webnovel

ตอนที่ 132

ตอนที่ 132 หลักฐานกระทำผิด

คนขับรถแท็กซี่หลังจากที่เขาเห็นรูปของเทียนชี๋จุนก็รีบบอกทันทีว่ารู้จักเด็กสาวคนนี้ เพราะเด็กหญิงคนนั้นมันจะเรียกใช้บริการเขา เดือนหนึ่งก็เรียกอยู่หลายครั้ง แต่เร็วๆ นี้เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับไม่เรียกใช้บริการรถของเขา เขายังคิดว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นอาจจะซื้อรถเป็นของตัวเองหรือว่าอาจจะไปหาแฟนหนุ่มที่ต่างเมือง

เพราะเขาและเทียนชี๋จุนเองก็รู้จักกัน ดังนั้นจึงรู้ว่าแฟนหนุ่มของเทียนชี๋จุนอยู่ต่างถิ่น เทียนชี๋จุนยังบ่นเรื่องแฟนหนุ่มของเธอให้เขาฟังอยู่บ่อยครั้ง อีกอย่างก็ไม่เจอกันมานานขนาดนี้ คนขับรถคนนั้นก็เลยรู้สึกว่าเทียนชี๋จุนอาจไปหาแฟนหนุ่มของเธอ ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร

หลังจากนั้นกวานลี่ผิงและพวกเขาต่างก็ถามคนขับรถว่า ครั้งสุดท้ายที่เจอกับเทียนชี๋จุนคือเมื่อไหร่ คนขับรถจำได้ว่าเป็นเมื่อหนึ่งเดือนกว่า ส่วนเป็นวันไหนนั้นเขาเองก็จำไม่ได้แล้ว และอีกอย่างตอนที่ส่งเทียนชี๋จุนไปถึงเขตชุมชนก็ดึกมากแล้ว ราวห้าทุ่มเศษ

ก่อนหน้านี้เทียนชี๋จุนเองก็มักมาที่นี่บ่อยๆ เธอบอกว่าแฟนหนุ่มของเธอไม่อยู่ เลยต้องมาช่วยทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้ง หรือตอนที่แฟนหนุ่มของเธอกลับมาแล้ว เธอก็มีมาเที่ยวหาเขาบ้าง แต่ดึกขนาดนี้ยังจะมาอีก นี่เป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาก็เลยจำได้อย่างชัดเจน ตอนที่มาถึงที่นี่ ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว 

คนขับรถอยู่ใกล้ๆ คาดว่าคงไม่มีคนมาเรียกรถในเวลานี้ก็เลยขับออกไป หลังจากนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ไม่ชัดเจนแล้ว แต่หลังจากนั้นเทียนชี๋จุนก็ไม่เรียกใช้บริการรถของเขาอีกเลย

ก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือนกว่า ราวเดือนพฤศจิกายน ส่วนวันไหนนั้นคนขับรถเองก็จำไม่ได้แล้ว แต่นี้ก็เพียงพอแล้ว! 

เดือนพฤศจิกายน เทียนชี๋จุนเรียกรถให้ไปที่บ้านของอู๋เหวินคัง ทั้งยังเป็นกลางดึก มีความเป็นไปได้มากว่าจะก่อคดีในคืนนั้น เลยพูดได้ว่า เทียนชี๋จุนคงจะถูกทำร้ายในคืนนั้น 

ยิ่งอยู่หลักฐานเพิ่มเติมก็ยิ่งมีมากขึ้น ความสงสัยในตัวอู๋เหวินคังก็ยิ่งมีมากขึ้นด้วย แต่เรื่องคืนนั้นที่เทียนชี๋จุนไปที่บ้านของเขา อู๋เหวินคังไม่ยอมรับมาโดยตลอด อีกอย่างเขายังยืนยันว่าตนเองไม่ได้กลับมา แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐานอื่นใดมาใช้ยืนยัน เขาก็เลยกลายเป็นผู้ต้องสงสัยของตำรวจไปโดยปริยาย

ถ้าเทียนชี๋จุนถูกอู๋เหวินคังฆ่า งั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเหยื่อรายอื่นๆ 

กวานลี่ผิงเองก็พบจุดที่น่าสงสัยเหล่านี้ และพบว่าตอนที่เหยื่อรายอื่นๆ ถูกทำร้าย อู๋เหวินคังเองก็ไม่มีหลักฐานที่อยู่เช่นเดียวกัน

ชั่วขณะนั้น ทุกๆ ความสงสัยล้วงมุ่งเป้าไปที่อู๋เหวินคัง 

มีความเป็นไปได้มากจริงๆ ว่าฆาตกรก็คือเขา 

กวานลี่ผิงและคนในทีมเอาหมายค้น เข้าไปค้นหาในบ้านของอู๋เหวินคัง และพบหลักฐานฝังอยู่ที่ชั้นล่างในบ้านของเขา ทั้งในห้องน้ำของเขา ก็แสดงปฏิกิริยากับสารลูมินอล ปรากฏคราบเลือดอย่างรวดเร็ว...

ยิ่งมีหลักฐานมายืนยันมากขึ้น ในที่สุดแล้วอู๋เหวินคังก็ถูกจับ! 

ถึงแม้ว่าเขายังไม่ยอมรับผิด แต่หลักฐานตรงหน้าที่มีมากขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ยอมรับผิดแล้วจะมีประโยชน์อะไร ทั้งช่วงเวลาการก่อคดีของเขา ความน่าสงสัยที่จะลงมือก่อคดี นอกจากนี้ยังพบหลักฐานกระทำผิดที่บ้านของเขา ไม่มีที่ว่างให้เขาปฏิเสธ ก็เลยต้องรับสารภาพอย่างเสียมิได้

ผ่านมานานขนาดนี้ พยายามมามากขนาดนี้ สุดท้ายแล้วคนร้ายก็ถูกจับได้ ทุกคนล้วนรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก 

หลักฐานกระทำผิดทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า สุดท้ายอู๋เหวินคังจึงต้องยอมรับผิด ทั้งยังสารภาพว่าเขายอมรับว่าตนเป็นฆาตกรต่อเนื่อง อีกอย่างที่ทำให้เขาต้องลงมือฆ่าคนมากขนาดนี้ ก็เพื่อปิดบังจุดประสงค์ที่แท้จริง ไม่ให้คนอื่นรู้ว่าคนที่เขาอยากฆ่าจริงๆ นั่นคือใคร 

ให้พูดกลยุทธ์ของเขาประสบความสำเร็จจริงๆ หลอกลวงตำรวจ หลอกลวงมานานขนาดนี้ ทำให้พวกเขาวนเวียนอยู่ในวงกลมมาโดยตลอด ช่างเป็นนักเรียนตัวท๊อปของเอกกฎหมายเสียจริง 

"นักเรียนตัวท๊อปของเอกกฏหมายเหรอค่ะ" เย่หนิงตกใจ "เขาเป็นนักเรียนเอกกฎหมายเหรอ" 

"ใช่!" กวานลี่ผิงพยักหน้า "แต่เป็นการเรียนด้วยตัวเอง ทำงานไปเรียนไป ได้ยินมาว่าคะแนนถือว่าไม่เลวเลย" 

เสิ่นอี้เองก็ถามขึ้นมาว่า "คุณครูของเขาหรือว่าพวกเพื่อนรู้สึกแปลกบ้างไหม เมื่อทราบเรื่องที่เขาถูกจับนะ” 

"ใช่!" กวานลี่ผิงพยักหน้า "ทุกคนต่างบอกว่าเขาเป็นคนนิสัยดีมากๆ แล้วคิดไม่ถึงว่าเขาจะฆ่าคนได้ ทั้งยังฆ่าคนมากขนาดนี้ด้วย" 

"คุณรู้สึกไหม" เสิ่นอี้เอ๋ยปากถาม "ตอนนั้นพวกคุณไม่รู้สึกสงสัยอะไรเลยเหรอ" 

กวานลี่ผิงยิ้มขื่น "ตอนนั้นพวกเราเหนื่อยจนหมดแรง! ไม่ง่ายเลยที่จะตามหาฆาตกรได้ จึงดีใจกันมาก และไม่ได้สงสัยอะไรกันเลย" 

เสิ่นอี้พยักหน้า "ก็ใช่! งั้นเป็นตอนไหนกันที่คุณพบจุดที่น่าสงสัยของคดีนี้" 

หลังจากที่เงียบอยู่นาน กวานลี่ผิงจึงค่อยๆ พูดออกมาว่า "เป็นตอนที่...หลังจากที่อู๋เหวินคังถูกตัดสินประหารชีวิตแล้ว หลังจากที่อู๋เหวินคังถูกยิง ทุกๆ คนล้วนรู้สึกโล่งใจกันมาก เหมือนกับว่าความมีชีวิตชีวาได้กลับมาอีกครั้ง หลายเดือนมานี้คดีนี้ใกล้จะทำให้พวกเขาใกล้เป็นบ้าไปแล้วจริงๆ! ตอนที่จัดเก็บคดีทั้งหมดเข้าแฟ้ม ผมกลับไปพลิกดูคำสารภาพของอู๋เหวินคัง ยิ่งดูก็ยิ่งพบจุดที่น่าสงสัย...คำสารภาพนี้ดูเหมือนว่าจะง่ายเกินไป..." 

เสิ่นอี้ถามขึ้นมาหนึ่งประโยค "เวลานั้นคุณอยู่ที่ไหน" 

กวานลี่ผิงมองเสิ่นอี้อย่างประหลาดใจ "คุณรู้ได้อย่างไรว่าผมไม่อยู่" 

เสิ่นอี้ฉีกยิ้ม "ถ้าคุณอยู่ ทำไมหลังจากนั้นคุณถึงมาดูคำสารภาพนี้"

กวานลี่ผิงยิ้มขื่น "ผมปิดบังสายตาของศาสตราจารย์เสิ่นเลยไม่ได้จริงๆ! พอจับคนร้ายได้แล้ว โดยปกติก็จะไม่ใช่เรื่องอะไรของผมแล้ว สิ่งสุดท้ายก็จะเป็นการตรวจสอบและการสอบปากคำ พอดีว่าก่อนพิจารณาคดี เกิดคดีเด็กหญิงที่ถูกสังหารในจังหวัดใกล้เคียง ผมเลยไปช่วยการสืบสวน และอีกอย่างคดีของเด็กผู้หญิงก็เป็นเรื่องสำคัญ ผมก็เลยไม่ค่อยให้ความใส่ใจกับสถานการณ์ที่นี่มากนัก...ตอนที่ผมพลิกข้อมูลเหล่านี้ดูอีกครั้ง...สิ่งต่างๆ ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว คนก็ตายไปแล้ว!" 

"ดังนั้นคุณก็เลยทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ" เสิ่นอี้ถาม 

"ไม่อย่างงั้นจะให้ผมทำอย่างไรล่ะ ฆาตกรติดคุก คดีจบแล้ว เดิมทีแล้วเรื่องนี้ทุกๆ คนต่างก็ดีอกดีใจ...และอีกอย่างฆาตกรก็ถูกตัดสินไปแล้ว ตอนนั้นจะให้อยู่ๆ ผมไปยืนข้างหน้า แล้วบอกว่าจับคนผิดงั้นเหรอ" กวานลี่ผิงส่ายหน้า "ถึงผมพูดไป ก็ไม่มีคนเชื่ออยู่ดี!" 

"คุณลองหรือยัง" เสิ่นอี้ถามอีกครั้ง

"ใช่! ผมเคยไปหาผู้บังคับบัญชา! พวกเขาบอกว่าผมเหนื่อยเกินไป เลยให้ผมพักยาวๆ ไปเลยหนึ่งเดือน!" 

กวานลี่ผิงไม่ได้พูดให้เข้าใจมากนัก แต่เสิ่นอี้และคนอื่นๆ ต่างก็เข้าใจความหมายในคำพูดนี้ของกวานลี่ผิง 

เขาไปรายงานเรื่องเหล่านี้ให้ผู้บังคับบัญชา รายงานว่าเขาพบจุดที่น่าสงสัย แทนที่ว่าผู้บังคับบัญชาจะให้ความสำคัญ กลับบอกว่าเขาเหนื่อยเกินไปเสียด้วยซ้ำ อยากพัก ก็ยังให้เขาพักไปยาวๆ เลยตั้งหนึ่งเดือน! นี่หมายความว่าอะไร ก็คือเขาไม่ต้องไปตรวจสอบอะไรอีกแล้ว 

เพราะผู้บังคับบัญชาไม่หวังให้เขาไปตรวจสอบอีก และไม่หวังให้คดีเกิดพลิกขึ้นมา!

สืบคดีกลับไปกลับอยู่หลายเดือนแล้วไม่ง่ายเลยที่จะปิดคดี ฆาตกรก็ถูกประหารชีวิตไปแล้ว ถ้าจู่ๆ เวลานี้บอกว่าจับคนผิดขึ้นมา เช่นนั้นแล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร จะเกิดผลกระทบที่เลวร้ายขนาดไหนกัน

นี่เป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้บังคับบัญชาก็ไม่หวังที่จะเห็นมัน 

เสิ่นอี้มองกวานลี่ผิง "พวกคุณกลัวงั้นเหรอ"