"โก้ ชอบอันไหน เรามีให้เลือกสองอัน"
พัฒน์ยกกระบอกใส่ดินสอสองใบให้ดู ใบหนึ่งเป็นสีม่วงลายแมว ขณะที่อีกใบเป็นสีน้ำเงินลายหมา วีระที่นั่งอยู่ด้วยเรียกร้องสิทธิทันที
"แล้วทำไมให้โก้เลือกก่อน ไม่ให้เราเลือก"
"ก็เรารู้ว่า นายใช้อันไหนก็ได้ เอาน่า เราเลือกมาสวยทั้งสองอันแหละ"
"เหอะ ๆ รักเพื่อนไม่เท่ากัน"
"จะเอาไม่เอา ไม่เอาจะได้เอากลับอันนึง โก้ ดูก่อน ชอบอันไหน"
โก้ดูกระบอกทั้งสองอันก่อนจะเลือกอันสีม่วง พัฒน์มองอย่างแปลกใจ
"เลือกอันนี้เหรอ เรานึกว่านายจะเลือกสีน้ำเงินซะอีก"
"สีม่วงนี่แหละ เหมือนนายดี"
"เหมือนตรงไหน"
"ก็ตรงลายแมวนี่ไง แมวมันเสียงแง้ว ๆ เหมือนนายเวลาพูดนี่แหละ แถมยังหน้าเหมือนนายด้วย"
"ใครหน้าเหมือนแมว"
เสียงค่อนข้างแหลมแง้วขึ้นทันที โก้หัวเราะยิ่งเห็นคนตัวเล็กหน้าอูมก็ยิ่งหัวเราะหนักขึ้น
"ก็ตรงนี้ไง เสียงเป็นแมวร้องเลย แล้วทำหน้าอูม ๆ แบบนี้ เหมือนแมวตัวนี้จะตาย"
โก้ยกกระบอกหันด้านที่เป็นรูปแมวเทียบกับหน้าพัฒน์ คนโดนเทียบยิ่งหน้าอูม ตาโตวาวแบบเริ่มโมโห ทำให้โก้รีบบอก
"นี่ไง ดูสิ น่ารักดีออก นายเหมือนแมวตัวนี้แหละ"
คำชมนั้นทำให้ตาที่วาวอ่อนแสงลง รอยเขินแกมยินดีฉายชัด โก้มองอย่างนึกเอ็นดู แม้จะอายุเท่า ๆ กัน หากโก้กลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเด็กกว่าตนเอง เพราะไม่ว่าจะดีใจเสียใจหงุดหงิด ดวงตาดำกลมโตคู่นั้นไม่สามารถซ่อนความคิดในใจได้เลย
"นายเก็บของดีจริง ตั้งสามสิบกว่าปีแล้วยังอยู่ ของเราแตกไปตั้งนานแล้ว"
"ก็วางไว้บนโต๊ะแบบนี้ ไม่มีใครมายุ่ง มันก็ไม่แตกสิ"
แม้จะบอกแบบนั้น หากเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่า เขาทะนุถนอมกระบอกใบนี้เพียงไร แม้ในยามที่ต้องเก็บไว้ไม่ให้ใครเห็น เขายังห่อหุ้มอย่างดีด้วยกลัวจะแตก ใส่กล่องแยกไว้ไม่ปะปนกับของอื่น นาน...นานมากทีเดียว กว่ากระบอกใบนี้จะได้กลับมาอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนเขาอีกครั้ง
"เห็นแล้วก็คิดถึงพัฒน์ ตอนเอามาให้ไม่ยอมให้เราเลือก ต้องให้นายเลือกก่อน"
"นั่นสิ ไม่รู้พัฒน์เป็นไงบ้าง ไม่เคยได้ข่าวเลย"
"นั่นสิ ไม่รู้หายไปไหน ขนาดเราเป็นญาติยังไม่เคยส่งข่าวมาเลย"
คำบอกนั้นทำให้ตาโก้หมองลง วีระตบบ่าเพื่อนอย่างเข้าใจ
"อย่าพึ่งไปคิดเรื่องเก่า ๆ เลย ลงไปกินเหล้ากันดีกว่า วันนี้เราได้ของดีมานะ วีเอสโอพีสามสิบปีเชียว มาดื่มให้เต็มที่เลยวันนี้"
วีระเดินนำโก้ออกมาจากห้อง แม้จะพยายามข่มไว้เช่นไรแต่ด้วยความสนิทสนมกันมากว่าสามสิบปี ทำให้คนมาเยี่ยมรู้ว่า เพื่อนยังคงไม่เคยลืมเรื่องราวและคนในความทรงจำ วีระแอบยิ้มอย่างพอใจ ตราบใดที่ความผูกพันนี้ยังอยู่ การตามหาผู้สาบสูญยังคงมีความเป็นไปได้อยู่ดี
"ทำไมเสื้อเลอะแบบนี้ล่ะ รับน้องแล้วเหรอ"
วสวัตที่รดน้ำต้นไม้อยู่ถาม เมื่อเห็นกานต์ลงมาจากรถ เสื้อเชิร์ตสีขาวที่ใส่อยู่ ตอนนี้บริเวณอกเปื้อนสีน้ำตาลเป็นวงใหญ่ คนถูกถามหน้าตายู่ยี่อย่างหงุดหงิด
"ยังไม่ได้รับน้อง เมื่อกี้ผมแวะซื้อกาแฟ มีคนเดินมาชนแถมทำกาแฟหกใส่ผมด้วย ซักออกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เสื้อใหม่พึ่งใส่วันนี้เลยด้วย"
คนตอบค่อนข้างหงุดหงิด ท่าทางหงุดหงิดแบบนี้...คุ้นตาเสียจริง
"พัฒน์ ทำอะไร เห็นไหมเสื้อเลอะหมดเลย"
เสียงโก้หงุดหงิดมากแต่จะโกรธก็โกรธไม่เต็มที่ ขณะที่คนทำยืนเชิดหน้าปากยื่นสูง แม้จะแสดงท่าทีไม่ยี่หระ แถมทำหน้าแบบสมควรแล้วที่โดน หากโก้ยังเห็นดวงตาที่มีแววตกใจเพราะรู้ว่าลงมือแรงไป พอเขาทำหน้าไม่พอใจ คนตัวเล็กรีบบอก
"ก็อยากแกล้งให้เราตกใจทำไมล่ะ ยังดีนะ ไม่ได้ถือน้ำร้อนมา"
เรื่องเกิดเมื่อ พัฒน์กำลังยกแก้วจะดื่มน้ำ โก้ที่ตามหลังมาเลยแกล้งปัดศอกคนดื่มขึ้น ทำให้น้ำหกรดเข้าจมูกจนเกือบสำลัก แล้วคนทำก็ยืนหัวเราะแบบสะใจ คนหน้าเลอะฉุนจัดจึงสาดด้วยน้ำที่เหลือในแก้ว โดยลืมคิดไปว่าเป็นน้ำหวาน เสื้อเชิร์ตขาวตัวใหม่ของคนยืนหัวเราะเลยเปื้อนสีแดงเป็นปื้นใหญ่
"เปื้อนแบบนี้ จะซักออกไหม"
แม้จะตอบแบบไม่ยี่หระ แต่เมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายจะโกรธเอาจริง ๆ พัฒน์ก็ยื่นหน้าตัวเองที่ยังเปื้อนน้ำสีแดงให้ดู ตาคมมีแววสำนึกผิดให้เห็น
"หน้าเราก็เปื้อนเหมือนกันนี่ เอาน่า หายกัน นายอยากแกล้งเราก่อนทำไม ไป ไป เอาเสื้อไปล้างน้ำก่อน เดี๋ยวซักไม่ออก เดี๋ยวเราไปเอาเสื้อบอลที่ชุมนุมมาให้"
พัฒน์ดันตัวโก้ที่ยืนหน้างอให้เดินไปทางห้องน้ำ เขาล้างหน้าแล้วรีบไปเอาเสื้อบอลจากห้องชุมนุมมาเพื่อแก้ไขความผิด พอเปิดประตูกลับเข้าไปในห้องน้ำ โก้ที่ถอดเสื้อยืนรออยู่ก็ส่งเสื้อที่ถือในมือให้
"นายทำเลอะ ต้องซักให้เรา"
"ก็ได้ ๆ อย่าโกรธน่า"
พัฒน์รับเสื้อแล้วรีบซักน้ำเปล่าให้สีแดงจางลง ขณะที่โก้ยืนมองโดยยังไม่ยอมใส่เสื้อ คนที่ซักเสื้ออยู่อดแอบเหลือบมองรูปร่างอีกฝ่ายในกระจกไม่ได้ สมกับที่เป็นนักกีฬา ร่างสูงกล้ามเนื้อได้สัดส่วนไม่มีไขมันส่วนเกินเลยสักนิด รูปรางสมบูรณ์แบบที่เห็นทำให้อดแอบมองซ้ำ ๆ ไม่ได้
"เสร็จยัง"
"เสร็จล่ะ เอ้า...ไม่เปื้อนแล้ว สีออกไปหมดแล้ว แต่เสื้อเปียกอยู่ นายก็ใส่เสื้อบอลไปก่อนสิ มายืนโป๊อยู่ได้ ทำไมจะอวดให้ใครดู หึ"
"ตัวมันยังเหนียวอยู่ รอคนทำมารับผิดชอบ"
"ก็ซักเสื้อให้แล้วนี่ จะให้ทำไงอีก จะให้เราเช็ดตัวให้ด้วยหรือไง"
ประโยคนั้นทำให้เกิดความเงียบขึ้นทันที พัฒน์ก้มลงซักเสื้อโดยไม่มองอีกฝ่ายเลย ขณะที่โก้รีบใส่เสื้อ ความเงียบงันทำให้ทั้งสองคนเหมือนทำอะไรไม่ถูก ก่อนพัฒน์จะบอก
"เราเอาไปเสื้อไปตากให้ก่อนนะ"
พัฒน์รีบเดินออกไปจากห้องน้ำ ขณะที่โก้คงยืนคิดอะไรเนิ่นนาน
"เปื้อนแบบนี้ ไม่รู้จะซักออกไหม"
คำบ่นที่แทบเหมือนในความทรงจำทำให้วสวัตที่เหม่ออยู่รู้สึกตัว
"ถ้าเป็นกาแฟ เอาเสื้อไปซักน้ำให้คราบจางก่อน แล้วใช้พวกน้ำยาซักผ้าป้ายทิ้งไว้ เดี๋ยวก็หาย แต่รีบไปซักเลยนะ ถ้าช้าจะติดแน่นซักยาก"
กานต์พยักหน้า เขาเดินไปตรงสนามหญ้าที่มีก๊อกน้ำอยู่แล้วถอดเสื้อออกมาขยี้รอยเปื้อน วสวัตมองตามคนที่ตอนนี้เปลือยท่อนบน รูปร่างที่สมบูรณ์ได้สัดส่วนที่เห็น เขารู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที เขารีบเบือนหน้าหนี แต่พอจะเดินกลับ กานต์ก็รีบบอก
"วัต ช่วยเข้าไปหยิบน้ำยาซักผ้าให้หน่อย ผมลืมหยิบมา ตอนนี้มือเปียกแล้ว ไม่อยากเปิดเข้าไปในบ้าน รบกวนหน่อยนะครับ"
ท้ายประโยคมีแววอ้อนเล็ก ๆ อย่างคนเคยอ้อนผู้ใหญ่มาตลอด วสวัตพยักหน้าแล้วจะเดินเข้าไปในบ้าน หยิบขวดน้ำยาซักผ้าออกมาให้ กานต์เปิดฝาแล้วเทออกมาจนวสวัตร้องห้าม
"ไม่ต้องเยอะขนาดนั้น แค่ทาตรงรอยเปื้อนให้ทั่วพอ"
"เหรอ ทุกทีผมเอาเสื้อใส่เครื่องเลย ไม่เคยซักมือสักที"
ท่าทางคนพูดเก้ ๆ กัง จนคนมองอดไม่ได้
"มา ผมทำให้"
วสวัตรับเสื้อจากมืออีกฝ่าย เขาป้ายน้ำยาซักผ้าลงบนรอยเปื้อน แล้วขยี้จนรอยเปื้อนกระจาย ซักน้ำ แล้วทำซ้ำอีกครั้ง พอดูอีกที รอยเปื้อนก็หายไปแล้ว เจ้าของเสื้อยิ้มตาหยี
"ดีจัง ไม่มีรอยแล้ว"
คนพูดไม่ได้ใส่ใจเลยว่า ตอนนี้ตัวเองเปลือยท่อนบนอยู่ ขณะที่คนคุยด้วยพยายามไม่มองหุ่นของคนที่ยืนอยู่ เพราะรูปร่างแบบนี้ คนมีกล้ามเนื้อแน่นแบบนักกีฬา...
"กานต์เล่นกีฬาหรือเปล่าเนี่ย"
"ผมเล่นฟุตบอล เล่นมาตั้งแต่เด็กแล้ว อาผมชอบเล่นบอล ผมเลยไปกับอาตลอด"
"มิน่า หุ่นถึงดี"
ประโยคท้าย เสียงเบามาก หากขณะที่มองกานต์ ในความคิดของวสวัตกลับมีภาพชายหนุ่มอีกคนซ้อนทับ คนที่เจอกันวันแรกพบ แล้วบอกว่า ชอบเล่นฟุตบอล
หลังจากเปิดเรียน จากที่แทบไม่เคยผ่านสนามบอลเลย อธิพัฒน์ก็ไปบ่อยขึ้น ยิ่งเมื่อวีระที่ชอบเล่นบอลไปเล่นด้วย เขาก็มักอ้างว่าไปหาวีระแล้วนั่งดูเกมฟุตบอล จนตอนหลัง อธิพัฒน์จะเตรียมน้ำกับน้ำแข็งไว้ให้เสมอ จนคนเล่นบอลเคยชินที่จะวิ่งออกมาขอน้ำเวลาเหนื่อย ๆ
แม้จะเหมือนนั่งดูเกมฟุตบอล หากมีแต่เจ้าตัวที่รู้ว่า เขาไม่เคยมองเลยว่าเกมเป็นอย่างไร บอลถูกส่งไปที่ใคร ในสายตามองตามคนคนเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะได้บอลหรือไม่ก็ตาม จบเกม วีระกับโก้เดินมาพร้อมกัน เมื่อเห็นคนรออยู่ โก้ก็ถอดเสื้อบอลส่งให้
"ซักให้ด้วย"
"แล้วทำไมต้องให้เราซักให้ทุกทีเลย"
หลังจากวันที่ทำเสื้อเปื้อนแล้วซักให้ ดูเหมือนโก้จะชินที่จะส่งเสื้อให้อีกฝ่ายซัก พอออกจากสนามก็มองหาเพื่อส่งเสื้อให้ พัฒน์ขึ้นเสียงสูงเหมือนไม่พอใจ โก้หัวเราะ แม้เพื่อนหลายคนจะบอกว่า อธิพัฒน์เป็นคนเสียงค่อนข้างแหลมจนบางทีฟังแล้วแสบหู หากโก้กลับรู้ว่าว่า เสียงอีกฝ่ายตลกดี ยิ่งเวลาโมโหเสียงยิ่งแง้ว ๆ เหมือนแมว เขาจึงมักหาเรื่องแหย่ให้อีกฝ่ายแผดเสียงโวยวายอยู่บ่อย ๆ
"ก็เราซักเองไม่สะอาดนี่ นายซักผ้าสะอาดกว่า ซักให้หน่อยน่า"
พัฒน์ทำหน้าเหมือนไม่เต็มใจ หากแทบทุกครั้งที่อีกฝ่ายเลิกซ้อมบอล เขาจะไปยืนรอรับเสื้อมาซักให้เสมอ วีระมองคนเล่นบอลด้วยแล้วทำท่าอิจฉา
"ดีเนอะ โก้ มีคนใช้ส่วนตัวซักผ้าให้ด้วย"
"ใครเป็นคนใช้ส่วนตัว พูดดี ๆ เลยนะ วี"
อธิพัฒน์หันไปขู่ใส่คนที่บอกว่ารุ่นปู่รู้จักกัน วีระมองหน้าโก้แล้วยักคิ้วล้อเลียน
"จะใครล่ะ มาดูบอลแล้วก็รับเสื้อไปซักให้ทุกที นี่ถ้าเป็นผู้หญิงนะ จะขอให้เป็นเมียเลยนะเนี่ย"
"ใคร เมีย เดี๋ยวเหอะ"
พัฒน์เสียงแหลม ขณะที่หน้าร้อนผ่าว โก้ก็เสมองไปทางอื่นไม่ยอมมองหน้าวีระ คนแซวทำท่าทางให้รู้ว่า ไม่ต้องพูด เข้าใจ
"เหรอ งั้นฝากซักให้เราด้วยสิ"
"ไม่ เสื้อนายหนา ซักยาก"
อธิพัฒน์ปฏิเสธแล้วเดินออกไปทันที วีระหันไปมองแล้วทำหน้างง ๆ แบบเจตนา
"แล้วเสื้อนายกับเสื้อเราไม่เหมือนกันเหรอวะ"
โก้ไม่ตอบแต่มองตามคนที่เดินออกไปจนลับสายตา วีระมองคนตรงหน้ากับคนที่พึ่งเดินหายไป สายตาเขามีแววครุ่นคิด ตลอดสองปีที่ผ่านมา เขาสังเกตความสัมพันธ์ของเพื่อนทั้งสองคนอย่างไม่ให้มีอะไรลอดสายตา ก่อนที่เขาจะเดินไปที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ เขาหยอดเหรียญลงไปจำนวนมาก ก่อนจะบอกปลายสาย
"คุณปู่ครับ ทั้งสองคนน่าจะเป็นอย่างที่เราคิดครับ"
"วัต วัต"
เสียงกานต์ทำให้วสวัตหันมา เขาพึ่งรู้ตัวว่า ตั้งแต่เจอกานต์เขาเหม่อลอยบ่อยครั้งเพราะคิดถึงเรื่องที่พยายามไม่คิดถึงมานาน เสื้อในมือเปียกชุ่มไปหมด เขารีบปิดน้ำบิดเสื้อ'
"ไม่มีรอยล่ะ ตากแห้งแล้วรีดก็ใส่ได้เลย"
"ขอบคุณมากเลย วัต ไม่งั้นแย่เลย เสื้อใหม่ด้วย"
วสวัตส่งเสื้อในมือในคนที่ยืนโชว์หุ่นอยู่ เขาพยายามมองแต่หน้าอีกฝ่าย
"เอาไปตากได้เลย รีบเข้าไปใส่เสื้อเถอะ เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา"
"ไม่เป็นหรอก ผมสบายมาก บางทีเล่นบอลก็ไม่ได้ใส่เสื้อมันร้อน"
ไม่พูดเปล่า กานต์ยังทำเบ่งกล้ามอย่างคนแข็งแรง หากคนมองกลับหน้าร้อนผ่าว ใจเต้นแรงจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยินที่ดังออกมา
"ยังไงก็ระวังเป็นหวัด ผมเข้าบ้านก่อนนะ"
วสวัตเดินกลับไปบ้านหลังใหญ่โดยพยายามไม่หันกลับมามองคนที่ยืนอยู่เลย กานต์ที่มองท่าทางนั้นยิ้มและตะโกนถาม
"เขินแบบนี้ เพราะผมหุ่นดีใช่ไหมเนี่ย"
เสียงตามหลังทำให้คนที่เดินก้าวเร็วจนแทบเป็นวิ่งเข้าบ้านไป
"ระวัง"
"โอ๊ย"
สองเสียงประสานพร้อมกัน วสวัตที่เดินตามมาทำหน้าแหยแบบเจ็บแทน เพราะถือกล่องซ้อนสองสามใบลงมาจากรถ ทำให้ไม่เห็นว่า บนพื้นมีรอยน้ำอยู่หงายหลังลื่นล้มก้นกระแทกพื้น กล่องในมือหล่นกระจาย กานต์ยิ้มเขิน ๆ วัตยื่นมือให้อีกฝ่ายเกาะลุกขึ้น
"เจ็บมากไหม"
"ไม่เป็นไร ล้มนิดเดียวเอง ตอนเล่นบอล ล้มหนักกว่านี้อีก"
แม้จะยังคงเบ้หน้าอยู่บ้าง หากคนล้มก็พยายามทำนิ่งเหมือนไม่ไม่รู้สึกอะไรเลย ท่าทางที่ตายได้ไม่ยอมเสียฟอร์มแบบนี้ เป็นอีกครั้งแล้วที่วสวัตแน่ใจว่า เคยเห็นมาก่อนแล้ว เมื่อไหร่นะ