ตอนที่ 1238 เทพท่องราตรี
กู่ฉิงซานพลันตื่นตัวขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียง
นั่นเพราะเสียงนี้ไม่คล้ายกับเป็นเสียงมนุษย์ แต่เกิดจากเสียงละเอียดอ่อนนับไม่ถ้วน
กู่ฉิงซานไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงตกลงมาที่นี่ ยิ่งเรื่องที่เสียงมาจากไหนยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่
เขามองรอบข้างก่อนเห็นว่ามันคือทุ่งรกร้าง
ทั่วดินแดนเป็นหินแปลกประหลาด ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัย มีเพียงต้นไม้ใหญ่ที่ตายแล้วเท่านั้น
“เจ้าเป็นใคร!” กู่ฉิงซานถาม
“ช่วยข้าก่อน เร็วเข้า!”
เสียงดังกล่าวเร่ง
กู่ฉิงซานกำลังพูดถึงบางสิ่ง แต่ทันใดนั้น เขาหมดสติไปชั่วครู่
เขาเงยหน้าขึ้นแล้วลืมตาโดยไม่รู้ตัว
เขาเห็นหลี่ชิวอวี่ถือพัดภาพวาดเอาไว้ นางยังนางอยู่ฝั่งตรงข้าม
ชิ้นส่วนกระดูกร่วงจากมือของเขามากระแทกกับโต๊ะ
“เป็นไงบ้าง” หลี่ชิวอวี่ถาม
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น” กู่ฉิงซานถาม
“จู่ๆ เจ้าก็หลับไป” หลี่ชิวอวี่ตอบ
นางกระซิบกับตัวเอง “ข้าไม่เคยเห็นพลังจิตแบบนั้นมาก่อน มีใครเคยหลับด้วยหรือ…”
กู่ฉิงซานผงะก่อนจมสู่ความคิดทันที
หลี่ชิวอวี่รู้ว่ากู่ฉิงซานกำลังประสบกับความลึกลับของพลังจิตนี้ นางจึงไม่เข้าไปรบกวน
ในความว่างเปล่า แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏขึ้นตรงหน้ากู่ฉิงซานอย่างรวดเร็ว
“ท่านเสร็จสิ้นพลังจิตที่สอง”
“ท่านได้สัมผัสวิถีการแบ่งมรดก: เทพท่องราตรี”
“เทพท่องราตรี: เมื่อท่านเข้าสู่สภาพความฝัน สติของท่านสามารถหลอมรวมจนถึงจุดที่สามารถข้ามอุกปสรรคต่างๆ จนไปถึงสถานที่ใดก็ได้”
“ทันทีที่สลายหรือถูกฆ่า มันก็คือเวลาที่ตื่นจากความฝัน”
“หมายเหตุ: วิถีการแบ่งนี้สามารถใช้ได้แค่ตอนกลางคืนเท่านั้น จะไม่มีใครสังเกตเห็นเมื่อใช้งาน”
“โปรดฝึกฝนให้มากเพื่อที่ท่านจะสามารถเชี่ยวชาญการแบ่งนี้”
กู่ฉิงซานตกตะลึง
กลายเป็นว่ามันคือวิถีการแบ่ง
อาจารย์ในอดีตเป็นผู้ที่คนนับพันเคารพนับถือ หนึ่งร่างไปหนึ่งประเทศ ช่างน่าอิจฉาจริงๆ
คาดไม่ถึง ตอนนี้เขาจะมีวิถีการแบ่งพิเศษ
หลี่ชิวอวี่มองเขาจากด้านข้าง จากนั้นเห็นเขายิ้มเจื่อนออกมา นางจึงถามว่า “สภาพพลังจิตเป็นยังไงบ้าง”
กู่ฉิงซานตอบว่า “พอสัมผัสได้เลือนราง แต่ดูท่าต้องฝึกฝนก่อนจึงจะสามารถเชี่ยวชาญได้”
หลี่ชิวอวี่พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ไม่มีใครสามารถเชี่ยวชาญพลังจิตได้ในครั้งเดียวหรอก เจ้าต้องพยายามให้มาก หลังจากฝึกฝนอย่างหนักแล้ว เจ้าถึงจะสามารถเชี่ยวชาญสิ่งที่อยู่ในมรดกได้”
“ทุกคนก็เป็นแบบนี้หรือ” กู่ฉิงซานถาม
“ใช่ ทุกคนก็เป็นแบบนี้ แม้แต่พี่ใหญ่ของข้า แม้แต่จ้าวสำนักก็ด้วย ทุกคนต้องฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อกระตุ้นการเหนี่ยวนำจากมรดก สุดท้ายจึงเชี่ยวชาญพลังอย่างสมบูรณ์” หลี่ชิวอวี่ตอบ
“ถ้างั้นข้าจะเริ่มฝึกฝนเลย”
หลังจากกู่ฉิงซานพูดจบ เขาฟุบลงบนโต๊ะแล้วหลับตาลง
หนึ่งอึดใจ
สองอึดใจ
สามอึดใจ
หลี่ชิวอวี่เคาะศีรษะของเขาแล้วกล่าวอย่างไม่พึงพอใจว่า “นี่ ไหนบอกว่าอยากฝึกฝนไง แล้วไหงถึงทำตัวเกียจคร้านแบบนี้”
กู่ฉิงซานกล่าวอย่างจนใจว่า “พี่ใหญ่ มรดกของข้าสามารถกระตุ้นได้ด้วยการนอนหลับเท่านั้น”
หลี่ชิวอวี่ตกตะลึงสักพัก
เดี๋ยวนะ…
ที่เขาหลับเมื่อครู่ก็คือเป็นการกระตุ้นมรดกพลังจิตอย่างนั้นหรือ
นางเห็นกู่ฉิงซานฟุบลงกับโต๊ะไปอีกครั้งพร้อมกับปรับท่วงท่าเพื่อเตรียมนอนหลับ
หลี่ชิวอวี่มองเขาด้วยความรู้สึกเศร้าโศกที่ยากจะบรรยายอยู่ในใจ
เหลวไหลน่า
ทุกคนพยายามอย่างหนักแท้ๆ แต่เจ้าแค่นอนเนี่ยนะ
“นี่”
“พี่ใหญ่ มีเรื่องอะไรหรือ”
“ถ้าเจ้าจะนอน กลับไปนอนที่ห้องไป!”
กู่ฉิงซานม้วนตัวกลับห้องจริงๆ
เขาถอดเสื้อออก ล้มตัวลงนอน ไม่ช้าก็หลับ
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ การอยากควบคุมสภาพร่างกายนั้นทำได้ง่ายมาก
กู่ฉิงซานสามารถอยู่ในสภาพหลับใหลหลายร้อยปีได้โดยไม่มีปัญหา
ตอนนี้เขาคือจ้าวแห่งขุนเขาเซียวหมี ถึงขั้นสามารถออกจากร่างได้ชั่วคราวโดยไม่ต้องใช้วิชาลับใดๆ
แต่ความฝันนั้นจำเป็นต้องพึ่งโชคชะตา ไม่เกี่ยวกับรากฐานการฝึกฝนและความสามารถ
ที่สำคัญไปกว่านั้น เขาเพิ่งมาถึงสำนักซานไห่เมื่อคืนนี้ เป็นธรรมดาที่เขาจะระแวดระวังเล็กน้อยตั้งแต่คืนแรก เมื่อคิดหลายสิ่งหลายอย่างกับวางแผนมากมาย เขาล้มตัวลงโดยที่ไม่อาจหลับใหลได้
เขาเคยต่อสู้มาก่อน
การต่อสู้ที่กินเวลานาน
เริ่มตั้งแต่ยุคโบราณเพื่อให้ได้ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพ กลับสู่โลกเก้าร้อยล้านชั้น โน้มน้าวหลินให้เข้าร่วมกับพวกเขา รับมือกับการไหลย้อนกลับของหุบเหวนิรันดร์ พบกับลอร่าอีกหน ช่วยเหล่าต้า เต้นกับจางหยิงห่าวและเย่เฟยหลี พัฒนาโลกเวทมนตร์ ไปเมืองเรเควี่ยม ไปทางเดินลับของโลกธุลี ตามหาอาวุธของวิญญาณกรีดร้อง จากนั้นให้จางหยิงห่าวใช้โล่ ปิดท้ายด้วยการต่อสู้กับความโกลาหล…
มันมากเกินไป
วันนี้ ในที่สุดเขาก็มีเหตุผลให้นอนหลับแล้ว
คืนนี้
เขาไม่ฝัน
…
ช่วงเช้าตรู่
“เมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง” หลี่ชิวอวี่ถาม
“แย่ ไม่คืบหน้าเท่าไหร่เลย” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
อารมณ์ของหลี่ชิวอวี่ดีขึ้นมาก นางฮัมเพลงก่อนกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าเดาว่าเจ้ายังไม่เชี่ยวชาญวิชาเท่าไหร่นัก มันจะไปมีของเรียบง่ายในโลกอย่างการนอนเพื่อเอาพลังจิตได้ยังไง ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ…”
นางกระซิบก่อนออกจากห้องครัวแล้วตรงไปห้องเก็บชุดเพื่อหาชุดมาสวมในวันนี้
ก๊อกๆๆ !
ใครบางคนเคาะประตู
กู่ฉิงซานเปิดประตูก่อนเห็นว่าเป็นจ้าวเฉียง
“พี่จ้าว รีบเข้ามาสิ!” เขากล่าว
จ้าวเฉียงมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วกล่าวว่า “ดูกระตือรือร้นดีนี่”
“ข้าก็กระตือรือร้นอยู่ตลอดนั่นแหละ” กู่ฉิงซานกล่าว
“ไม่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าเหนื่อยล้ามาก ไม่ได้มีความรู้สึกอย่างที่เจ้าว่ามาในวันนี้เลย” จ้าวเฉียงสัมผัสศีรษะของเขาแล้วยิ้มออกมา
นางเดินเข้าห้องเพื่อทักทายหลี่ชิวอวี่ที่เพิ่งเปลี่ยนชุดเสร็จ
“จ้าวเฉียงนี่เอง อยู่กินข้าวด้วยกันสิ ถ้ามีอะไรจะพูดก็ไว้พูดตอนกิน จะว่าไปแล้ว ข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีที่เจ้าได้เลื่อนขั้นเลย” หลี่ชิวอวี่กล่าว
เลื่อนขั้นหรือ
กู่ฉิงซานมองจ้าวเฉียง
ใบหน้าของจ้าวเฉียงแดงก่ำ นางกล่าวอย่างเขินอายว่า “อา ใช่ ในที่สุดหนังสือกระดูกโบราณก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว แถมยังได้พบเจ้ากับชุดเกราะเกล็ดอีก จะว่าไปแล้ว ข้าถูกช่วยไว้โดยนักดาบนิรันดร์กู่ในตำนานด้วย ที่จริง ข้าไม่ได้ทำอะไรเลยแต่ก็ยังได้เลื่อนขั้นอีก”
“ถ้างั้นตอนนี้ท่านเป็นอะไรล่ะ” กู่ฉิงซานถาม
“นักสะสมน่ะ” จ้าวเฉียงตอบ
หลี่ชิวอวี่เสริมว่า “หากไล่ขึ้นไป คนที่สูงกว่าก็จะเป็นพี่ใหญ่ของพวกเรา ตามด้วยจ้าวสำนัก”
“ไม่เลว” กู่ฉิงซานชื่นชม
พวกเขาสามคนนั่งลงเพื่อกินข้าวเช้าด้วยกัน
หลังจากกินข้าวแล้ว จ้าวเฉียงหยิบชิ้นกระดูกมาวางไว้ในมือของกู่ฉิงซาน
“นี่คือของโบราณที่ข้าหาให้เจ้าโดยเฉพาะ มันบันทึกความรู้ทั้งหมดที่เกี่ยวกับหมัดพลังจิตในสำนักเอาไว้ ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถใช้มันเป็นข้อมูลอ้างอิงได้”
กู่ฉิงซานและหลี่ชิวอวี่มองหน้ากัน
“ขอบคณพี่จ้าว ข้าต้องการสิ่งนี้จริงๆ ” กู่ฉิงซานเก็บชิ้นส่วนกระดูกมาอย่างระวัง
จ้าวเฉียงยิ้มเมื่อเห็นว่านางสามารถช่วยเขาได้จริงๆ
นางกล่าวลาก่อนจากไป
หลี่ชิวอวี่ปิดประตู จากนั้นถามว่า “เจ้าพยายามหาทางฝึกฝนตอนนอนหลับไม่ใช่หรือ สิ่งนี้น่าจะไร้ประโยชน์สำหรับเจ้าใช่หรือเปล่า”
กู่ฉิงซานกล่าวว่า “มันเป็นประโยชน์เสมอ ต่อให้จะไม่ได้ใช้ตอนนี้ มันก็อาจจะได้ใช้ในอนาคต”
“เจ้ากลัวว่านางจะผิดหวังสินะ” หลี่ชิวอวี่ถามตามตรง
“คนอื่นมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือ มันดีต่อใจพวกเขานั่นแหละ” กู่ฉิงซานตอบ
หลี่ชิวอวี่ชำเลืองมองเขาก่อนหยุดพูด
ทั้งสองดื่มชาเงียบๆ เก็บของแล้วออกไปด้วยกัน
“ข้าจะไปดูว่าวันนี้มีภารกิจอะไรบ้าง ส่วนเจ้าไปสำนักก่อน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะติดต่อเอง” หลี่ชิวอวี่กล่าว
“ได้” กู่ฉิงซานตอบรับ
“จำทางไปอาศรมได้หรือเปล่า”
“จำได้”
“อืม ตั้งใจเรียน อย่าเกียจคร้าน”
“ข้ารู้ ข้าต้องพัฒนาตัวเองทุกวัน”
หลังจากผ่านไปสิบห้านาที
กู่ฉิงซานมาถึงอาศรมอีกครั้งก่อนหาที่นั่ง
ในห้องเรียน กลุ่มหนุ่มสาวดูตื่นเต้นกันมาก
ตามกฎของการเรียน วิชาต่อสู้เมื่อวานไม่เสร็จสมบูรณ์ ทำให้ต้องเลื่อนมาเรียนในวันนี้
หลังจากรอสักพัก
พวกเขากลับเห็นชายชราที่สอนวิชาประวัติศาสตร์เมื่อวานกำลังเดินเข้ามาในห้องช้าๆ
“ทำไมเป็นท่านอีกแล้ว!” ชายหนุ่มคนหนึ่งถาม
“นั่นสิ เห็นได้ชัดว่าถึงเวลาที่อาจารย์หลิวต้องสอนพวกข้าแล้ว! ข้าคิดถึงวิชาต่อสู้!” ชายหนุ่มอีกคนกล่าวอย่างไม่พอใจ
ชายชราไม่โกรธและไม่ตอบคำถาม
เขาเดินขึ้นไปบนโพเดียม วางตำราหนังสือบนโต๊ะอย่างแผ่วเบา จากนั้นถอดหมวกจากศีรษะมาแนบที่หน้าอก
เขาก้มศีรษะลง
ห้องเรียนค่อยๆ สงบลง
ในที่สุดคนหนุ่มสาวก็เข้าใจบางสิ่ง
พวกเขายืนขึ้นเบาๆ ก้มศีรษะแล้วเริ่มคร่ำครวญเงียบๆ
อาจารย์ที่สอนวิชาต่อสู้จะไม่มีวันปรากฏตัวอีกแล้ว
………………………………………..