"อือ"
ใครจะรู้ล่ะว่าความฝันก็ทำให้ปวดหัวได้ นาวีสะลึมสะลือตื่นขึ้นตอนกลางดึกทั้งที่ควรจะพักผ่อนเอาแรงหลังงานกดดัน ฉากฝันดีฝันร้ายปนกันมั่วยังค้างอยู่หลังเปลือกตาหนักอึ้ง ภาพลากผ่านไปรวดเร็ว จับต้องสิ่งใดไม่ได้ ไม่เห็นการเชื่อมต่อ
เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบ ๆ ในความมืดเหมือนน้ำหมึก สติงัวเงียบอกให้เขาหลับต่อ แต่ความผิดปกติบางอย่างตรงทางออกดึงสายตาของเขาไป แสงใต้ช่องประตูที่ควรเป็นเส้นตรงยาวถูกคั่นด้วยเงาดำ ๆ สองเงา นาวียังง่วงเกินกว่าจะคิดออกว่ามันคืออะไร จนกระทั่งมันขยับ
เท้าคู่หนึ่งยืนอยู่หลังบานประตู
เด็กหนุ่มใจเต้นผิดจังหวะ เงี่ยหูฟังเสียงไขลูกบิดอย่างระมัดระวังในความเงียบ มือที่กำผ้าห่มเริ่มชื้นเหงื่อตามระดับความกังวล นอกจากย่าแล้วคนที่เข้ามาที่นี่ก็มีแค่ผู้คุม ทำไมต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ
นาวียังไม่ทันได้คำตอบเงาหน้าประตูก็ผละออกไปก่อน แล้วในเวลาเพียงนาทีเดียว กลุ่มผู้คุมตัวจริงเสียงจริงก็พรวดพราดเข้ามา หน้าตาแต่ละคนดุร้ายและหงุดหงิดอย่างสุนัขล่าเนื้อคลาดกับเหยื่อ
"มีใครเข้ามาไหม" หนึ่งในนั้นตะคอกถาม
"ไม่นะครับ…" คนพึ่งตื่นส่ายหน้าสับสน แต่คำพูดเขาไม่น่าเชื่อถือสำหรับผู้คุม ทั้งสี่ถึงกระจายกำลังไปค้นทุกซอกทุกมุมท่ามกลางไฟสว่างโร่ เด็กหนุ่มต้องลุกขึ้นมายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กลางห้องเพื่อไม่ขวางการค้นเตียง
ราวกับโชคชะตาสนุกกับการซ้ำเติมเขา ร่างวิญญาณของย่าปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า
'มีเพื่อนมาเยี่ยมเหรอจ๊ะ นาวี เดี๋ยวนี้มีเพื่อนกับเขาแล้วเหรอ'
"ครับ…? ผมไม่เข้าใจ"
เงาขมุกขมัวไล่ต้อนผู้เยาว์ให้ถอยหลังหนี ขู่ให้กลัวทั้งทางกายภาพและจินตภาพ แต่พอเขาจะก้าวถอยร่างวิญญาณกลับอ้อมไปขวางให้นาวีหยุดกับที่ หลังคอรู้สึกขนลุกชันเมื่อย่าลอยวนรอบเหยื่ออย่างเชื่องช้า น่าครั่นคร้าม
'เล่นอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ กันน่ะ ซ่อนแอบเหรอจ๊ะ ไหน มันไปอยู่ตรงไหน'
"ผม-ผมไม่ทราบครับ ผมพึ่งตื่น แล้วผู้คุมก็มา" นาวีไม่ชอบร่างวิญญาณเลย เขาไม่สามารถอ่านสีหน้าของสิ่งโปร่งแสงได้ชัดเท่าตัวเป็น ๆ ยากจะรู้ว่าต้องตอบอย่างไรผู้ชราถึงจะพอใจ
'หนูซ่อนมันไว้ไหน
"ผมไม่เจอใครจริง ๆ"
ย่าทำเสียงเดาะลิ้นไม่พอใจ ส่งสัญญาณให้เขาหุบปาก
นาวียืนนิ่ง นึกอยากตะโกนถามออกมาว่าย่าต้องการอะไร เขาพูดความจริงทั้งหมดอีกคนก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ย่ามีคำตอบที่ต้องการอยู่ในใจอยู่แล้วและอยากให้เขาสารภาพบาป เหล่าผู้คุมค้นห้องอย่างละเอียด ราวกับซอกเล็ก ๆ ระหว่างตู้กับผนังจะมีมนุษย์ทั้งคนโดดออกมา จนแล้วจนรอดก็ต้องยอมรับความจริง
"ไม่เจอครับ"
ร่างวิญญาณนิ่งอย่างน่าอึดอัด ย่าเงียบไปอึดใจหนึ่งหลังได้รับรายงาน
"ย่า…ผมไม่เห็นใครจริง ๆ ผมไม่ได้โกหก ผมสาบานกับอะไรก็ได้ เชื่อผมเถอะ" นาวีใช้น้ำเสียงอ่อนแอเป็นพิเศษด้วยหวังให้หญิงชรารู้สึกผิด แต่คิดอีกที มันเป็นไปไม่ได้หรอก
เงาขมุกขมัวเคลื่อนเข้าใกล้ ต้อนเด็กหนุ่มให้ถอยไปชิดผนังห้อง ลมหายใจของเขาตื้นลงด้วยไม่คาดคิด เขานึกว่าย่าจะใช้น้ำเย็นเข้าลูบ หรือหาข้ออ้างร้อยแปดพันเก้ามาพิสูจน์ว่าตัวเองทำถูกแล้ว ไม่นึกจะเจอการสอบสวนจริงจังจากร่างวิญญาณ
'แล้วตอนกลางวันมองอะไรน่ะนาวี'
"ผม…ผมแค่ตาฝาด"
'ขยายความซิจ๊ะ หนูเห็นอะไร'
"ไม่-ไม่รู้ครับ อาจเงากิ่งไม้"
ความเงียบก่อนพายุกระหน่ำปกคลุมทั่วห้อง นาวีกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เขาเคยคิดว่าตัวเองตาฝาดไปเอง ความจริงเมื้อกี้ถ้าทุกคนไม่ตอบสนองกันเกินเหตุ เขาคงนึกว่าเงาเท้านอกประตูคือฝันด้วยซ้ำ
มีใครบางคนแอบตามเขา…การถูกติดตามทำให้นาวีร้อนรนยิ่งกว่าถูกดุด่าเกรี้ยวกราด หวาดกลัวยิ่งกว่าถูกข่มขู่กดดัน ผู้บุกรุกยืนอยู่แค่หน้าประตูนี่เอง ใกล้มากเกินไป ถ้าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นมาจริง ๆ เขาแทบจะไร้ทางสู้
'หนูทำให้ย่านึกถึงคนคนหนึ่ง' ย่าเปลี่ยนเรื่อง ผู้ฟังรู้สึกปั่นป่วนในช่วงอก รอยยิ้มใจดีแบบนั้นไม่ได้มาดีแน่ แต่ย่าก็พาอ้อมโลกไปแทนที่จะบอกว่าต้องการอะไร 'เทวัญ คนโง่เง่าที่ไล่ตามสิ่งไม่สมควร สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้ตัวตนเลวร้ายข้างใน'
'ทันทีที่เลือกอดีต สิ่งแรกที่เขาทำคือกลับไปคร่าชีวิตครอบครัวตัวเองทุกคน เพื่อนร่วมสมาคมที่หวังเข้าช่วยไม่มีใครได้กลับมา หลายชีวิตบริสุทธิ์ต้องถูกสังเวยเพราะความบ้าคลั่งของเขา'
นาวีมือสั่น ไม่ว่าย่าจะเล่าความจริงหรือไม่ คำว่าครอบครัวดึงรสชาติขมขื่นขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
'ถ้ายังไม่เลิกจมอยู่กับอดีตหนูก็จะเป็นเหมือนกัน'
"ผมไม่มีวันเป็นแบบเขา"
'ย่ารู้จ้ะ หนูเป็นเด็กดี มีอะไรก็บอกย่าทุกเรื่อง แค่นี้ก็ทำให้หนูต่างจากปีศาจอย่างมันมาก ๆ แล้ว'
"ผม-ผมบอกย่าไปแล้วว่าไม่เห็นจริง ๆ ผมจะสารภาพสิ่งที่ไม่รู้ได้ยังไง"
'ยังโกหกอยู่อีกเหรอ'
"แต่…แต่ผม…ไม่โกหกนะ ผมไม่เห็นใครทั้งนั้น" นาวีอ้อนวอน ทั้งคำขู่น่ากลัว การโดนดูถูก การต้องทาเดาคำตอบที่อีกฝ่ายต้องการอีก เด็กหนุ่มรู้สึกรุนแรงจนอยากจะร้องไห้ "ย่าอยากให้ตอบอะไรก็บอกมาเลยสิ!"
ปากบอกว่าไม่อยากให้โกหก แต่การกระทำไล่ต้อนเป็นการบังคับกลาย ๆ ให้เขาเล่าความเท็จ หญิงชราสนุกกับการปั่นหัวเขาขนาดไหนกัน
'ย่าแค่ห่วง อดทนกับผู้เฒ่าผู้แก่หน่อยนะลูก' หลังพึ่งเอาน้ำกรดสาด ย่าเอาน้ำเย็นเข้าลูบ 'ที่ทำไปก็เพื่อปกป้องหนูรู้ไหม มีแต่คนจะเอาหนูไปจากย่า'
ความรู้สึกสิ้นหวังของเขาฉายชัดผ่านสีหน้า เป็นครั้งแรกที่ย่ายอมเชื่อ หรือมีทางออกอื่นอยู่แล้วที่ไม่ว่านาวีจะโกหกหรือไม่ ย่าก็มีทางป้องกันไม่ให้เขาหนีได้เหมือนเดิม
___
เวลาที่นาวีอยากอยู่ในศูนย์ที่สุดย่ากลับส่งเขาออกนอกศูนย์ ผู้สืบทอดต้องออกเดินทางทันที ทิ้งห้องผาสุขที่ถูกค้นของกระจุยกระจายไว้เบื้องหลัง และทิ้งโอกาสที่จะรู้คำตอบของเขาไปพร้อมกัน เหลือเพียงความร้อนรนกระวนกระวายไปตลอดทาง
ใครอยู่หลังประตู ย่ายังฝังใจว่าเขาโกหกอยู่ใช่ไหม ย่าจะทำอะไร ปิดประตูตีแมว? นาวีกลัวเหลือเกินว่าหญิงชราจะทำสำเร็จ
หลังรถปิดฟิล์มทึบ ถนนว่างเปล่า ทางเดินไร้ผู้คน และการมีผู้คุ้มกันล้อมหน้าล้อมหลังตลอดทาง นาวีถูกส่งเข้าห้องพักหรูหราที่ไร้หน้าต่าง แล้วก็ถูกปล่อยทิ้งให้อยู่ในนั้นนานเกือบหนึ่งอาทิตย์ ปฏิสัมพันธ์เดียวกับผู้คนภายนอกคือเวลาส่งอาหาร เขาเห็นโถงทางเดินสั้น ๆ ที่เชื่อมกับบันไดตอนผู้คุมเปิดประตู น่าเสียดายที่ไม่เห็นอะไรมากกว่านั้น
นาวีอยากกลับไป แต่ในเมื่อเขาไร้พลังเขาไร้หนทาง ทุกการตัดสินใจอันผิดพลาดมันนำเขามาที่นี่…ที่ที่ทำได้แค่รอ
ในช่วงเย็นของวันที่เจ็ด ประตูห้องถูกเปิดออกนอกเวลาปกติ ด้านนอกไม่ได้มีแค่ผู้คุมแต่ยังมีเจ้าหน้าที่ในชุดขาวยืนอยู่ด้วยกัน แล้วนาวีก็ได้ยินคำพูดแรกที่โต้ตอบกลับหลังถูกเงียบใส่มาหลายวัน
"กรุณาตามมาด้วยครับ"
"ผมต้องไปไหน"
"การทดสอบครั้งสุดท้าย"
คำว่าสุดท้ายที่ไม่เคยสุดท้ายทำให้เขาหงุดหงิดหน่อย ๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งแรกที่นาวีสนใจ "ย่าล่ะครับ ย่ายังอยู่ที่ศูนย์เหรอ ทำไมผมถึงต้องมาอยู่ที่นี่ ที่ศูนย์เกิดอะไรขึ้น ทำไมย่าไม่มาด้วยตัวเอง"
เด็กหนุ่มไม่ได้รับคำอธิบายเช่นเดิม เมื่อมัวแต่ยึกยักลังเลผู้คุมก็เข้ามาลากแขนให้เดินตามเป็นนักโทษ พากลับไปที่รถปิดทึบคันเดิม
ไม่เป็นไร…คราวนี้เขาจะหาคำตอบด้วยตัวเอง นาวีให้สัญญาในใจขณะกัดริมฝีปากอย่างอดกลั้น ความกดดันในรถเล็กน้อยเมื่อเทียบกับที่เขาเคยเผชิญ เวลาแห่งการอดทนจะจบลงเร็วกว่าที่คาดไว้ตอนแรก แค่อีกไม่นานเท่านั้น
รถหยุดจอดถึงที่หมายในสามสิบนาที โลกภายนอกแรกที่ได้เห็นหลังออกจากห้องผาสุข คือบ้านร้างน่าขนลุก
บ้านเดี่ยวหลังใหญ่กลางพื้นที่ที่เคยเป็นสวน ถูกปล่อยรกไม่ได้รับการดูแลจนเป็นกึ่ง ๆ ป่า ที่รอนาวีอยู่คือเจ้าหน้าที่พิเศษอย่างน้อยสามสิบคน ยืนออกันอยู่ตรงป้อมยามติดกำแพง
ชายที่นั่งข้างคนขับมาเปิดประตูให้เขาลงจากรถ คนชุดขาวที่รออยู่หันมาหาผู้สืบทอดอย่างพร้อมเพรียง ย่าไม่ได้มาด้วย แต่เมื่อคิดว่ามีลิ่วล้อของย่าตามติดแทบจะหายใจรดหลังคอ บ้านร้างน่าขนลุกก็ชักไม่น่าขนลุกเท่าไร
ในหมู่ผู้คนที่รอต้อนรับอยู่ ชายในชุดสูทคนหนึ่งดูสะดุดตาท่ามกลางผู้คนในลุคโทนขาว แม้ว่าเขาจะพยายามหาทางหลบมุมต้นไม้แล้วก็ตาม นาวียิ่งเลิกคิ้วสงสัย ความสะดุดตาของชายหนุ่มเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกเกลียดแปลก ๆ ตอนเห็นหน้า ชักเขม่นจาง ๆ ทั้งที่ไม่ได้คุยกัน อีกฝ่ายสบตารับรู้ว่ากำลังถูกมองก่อนจะหลบอย่างรวดเร็ว
เด็กหนุ่มไม่ได้อยู่พิจารณานานไปมากกว่านั้น เมื่อเจ้าหน้าที่มอบกล่องสีขาวใบจิ๋วให้ ความสนใจทั้งหมดของเขาก็เปลี่ยนไปหามันทันที ก่อนกลายเป็นความผิดหวังตอนเห็นว่าข้างในเป็นเหรียญธรรมดา—รำลึกเชื่อม ที่แย่ยิ่งกว่าคือสิ่งที่จะมาพร้อมกัน
ร่างวิญญาณของหญิงชราปรากฏขึ้น
"ย่า…ย่าพาผมมาที่นี่ทำไม ที่ศูนย์มีอะไรกันครับ ผมกลับไปไม่ได้เหรอ"
ใต้ความเงียบของคู่สนทนานาวีได้ยินความหงุดหงิด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดี แสดงว่าหญิงชราไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
_____