webnovel

ตอนที่ 134

ตอนที่ 134 ผู้ต้องสงสัย

ถ้าแค่เพราะเขาคนเดียวเป็นคนผิด กวานลี่เองก็ไม่สนใจถ้าจะต้องเป็นคนแบกรับเอาไว้ทั้งหมด 

แต่ นี่ไม่ได้มีแค่เขา! แต่ยังมีคนมากถึงขนาดนี้!

คำพูดของเขา อาจลากทุกคนให้ลงนรกได้! 

ทั้งหมดเป็นเพราะฆาตกรคนก่อน! 

ถึงแม้พวกเขาจะรีบปิดคดี ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะพบช่องโหว่ แต่ก็ต้องลงโทษอู๋เหวินคัง กระทั่งสุดท้ายแล้วพวกเขาเองต่างก็ไม่กล้าตรวจสอบ ไม่กล้าทำให้คดีมันพลิก! 

น่าอับอายจริงๆ!

ตลอดชีวิตนี้ของเขา ปิดคดีมาตั้งมากมาย ปะทะกับอาชญากรจำนวนมาก มีแต่คนๆ นี้เท่านั้นที่ทำให้ต้องอับอายจนถึงที่สุด! แม้กระทั่งตำรวจก็ยังถูกหลอกใช้!

หลายสิบปีมานี้ ไม่มีเวลาไหนที่เขาจะไม่คิดถึงคดีนั้น คิดหลากหลายวิธีที่จะจับฆาตกรปลิ้นปล้อนผู้นั้น! 

พอได้ยินว่าเกิดคดีหั่นศพเกิดขึ้นอีกครั้ง เขายังรู้สึกตื่นเต้นคิดว่าฆาตกรคนนั้นจะอดทนไม่ไหวแล้วก่อคดีอีกหน แต่หลังจากที่เขาสงบใจลงได้แล้ว กลับคิดทบทวนอีกครั้ง ฆาตกรคนนั้นโหดเหี้ยมขนาดนี้ ขนาดจะลงมือยังมีแผนการอย่างดี ตอนนี้ตัดสินใจจะวางมือแล้ว คนที่น่ากลัวแบบนั้น จะเป็นไปได้เหรอที่จะอดรนทนไม่ไหวลงมือก่อคดีอีกครั้ง 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มองเนื้อหาในโพสต์ หลังจากคิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน เขายิ่งรู้สึกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนๆ เดียวกับเมื่อปีนั้น และตอนนี้เองก็ได้รับการยืนยันจากปากของเย่หนิงและคนอื่นๆ แล้ว

ไม่มีสองคำนั้น! ไม่ใช่เขาคนนั้น! เป็นแค่การฆาตกรรมเลียนแบบ!

อีกอย่างจุดประสงค์ ก็เพื่อชำระบาปให้แก่อู๋เหวินคัง

เจ้าหมอนั้นเป็นคนถือทิฐิ! เพื่อร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมให้อู๋เหวินคัง ถึงได้ลงมือฆ่าคนโดยไม่นึกเสียดาย! 

คนๆ นั้นมีความสัมพันธ์อย่างไรกับอู๋เหวินคังกันแน่ 

ต้องเป็นคนที่สนิทมาก ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้ แต่อู๋เหวินคังไม่มีญาติที่สนิทมากๆ นี่นา

พ่อของเขา ปีนั้นเพราะไม่อาจทนแรงกดดันไหว โรคหัวใจกำเริบ จากไปอย่างกะทันหัน เหลือเพียงแม่ที่ชราแล้วของเขา ตอนนี้ก็ใกล้จะเจ็ดสิบแล้วจะไปฆ่าหั่นศพได้อย่างไร 

จ้างวานฆ่างั้นเหรอ 

"พ่อครับ!" กวานอี้เหลียงเรียก สติของกวานลี่ผิงค่อยๆ หวนกลับมา "เหลียงจือ เรียกพ่อเหรอ" 

"พ่อครับ พ่อเหม่ออะไรอยู่ ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ" 

"ไม่มีอะไร!" กวานลี่ผิงถอนลมหายใจยาวอีกครั้ง "แค่กำลังคิดเรื่องเมื่อปีนั้น! กำลังคิดว่าเป็นใครที่เป็นไปได้ว่าจะอยากพลิกคดีของอู๋เหวินคัง! คนที่ใกล้ชิดที่สุดกับอู๋เหวินคังก็มีแค่พ่อแม่ของเขา พ่อของเขาโรคหัวใจกำเริบเสียชีวิตกะทันหัน ส่วนแม่ของเขาอายุก็ปาไปเจ็ดสิบปีแล้ว จะไปฆ่าใครที่ไหนได้"

กวานอี้เหลียงขมวดคิ้วมากกว่าเดิม

หยางปินพูดเสริมชึ้นมาว่า "ใช่ เรื่องนี้ แน่นอนว่าคนที่ความเกี่ยวข้องต้องมีความใกล้ชิดมากๆ ถึงจะลงมือทำได้ ไม่อย่างงั้นใครจะฆ่าคนเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่คนอื่นกันล่ะ แต่วิธีการก่อคดีของฆาตกรเองก็ชำนาญเอามากๆ และอีกอย่างบริเวณสถานที่เกิดเหตุเองก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ก่อนหน้านี้พวกเราเองก็ไม่มีเบาะแสเลยสักนิดด้วย!" 

"ผมเองก็รู้สึกว่าแปลก ถ้าฆาตกรไม่รู้จักฆาตกรตัวจริงของคดีอู๋เหวินคัง เขาทำแบบนี้แล้วจะได้ประโยชน์อะไร ความหมายก็มีไม่มาก! และก็ไม่มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะหาฆาตกรเจอ ผ่านมาตั้งหลายสิบปี ก็ยิ่งยากต่อการตรวจสอบ พวกเราจะมีก็แค่เบาะแสเก่าๆ เท่านั้น

เสิ่นอี้กล่าวเสียงเรียบ "โดยปกติแล้วจะต้องตรวจสอบจากคนใกล้ตัวของอู๋เหวินคัง" 

"ตรวจสอบจากคนใกล้ตัวของอู่เหวินคัง" กวานลี่ผิงพูดอย่างสงสัย "ก่อนหน้าที่ฆาตกรกำลังก่อคดีก็ต้องไตร่ตรองดูแล้วจะเลือกคนแบบไหนที่จะฆ่า ไม่อย่างงั้นทำไมตอนที่อู๋เหวินคังก่อคดีหลายต่อหลายครั้งถึงได้ไม่มีหลักฐานที่อยู่" 

"เป็นแบบนี้ไม่ผิดแน่! ฆาตกรคงคิดแพลนไว้ก่อนแล้ว แต่นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีเยี่ยม เขารู้จักอู๋เหวินคัง" เมื่อเสิ่นอี้พูดออกมา ถึงกับทำให้กวานลี่ผิงต้องชะงัก 

เสิ่นอี้ค่อยๆ พูดออกมาว่า "ฆาตกรไม่มีหลักการอะไรแต่กลับรู้กฎหมายมากพอตัว มีวิธีการขัดขวางการสืบสวนอย่างดีเยี่ยม ทำไมนะเหรอ ไม่มีทางรู้มาตั้งแต่เกิดแน่ หรือว่าข้างกายเขาจะมีคนแบบนั้นที่เขามักคุยด้วยบ่อย ดังนั้นเขาถึงรู้ หรือให้พูดอีกอย่าง เขาอาจสมรู้ร่วมคิดกับฆาตกรรม ดังนั้นจึงค่อยๆ รู้จากคำพูดของอู๋เหวินคัง อู๋เหวินคังเข้าใจกฎหมายไม่น้อยและเทคนิคการสืบสวนคดี เป็นการวางรากฐานในการก่ออาชญากรรมในอนาคตของเขา" 

"คนข้างกายของอู่เหวินคัง..." กวานลี่ผิงเอ๋ยเสียงเบา "เป็นคนที่สนิทกับเขามากๆ และรู้จักเขาดี" 

เสิ่นอี้พูดอีกครั้งว่า "นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมมั่นใจ แต่ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุ! ก็คือวันนั้นที่เกิดคดี! วันนั้นที่เทียนชี๋จุนถูกทำร้าย! ฆาตกรจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเป็นคืนนั้น อู๋เหวินคังต้องอยู่ในห้องของตนเอง และอีกอย่างอู๋เหวินคังและเพื่อนของเขาดื่มลากยาวจนถึงตีหนึ่งกว่าถึงได้เลิก แต่ตอนห้าทุ่มกว่ากลับกลายเป็นว่าเทียนชี๋จุนนั่งรถมาที่พักของอู๋เหวินคัง ทำไมกัน"

"อู๋เหวินคังไม่อยู่บ้าน หลายวันยังไม่กลับไป ดึกขนาดนั้นเทียนชี๋จุนไปที่บ้านของอู๋เหวินคังทำไมกัน ถ้าอยากไปช่วยทำความสะอาดไปตอนกลางวันก็ได้นี่ ไปทำความสะอาดอะไรตอนกลางดึก และอีกอย่างเจาะจงไปที่บ้าน นี่ชัดเจนมาก ว่ามีคนโทรศัพท์ให้เธอไป นัดให้เธอไปหา! คนๆ นี้จะเป็นใคร" 

เย่หนิงรีบพูดขึ้นมาว่า "ยังจะให้พูดอีก ต้องเป็นฆาตกรแน่นอน!"

เสิ่นอี้มองเธอ ฉีกยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ฆาตกรคนนั้นต้องรู้แน่ว่าอู๋เหวินคังจะไม่กลับไปคืนนั้น และจะแน่ใจได้ยังไงว่าคืนนั้นอู๋เหวินคังจะไม่มีหลักฐานที่อยู่" 

"นี่..." ไม่ต้องพูดถึง เย่หนิง หยางปิน และคนอื่นๆ พวกเขาต่างก็นิ่งค้าง แม้แต่กวานลี่ผิงเองก็ด้วย 

เสิ่นอี้ค่อยๆ พูดออกมาว่า "ทุกครั้งฆาตกรล้วนเลือกเวลาลงมือได้อย่างดีเยี่ยม หลายครั้งก็ไม่เคยเกิดปัญหา อู๋เหวินคังไม่อยู่ที่ออฟฟิศก็จะต้องอยู่คนเดียวในหอ แล้วอีกอย่างเพราะยุ่งกับการสอบ สุดสัปดาห์ก็เลยต้องอยู่อ่านหนังสือในหอ ออกไปข้างนอกน้อยมาก อยากหาหลักฐานที่อยู่ก็ยังยากมากจริงๆ แต่ครั้งนี่ที่เทียนชี๋จุนถูกฆ่าก็แปลกมากๆ เขารู้ได้อย่างไรว่าคืนนั้นอู๋เหวินคังจะอยู่ในห้องของคนเดียว และไม่มีพยานคนอื่นๆ ออกมายืนยันได้เลย

กวางลี่ผิงครุ่นคิด แล้วจึงพูดขึ้นว่า "บางทีเขาอาจจะไม่ได้สนใจ หลังจากที่เพื่อนนักเรียนออกไปดื่มเหล้าจนเมา ถ้าอู๋เหวินคังจะออกไปก็ไม่มีทางรู้หรอก" 

“เขาออกไป ทั้งที่ไม่ได้เอาคีย์การ์ดไปนะเหรอ" เสิ่นอี้ถามประโยคนี้ 

กวานลี่ผิงขมวดคิ้ว "บางทีถ้าหลับลึกล่ะ อาจจะไม่รู้ตัวก็ได้!" 

เสิ่นอี้กล่าวเสียงเรียบว่า "เดิมพันเรื่องนี้ได้ไหม ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ เชื่อได้เลยว่าฆาตกรจะต้องโชคดีมากๆ แน่ๆ!" 

"หมายความว่าอะไร" กวานลี่ผิงได้ยินคำพูดนี้ของเสิ่นอี้ 

เสิ่นอี่พูดเน้นอย่างช้าๆ ว่า "ความหมายนั่นง่ายมากๆ คนที่ดื่มเหล้ามากๆ จะไม่ไปเข้าห้องน้ำเลยเหรอ แล้วอีกอย่างมันง่ายมากที่จะหิวน้ำ พอได้หลับตลอดคืน ตื่นขึ้นมายังไงก็ต้องหาน้ำดื่ม เมามายขนาดนั้นอยากหาน้ำดื่มสักหน่อยก็คงยาก พอตื่นขึ้นถึงได้สติกัน ไม่รู้สักนิดว่าเมื่อคืนจะเกิดอะไรขึ้น คุณไม่รู้สึกว่ามันแปลกเหรอ"

เย่หนิงรีบพูดขึ้นมาว่า "ดังนั้นฆาตกรก็เลยไม่สามารถเลี่ยงได้! เขาต้องรู้อยู่ก่อนแล้วว่าคืนนั้นอู๋เหวินคังจะต้องนอนคนเดียว งั้นเขารู้ได้อย่างไร หรือว่าบังเอิญได้ยินเข้า นี่...จะเป็นไปได้เหรอ"