webnovel

1095 ได้โปรด

ตอนที่ 1095 ได้โปรด

บนหน้าต่างระบบเทพสงคราม แถวหิ่งห้อยสองแถวปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว

“สกิลเทพเคลื่อนตะวันบดบังจันทรา ของท่านฆ่าผู้ฝึกยุทธ์สิบสามคนและวิญญาณชั่วร้ายเจ็ดร้อยหกสิบเอ็ดตน”

“ชัยชนะในการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมากครั้งนี้นับว่าควรค่า หลังจากคำนวณแล้ว ค่าพลังวิญญาณรวมที่ท่านได้รับคือเก้าแสนสามหมื่นแต้ม”

กู่ฉิงซานถอนหายใจ สิ่งที่หนักอึ้งอยู่ในใจถูกคลายออกด้วยผลเก็บเกี่ยว

เมื่อมีพลังวิญญาณ เขาย่อมมีความมั่นใจ

กลายเป็นว่าการเก็บเกี่ยวจากการต่อสู้ครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญที่ทำให้ได้พลังวิญญาณเป็นจำนวนเต็ม…

กู่ฉิงซานเงียบไปหลายอึดใจก่อนจะตัดสินไม่คิดถึงมันอีกต่อไป

…หากถามหน้าต่างระบบเทพสงคราม มีหวังได้โดนค่าธรรมเนียมการให้คำปรึกษาแทนแน่ๆ

เห็นแก่เงินชะมัด

กู่ฉิงซานลอบด่าในใจ

ตอนนี้ เสียงหนักอึ้งของดาบพิภพดังมาจากด้านข้าง “เพราะมีการร่ายวิชาเช่นนี้ ข้าเกรงว่าในอนาคต หากเจอการต่อสู้ในระดับเดียวกันหรือระดับที่สูงกว่า ท่านน่าจะได้เปรียบ”

กู่ฉิงซานส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ต้องมีการผสานอย่างลงตัวระหว่างเจตจำนง วิญญาณ พละกำลังกายภาพ พลังวิญญาณและวิชาดาบก่อนถึงจะสามารถใช้บดบังตะวันจันทราได้สำเร็จ”

“เพราะงั้นข้าถึงรู้สึกเหนื่อยมากในตอนนี้ ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นช้าๆ จะให้อาศัยพลังวิญญาณเพื่อปล่อยสกิลเทพนี้โดยไม่หยุดชะงักคงเป็นไปไม่ได้”

ดาบพิภพกล่าวว่า “หรือก็คือ ดาบนี้ไม่สามารถใช้งานได้โดยง่าย เมื่อใช้จะต้องจ่ายในปริมาณมหาศาลซึ่งจะส่งผลต่อการต่อสู้ในภายหลัง”

“ใช่” กู่ฉิงซานกล่าว

ตอนนี้ แถวตัวอักษรขนาดเล็กปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงครามอีกครั้ง

“ท่านใช้เคลื่อนตะวันบดบังจันทราได้สำเร็จ ทำให้เริ่มการเรียนรู้เบื้องต้นในการใช้สกิลเทพของวิชาดาบนี้”

“ท่านต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้เพื่อสกิลเทพนี้เพื่อค่อยๆ เชี่ยวชาญถึงแก่นแท้ของมันแล้วสำแดงพลังที่แท้จริงของดาบเล่มนี้ออกมา”

กู่ฉิงซานถอนหายใจเล็กน้อย

วิชาดาบแบบนี้ หากคนอื่นไม่เข้าใจความลับย่อมไม่มีทางขัดขืนได้

ด้วยการศึกษาวิชาดาบ ทำให้ได้ความรู้ความเข้าใจในวิชาดาบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นี่คือการเติบโตขอบวิชาดาบ ผลประโยชน์ไม่มีสิ้นสุด

แต่การจะใช้วิชาดาบนี้อีกสักครั้งนับว่ากินแรงมากเกินไป เกรงว่ามีแค่ตอนที่พละกำลังแข็งแกร่งขึ้นแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ดาบเล่มนี้ได้อย่างสงบ

กู่ฉิงซานส่ายหน้า

ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือใช้เวลาดังกล่าวเพื่อตามหาหอกหลากสีสัน

เขาหยิบชิ้นส่วนหลากสีสันออกมาแล้วถือมันไว้อย่างนุ่มนวล

เสียงกระซิบเคลื่อนลงมาจากความมืด มันดังในหูของเขาอย่างแผ่วเบา

“มา… มาสิ… มาที่นี่…”

กู่ฉิงซานมองไปทางหนึ่ง

ทางนั้นหรือ

แต่ทางนั้นไม่ใช่ส่วนลึกของทางเดินลับนี่ มันคือทางที่ไม่รู้จักมาก่อน

ไม่รู้ว่าทำไม ความระแวดระวังได้ก่อเกิดในใจของกู่ฉิงซาน

แต่ตอนนี้มีข้อมูลน้อยเกินไป

กู่ฉิงซานลังเลสักพัก หยิบถุงเก็บของออกมาจากทะเลแห่งความตระหนักรู้เพื่อนำรูปปั้นไก่หลากสีสันออกมาอีกครั้ง

เมื่อเอื้อมมือไปดึงหงอน ทั่วร่างไก่พลันมีชีวิต

มันขยี้ตาที่ยังง่วงงุนอยู่ก่อนพึมพำว่า “โย่ ยังมืดอยู่เลย… ปลุกไก่ตอนกลางค่ำกลางคืนแบบนี้ เจ้าต้องการอะไรหรือ”

“…ขอโทษที่ขัดเวลาพักผ่อนนะ สถานการณ์เร่งด่วนนิดหน่อย ข้าอยากสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลบางอย่างน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ

ไก่กางปีกออกก่อนตบอก จากนั้นกล่าวอย่างเหยียดหยันว่า “สอบถามเกี่ยวกับข้อมูลหรือ ขอพูดตรงๆ เลยนะ คนอย่างเจ้าเนี่ย เทพก็ไม่ใช่ พระผู้ช่วยก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่ใช่ นักวิจัยทางวิยาศาสตร์ก็ไม่ใช่ นักแสดงก็ไม่ใช่ มนุษย์ดึกดำบรรพ์ก็ไม่ใช่ สัตว์ตระกูลแมวก็ไม่ใช่… แต่เจ้ากลับยังทำงานกลางค่ำกลางคืนอีก จำเป็นต้องสู้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ”

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอย่างจริงจังก่อนกล่าวอย่างจนใจว่า “ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ บางครั้งเพื่อความอยู่รอด เจ้าก็ต้องฝืนให้ตัวเองทำงาน”

ไก่จ้องมองเขา ผ่านไปสักพักใหญ่จึงกล่าวว่า “ก็ได้ คนทำงานล่วงเวลาที่น่าสงสาร เอาพลังวิญญาณมาให้ที”

ตอนนี้กู่ฉิงซานมีพลังวิญญาณ เนื่องจกาปลุกอีกฝ่ายมาช่วงกลางดึก เขาจึงมอบพลังวิญญาณให้หนึ่งหมื่นแต้มทันที

ไก่ได้รับการหล่อเลี้ยงจากพลังวิญญาณ สีหน้าเผยอาการมัวเมา ผ่านไปเนิ่นนานจึงกล่าวว่า “ฟังให้ดีนะ เจ้าจะทำอะไรก็รีบทำซะ เพราะข่าวการตายของคนที่เจ้าเพิ่งฆ่าไปเมื่อครู่แพร่สะพัดไปแล้ว จะมีทหารที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ามาไล่ตามในไม่ช้า”

หลังจากนั้น ไก่หลากสีสันกลายเป็นรูปปั้น ไม่เคลื่อนไหวอีก

ตอนนี้กู่ฉิงซานไม่ลังเลแล้ว

ไม่ว่าอะไรจะอยู่ในทิศทางนั้น เขาจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

เขาเก็บรูปปั้นไก่ รูปร่างกายกลายเป็นลำแสงขณะพุ่งไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกัน

ที่ที่ราชาโหมวลัวอยู่

ผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากสองคนยืนอยู่ในความว่างเปล่าอย่างเงียบงันขณะรอการกลับมาของผู้นำ

ทันใดนั้น ผู้ฝึกยุทธ์เอื้อมมือไปตบถุงเก็บของเพื่อปลดปล่อยบางสิ่ง

นี่คือแผ่นหยกสีดำ หลังจากนำออกมา มันแตกสลายทันที

“ไม่ได้การ วิญญาณของนายท่านกลับมาแล้ว!”

ใบหน้าของผู้ฝึกยุทธ์เปลี่ยนไปขณะอุทานออกมา

ฟังจากน้ำเสียง นางคือผู้ฝึกยุทธ์หญิง

อีกคนเห็นแผ่นหยกแตกสลายจึงพลิกฝ่ามือทันทีเพื่อหยิบยันต์สีม่วงออกมา

“ไม่มีทางเลือกแล้ว ข้าจะแจ้งเอง” เสียงผู้หญิงดังมาจากหลังหน้ากาก

…นี่คือผู้ฝึกยุทธ์หญิงเช่นกัน

หลังจากพูดจบ นางใช้งานผู้ส่งสารในมือทันที

ผู้ฝึกยุทธ์หญิงกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ นางส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “นี่คือเรื่องใหญ่ สายเกินกว่าจะใช้ยันต์แล้ว ตอนนี้พวกเราต้องไปขอคำชี้แนะด้วยตัวเอง”

เพิ่งสิ้นเสียงไป ทันใดนั้น แผ่นหยกที่แตกสลายต่อกันอีกครั้งขณะแผ่พลังอันน่าเกรงขามออกมา

เสียงชราดังมาจากแผ่นหยก

“ไม่จำเป็น วิญญาณภูตผีกลับมาแล้ว พวกข้าทราบข้อมูลแล้วเช่นกัน”

สองสาวคุกเข่าลงกับพื้นทันที ศีรษะก้มต่ำแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “ค่ะ”

เสียงชราถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “วิชาดาบเคลื่อนตะวันบดบังจันทราถึงกับปรากฏขึ้นอีกครั้งในท้องนภา มันเกินกว่าที่พวกเราคาดคิดเอาไว้ แต่ครั้งนี้ ไม่ว่าจะพวกเราหรือราชาต่างก็ไม่มีผู้เข้าใจวิชาดาบอสุรามาหยุดยั้งมันได้”

ผู้ฝึกยุทธ์ถามว่า “นายท่าน พวกเราควรทำยังไงต่อดี”

เสียงชราครุ่นคิดสักพักแล้วตอบว่า “พวกเราจะส่งคนที่ทรงพลังไป ดูๆ แล้วคงไปถึงที่พวกเจ้าอยู่ในไม่ช้า ก่อนหน้านั้น… ตอนที่ไป พวกเจ้ามีกล่องลับสีดำอยู่กับตัว ตอนนี้หยิบกล่องที่ถูกผนึกออกมาได้แล้ว”

“ค่ะ นายท่าน”

สองสาวตบถุงเก็บของ หยิบกล่องสีดำที่ถูกผนึกออกมาถือไว้ในมือ

“เปิดได้” เสียงชราสั่ง

ผู้ฝึกยุทธ์สองคนเปิดกล่อง

เพียงพริบตา ยันต์สีดำลอยออกจากกล่องก่อนแปะบนหน้าพวกนาง

ใบหน้าของสองสาวเปลี่ยนไปมาก คนหนึ่งกล่าวว่า “นี่มัน… ได้โปรด...”

อีกคนไม่ทันได้พูด ร่างกายก็ชักเกร็งไปแล้ว

ไม่ช้า

ยันต์สีดำผสานเข้ากับหน้ากาก

“มันคืออักขระ” เสียงชราดังอย่างราบเรียบ “อสุรานั่นฆ่าพวกของเราไปมากมาย พละกำลังไม่ใช่เล่นๆ ข้าย่อมต้องอยากฆ่ามันด้วยทุกอย่างที่มีเพื่อไม่ให้เสียหน้าไปกว่านี้”

ขณะพูด เขาเห็นว่าหน้ากากทั้งสองที่ถูกวาดเป็นภูตผีค่อยๆ กลายเป็นงูแฝดสีดำและขาว

อารมณ์ของสองสาวเปลี่ยนไป

อากาศสีดำไม่มีสิ้นสุดปกคลุมผู้หญิงก่อนกลายเป็นชุดสีดำ

ผู้หญิงอีกคนถูกปกคลุมด้วยหมอกสีขาวก่อนกลายเป็นชุดคลุมสีขาวปกคลุมร่างกาย

ราชาโหมวลัวที่ยังไม่ขยับค่อยๆ สัมผัสได้เช่นกัน ใบหน้าของมันเกิดความระแวดระวังขึ้นมา

“เรียกข้าออกมาแบบนี้ มีเรื่องอะไร” หนึ่งในผู้หญิงถามอย่างเย็นชา

เสียงชราเปี่ยมด้วยความเคารพก่อนตอบอย่างละเอียดว่า “มีใครบางคนฆ่าคนของพวกเราอย่างไม่เลือกหน้า จึงอยากขอให้ท่านเทพไปฆ่าพวกมัน”

แสงและเงาปรากฏขึ้นบนแผ่นหยกสีดำ เผยให้เห็นฉากกู่ฉิงซานสังหารผู้ฝึกยุทธ์ทุกคน

“สถานที่บูชายันล่ะ” ผู้หญิงอีกคนถาม

“วางใจได้ ข้าเตรียมไว้ให้สำหรับสองเทพแล้ว” เสียงชราตอบอย่างเคร่งครัด

ผู้ฝึกยุทธ์ชุดดำยื่นมือออกไปคว้าเบ็ดตกปลาสีเขียวจากความว่างเปล่า

ผู้หญิงชุดขาวถือตะเกียงเคลือบสีน้ำเงินเอาไว้ในมือ

…ชุดดำล่อลวง ชุดขาวกลับมามีชีวิต!

“เอาเถอะ พวกเราไปกันดีกว่า” ผู้หญิงชุดดำกล่าว

ร่างของสองสาววูบไหวก่อนพุ่งออกไป ไม่ช้าก็มองไม่เห็น

หลังจากพวกนางไปแล้ว เสียงชราบนแผ่นหยกสีดำดังขึ้นอีกครั้ง

“ท่านราชา ทุกสิ่งผิดพลาดไปเล็กน้อยเพราะการกระทำของพวกภูต หวังว่าท่านจะยกโทษให้ข้า”

ราชาโหมวลัวหลับตา แต่เสียงดังขึ้นในความว่างเปล่า “ไม่เป็นไร คนคนนั้นจะต้องอยู่ในมือของพวกเรา แถมมันยังทำให้ลูกน้องของข้าตายอีก”

เสียงชรากล่าวอีกครั้งว่า “ท่านราชา คนของพวกข้าออกเดินทางแล้ว ครั้งนี้ไม่ใช่ผู้ส่งสารคอยแจ้งเหตุสำคัญ แต่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีการต่อสู้ทรงพลัง โปรดวางใจได้ ท่านราชา”

“ดี ทันทีที่คนของเจ้ามาถึง ข้าจะส่งวิญญาณชั่วร้ายทรงพลังออกไปเช่นกัน”

ราชาโหมวลัวกล่าวด้วยน้ำเสียงย้ำเตือนว่า “ข้าต้องการฆ่าตัวตนอย่างภูตให้จงได้!”

………………………………….