" พร้อมหรือยังครับ ไปกันยัง "
เหรินที่กำลังตรวจเช็คสำภาระที่จะต้องใช้ในทริปนี้อย่างขมักเขม้นเอ่ยถามคนเป็นภรรยาถึงความพร้อมสำหรับการออกเดินทาง
" พร้อมค่ะ ว่าแต่เธอขับเองไหวแน่นะ "
" แค่นี้สบายมาก เราไม่อยากให้คนขับรถไปด้วยอะ อยากอยู่กับเธอแค่สองคนครับ "
ระหว่างแม่บ้านกำลังมาช่วยขนของขึ้นไปบนรถเขาถือโอกาสเข้ามาคลอเคลียมากอดมาหอมว่าที่คุณแม่อย่างรักใคร่จนเธอรู้สึกหมั่นไส้
" อยากจะอ้วกกก "
" อ้าว เห๊ยเดี๋ยวเราไปเตรียมถุงขยะติดรถให้ก่อนนะ "
อลิสทำทีเอามือทาบอกเลียนแบบท่าทางตอนอ้วก ฝ่ายคนเป็นสามีเห็นดังนั้นก็เป็นห่วงเป็นใย ดูไม่ออกว่าเธอแค่แหย่เล่นเท่านั้น ตั้งท่าจะวิ่งแจ้นไปหาถุงพลาสติกเพื่อเตรียมไว้เผื่อเธออยากจะอ้วกระหว่างทาง
" เราประชด!!! "
" อ๋ออออ "
" ไปกันได้แล่วจะได้ถึงไวไว "
ได้ยินว่าเธอแค่ประชดเหรินก็คลายกังวล ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีลูกเขาก็อ่านหนังสือศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมมาประมาณหนึ่ง ทำให้ทราบว่าคนท้องอาจจะมีอาการแพ้ท้อง ซึ่งความรุนแรงก็เป็นไปตามปัจเจคบุคคล ถ้าเมื่อครู่ไม่ได้จะอ้วกจริงๆก็แสดงว่ายังไม่มีอาการอะไร
เป็นห่วงคนเป็นภรรยาอยู่นาน พอเห็นเธอมีท่าทีว่าจะอาเจียนออกมาแบบนั้นเลยลนลานทำตัวไม่ถูกเท่าไรนักตามฉบับมีลูกครั้งแรกฉบับคุณพ่อมือใหม่(ที่เห่อลูกมาก)
เขาค่อยๆประคองคนเป็นภรรยาเดินเพื่อไปขึ้นรถ จัดการเปิดประตูรถให้ดิบดีแล้วรีบวิ่งกลับไปฝั่งคนขับ
" เดี๋ยวอย่าเพิ่ง "
" ห๊ะ "
" เราคาดให้ "
รีบวิ่งมาเพื่อการนี้ อยากมีบรรกาศโรแมนติกเหมือนในละครหลังข่าว อารมณ์ประมาณคาดเข็มขัดนิรภัยให้ภรรยาแล้วสบตากันปิ๊งๆตกหลุมรัก
พลันฝันที่วาดเอาไว้ก็ดับลงในพริบตา อลิสดึงเข็มขัดมาคาดเสร็จ พร้อมกับหัวเราะร่วนให้กับสีหน้าผิดหวังของคนเป็นสามี เธอรู้สึกเอ็นดูเขาไม่น้อยทีเดียว
ยิ่งโตยิ่งเด็กคงไม่เกินจริงสำหรับเหริน แต่งงานมาครึ่งปีได้ เหรินเหมือนย้อนกลับสมัยประถม การแสดงสีหน้าท่าทางดูน่ารักน่าเอ็นดูไปเสียหมด
" ฮ่าๆๆๆ ไม่ได้พิการจ้ะพ่อ "
" อยากทำให้นี่ครับ " เหรินพึมพำหน้าจ๋อยๆที่โดนดับฝัน
" น้อยๆหน่อยก็ได้ ขับรถไปเลย "
คู่แต่งงานที่กำลังอยู่บนรถต่างใบหน้าเบิกบาน มีความสุขที่กำลังจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน มีความสุขกับลูกในท้องของคนเป็นภรรยา
" เธอสวยขึ้นไหมวะ "
" อะไร "
จู่ๆเหรินก็โพล่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาคนที่นั่งข้างๆถึงกับทำตัวไม่ถูก เลิ่กลักหน้าแดงหูแดงตัวแข็งทื่อไม่กล้าหันไปสบตาคนเป็นสามีที่กำลังขับรถอยู่
" ไม่รู้สิ เรารู้สึกว่าอลิสสวยขึ้น มากๆเลยด้วย "
" ... "
" อ้าว เธอเขินเหรอ ฮ่าๆ "
" ก็เมียสวย ชมจะแปลกตรงไหน "
" ป...ปกติเธอไม่ชมแบบนี้นี่ " อลิสตอบเสียงตะกุกตะกัก รับมือไม่ค่อยได้กับการชมซึ่งๆหน้า
" ต่อไปชมทุกวันเลยดีหรือปล่าวเนี่ย เธอสวยขึ้นทุกวันเลยอะ " เขาพูดไปตามที่รู้สึก ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆคนข้างๆก็สวยวันสวยคืน มันสวยขึ้นจนผิดสังเกต
" คลั่งรักหรือไงคะ "
" ถามลูกดูก็รู้ว่าเรารักเธอที่สุดในจักรวาล "
" ใช่ไหมครับคนเก่ง "
เหรินละมือจากพวงมาลัยรถข้างนึง ยื่นมือมาลูบท้องคนเป็นภรรยาผ่านเสื้อเบาๆ ทำทีว่ากำลังคุยกับลูก
" ติดเล่นเนี่ย มองทางดีๆ มันอันตราย " อลิสพูดดุๆกลบเกลื่อนความเขินของตัวเอง
" เธอไม่เห็นชมว่าเราหล่อบ้างเลย " เขาท้วง
" ก็งั้นๆนะ ไม่เห็นจะหล่อตรงไหน " อลิสตอบพร้อมกับมองออกไปนอกรถ ไม่ต้องการให้คนเป็นสามีเห็นใบหน้าที่แดงก่ำอยู่ตอนนี้มากนัก
" เธออะ "
ท่าทีแสนงอนปรากฎขึ้นผนวกกับการย่นหน้ายู่ปากแสดงอาการไม่ค่อยพอใจของเขาทันที
" ฮ่าๆ เธอทำไมงอแงจัง อายุกี่ขวบแล้วคะเนี่ย "
" น้อยใจจริงๆนะ "
" โอ๋ๆ ใครจะไปหล่อกว่าเธอได้เล่า นี่คุณเหรินนะคะ สาวๆงี้กรี๊ดกันกระจาย "
" ... "
" เรารักเธอนะ "
เห็นคนเป็นสามีเงียบไปแบบนั้นจึงคิดขึ้นได้ว่าถ้าบอกรักเขาจะต้องหายงอนแน่ จึงตัดสินใจบอกออกไปทั้งที่ตัวเองจะเขินมากๆกับการทำแบบนี้
" ... "
" ได้ยินหรือยัง เรารักเธอมากกว่าที่เธอรักเราอีก "
" มั่ว เรารักมากกว่าอีก "
เป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้เด็ดขาด แม้เหรินจะรู้สึกดีใจมากที่คนเป็นภรรยาบอกรักแต่คำว่ารักมากกว่าฟังดูแล้วแสลงหูไม่ใช่เล่น
" ไม่ใช่ค่ะ เรารักมากกว่า " เธอเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
" ใช่ที่ไหนครับ เหรินต่างหาก "
" เราต่างหาก "
" โอเคๆๆๆ สรุปว่ารักเท่ากันนะครับ "
พอดูๆแล้วจะเถียงกันไม่จบสิ้นเขาเลยจำเป็นต้องยอม ก็เอาเป็นว่ารักเท่ากันก็แล้วกัน จะได้ไม่มีใครรักมากกว่าใคร
" เห๊ย ข้างหน้ามีร้านโรตีสายไหมอะ จอดให้ได้ปล่าวเราอยากกิน "
" เอาสิๆ "
คนตัวเล็กตาวาวเป็นประกายทันทีที่เห็นร้านขายโรตีสายไหมตั้งอยู่ข้างทาง ของโปรดของเธอในวัยเด็ก หลังจากไม่มีโอกาสได้กินมานานวันนี้ก็ได้เจออีกครั้ง
เหรินเปิดไฟเลี้ยวแล้วจอดรถข้างทางให้คนเป็นภรรยาลงไปซื้อขนม ท่าทางของเธอดูตื่นเต้นมีความสุขจนเขาเผลอยิ้มออกมาลำพัง
" ไม่ได้กินมานานมากกกกก "
" ป้อนหน่อยครับ " เขาขอให้อีกคนป้อนด้วยตัวเองกำลังขับรถอยู่
" ได้ๆ เป็นไงอร่อยไหมคะ "
" ก็สายไหมอะเธอ ฮ่าๆๆๆ "
" หวานมาก อยากกินทุกวันเลย "
เธอกินไปยิ้มไป เพลินเพลินกับรสชาติหวานๆของขนมสุดโปรดอย่างมีความสุข
" อยู่แถวบ้านก็มีขายครับ เดี๋ยวกลับไปจะซื้อให้กินทุกวัน เอาให้เบื่อตายอะ "
" มีด้วยเหรอ ทำไมเราไม่เคยเห็น "
อลิสตาโตทันทีที่รู้ว่าแถวบ้านตัวเองก็มีขาย ถ้ารู้ว่ามีอยู่ใกล้ๆมีหวังได้กินทุกวัน กินแทนขนมหวานทุกชนิดบนโลกโดยไม่มีวันเบื่อหน่าย
" เคยมองหาหรือไงล่ะ เธอก็ทำแต่งาน "
" แฮะ ก็จริงอีก " อลิสได้แต่เกาหัวแกรกๆเพราะที่เขาพูดมันจริงทั้งหมด
" นอนพักก่อนได้นะ ถึงแล้วเหรินปลุก "
เขาบอกด้วยความเป็นห่วง ระยะทางอีกไกลว่าจะถึงที่หมาย ไม่อยากให้เธอรู้สึกเหนื่อย
" อยู่กับเธอนี่แหละ ไม่อยากให้เหงา "
" ฮ่าๆโอเค ถ้าไหวก็อยู่ครับ ไม่ไหวนอนเลยไม่ต้องฝืนนะ "
" อื้ม "
" วู้วววว ถึงแล้วว เมื่อยก้นมาก "
อลิสลงจากรถ ยืดเหยียดคลายกล้ามเนื้อไล่ความเมื่อล้าจากการนั่งรถอันแสนยาวนาน ทะเลใกล้ๆมีไม่เที่ยว ถ่อมาไกลเกือบสุดเขตแดนประเทศ
" นวดให้เอาปล่าว " เขาถามเธอด้วยสีหน้ามีเลศนัย
" ทะลึ่งป้ะเนี่ย "
" ทะลึ่ง "
" โอ๊ยยย เธอนะเธอ " อลิสได้แต่ยิ้มกว้างๆส่ายหน้าไปมากับพฤติกรรมนี้ของคนเป็นสามี
" ถามหมอแล้วหมอบอกมีได้ให้ระวังอย่ารุนแรงกับท่าที่ผาดโผน "
ในเมื่อไม่มีอะไรต้องปิดบังก็แค่พูดไปตามตรง คนเจ้าเล่ห์แบบเขาถนัดนักเรื่องต้อนให้อีกคนจนมุม
" รู้ค่ะ ยังไม่ทันได้ว่าอะไรเลย "
" แปลว่าอนุญาตงั้นสิ "
ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้ ใช้สายตามองคนเป็นภรรยาอย่างหยาดเยิ้ม สันจมูกคมๆกดลงบนแก้มนุ่มๆหนึ่งครั้ง สูดหายใจเข้าดังฟอดเป็นการเติมพลัง
เพี๊ยะ
" อะไรเล่า " เธอฟาดฝ่ามือลงบนต้นแขนของคนเป็นสามีอย่างจังด้วยความเขินอาย
" เยี่ยมสิแบบนี้ ไปเธอไปนอนพักก่อน แดดอ่อนแล้วค่อยมาเล่นน้ำกัน บิกีนี่ๆๆๆๆๆ "
" ฮ่าๆๆๆ โว้ยยย สวดมนต์หรืออะไรเธอน่ะ "
อลิสขำจนทัวทิ่มกับอากับกิริยาของเหรินที่เอาแต่พึมพำๆว่าบิกีนี่ๆๆๆ เสียงฟังดูแล้วคล้ายบทสวดสักอย่างที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
" แต่จริงๆไม่อยากรอละ ใส่นอนไปเลยดีไหมนะ "
" ... "
อลิสไม่ได้ตอบอะไรออกไปแต่ยิ้มให้เขาอย่างยั่วยวนแทบคำตอบ
" ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงครับ หื้มม "
เอวบางของคนตัวเล็กถูกคว้าเข้าไปกอดไว้อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เหรินหมั่นเขี้ยวจนแทบทนไม่ได้อยากจะกอดอยากจะหอมให้ช้ำเสียตรงนี้
" อย่ากอดตรงนี้ คนเยอะค่ะ " อลิสปราม
" งั้นเข้าห้อง กลับห้องๆๆๆๆๆๆ "
" ไปเลยๆ ขนของ "
เสียงราวกับการสวดมนต์ดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งคู่หยอกล้อกันอย่างมีความสุข เที่ยวทะเลครั้งนี้คงจะเรียกได้ว่าเป็นการฮันนีมูนย้อนหลังได้สักที
หลังผ่านเรื่องราววุ่นวายต่างๆมามากมาย ในที่สุดทุกคนก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในแบบฉบับของตัวเองเสียที