยจนในที่สุดก็เลิกกับป้าเพ็ญไป ในตอนนั้นโชยังอดสงสารป้าเพ็ญเสียไม่ได้ แต่เรื่องของชีวิตคู่นั้น.. มันเป็นเรื่องของคนเพียงแค่สองคนจริงๆ ทำยังได้ในเมื่อลุงพุธหมดรักในตัวของป้าเพ็ญไปแล้ว.. แล้วป้าเพ็ญก็เป็นคนที่อ่อนไหว และยอมแพ้ลุงพุธมาตั้งแต่แรกเริ่มเดิมที..
ในตอนนั้นป้าเพ็ญคิดว่าตัวเองหมดค่า แก่เกินไปมีลูกให้ลุงพุธไม่ได้ แถมยังต้องมาตาบอด และหน้าตาเป็นแผลเป็น ทำให้หมดความมั่นใจในตนเองไป จนยอมแพ้ให้กับเรื่องราวในครั้งนั้น.. แต่ตัวของป้าเพ็ญไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทองเท่าไหร่นัก ป้าเพ็ญมาจากครอบครัวที่มีฐานะปานกลางแต่ขยันทำมาหากิน จึงเก็บเงินต่อเนื่องมาจากที่ตัวเองนั้นหาเอาไว้ หลังที่จากเลิกกับลุงพุธไป ป้าเพ็ญก็ย้ายไปเปิดร้านขายของแถวๆที่บ้านเก่าของเธอ โชยังเคยแวะเวียนไปหาบ้างนานๆที ป้าเพ็ญยังคงเป็นป้าที่แสนจะใจดีเหมือนเดิมทั้งๆที่ป้าเพ็ญในตอนนั้นเลิกกับลุงพุธไปนานโขแล้ว ในแต่ละครั้งที่โชแวะไปหาป้าเพ็ญ ( ในตอนนั้น ) ป้าเพ็ญจะให้เงินมากับโชทีละ 100 - 200 บาทแทบจะทุกครั้ง ทั้งๆที่โชไม่เคยได้ขอเงินกับป้าเพ็ญเลย เธอจะพยายามยัดใส่มือหรือแอบใส่ในกระเป๋าให้โชด้วยความเต็มใจของหล่อน
และมาถึงตอนนี้ ในเหตุการณ์ปัจจุบันนี้ ( เพราะโชช่วยเปลี่ยนให้ไปกับป้าเพ็ญแล้ว ) ถึงป้าเพ็ญจะคงบาดเจ็บแต่เพียงเล็กน้อยที่ร่างกาย แต่ใครจะรู้บ้างว่า ลุงพุธได้ทำร้ายจิตใจของป้าเพ็ญให้เจ็บและช้ำไปขนาดไหน ? คิดดูเถิดใคร ?! ใครที่มันเอาร่างกายของเธอมากำบังกายและกันกระสุนเพื่อกันตัวเองจากอันตราย ป้าเพ็ญไม่ได้กระโดดเข้าใส่หรือเอาตัวเองไปบังนะ แต่ลุงพุธดึงเธอมาบัง ( ถึงเธอจะรักลุงพุธมากก็ตามที ) นอกจากลุงพุธจะกระทำการอันน่ารังเกียจและน่าอับอายนี้ยังเห็นแก่ตัวเป็นที่สุด ป้าเพ็ญจะอดทนลุงได้นานแค่ไหนกัน ? โชก็คงคิดว่า
' โชคยังดี ที่ฉันสามารถช่วยป้าเพ็ญได้ อย่างน้อยป้าเพ็ญก็ยังเป็นเหมือนเดิมคือไม่พิการตาบอด ถ้าเลิกกับลุงไปเธอก็ยังมีร่างกายที่ปรกติและอาจจะมีความสุขมากกว่าอดีตที่เคยเป็น แต่เรื่องของจิตใจฉันคงช่วยป้าเพ็ญนั้นไม่ได้เท่าไรนัก เวลาเท่านั้นที่จะเยียวยาจิตใจให้กับป้าเพ็ญได้ และฉันก็ยังอยากให้ป้าเพ็ญมีความสุขมากๆต่อไปอยู่ดี '
โชได้แต่คิดและตั้งความหวังเอาไว้ว่าสักวันทุกอย่างจะค่อยๆดีขึ้น..