webnovel

1082 หนทางข้างหน้า

ตอนที่ 1082 หนทางข้างหน้า

ฉ่าเฉียงถูกลิดรอนสิทธิ์ในการบอกเล่าประวัติศาสตร์

นักประวัติศาสตร์อธิบายรายละเอียดการต่อสู้อันยิ่งใหญ่ทั้งหมดตามที่หลานซิ่ว กู่เหยียนและกู่ฉิงซานบอกเล่าอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าไม่จำเป็นจะต้องให้ฉ่าเฉียงรู้เรื่องนี้

กู่เหยียนขยิบตาก่อนลากฉ่าเฉียงไปดื่มต่อ

หลานซิ่วอ่านบันทึกการต่อสู้ครั้งหนึ่งก่อนพยักหน้าอย่างพึงพอใจ

เขาส่งมันให้กู่ฉิงซานอ่านอีกครั้ง

กู่ฉิงซานส่งมันให้กู่เหยียน

ทั้งสองพึงพอใจมากเช่นกัน

ใช่แล้ว

นี่คือความจริง

“เอาล่ะ พวกเราควรออกเดินทางกันได้แล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

เขาชักดาบออกมาและกำลังจะตรงไปด้านหน้ากลุ่ม

“…เจ้าควรอยู่ให้ห่างจากแนวหน้านะ” หลานซิ่วลากเขากลับมา

กู่เหยียนหันกลับมาแล้วกล่าวว่า “ดาบของเจ้าทรงพลังเกินไป ต้องใช้ในช่วงที่วิกฤติ ดังนั้นเริ่มจากตามพวกข้าอยู่แนวหลังก่อนแล้วกัน”

เสียงของฉ่าเฉียงลอยมาไกลๆ “เจ้าไม่สามารถไปแนวหน้าได้จริงๆ พูดตามตรง ตอนข้ามองเจ้าจากข้างหลัง ข้าคิดว่าเจ้าพร้อมจะนำเต้นได้ทุกเมื่อเลย”

เมื่อพูดถึงประโยคดังกล่าว ไม่เพียงแค่กู่ฉิงซานที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เท่านั้น แม้แต่ทุกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นใจเช่นกัน

กู่ฉิงซานต้องถอย ในใจรู้สึกหดหู่

หา

ข้าไม่ต้องเสี่ยงแท้ๆ จะหดหู่ไปทำไม

เขารีบปรับสภาพจิตใจ

“ให้คนของข้าทำหน้าที่เป็นผู้บุกเบิกทาง…”

ฉ่าเฉียงพูดจบ มือก็สะบัดออกไป

ปีศาจสองตนออกมาจากด้านหลัง แขนขาพวกมันสัมผัสพื้น

ปีศาจค่อยๆ กลายเป็นสุนัขสีเทาสองตัว ร่างของมันปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงแดนชำระ

“ไป” ฉ่าเฉียงออกคำสั่ง

สุนัขแดนชำระสองตัวพุ่งเข้าไปในถ้ำมืด

…ข้างในคือทางเดินลับที่นำไปสู่โลกธุลี

หลังจากรอสักพัก

ฉ่าเฉียงพลันกล่าวขึ้นว่า “ไม่มีปัญหา ข้างในปลอดภัย”

“งั้นพวกเราก็ไปด้วยกันเลย” หลานซิ่วกล่าว

หลายคนพยักหน้าพร้อมกัน

ผู้ติดตามของหลานซิ่ว ผู้ติดตามของกู่เหยียนและลูกน้องของฉ่าเฉียงกระจายกำลังก่อนเข้าสู่ทางเดินลับ

กู่ฉิงซานมองการเคลื่อนไหวของผู้คนขณะดึงซูเสวี่ยเอ้อร์กลับมาอยู่ข้างเขา

ในที่สุดเขาก็เข้าทางเดินลับพร้อมกับพวกหลานซิ่ว

มืดสนิท

ก่อนหน้านี้ มีแร่และอัญมณีเรืองแสงในจัตุรัส ทำให้ส่องสว่างรอบข้างได้

แต่หลังจากเข้าไป แทบมองไม่เห็นสิ่งใด

…ถ้าไม่ใช่เพราะเปลวเพลิงแดนชำระที่ปีศาจมีมาแต่กำเนิด ถ้าไม่ใช่เพราะกู่เหยียน พวกเขาต้องฝึกฝนคาถาประเภทเปลวเพลิง ไม่อย่างนั้นทุกคนก็ทำได้เพียงก้าวไปในความมืดเท่านั้น

ขั้นบันไดลื่นถูกปกคลุมไปด้วยโลหิตแหยะและเนื้อสับ

หลายคนบังเอิญเหยียบมันก่อนกลิ้งลงไปไกล

บางครั้ง ทันทีที่ร่างกายกลับมามั่นคงได้ก็จะมองเห็นศีรษะที่ถูกแทะไปครึ่งหนึ่งกับซากของสัตว์ประหลาดที่ยังดิ้นอยู่

หลังจากเดินสักพัก ในที่สุดหลานซิ่วก็ทนไม่ไหวก่อนส่งสัญญาณให้ผู้ติดตาม

ใครบางคนร่ายคาถาทันที

…สายลมเดือดพล่าน

สายลมรุนแรงโหมกระหน่ำ พัดพาไปตามเส้นทางด้านล่างอย่างต่อเนื่อง ซากศพและโลหิตถูกสายลมรุนแรงกวาดผ่าน ในที่สุดก็หายไปในความว่างเปล่า

ในที่สุดเส้นทางก็ดูดีขึ้น แต่คราบโลหิตไม่อาจถูกขจัดออกจนสิ้นได้ ดังนั้นจึงยังมองเห็นแถบสีแดงดำขนาดใหญ่อยู่ตามเส้นทาง

“วิชานี้ใช้เพื่อป้องกันหมอกพิษและสภาพแวดล้อมบดบังได้” หลานซิ่วอธิบาย

“อืม ไม่ผิดที่จะใช้แบบนี้” กู่ฉิงซานกล่าว

ทุกคนยังคงเดินไปตามทาง

ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมง

“หยุดก่อน” ฉ่าเฉียงกล่าว

ทุกคนหยุด

“มีศัตรูอยู่ข้างหน้าหรือ” กู่เหยียนถาม

“เปล่า เจ้ามาดูสิว่านี่คืออะไร” ฉ่าเฉียงตอบ

มันผิวปาก

ภาพติดตามพลันกลับมาจากด้านหน้า

สุนัขแดนชำระคว้าบางสิ่งมาได้ก่อนเอากลับมาให้กลุ่ม

ฉ่าเฉียงส่งสิ่งนั้นให้กู่เหยียน

“ข้าไม่รู้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตแบบนี้อยู่ในอารยธรรมของพวกข้า” กู่เหยียนกล่าว

กู่เหยียนส่ายหน้าขณะส่งให้หลานซิ่ว

หลานซิ่วไม่รู้ว่ามันคืออะไรเช่นกัน ในที่สุดสิ่งนั้นจึงมาอยู่ในมือของกู่ฉิงซาน

กู่ฉิงซานหยิบมาดูใกล้ๆ

…นี่คือกระดูกขนาดเล็ก แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตที่เขารู้จักในโลกเก้าร้อยล้านชั้น มีเดือนกระดูกหนาบนกรงเล็บกระดูกนี้ กระดูกแต่ละท่อนถูกสลักด้วยอักขระโบราณ

ไม่มีคำตอบบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม เป็นสัญญาณว่ากระดูกนี้เป็นเพียงของไร้ประโยชน์

“เจ้ารู้หรือเปล่า” กู่เหยียนถาม

“ไม่รู้”

กู่ฉิงซานส่ายหน้าขณะมองกระดูกอย่างตั้งใจ

“ถ้าไม่รู้แล้วจะดูอีกทำไม” ฉ่าเฉียงถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

กู่ฉิงซานยิ้มแล้วตอบว่า “ต้องขอบคุณเจ้าที่มอบแสงสว่างให้เล็กน้อยจนทำให้ส่องสว่างที่นี่ไม่มากพอ ข้าเลยต้องตั้งใจดูให้ดี”

ฉ่าเฉียงเดินเข้ามาหาเขา

เปลวเพลิงแดนชำระเผาไหม้ ทำให้รอบข้างของกู่ฉิงซานส่องสว่างมากขึ้น

กู่ฉิงซานอยู่ตรงเปลวเพลิงขณะมองกระดูกต่อ

“เจ้าเจออะไรไหม?” หลานซิ่วถาม

“พูดยาก กระดูกนี้ไม่ค่อยบริสุทธิ์” กู่ฉิงซานตอบ

“ไม่บริสุทธิ์หรือ” หลานซิ่วถามด้วยความสับสน

“ใช่ นี่ไม่ใช่กระดูกของสิ่งมีชีวิต… ข้ารู้จักกระดูกของสิ่งมีชีวิต รู้ความแข็งความอ่อน รู้ว่าต้องฟันตรงไหน รู้ว่าควรใช้แรงแบบไหนในการฟัน แต่กระดูกนี้ไม่คล้ายกับเป็นกระดูกทั่วไป…”

ขณะกู่ฉิงซานกล่าว เขาโยนกระดูกเข้าไปในอากาศ

ประกายดาบวูบไหว

ควับ!

กระดูกถูกสับจนแยกออกเป็นสองส่วนก่อนร่วงลงมา

หลานซิ่วคว้ากระดูกเอาไว้ได้ก่อนมองดูอีกครั้ง

เขาเห็นว่ามีซากศพขนาดเล็กในกระดูกนี้

ซากศพมีขนาดเท่าหัวแม่มือ มันกลายเป็นธุลีเมื่อถูกสายลมสัมผัสก่อนหายไปจนสิ้น

“ภูต!”

กู่ฉิงซานและหลานซิ่วกล่าวพร้อมกัน

ทั้งสองมองหน้ากัน แสดงว่าพวกเขาได้พบร่างของก็อบลินที่นี่

ตอนนี้ฉ่าเฉียงคล้ายกับสัมผัสบางสิ่งได้ก่อนกล่าวกับผู้คนว่า “พบบางอย่างข้างหน้า”

ทุกคนออกเดินทางอีกครั้ง

หลังจากเดินอยู่ราวสิบนาที ทุกคนมาถึงตำแหน่งที่ฉ่าเฉียงบอก

สุนัขแดนชำระสองตัวเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่

ไม่ไกลจากพวกเขา กรงเล็บกระดูกขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น

ถึงแม้เส้นทางจะกว้างมากจนสามารถเดินเรียงแถวได้เจ็ดถึงแปดคน แต่กรงเล็บกระดูกนี้ปกคลุมทั่วทางเดิน ทำให้เหลือช่องว่างเพียงน้อยนิด

รอยข่วนยุ่งเหยิงตามกำแพงรอบข้างถูกขุดด้วยกรงเล็บกระดูก

ดูท่ากรงเล็บกระดูกนี้พยายามจะคว้าบางสิ่ง

ทุกคนมองกรงเล็บกระดูก

“ทางถูกขวางเอาไว้” หลานซิ่วกล่าวกับตัวเอง

กู่เหยียนกล่าวด้วยความสับสนว่า “แต่กรงเล็บกระดูกนี้ไม่ขยับเลย ดูท่ามันไม่ได้ขยับมานานแล้ว แล้วผู้ฝึกยุทธ์สวมหน้ากากผ่านไปได้ยังไง”

ฉ่าเฉียงกล่าวว่า “ยังชัดไม่พออีกหรือ พวกมันอาจจะเคลื่อนย้ายพริบตาไปไงล่ะ”

กู่เหยียนชำเลืองมองอีกฝ่ายก่อนไม่พูดอะไร

ฉ่าเฉียงครุ่นคิดสักพักขณะส่งสัญญาณให้สุนัขแดนชำระไปต่อ

สุนัขแดนชำระพุ่งไปข้างหน้าก่อนออกแรงกัดกรงเล็บกระดูก

กรงเล็บกระดูกไม่ขยับ

สุนัขแดนชำระอีกตัวลอดผ่านช่องว่างระหว่างกรงเล็บกระดูก มันแนบตัวกับกำแพงก่อนตรงเข้าส่วนลึกของเส้นทางด้านหลัง ผ่านไปสักพักจึงกลับมา

สุนัขแดนชำระรายงานว่า “หัวหน้า มีแขนกระดูกแข็งแรงอยู่หลังกรงเล็บกระดูก สุดท้ายทั้งเส้นทางก็ถูกปิดกั้นเอาไว้ ไม่มีช่องว่างให้ลอดผ่านได้ ข้าเลยกลับมา”

ทุกคนครุ่นคิด

ซากของสัตว์ประหลาดตัวนี้คืออะไร แล้วทำไมมันถึงตัวใหญ่ได้ขนาดนี้

หลานซิ่วส่งสัญญาณ

ผู้ติดตามสองคนโยนไพ่ออกไป พวกมันกลายเป็นคาถาน้ำแข็งและไฟก่อนกระแทกใส่กรงเล็บกระดูกยักษ์

กรงเล็บกระดูกไม่ขยับ เมื่อคาถาสิ้นสุดลง มันยังคงไร้รอยขีดข่วน

นี่ใช่ของคนตายแน่หรือ

สามารถต้านทานน้ำแข็งและไฟได้พร้อมกัน วัสดุคล้ายกับทนทานมาก

ฉ่าเฉียงครุ่นคิดสักพักก่อนสั่งว่า

“ดูท่าสิ่งนี้คงอยู่มานาน ตอนนี้มันแตกหักแล้ว พวกเจ้าไปเก็บกวาด คงใช้เวลาสักพักถึงจะผ่านได้”

ปีศาจหลายตนก้าวมาข้างหน้า ยกอาวุธขึ้นแล้วฟาดใส่กรงเล็บกระดูก

เมื่อฟาดครั้งแรก ทุกตนรู้สึกถึงบางอย่างตรงหน้า

ภาพติดตามจำนวนหนึ่งสั่นไหวจากกรงเล็บกระดูกน่าสะพรึงขณะคว้าปีศาจไว้ในมือแล้วบีบจนเป็นเนื้อบด

โลหิตสีเขียวกระเซ็นไปทั่วกำแพง

กรงเล็บกระดูกหดกลับมาก่อนหายไปทันที

ตอนนี้ ทุกคนตอบสนอง

“สารเลว! พวกที่กล้าฆ่าคนของข้า มันจะต้องตาย!”

สิ้นเสียงคำรามของฉ่าเฉียง มันกำลังเตรียมจะพุ่งเข้าไป

กู่ฉิงซานยื่นมือออกไปรั้งไว้ก่อนตะโกนอย่างเคร่งขรึมว่า “เจ้าไม่ใช่คู่มือหรอก!”

ฉ่าเฉียงกำลังจะพูดจนกระทั่งได้ยินเสียง

ไกลจากด้านหลังกรงเล็บกระดูก มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้น

เสียงกรีดร้องค่อยๆ เบาบางลง

เสียงเคี้ยวหมองหม่นดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

หัวใจของทุกคนค่อยๆ ดิ่งวูบ

…เจ้าของกรงเล็บกระดูกยักษ์นี่กำลังกิน

ตัวตนแบบไหนที่สามารถครอบครองกรงเล็บขนาดใหญ่นี้ได้

ตัวตนนี้คล้ายกับติดอยู่ในเส้นทางดังกล่าวจึงทำได้เพียงยื่นกรงเล็บกระดูกเพื่อรอเหยื่อที่ไม่ต่างจากกระต่ายน้อยมาติดกับ

“พวกเราเสียพละกำลังทั้งหมดไปแล้ว” หลานซิ่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “วิชาใช้ไม่ได้ผล ด้วยพละกำลังและความเร็วของมัน พวกเราไม่สามารถจัดการมันได้หรอก”

ฉ่าเฉียงอ้าปากแต่ไม่พูดอะไร

กู่ฉิงซานครุ่นคิด “ตอนแรก มันปล่อยหสุนัขแดนรชำระกัดและไม่ขยับจนกระทั่งมีเจ็ดถึงแปดคนเข้าไปติดกับ…”

“เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังมีชีวิตอยู่”

ทุกคนกำลังสนทนาขณะได้ยินเสียงครืนมาจากปลายอุโมงค์

กรงเล็บกระดูกปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนอีกครั้งในระยะประชิด

มันนอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ขวางทางข้างหน้าเอาไว้ราวกับจะไม่ขยับไปไหน

ติ๋งๆ

ติ๋งๆ

โลหิตของปีศาจหยดจากกรงเล็บกระดูกช้าๆ

………………………………….