webnovel

ตอนที่ 133

ตอนที่ 133 ตัวหนังสือที่เขียนผิด

"กลัวเหรอ" กวานลี่ผิงยิ้มเยาะใส่ตนเอง "กลัวอะไร? กลัวฆาตกรจะออกมาก่อคดีอีกครั้งนะเหรอ ในเมื่อเขาใส่ร้ายอู๋เหวินคังให้ต้องรับโทษแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรว่าจะมาก่อคดีอีก งั้นก่อนหน้าที่จะใส่ร้ายไปไม่ใช่ว่าจะเสียเปล่าไปเลยเหรอ" 

เสิ่นอี้กล่าวเสียงเย็นว่า "พวกคุณเองก็เล็งเห็นปัญหานี้ แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าฆาตกรจะไม่ลงมืออีก ดังนั้นการไม่ตรวจสอบต่อก็หมายความว่าเรื่องนี้ ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว"

"พวกเราเคยตรวจสอบ หลังจากนั้นยังเคยตรวจสอบเป็นระยะๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ผลสรุปมาโดยตลอด! ในหนึ่งปีมีคดีเกิดขึ้นที่เมืองตงไห่หลายคดี พวกเราเองก็ไม่สามารถทุ่มแรงกายทั้งหมดไปที่คดีเก่าเพียงคดีเดียวได้ อีกอย่างหลังจากนั้นฆาตกรรายนั้นก็ไม่ได้ก่อคดีอีก พอเวลาผ่านไปนานก็เลยค่อยๆ ปล่อยวางการตรวจสอบคดีไป"

กวานลี่ผิงพูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้น มองเสิ่นอี้ แล้วพูดว่า "ศาสตราจารย์เสิ่น! คดีหั่นศพครั้งนี้ ฆาตกรไม่มีทางเป็นคนๆ นั้นอย่างแน่นอน!" 

เสิ่นอี้มองกวานลี่ผิง แล้วถามว่า "คุณยืนยันเรื่องนั้นได้เหรอ" 

กวานลี่ผิงพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจเป็นอย่างมาก "ใช่ครับ! ผมยืนยันได้! เขาไม่มีทางออกไปก่อคดีได้อีก! ในเมื่อมีแพะรับบาปแล้ว ตนเองยังจะมารนหาที่ตายอีกทำไม ยิ่งไปกว่านั้น...ดูจากวิธีการลงมือก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ฝีมือของคนๆ เดียวกัน!" 

ครั้งนี้คนนิ่งเงียบมาตลอดอย่างเย่หนิงก็พูดแทรกเสิ่นอี้อย่างตกใจว่า "คุณกวานค่ะ คุณยืนยันได้ยังไงคะว่าไม่ใช่คนเดียวกัน"

กวานลี่ผิงยิ้มเย็น "เพราะมีอยู่หนึ่งรายละเอียดที่เดิมทีแล้วผมเป็นคนเขียนรายงานการชันสูตรด้วยตัวเอง แต่หลังจากนั้นก็ถูกทำลายทิ้ง! ดังนั้นคดีนี้จึงเป็นคดีฆาตกรรมเลียนแบบ เขาไม่มีทางรู้แน่นอน!" 

เป็นจริงอย่างที่คิดเอาไว้เลย! เย่หนิงและเสิ่นอี้หันมาสบตากัน

"บริเวณด้านหลังของผู้ตายถูกสลักเป็นคำสองคำ เปี๋ยวจือ[footnoteRef:1]" [1: 表子 ในเนื้อเรื่องคนร้ายเขียนผิด ความจริงแล้วคำที่คนร้ายอยากเขียนคือ 婊子 ที่อ่านเหมือนกัน คำๆ นี้ เป็นคำด่าของจีน และค่อนข้างหยาบคายมากๆ ซึ่งใช้ด่าผู้หญิงที่คบชู้หรือหลายใจ]

กวานลี่ผิงพูดไปพลางหักกิ่งไม้ แล้วเขียนลงไปบนพื้น 

เปี๋ยวจือ

“เปี๋ยวจือ" เย่หนิงเบิกตาอย่างตกตะลึง

กวานลี่ผิงกล่าวเสียงเรียบว่า "คงเป็นตัวอักษรที่เขียนผิด ผมคิดว่านะฆาตกรคงไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าสองคำนี้เขียนอย่างไร! ตอนนั้นที่ผมเขียนรายงานการชันสูตรผมยังกล่าวถึงเรื่องนี้เป็นพิเศษ และยังระบุว่าระดับความรู้ของฆาตกรคงไม่สูงนัก ไม่อย่างงั้นเขาไม่มีทางเขียนคำว่าเปี๋ยวจือผิดหรอก"

"นี่ก็เป็นจุดที่น่าสงสัยมากที่สุด!" หยางปินพูด "อู๋เหวินคังคนนั้นกำลังเตรียมสอบปริญญาโท เขาคงไม่เขียนคำว่าเปี๋ยวจือเป็นแบบนี้แน่นอน"

หลังจากที่เงียบไปสักพัก กวานลี่ผิงจึงพูดออกมาว่า "ใช่ หลังจากนั้นผมเองก็คิดถึง ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่คิดพลิกคำให้การของอู๋เหวินคังเป็นพิเศษ ปัญหาเปี๋ยวจือนี่ผมเองก็บอกกับผู้บังคับบัญชาแล้ว......" 

เสิ่นอี้พูดขึ้น "ดังนั้นรายงานการชันสูตรถึงถูกเปลี่ยนใช่ไหมครับ ทั้งยังเป็นเนื้อหาที่สำคัญที่สุดอีกด้วย" 

"ใช่ครับ พวกเขาให้ผมเขียนรายงานการชันสูตรใหม่อีกหนึ่งฉบับและกำจัดรายงานฉบับเก่าทิ้ง! เป็นอย่างไร" ครั้งนี่กวานลี่ผิงไม่ได้ถามเสิ่นอี้ แต่กลับถามเย่หนิงว่า "ชิ้นส่วนหลังของศพ ไม่มีตัวอักษรใช่ไหม" 

"ไม่มีค่ะ ไม่มีอะไรเลย" เย่หนิงส่ายหน้า แล้วพูดโพล่งขึ้นมาอีกครั้งว่า "ฉันว่าแล้ว ก็รู้สึกอยู่ว่าภาพนี้มีตรงไหนที่แปลกๆ ที่แท้ก็ไม่ได้ถ่ายด้านหลังของศพนั่นเอง มีแค่ด้านหน้าเท่านั้น" 

กวานลี่ผิงกล่าวอย่างจนปัญญาว่า "ทำไมจะไม่ถ่าย มันแค่ถูกทำลายไปต่างหาก!”

เสิ่นอี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า "ถ้าให้พูดก็สามารถยืนยันได้อยู่เรื่องหนึ่ง ฆาตกรคนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ร่วมสอบสวนคดีเมื่อปีนั้น เพราะเขาไม่รู้เรื่องตัวอักษรนี้! มีความเป็นไปได้มากว่าหลังจากเห็นแฟ้มคดีจึงเข้าใจรายละเอียดของการก่อคดีเหล่านี้ แต่ใครกันที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะได้แตะต้องแฟ้มคดี"

หยางปินขมวดคิ้ว "ต้นฉบับของแฟ้มนี้ อยู่ในห้องเก็บแฟ้มของศาลสูง ทว่าโอกาสที่จะมีคนเปิดอ่านมีไม่น้อยเลย แต่...เกือบทั้งหมดจะเป็นคนในสายอาชีพของเรา คนภายนอกไม่สามารถเข้าไปดูตามใจชอบได้! สิบกว่าปีนี้ คนที่เคยเข้าไปดูเข้าไปค้นคว้ามีไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตรวจสอบเลย!"

"ใช่ครับ” เสิ่นอี้ถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าเราจะต้องหาเงื่อนงำอื่นอีก!"

พอพูดคำพูดเหล่านั้นออกมาจนจบ กวานลี่ผิงกลับสงบลงมาก "ดูแล้ว ศาสตราจารย์เสิ่น พวกคุณมีเบาะแสอื่นใช่ไหม"

เสิ่นอี้เองก็ไม่ได้ปิดบัง "ตรวจเจออยู่เล็กน้อย พวกเราเองก็สงสัยว่าจะเป็นแค่การฆาตกรรมเลียนแบบที่ความจริงแล้วมีจุดประสงค์อื่น และตอนนี้กลับยืนยันได้มากขึ้น ขอบคุณคุณกวานสำหรับความช่วยเหลือ"

กวานลี่ผิงโบกมือ "พอแล้ว ศาสตราจารย์เสิ่น คุณเองก็อย่ามาเย้ยหยันผมสิ ผมไปช่วยตอนไหน! เรื่องนี้ ซ่อนอยู่ในใจของผมมาหลายปีแล้ว ตอนนี้ในที่สุดก็ได้พูดออกมา รู้สึกสบายใจขึ้นมากเลย แต่ในเมื่อฆาตกรของคดีนี้ไม่ใช่ฆาตกรคนเดิมกับเมื่อสิบห้าปีก่อน ถ้าพวกคุณจับตัวเขาได้ คดีเก่าเมื่อสิบห้าปีก่อนก็เหมือนจะยังปิดไม่ได้สินะ"

กวานอี้เหลียงพูดอย่างอดไม่ได้ว่า "ถ้าให้ผมพูด...ฆาตกรที่หั่นศพของเมิ่งซินถง คงรู้ใช่ไหมว่าฆาตกรตัวจริงเป็นใคร"

"ไม่มีทางเป็นไปได้!" หยางปินกลับไม่ได้มองโลกในแง่ดีอย่างนั้น "ถ้าเขารู้แล้วทำไมถึงไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ ถ้ารู้ว่าฆาตกรตัวจริงเป็นใครก็มีวิธีอีกมากที่จะสามารถพลิกคดีได้ เขาไม่เห็นจำเป็นต้องออกไปฆ่าคนเลย”

"พลิกคดี" กวานลี่ผิงตกใจเป็นอย่างมาก "พวกคุณคิดว่า ที่คนๆ นี้ก่อเรื่องเสียใหญ่โตขนาดนี้ก็เพราะอยากพลิกคดีของอู๋เหวินคังเหรอ"

หยางปินพยักหน้าแล้วพูดว่า "ก่อนหน้านี้พวกเราคาดเดากันเอาไว้ และแค่รู้สึกว่านี้เป็นความไปได้มากที่สุด" 

กวางลี่ผิงเงียบไป สีหน้าของเขาสงบนิ่งจนไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ 

"พ่อครับ..." กวานอี้เหลียงเอ๋ยปากถาม "พ่อกำลังคิดอะไรอีกแล้วใช่ไหมครับ" 

"อืม...แค่รู้สึกว่าจนปัญญาและละอายเล็กน้อย ถ้าพ่อเจอปัญหาเหล่านี้ตั้งแต่ทีแรก อู๋เหวินคังคนนั้นก็คงจะไม่ตาย ก่อนการตัดสิน ถ้าทั้งหมดทันการก็ยังสามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ แต่ถึงตอนนี้ทุกอย่างก็คงไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว ถึงจะพบปัญหาพวกนี้ แล้วจะไปมีประโยชน์อะไร"

กวานลี่ผิงอดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงเรืองของเมื่อปีนั้น ตอนที่เขายังอยู่ที่สถานีตำรวจ ผู้บังคับบัญชาเองก็เคยพูดกับเขา “คนก็ตายไปแล้ว คดีก็ปิดไปแล้ว นี่เป็นคดีใหญ่ คุณยังจะคิดอะไรอีก คนก็เพิ่งถูกตัดสินโทษประหารชีวิตไปแล้ว คุณจะให้ออกไปบอกกับทุกๆ คนว่าพวกเราจับตัวคนผิดงั้นเหรอ" 

คุณรู้สึกแค่ว่าทุกๆ คนจะมองยังไงก็พอ ถ้าจะรู้ว่าคดีนี้มันไม่ถูกต้อง แล้วทำไมไม่รีบพูด ทำไมไม่รีบเจอตั้งแต่ทีแรก รอให้ตายก่อนถึงได้พูด! ชีวิตก็สูญสิ้นแล้ว พอคดีพลิกจะไปมีความหมายอะไรกับผู้ตายอีก

แล้วความพยายามของทุกคนในกองสอบสวนล่ะจะไปมีความหมายอะไรอีก

ก็แค่ทำให้พวกเขารู้ว่าพยายามกันมาหลายเดือน สุดท้ายกลับจับคนผิด! สุดท้ายฆาตกรกลับทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในกับดักงั้นเหรอ 

หมดความหมายกันพอดี คุณหมอกวาน!

ทุกสิ่งทุกอย่างในเวลานี้ ไม่ควรตัดสินก็ตัดสิน คนก็ตายไป แล้วถ้าคดีพลิกก็จะรังแต่ทำให้ทุกคนทนไม่ได้!

คุณอยากค้นหา ได้ ต้องแอบหา ถ้าค้นหาเจอความจริง ก็ไม่สามารถประกาศออกไปได้ ได้แค่แอบตัดสิน ความหมายของผม คุณเข้าใจใช่ไหม