ตอนที่ 127 สาวกศักดิ์สิทธิ์ (ตอนต้น)
กู่ฉิงซานปิดสมองควอนตัม เดินออกมาจากห้อง ก่อนจะพบกับคนที่แสนจะคุ้นเคยตรงระเบียงทางเดิน
เทพนักสู้ ซางซ่งหยาง
ซางซ่งหยางตบบ่าเขาและกล่าว “ต้องขอบคุณคำเตือนของเธอ เจ้าหลานชายของฉันเลยสามารถไปช่วยชีวิตหลานสาวตัวน้อยของฉันเอาไว้ได้ทันเวลา”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็เขาเป็นหุ้นส่วนของผมนี่นา” กู่ฉิงซานกล่าว
“อืม นั่นสินะ แต่ตอนนี้ฉันมีภารกิจเร่งด่วนที่จะต้องรีบไปจัดการทันที ไว้คราวหน้าว่างๆ พวกเราค่อยหาเวลาพูดคุยกันใหม่” ซางซ่งหยวนกล่าว
“คุณกำลังจะไปไหนอย่างงั้นเหรอ?” กู่ฉิงซานมองตามทิศทางที่เขาเดินห่างออกไป เอ่ยถามด้วยความสงสัย
ซางซ่งหยางยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าว “ไปจัดการกับมอนสเตอร์แห่งท้องทะเล”
ระหว่างกล่าว หนึ่งเท้าของเขาก็ย่ำออกจากศูนย์บัญชาการใหญ่สามเหล่าทัพ ทะยานหายขึ้นไปบนท้องฟ้า
กู่ฉิงซานทำได้เพียงส่ายหัว
ในส่วนนี้เขาไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใดๆ ได้ มหาสมุทรนั้นกว้างใหญ่เกินไป และสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนก็ทยอยกันกลายพันธุ์ไปเป็นจำนวนมาก มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถมีส่วนร่วมหรือกระทำการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับพวกมันได้เลย ยิ่งเรื่องต่อสู้ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง
กู่ฉิงซานกลับมายังห้องของตนเอง ทว่าเมื่อมาถึง เขากลับไม่พบเห็นแม้กระทั่งเงาของแอนนาหรือวอนฟอร์ด
ทันใดนั้นความรู้สึกไม่ดีบางอย่างก็ปะทุขึ้นมาในจิตใจ
สมองควอนตัมส่องสว่างวาบ
มันเป็นข้อความๆ หนึ่ง
“ฉันไม่อยากจะสร้างปัญหาให้แก่นาย เลยจำเป็นต้องจากไปก่อน ขอโทษและโชคดีนะ”
ในหัวใจของกู่ฉิงซานเต้นครึกโครม
เขาพยายามจะเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสารของอีกฝ่าย แต่ก็กลับถูกกดปฏิเสธโดยตรง
เมื่อขบคิดสักพัก กู่ฉิงซานจึงตัดสินใจเรียกเทพธิดากงเจิ้ง
“ฉันอยู่นี่”
“รบกวนหน่อยสิ ช่วยให้ฉันได้เห็นหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้า”
“ทราบแล้ว”
จอม่านแสงสว่างวาบ
ฉากที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครู่ได้ปรากฏสู่สายตาของกู่ฉิงซาน
เขาถอนหายใจและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นวิตก
ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์จริงๆ แต่อย่างน้อยก็นับว่ายังโชคดีที่เขาสามารถยื้อแอนนาเอาไว้ได้ชั่วคราว เพราะหากปล่อยให้เธอกลับไปในทันทีตั้งแต่แรก ทุกอย่างอาจจะสายเกินแก้
“ช่วยฉันค้นหาร่องรอยตำแหน่งของแอนนาหน่อยสิ” กู่ฉิงซานกล่าว
แอนนา...อย่าคิดทำอะไรโง่ๆ นะ...
ขณะกำลังครุ่นคิด จุดขนาดเล็กที่กำลังเคลื่อนไหวปรากฏขึ้นมาจอม่านแสง
ทิศทางของจุดดังกล่าว มุ่งตรงไปยังสาธารณรัฐดิฟูซี มิใช่มุ่งไปยังทิศทางของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
“อย่าบอกนะว่าเธอคิดจะไปขอกำลังสนับสนุน? ฉันก็นึกว่าเธอจะทำอะไรหุนหันพลันแล่นซะอีก ดูท่าคงวางใจได้เปลาะหนึ่งแล้วล่ะนะ” กู่ฉิงซานพึมพำ ความตึงเครียดในหัวใจของเขาบรรเทาลงหลายส่วน
นั่นก็เพราะ ป้าของแอนนาเป็นราชินีแห่งสาธารณรัฐฟูซี
ในชีวิตก่อนหน้าของเธอ แอนนาได้ถูกบังคับให้เป็นเจ้าสาวของพระบุตรแห่งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ จนต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ในสมัยโบราณกาลเป็นต้นมา ทุกคนในราชวงศ์เมดิซี ไม่เคยมีใครเลยที่ได้รับความทุกข์ทรมานเช่นนี้มาก่อน ทว่าแอนนากลับยังคงเลือกที่จะฝืนทนอยู่อย่างไร้เกียรติ เฝ้ารอคอยเวลาที่จะได้กอบกู้มรดกที่สืบทอดกันมาในราชวงศ์กลับคืนมา
แอนนายังคงพยายามมีชีวิตอยู่ต่อไป
จนกระทั่งคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ได้ขยายอำนาจจนเกินขอบเขต ทางสาธารณรัฐฟูซีจึงทำการประกาศสงครามกับคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ชักนำประเทศใหญ่ประเทศแล้วประเทศเล่าในโลก เข้าสู่สภาวะสงคราม สุดท้ายทางคริสตจักรจึงยอมถอยและทำข้อตกลงประนีประนอมกัน
และเป็นในเวลานั้น ที่แอนได้รับการช่วยเหลือจากราชินีแห่งสาธารณรัฐฟูซี และตลอดทั้งช่วงชีวิตต่อจากนั้นเป็นต้นมา เธอก็เป็นตัวตั้งตัวตีในการเผชิญหน้าต่อต้านกับทางคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ เฝ้าหวังว่าสักวันหนึ่งจะกอบกู้จักรวรรดิโอลันก้ากลับคืนมาให้จงได้
เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้นอย่างกะทันหัน “ดูจากท่าทีแล้ว ฉันคิดว่าคุณมีความกังวลมากพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉะนั้นฉันจะทำการส่งมอบข้อมูลล่าสุดที่ได้จากหน่วยข่าวกรองให้ ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซานต้องการหรือไม่?”
กู่ฉิงซานสะดุ้ง และเอ่ยทันที “ฉันต้องการ”
“จากข้อมูลล่าสุดที่ได้รับมา สาวกศักดิ์สิทธิ์ฮิวป์แห่งหน่วยพิพากษาศักดิ์สิทธิ์กับสาวกผู้ศรัทธาอีกกว่ายี่สิบชีวิตได้เดินทางข้ามพรมแดนของรัฐบาลกลางมาเมื่อสามนาที สิบห้าวินาทีก่อน”
“ทิศทางที่พวกเขามุ่งตรงมา คือเมืองหลวง”
สองตาของกู่ฉิงซานหรี่แคบลง
ฮิวป์? เจ้าบ้าวิตถารผู้มีชื่อเสียงโด่งดังคนนั้นน่ะเหรอ?
“ดึงไฟล์ข้อมูลของสาวกศักดิ์สิทธิ์ฮิวป์ ให้ฉันดูหน่อย”
“ด้วยอำนาจพลเมือง ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซาน สามารถทำการเข้าถึงไฟล์ได้”
บนสมองควอนตัมปรากฏรายละเอียดข้อมูลของฮิวป์ขึ้นมาทันที
“คุณคิดว่าเขาเป็นยังไง”
เทพธิดากงเจิ้ง “เป็นพวกต่อต้านสังคมอย่างชัดเจน”
“นี่มันชักจะวิกฤติซะแล้วสิ” กู่ฉิงซานกล่าว
บุคคลผู้นี้อันตรายเกินไป และแอนนาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา...หากจะกล่าวให้ชัดเจนสมควรบอกว่าไม่ควรที่จะสู้กับเขาต่างหาก
ถ้าหากชายคนนี้เข้ามายังรัฐบาลกลาง หรือมุ่งไปยังสาธารณรัฐฟูซี ย่อมต้องก่อปัญหามากมายตามมาอย่างแน่นอน
สองตาหลับลงพลางขบคิด ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ย “ฉันคงต้องไปพบเขา”
“ไม่อนุมัติ! ผู้นำสูงสุดสมควรหลบภัยอยู่ที่นี่ แทนที่จะไปเผชิญหน้ากับผู้ร้ายที่เป็นบุคคลอันตราย” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว
กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนจะลุกขึ้นและกล่าว “อย่างไรเสียเขาก็มาหาฉัน จะให้มามัวแต่หลบซ่อนตัวมันก็ไม่ได้อยู่ดี”
...
ภายในป่าเขา
ฮิวป์สั่งให้เหล่าผู้ศรัทธาหยุดพัก และจัดเตรียมสำรับอาหาร
เขาเดินไปนั่งอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งเพียงลำพัง และเปิดหนังสือขึ้นมาอ่านอย่างเงียบๆ
มันคือหนังสือกายวิภาคของทางการแพทย์ ถูกเรียบเรียงโดยผู้เขียนที่มีประสบการณ์ด้านกายวิภาคมายาวนานหลายปี ภายในบอกกล่าวถึงข้อมูลเชิงลึกมากมาย ทำให้ฮิวป์ค่อนข้างที่จะชื่นชมเขา
ฮิวป์เงยหน้าขึ้น กำลังทำการไตร่ตรองภารกิจที่ได้รับตั้งแต่ต้นจนจบ
พาตัวนักวิทยาศาสตร์ขี้ขลาดกลับไปยังจักรวรรดิ...อันนี้ไม่น่าจะมีปัญหา
แต่กุญแจสำคัญก็คือแอนนาต่างหาก
สาวน้อยผู้นี้มีความเกลียดชังอย่างลึกซึ้งกับทางคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์ และความแข็งแกร่งของเธอก็ค่อนข้างเป็นปัญหามากหากคิดจะจัดการกับมัน
น่าเสียดายจริงๆ ที่เขาไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในอาการปางตาย และใช้ ‘ของเล่น’ ทรมานเธอได้
ฮิวป์ก้มมองลงไปภายในกระเป๋าเดินทางของตนด้วยความรู้สึกเสียดาย มองไปยังเครื่องมืออันประณีตมากมายที่กองอยู่ ในสมองขบคิดอย่างหนักว่าจะใช้พวกมันรังสรรงานศิลปะชั้นสูงออกมาอย่างไรดี
‘แล้วถ้าฉันแอบทรมานเธอสักเล็กๆ น้อยๆ ในส่วนใต้ร่มผ้าที่ไม่มีใครมองเห็นได้ล่ะ’
ลืมมันเถอะ เช่นนั้นพระบุตรจะไม่พอใจ แถมพระสันตะปาปาคงโกรธน่าดู
เขาถอนหายใจยาว และรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง
“ท่านฮิวป์ อาหารเช้าพร้อมแล้วขอรับ” ผู้ศรัทธาคนหนึ่งกล่าวด้วยความสุภาพ
“โอ้? รวดเร็วดีนี่” เขาเบนสายตาไปมองดู
เห็นแค่เพียงพรมสีขาวบริสุทธิ์ผืนหนึ่งปูอยู่บนพื้นหญ้า
ภาชนะเงินถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ อาหารอันโอชะลอยฟุ้งด้วยไอระเหย บ่งบอกว่ามันยังคงร้อนอยู่ และบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหมดต่างก็กำลังก้มศีรษะลงด้วยความเคารพ เฝ้ารอให้เขาเดินเข้ามา
“อืม ไม่เพียงแค่มื้ออาหาร แต่กิริยาของพวกเจ้าก็ไม่เลวทีเดียว” ฮิวป์กล่าวอย่างพึงพอใจ
หัวของเหล่าผู้ศรัทธายิ่งก้มต่ำลง
ไม่มีใครอยากจะนึกถึงครั้งล่าสุดที่พวกเขาได้ออกไปทำภารกิจ
ในเวลานั้นมีเส้นผมเส้นหนึ่งร่วงลงไปในอาหาร
ฮิวป์หยิบเส้นผมเส้นนั้นขึ้นมา ก่อนจะเรียกผู้ศรัทธาสองคนที่รับผิดชอบเรื่องการปรุงอาหารให้มาหา และลงมือสังเวยร่างกายของพวกเขามอบให้แด่พระผู้เป็นเจ้า
มันเป็นฉากที่ติดตามากทีเดียว
เขาลุกขึ้นและเดินตรงมาอย่างช้าๆ
ผู้คนทยอยก็ลุกขึ้นเช่นกัน แต่ยังคงนิ่งงันมิกล้าทำอะไรจนกว่าฮิวป์จะนั่งลง
“ท่านฮิวป์ มีเมืองเล็กๆ อยู่ข้างหน้า ท่านต้องการให้พวกเราไปจัดเตรียม ‘วัตถุดิบ’ มาให้หรือไม่?”
“ไม่ต้องกังวลไป พวกเรามาเริ่มกินกันก่อนเถอะ ไว้กินเสร็จแล้ว ก็ค่อยออกไปเลือก ‘วัตถุดิบ’ ด้วยกัน”
ฮิวป์อยู่ในห้วงอารมณ์ที่ค่อนข้างดีมาก ดังนั้นเขาจึงไม่รังเกียจที่จะแสดงท่าทีเป็นมิตรออกมา
เหล่าผู้ศรัทธานั่งลงด้วยความปลื้มปีติ และสบถกับตัวเองอย่างลับๆ ว่า สายตาของตนจะต้องไม่มืดบอด เฟ้นหาวัตถุดิบที่ฮิวป์เห็นแล้วจะต้องรู้สึกพึงใจมาให้จงได้
วัตถุดิบที่ว่า ไม่เพียงแต่จะต้องเป็นสาวพรหมจารีเท่านั้น แต่ยังต้องผอมเพรียว และมีรูปร่างสูงโปร่งงดงามอีกด้วย
ครั้งก่อนที่ออกมาทำภารกิจด้วยกันกับฮิวป์ ผู้ศรัทธาคนหนึ่งได้ไปฉุดคร่าเด็กสาวที่แม้จะผอมเพรียว แต่ทว่ามีหน้าตาธรรมดากลับมา ยามที่ฮิวป์เห็นใบหน้าของเด็กสาว เขาไม่เอ่ยคำใดออกมาเลย แต่กลับนำผู้ศรัทธาที่กล้าเอาของโสมมมาวางไว้เบื้องหน้าเขา ไปใช้เป็นวัตถุดิบรังสรรค์งานศิลปะแทน
ต้องรู้นะว่าฮิวป์น่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการวิจัยอวัยวะและกระดูก เขามีหลายร้อยวิธีที่จะรักษาผู้คนให้รอดพ้นจากช่วงเวลาแห่งความตาย ยามเมื่อวัตถุดิบถูกละเลงจนทุกข์ทรมานเจียนตาย เขาก็จะรักษายื้อชีวิตต่อไป และเริ่มลงมือทรมานอีกครั้ง สลับหมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
ทรมานจนแทบจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ตกตายเช่นกัน
ท่านฮิวป์มักจะพูดอยู่เสมอว่านี่คืองานศิลปะ! มันเป็นผลงานชั้นเลิศของผู้ที่ถูกเรียกว่าพิพากษาศักดิ์สิทธิ์
เขาหยิบมีดบนโต๊ะขึ้นมา เอ่ยสั่งเหล่าผู้ศรัทธาให้แยกกันไปกินอาหารอีกมุมหนึ่ง และเริ่มเพลิดเพลินกับมื้ออาหารของตน
มองไปยังสเต๊กเนื้อฉ่ำเลือดที่ปรุงสุกเพียงสามส่วน ฮิวป์ก็พาลจินตนาการไปถึงวิธีการใหม่ๆ ที่จะใช้ละเล่นกับวัตถุดิบในหมู่บ้านข้างหน้าที่กำลังจะเดินทางผ่านในวันนี้
พริบตานั้นเอง พลันปรากฏเสาแสงสว่างวาบ!
รัศมีแสงสาดลงมาเป็นทางยาวจากบนฟากฟ้า และตกลงท่ามกลางฝูงชนของเหล่าผู้ศรัทธาอย่างแม่นยำ
และหลังจากนั้นอีกศูนย์จุดหนึ่งวินาทีมันก็ระเบิดออก!
ทันใดนั้น ช็อกเวฟก็แพร่กระจายออกไปทุกทิศทาง มันทำลายผิวหนัง กระดูก และอวัยวะภายในของทุกคนที่อยู่ห่างฮิวป์ออกไปจนไม่เหลือชิ้นดี
ซากผู้ศรัทธามากมายลอยเคว้งไปในอากาศ และกระเด็นกระจัดกระจายไปตกในจุดที่ไกลห่างออกไป
“ใครกัน! แกเป็นใครทำไมถึงทำแบบนี้!”
ฮิวป์คำรามลั่นด้วยความโกรธ
ราวกับรับรู้ได้ถึงห้วงอารมณ์ของเขา ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์สว่างวาบ พยุงร่างของเขาให้ลอยเหนือขึ้นไปบนฟากฟ้า!
........................................