ตอนที่ 985 เส้นทางความโกลาหลสู่ความเป็นเทพ
วิญญาณกรีดร้องเปิดยุคแห่งความโกลาหล จากนั้นหายไปอย่างเงียบงัน
ความโกลาหลเริ่มกระจายในโลกเก้าร้อยล้านชั้น
อีกด้าน
ในเส้นทางลับ
ผู้นำโจรถูกเหล่าต้าบีบคอไว้ ใบหน้าเผยความหวาดกลัว
เห็นได้ชัดว่าเขาร่ายวิชาป้องกันทั้งหมดเอาไว้แล้ว แต่ยังถูกจับไว้ได้อย่างง่ายดาย
เขาอยากขัดขืน แต่เขาไม่กล้าขยับจริงๆ
เขาสามารถสัมผัสได้ถึงพลังจากมือนั่น
“ขอโทษที พี่ชาย ข้าผิดไปแล้วจริงๆ ให้โอกาสข้าอีกครั้ง สัญญาเลยว่าข้าจะไปทันที”
ผู้นำโจรหัวเราะขณะกล่าวเช่นนั้น
ครั้งนี้ เหล่าต้าหยุดมองเขา
เหล่าต้าคว้าคอของอีกฝ่ายด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างสัมผัสในความว่างเปล่าอย่างอ่อนโยน
หนังสือเล่มหนาปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เหล่าต้าถือหนังสือในมืออีกข้างก่อนกระซิบว่า “ใครกันที่เคารพข้า”
ทันใดนั้น หนังสือพลิกหน้าเอง ภาพกราฟิกสัตว์ประหลาดน่าสะพรึงกลัวและชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนหนังสือ
“ชิ ตอนนี้พลังไม่มากพอ…ต้องใช้พวกที่ซื่อสัตย์”
“ช่างเถอะ ใช้เจ้านี่แหละ”
ทันทีที่เหล่าต้ากล่าว เขาแตะสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
มันคือสัตว์ประหลาดคล้ายมนุษย์ที่มีปากบนร่างกาย
มันไม่มีตา จมูกหรือหู แต่ไม่ว่าจะเป็นศีรษะ แขนขาหรือบนร่างกาย มันก็อ้าปากออกมา
เมื่อเหล่าต้าเอื้อมมือไปแตะมัน มันคุกเข่าตรงหน้าเหล่าต้าด้วยความเคารพเพื่อทำการคารวะ
“ไปกินเสีย”
เหล่าต้ากล่าว
สิ้นคำพูดของเขา ความว่างเปล่านอกยานอวกาศราชินีหนามเริ่มพลุ่งพล่าน
สัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้น
ร่างกายของมันเทียบเท่ากับยานอวกาศ มันพุ่งเข้าใส่กลุ่มโจรทันทีที่ปรากฏตัว
สัตว์ประหลาดม้วนตัวในความว่างเปล่า โจรทั้งหมดหายไป
มีเสียงเคี้ยวน่าขนลุกดังขึ้นในความว่างเปล่า
ปากบนร่างกายของสัตว์ประหลาดบางแห่งยังคงปิด สีแดงโลหิตสดใสไหลออกมาจนเปื้อนตามร่างกาย
สัตว์ประหลาดไม่หยุดก่อนพุ่งเข้าใส่กองยานโจร
เบื้องหน้ามัน กองยานโจรที่ล้อมยานอวกาศราชินีหนามเอาไว้คล้ายกับถูกลบล้างจนหายไปสิ้น
หลังจากสัตว์ประหลาดจัดการทั้งหมดนี้แล้ว มันเหาะกลับมาอีกครั้งก่อนคำนับด้วยความเคารพต่อเหล่าต้า
“ช้าก่อน” เหล่าต้ากล่าวอย่างแผ่วเบา
สัตว์ประหลาดก้าวถอยหลังเพื่อรออยู่เงียบๆ
เหล่าต้ายื่นหน้าเข้าหูของผู้นำโจรก่อนถามอย่างแผ่วเบาว่า “ตอนนี้ เจ้าคิดว่าใครคือโจรกันล่ะ”
ผู้นำกลัวตาย เขากำลังจะอ้าปากแต่กลับถูกเหล่าต้าโยนออกไป
ผู้นำโจรลอยออกห่างจากยานอวกาศราชินีหนามก่อนถูกโอบรัดโดยสัตว์ประหลาดอันคุ้นเคยอย่างอ่อนโยน
เขาพลันหายไป
บนร่างกายของสัตว์ประหลาด เสียงเคี้ยวยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
พวกกู่ฉิงซานมองฉากนี้เงียบๆ
เหล่าต้าคล้ายกับอัญเชิญบางสิ่งที่เหลือเชื่อออกมา
สิ่งนี้ทำลายกองยานของศัตรูโดยตรง
“ดีมาก เจ้ากลับมาได้แล้ว” เหล่าต้ากล่าว
สัตว์ประหลาดคำนับด้วยความเคารพ มันมาอยู่ตรงหน้าเหล่าต้า ก้มศีรษะก่อนถอยออกไปช้าๆ
ร่างของมันค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่า
ตอนนี้เองที่กู่ฉิงซานอดจะถามไม่ได้ว่า “บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี ใช้การอัญเชิญระยะไกลมากแบบนี้ จะไม่เพิ่มภาระให้กับร่างกายของเจ้าหรอกหรือ”
เหล่าต้าตอบอย่างเหยียดหยันว่า “วิชานี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ส่งผลอะไรหรอก”
ขณะพูด เขาเอนตัวตรงก่อนลงไปนอนบนชั้นดาดฟ้า
พวกกู่ฉิงซานกรูกันเข้ามาดู
ดวงตาของเหล่าต้าปิด เขาเริ่มกรน
กู่ฉิงซานเข้าไปมองใกล้ๆ ก่อนถอนหายใจ “พลังที่ใช้ในครั้งนี้มากเกินไป เขาอาจจะหลับไปสักพัก”
จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีมองหน้ากัน
“หมอนี่เวลาเผชิญหน้ากับบางสิ่งแล้วทุ่มหมดหน้าตักเลย เขาถึงกับใช้วิชาอัญเชิญทรงพลังเพื่อทำการโจมตี” จางหยิงห่าวกล่าว
“ใช่ ที่จริงแล้วก็ไม่แพ้หรอกนะถ้าค่อยๆ สู้ไป” เย่เฟยหลีเสริม
จางหยิงห่าวเงียบแล้วพลันกล่าวว่า “ข้าอยากรู้ที่มาที่แท้จริงของเขาแล้วสิ”
“เจ้ากังวลอะไรล่ะ” เย่เฟยหลีถาม
“ตามที่ว่ามา เขาเคยต่อสู้กับวิญญาณกรีดร้อง ดูท่าจะเป็นบุคคลที่ทรงพลังมาก”
“ใช่”
“แต่ข้าอยู่ในโลกเก้าร้อยล้านชั้นมานาน ไม่เคยได้ยินเรื่องของเขาในโลกเก้าร้อยล้านชั้นมาก่อนเลย” จางหยิงห่าวขมวดคิ้ว
“อืม นี่สินะปัญหา” เย่เฟยหลีครุ่นคิด
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “คงไม่ดีนักถ้าจะถามมากเกินไป ในเมื่อเขาอยู่ข้างพวกเรา ตอนนี้ก็อย่าไปคิดอะไรให้มากความ”
“อย่าไปคิดอะไรให้มากความหรือ ปล่อยให้ใครที่ไหนไม่รู้มาอยู่ข้างเจ้าแบบนี้ดูไม่สมกับเป็นแนวทางของเจ้าเลยนะ” จางหยิงห่าวกล่าวด้วยความคาดไม่ถึง
“เพราะว่าเขาสาบานแล้วว่าจะไม่ทำร้ายพวกเรา ฉะนั้นแล้วเขาจึงไม่ใช่ศัตรู” กู่ฉิงซานย้ำ
จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีครุ่นคิดสักพักก่อนพยักหน้าพร้อมกัน
กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “เขาเป็นผู้ช่วยเหลือร่วมกันที่ได้รับการยินยอมจากสมบัติลึกลับเช่นกัน นับได้ว่าเป็นสหายร่วมรบของพวกเรา”
“เพราะอย่างนั้นเลยไม่จำเป็นต้องเข้าใจอีกฝ่ายให้ลึกซึ้งอย่างนั้นหรือ” จางหยิงห่าวถาม
กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ทุกคนมีอดีตที่ไม่อยากพูด อย่าไปจี้ถามถ้าเขาไม่อยากเล่า ถ้าสักวันเขาเต็มใจจะเล่าให้ฟัง พวกเราก็จะได้รู้อย่างแน่นอน”
เย่เฟยหลีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ จึงได้แต่พยักหน้า “บางทีถ้าเราไม่ยอมถาม เขาก็คงบอกพวกเราในสักวันหนึ่ง”
“ใช่ อย่างนั้นแหละ”
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
ยานอวกาศยังเคลื่อนไปข้างหน้า
ความว่างเปล่ารอบข้างทั้งมืดมิดและหมองหม่น
เหล่าต้านอนอยู่บนชั้นดาดฟ้าก่อนค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เขาตื่นขึ้นมา
ขณะลุกขึ้นจากพื้น เขากล่าวด้วยท่าทางเขินอายว่า “ขอโทษที ข้าหมดแรงโดยไม่ได้ตั้งใจน่ะ ขอเครื่องดื่มพลังวิญญาณให้ข้าหน่อยสิ”
“รับไป” เย่เฟยหลีส่งให้กระป๋องหนึ่ง
เหล่าต้ารับมาก่อนดื่มหมดรวดเดียว
“อา ไม่ไหว ข้าทำอีกไม่ได้แน่ ข้าต้องพักอีกสักหน่อย” เขาถอนหายใจ
“ไม่มีปัญหา ให้พวกข้าจัดการเอง” เย่เฟยหลีกล่าว
“ใช่ กลุ่มโจรถูกฆ่าไปแล้ว ข้าว่าไม่มีใครกล้ามายั่วโมโหพวกเราแล้วล่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
เพิ่งสิ้นเสียงไปไม่ทันไร
‘ตูม!’
มีเสียงดังสนั่นขึ้นมา
ตัวยานสั่นเล็กน้อย
หลายคนหันมามองกู่ฉิงซาน
ดูท่าเรื่องแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาก่อน…
เย่เฟยหลีไอเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “กู่ฉิงซาน”
กู่ฉิงซานยกมือขึ้นแล้วกล่าวว่า “พอ ข้าจะไม่พูดแบบนี้อีกในครั้งหน้าแล้ว”
ตอนนี้ เสียงของลอร่าดังขึ้นจากห้องพัก
“กู่ฉิงซาน มีใครบางคนโจมตี”
บนชั้นดาดฟ้า พวกเขาสี่คนมองไปยังส่วนลึกของวังวนความว่างเปล่า
พวกเขาเห็นกองยานที่ประกอบไปด้วยยานอวกาศหลายสิบลำกำลังเข้าใกล้ที่นี่
“หรือว่าพวกเราไปขวางทางอีกฝ่ายกันนะ” กู่ฉิงซานถาม
“อย่างนั้นข้าจะลองหลีกทางให้” ลอร่ากล่าว
ยานอวกาศราชินีหนามปรับทิศทางเล็กน้อย เบี่ยงออกจากเส้นทางเดิมเพื่อเปิดทางให้อีกฝ่าย
แต่เมื่อยานอวกาศหลีกทางให้กองยานอีกฝ่าย กองยานฝ่ายตรงข้ามก็เปลี่ยนทิศทางเช่นกัน พวกมันยังบินมาทางยานอวกาศราชินีหนาม
“ท่าทางแบบนี้…ช่างคุ้นเคยนัก” เย่เฟยหลีกล่าวพลางกอดอก
“ใช่ พวกเรากำลังจะถูกล้อมอีกแล้ว” จางหยิงห่าวกล่าว
ราวกับจะกันไม่ให้กู่ฉิงซานและคนอื่นหลบหนี ยานอวกาศหลายสิบลำกระจายตัวล้อมยานอวกาศราชินีหนามด้วยการเคลื่อนไหวที่ผสานกันอย่างชำนาญ
“กู่ฉิงซาน ยานของข้าทรงพลังมาก เจ้าอยากฝ่าไปหรือเปล่า” ลอร่าถาม
“แบบนั้นมีหวังโดนไล่ตลอดทาง คงน่าเบื่อแย่ ฉะนั้นแก้ปัญหาซึ่งๆ หน้าละกัน” กู่ฉิงซานตอบ
ตอนนี้ กลุ่มคนเหาะออกมาจากยานหลักฝั่งตรงข้ามขณะลอยอยู่เหนือยานอวกาศราชินีหนาม
ชายร่างใหญ่พร้อมขวานยักษ์ที่แบกบนบ่าออกมาจากยานอวกาศพร้อมกับกำลังคนมากมายขณะมองพวกกู่ฉิงซานสี่คน
“คนไหนคือลูกพี่ (เหล่าต้า) ของพวกเจ้า”
ชายร่างใหญ่ตะโกน
กู่ฉิงซาน จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีอดที่จะมองเหล่าต้าพร้อมกันไม่ได้
เหล่าต้านั่งอยู่บนชั้นดาดฟ้าในสภาพอ่อนแรง เมื่อได้ยินดังนี้ เขาอดที่จะถอนหายใจแล้วพึมพำออกมาไม่ได้ว่า “ข้าล่ะอยากเปลี่ยนฉายาจริงๆ ”
“ไม่ต้องห่วง ครั้งนี้พวกข้าจัดการเอง” กู่ฉิงซานกล่าวและเตรียมจะทะยานสู่อากาศธาตุ
จางหยิงห่าวห้ามเขาเอาไว้ก่อนกล่าวว่า “ข้าจะลองเจรจาดูก่อน”
เขาโยนเหรียญไปให้อีกฝ่ายก่อนกล่าวว่า “ข้ามาจากสมาพันธ์นักฆ่า”
ชายร่างใหญ่รับเหรียญไว้ เมื่อเขามองอย่างละเอียด สีหน้าก็เกิดลังเลเล็กน้อย
กู่ฉิงซานถามเสียงต่ำว่า “สมาพันธ์นี้เป็นประโยชน์หรือ”
จางหยิงห่าวกระซิบตอบเช่นกันว่า “อืม สมาพันธ์นักฆ่าคือองค์กรสังหารใต้ดินที่คอยฆ่าคน ภายใต้สถานการณ์ปกติ กองกำลังจำนวนมากมักจะมาซื้อขายกับพวกข้าน้อยครั้ง”
“เพราะอย่างนั้น…”
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักพัก จากนั้นหยิบตราของสมาคมนักฆ่าออกมาก่อนโยนออกไป
“ดูซะ ยังมีสมาชิกจากสมาคมนักฆ่าอีกคนอยู่ที่นี่”
เขาชี้มาที่ตัวเอง
ชายร่างใหญ่รับตรามาก่อนเห็นว่าตรานักฆ่าเป็นของจริงเช่นกัน
‘นักฆ่า’
หรือก็คือ อีกฝ่ายคือคนจากโลกใต้ดินถึงสองคน พวกเขาอาจจะไม่ได้นำสมบัติเพื่อมาทำธุรกิจก็ได้
ธุรกิจของนักฆ่ามีเพียงการฆ่า
บนยานลำนี้เป็นนักฆ่าทุกคนเลยหรือเปล่า
ถ้าอย่างนั้นก็อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่
ชายร่างใหญ่รับเหรียญกับตราเอาไว้ก่อนหันหลังเหาะกลับไปยังกลุ่มคนตัวเอง
พวกเขาเริ่มสนทนา
ผ่านไปสักพัก คนเหล่านี้หันมาเผชิญหน้ากับยานอวกาศราชินีหนาม
ชายร่างใหญ่เหาะกลับมาก่อนเผยรอยยิ้มเสแสร้งให้ได้เห็น
“ขอโทษด้วย ตอนนี้โลกมันอยู่ยาก ต่อให้พวกเจ้าเป็นนักฆ่าก็ต้องออกจากยานลำนี้แล้วทิ้งทุกสิ่งเอาไว้หากยังอยากมีชีวิตรอด”
เขากล่าวกับพวกกู่ฉิงซาน
เมื่อเห็นสีหน้าแบบนี้ พวกกู่ฉิงซานเริ่มคุยกันทันที
“ข้าเกรงว่าพวกมันจะรอให้พวกเราทิ้งทุกอย่างเสร็จก่อนแล้วค่อยลงมือฆ่า” กู่ฉิงซานกล่าว
“พวกมันไม่ได้ทำอย่างที่พูดแน่ๆ” จางหยิงห่าวถอนหายใจ
“พวกมันไม่เคยคิดถึงคนอื่นอยู่แล้ว” เย่เฟยหลีเสริม
“อย่างนั้นข้าขอไปพักก่อนนะ” เหล่าต้าเม้มริมฝีปากก่อนขัดขึ้น
“พวกข้าเอาอยู่ เจ้าไปพักเถอะ” กู่ฉิงซานกล่าว
กู่ฉิงซาน จางหยิงห่าวและเย่เฟยหลีเตรียมตัวสู้
แต่ครั้งนี้ คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามพลันมองหน้ากันก่อนตกอยู่ในสภาพเกียจคร้าน
พวกเขายืนอยู่ในความว่างเปล่า ไม่พูดไม่จา สายตาของพวกเขามองตรงมายังอีกฝ่ายราวกับเป็นบางสิ่งที่ควรค่าแก่การสนใจ
“สถานการณ์อะไรกันเนี่ย” เย่เฟยหลีอดที่จะถามไม่ได้
“ดูท่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้น” จางหยิงห่าวหรี่ตา
กู่ฉิงซานหยิบดาบพิภพจากความว่างเปล่าก่อนถือไว้ในมือ
ในเวลาเดียวกัน ดาบยาวอีกสามเล่มปรากฏขึ้นที่ด้านหลังเช่นกัน
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉากนี้มันช่างคุ้นเคยสำหรับเขายิ่งนัก
…
อีกด้าน วิญญาณกรีดร้องกำลังเหาะเข้าสู่วังวนความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น เสียงที่ไม่มีสิ้นสุดดังขึ้นในหูของมัน
“การเริ่มยุคสมัยประสบความสำเร็จ…”
“ความโกลาหลกระจายตัว…”
“เจ้าจบสิ้นแล้ว…”
“เส้นทางความโกลาหลสู่ความเป็นเทพ ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว…”
วิญญาณกรีดร้องพลันหยุดกับที่ กลิ่นอายความโกลาหลไม่มีสิ้นสุดเคลื่อนผ่านความว่างเปล่า รวมตัวกันเป็นเกลียวก่อนพุ่งออกไปทุกทิศทาง
กลิ่นอายความโกลาหลเหล่านี้ค่อยๆ จมเข้าสู่ร่างของวิญญาณกรีดร้องจนสำเร็จ
วิญญาณกรีดร้องแผดเสียงใส่ท้องนภา
“พลัง! พลังโกลาหลอันไร้ขีดจำกัด!” เสียงผู้ชายกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ผู้หญิงส่งเสียงหัวเราะน่าขนลุกก่อนกล่าวว่า “หึๆ ด้วยพลังนี้ ข้าจะติดอยู่ตรงทางเข้าพื้นที่เอกฐานไม่ถึงสิบห้านาที ข้าจะไม่ถูกการโจมตีเหล่านั้นขัดขวางจนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าต่อได้”
เกลียวความโกลาหลล้วนจมเข้าไปในตัวมัน
วิญญาณกรีดร้องนิ่งไปสักพักก่อนถอนหายใจยาวออกมา
“ทุกสิ่งจะต่างออกไป”
เสียงผู้ชายและผู้หญิงดังขึ้นพร้อมกันขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับถอนหายใจ “กลายเป็นว่านี่คือเส้นทางที่แท้จริงสู่ความเป็นเทพ ตอนนี้ ข้าจะก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของความโกลาหลและหลบหนีจากความเมตตาของหุบเหว ไม่ต้องหวาดกลัวจุดจบใดๆ !”
จู่ๆ มันปิดปาก สีหน้าเผยความสนใจราวกับกำลังฟังบางสิ่ง
เสียงกระซิบไม่มีสิ้นสุดดังขึ้นในหูของมัน
“ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพ…”
“พละกำลังเพิ่มขึ้นหลายเท่าจนถึงระดับนั้นแล้ว…”
“ท่านคือความโกลาหล…”
“บัญญัติยังคงอยู่…”
“อย่ายอมมัน…”
ทันใดนั้น เสียงกระซิบทั้งหมดพลันดังขึ้นก่อนกลายเป็นเสียงคำรามดังลั่น “หากทำลายบัญญัติสุดท้ายในตอนนี้ทิ้งได้ จะไม่มีกองกำลังใดมาขัดขืนท่านได้!”
…………………………………