webnovel

1028 สัญญาสำแดงเดช!

ตอนที่ 1028 สัญญาสำแดงเดช!

ตอนพวกกู่ฉิงซานเข้าซากปรักหักพังของเทพแห่งชีวิต

เมืองเรเควี่ยม

ราตรีมาเยือน

เงาเลือนรางปรากฏขึ้นอย่างเงียบงันที่หลังประตูของตำหนักก่อนพุ่งไปยังทิศทางหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ระหว่างทาง ไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนของเงาดังกล่าว

เงาเดินผ่านถนน ไม่ช้าก็มาถึงเมืองไกลห่างก่อนยืนอยู่หน้าบ้านของเชี่ยนหยา

เงานิ่งสักพัก จากนั้นเดินเข้าไปในบ้าน

‘เปรี้ยะ!’

‘เปรี้ยะ!’

ค่ายกลโปร่งแสงพลันปรากฏขึ้น เงาถูกผลักกลับไป

“คาดไม่ถึง จะเจ้าเล่ห์ได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับติดตั้งค่ายกลฝั่งฝึกฝนในสถานที่ที่ข้าเคยอยู่”

“แต่ว่า คิดจะใช้สิ่งนี้เพื่อพยายามหยุดข้าอย่างนั้นเหรอ?”

เงาพึมพำ ทันใดนั้นมันเร่งความเร็วก่อนพุ่งออกไป

‘ปัง!’

ไม่รู้ว่าใช้วิธีใด แต่ค่ายกลกลับแตกสลาย

หากกู่ฉิงซานยังอยู่ในเมืองเรเควี่ยม เขาจะต้องสามารถตรวจจับการพังทลายของค่ายกลได้ในไม่ช้าอย่างแน่นอน

จากนั้นเขาจะต้องพุ่งเข้ามาทันที

ทว่า ตอนนี้เขาอยู่ในซากปรักหักพัง จึงไม่อาจรู้ว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น

เงาเดินไปข้างหน้าทีละก้าวขณะวูบไหวมาที่หน้าประตูก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน

“ผังบ้านไม่เปลี่ยน… เชี่ยนหยา เจ้ายังรอให้ข้ากลับมาใช่หรือไม่”

เงาถอนหายใจขณะกล่าวอย่างแผ่วเบา

เขามาถึงเปลเด็กทารก คลายวิชาปกปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง

เจ้าชายร่างสูงหล่อเหลานั่นเอง!

เจ้าชายมองเด็กที่กำลังหลับอยู่ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เชี่ยนหยา ดูสิ ลูกของพวกเราน่ารักแค่ไหน คิ้วกับโครงหน้าช่างเหมือนกับเจ้านัก”

เจ้าชายไม่รู้ว่าวิญญาณของเชี่ยนหยายืนอยู่ตรงข้ามเขา ห่างกันเพียงแค่ช่วงเตียง

มีความเศร้าโศกและความเจ็บปวดในดวงตาของวิญญาณราวกับมองเห็นบางสิ่งได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

เจ้าชายกล่าวต่อว่า “เชี่ยนหยา เด็กคนนี้ช่างดีเหลือเกิน ข้าชอบมากถึงขั้นอยากเลื่อนขั้นสถานะผู้พิทักษ์ของเจ้าเลยด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดาย ภายหลังข้ามาทราบว่านี่เป็นการจองจำสายเลือด ไม่มีทางอื่นเลย”

“อา ใช่ ไม่มีทางอื่นแล้ว”

ขณะเจ้าชายกล่าว เขาชักกริชหรูหราที่ประดับด้วยอัญมณีหลากสีสันออกมาจากแขนเสื้อ

“เด็กทารกที่เกิดมาจากการผสมระหว่างเลือดราชวงศ์และเลือดผู้พิทักษ์จะดูดกลืนพลังของสมาชิกสองคนในตระกูลราชวงศ์หากมีชีวิตเกินกว่าสามขวบ”

“กลุ่มที่เหลืออยู่ในตระกูลราชวงศ์คือท่านพ่อกับข้า”

“เชี่ยนหยา ในยุคนี้ เจ้ารู้ไหมว่าการสูญเสียพลังมันหมายความว่าเช่นไร”

“เจ้าน่าจะเข้าใจว่าข้าไม่อยากกลายเป็นคนไร้ประโยชน์”

เมื่อวิญญาณของเชี่ยนหยาได้ยินดังนี้ นางทนไม่ไหวอีกต่อไปก่อนเปิดปากพูดยาวเหยียดออกมา

แต่คำพูดของวิญญาณจะส่งมาถึงคนเป็นได้อย่างไร

เย่เฟยหลีไม่ได้อยู่ที่นี่

แน่นอว่าเจ้าชายจึงไม่มีทางได้ยิน

ทว่า เขาคล้ายกับคิดถึงบางสิ่งอยู่

นี่อาจจะเป็นปมที่ผูกมัดเชี่ยนหยากับเขาเอาไว้ตลอดก็ได้

เจ้าชายมองเด็กพลางกระซิบว่า “ใช่ ข้าไม่ควรหยอกเย้าเจ้า ข้าไม่ควรมีเด็กคนนี้กับเจ้าเลย”

“แต่ว่า ใครบอกว่าข้าไม่ชอบเจ้ากันล่ะ”

น้ำเสียงของเขาเปี่ยมด้วยความอ่อนไหว “ผู้พิทักษ์แสนดีเช่นเจ้า แม้กระทั่งท่านพ่อยังรู้สึกถึงแรงกดดัน ท่านพ่อจึงยอมให้ข้าคบกับเจ้า”

“ข้าไม่เสียใจหรอกนะ อย่างไรเสีย ข้าก็ติดหนี้เจ้าจริงๆ ต่อให้เจ้าตายไปแล้ว ลูกของเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี เรื่องนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน”

“ยกโทษให้ข้าด้วย”

หลังจากพูดจบ เจ้าชายปลดปล่อยจิตสังหารออกมา

เขาชูกริชขึ้นก่อนแทงเข้าใส่เด็กที่กำลังหลับอยู่!

กริชยาวแทงเข้าใส่ชั้นแสงสว่าง!

แสงสว่างปกป้องเด็กเอาไว้

“นี่มัน”

ก่อนเจ้าชายจะทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สัญญาก็ทำงานอย่างสมบูรณ์

สัญญาระหว่างตระกูลราชวงศ์และคำสาบานแห่งดาบ!

“อา”

เจ้าชายแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัว

“ไม่! ทำไมเจ้าคือคนจากคำสาบานแห่งดาบ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเพิ่งอายุสามขวบแท้ๆ เป็นไปไม่ได้ที่จะลงนามด้วยตัวเองได้!”

เจ้าชายแผดเสียงคำรามด้วยความสิ้นหวัง

เขาละเมิดสัญญาด้วยการคิดที่จะสังหารคนจากคำสาบานแห่งดาบ

ในตอนนั้น ลอร่าและเหล่าต้าเห็นสัญญานี้เหมือนกัน ทั้งคู่รู้สึกว่ามันเข้มงวดมากนัก ไม่น่ามีปัญหาอะไร

เพราะทันทีที่ใครบางคนละเมิดสัญญานี้ เขาจะตายทันที!

เจ้าชายล้มลงกับพื้นราวกับอยากถูกบีบคอเอาไว้ ปากของเขาอ้ากว้าง แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้

แสงสว่างที่ปกป้องเด็กผู้ชายเอาไว้ค่อยๆ ขยายออกก่อนปกคลุมเขาเอาไว้จนสิ้น

เจ้าชายกลายเป็นกองกระดูกคนตายในแสงสว่าง

แสงสว่างคงอยู่เช่นนั้น

กระดูกซีดค่อยๆ หายไป

เจ้าชายตายแล้ว

เด็กผู้ชายปลอดภัย

นับจากนี้ไป เด็กผู้ชายคือลูกหลานเพียงคนเดียวของตระกูลราชวงศ์ในเมืองเรเควี่ยม

ข้างเด็กผู้ชาย เชี่ยนหยาจ้องมองเจ้าชายจนกระทั่งเขาตาย

นางหันหลังก่อนเช็ดหางตา

อีกด้าน

ขณะมองแหวนสีทองในมือของกู่ฉิงซาน จางหยิงห่าวกล่าวด้วยความสับสนว่า “มีแหวนอย่างเดียวไม่พอหรอก พวกเราไม่มีความทรงจำของราชา ทำให้ไม่อาจรู้ว่าได้พบสถานที่ที่ใช่แล้วหรือยัง”

กู่ฉิงซานยิ้ม

“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่ามีวิชาที่ทำให้สมาชิกตระกูลราชวงศ์ทุกคนเข้าใจความทรงจำตั้งแต่แรกเกิด”

เมื่อเขาถาม จางหยิงห่าวลังเลอีกครั้ง

หลังจากผ่านมาหลายปี อาวุธและสมบัติที่เทพแห่งชีวิตฝังไว้ที่นี่ หรือแม้กระทั่งข้ารับใช้เทพก็ถูกทำลายจนสิ้น

ถ้าเป็นแบบนั้น ทำไมวิชาของเทพสามารถคงอยู่มาหลายร้อยล้านปีเพื่อผนึกความทรงจำเอาไว้ในจิตของตระกูลราชวงศ์ทุกรุ่นได้กันล่ะ

นี่มันออกจะน่าขันไปเสียหน่อย

กู่ฉิงซานกล่าวต่อว่า “แหวนวงนี้คือกุญแจในการควบคุมวิญญาณแปลกประหลาด ข้าสวมมันไว้ วิญญาณแปลกประหลาดไม่สามารถโจมตีข้าได้ ลองเดาซิว่ามันมีไว้เพื่ออะไร”

“เจ้ากำลังจะบอกว่า…”

“ใช่ มันคือแหวนของราชาองค์นี้จริงๆ”

กู่ฉิงซานกล่าว

ในสายตาของเขา แถวหิ่งห้อยขนาดเล็กปรากฏอยู่ก่อนแล้ว

“แหวนแห่งความทรงจำของเทพแห่งชีวิต”

“แหวนวงนี้เต็มไปด้วยข้อมูลที่เทพแห่งชีวิตใส่เอาไว้ เมื่อไปถึงสถานที่ถูกต้องเท่านั้นจึงจะทำงานเพื่อส่งมอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้”

กู่ฉิงซานชำเลืองมองข้อความ จากนั้นมองทุกคน

เขาเห็นทุกคนมีสีหน้าเฉยชา

กู่ฉิงซานจึงเกิดสงสัย “พวกเจ้าทำสีหน้าอะไรกันน่ะ ไม่ได้สนใจซากปรักหักพังของเทพเลยหรือ”

เย่เฟยหลีตอบว่า “สมบัติเนี่ยนะ มันน่าสนใจยังไง”

“หา ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น” กู่ฉิงซานถาม

“พวกเรามีท่านหญิงลอร่าอยู่นี่”

“…มันก็จริง” กู่ฉิงซานพยักหน้าก่อนกล่าวต่อว่า “ความจริง พวกเราทำสัญญากับราชา ช่วยเขาทำการสำรวจซากปรักหักพัง เขาช่วยพวกเราต่อสู้กับสี่เทพเพื่อให้ได้ชิ้นส่วนไพ่สี่ชิ้น”

“ดังนั้นพวกเราจึงเอาของจากข้างในไม่ได้ง่ายๆ ต่อมา พวกเราแค่อยากไปถึงส่วนลึกที่สุดของซากปรักหักพังตามข้อมูลบนแหวน จากนั้นก็ส่งพวกเราไปที่นั่น”

ทุกคนพยักหน้า

ลอร่าดูสนใจมาก

“แจ๋วใช่ไหมล่ะ นี่คือสมบัติที่ถูกทิ้งไว้เมื่อหนึ่งร้อยล้านปีก่อน ต่อให้ไม่ได้เอาไป แค่ได้ดูก็น่าสนใจมากเกินพอแล้ว”

เหล่าต้าถามว่า “แต่เหนือสิ่งอื่นใด หลังจากพวกเราออกมาแล้ว จะทำเช่นไรกับแหวนวงนี้ต่อล่ะ”

“คืนลูกหลานของเทพแห่งชีวิต” กู่ฉิงซานตอบ

ตอนนี้ ไม่รู้ว่าจางหยิงห่าวคิดอะไรอยู่ ใบหน้าของเขาเผยความลังเล

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าน่ะ” กู่ฉิงซานถาม

“แมวสีดำของข้าไม่เพียงแค่สามารถหาทางไปยังส่วนลึกของซากปรักหักพังได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถทางอื่นได้อีกด้วย” จางหยิงห่าวตอบ

“ทางแบบไหนล่ะ”

“ทางกลับน่ะ”

“…ทำไมเจ้าอยากกลับล่ะ” กู่ฉิงซานถาม

จางหยิงห่าวกระแอมลำคอก่อนอธิบายว่า “พวกเราได้พบกับเทพแห่งความว่างเปล่าในป่าซากศพมาแล้ว แถมยังได้พบกับวิญญาณแปลกประหลาดในสวนแห่งนี้ ใครจะรู้ล่ะว่าหลังจากนี้ พวกเราจะพบอะไรอีก ถ้าต้องมาเสี่ยงชีวิตแบบนี้ พวกเราจะตายเอาจริงๆ นะ”

ทุกคนพยักหน้า

กู่ฉิงซานครุ่นคิดอยู่นานก่อนถามว่า “เหล่าต้า เจ้าคิดว่าไง”

เหล่าต้าตอบว่า “ข้าขอพูดอย่างเดียวพอ ร่างหุบเหวแทบจะไม่เคยถูกทิ้งไว้ เมื่อครู่ข้าเพิ่งอุทิศสวนให้กับหุบเหวจนได้หิ่งห้อยดารามา ดังนั้นถ้าได้ร่างหุบเหวมาเพิ่มอีก พวกเราจะต้องได้ผลประโยชน์มากขึ้นอย่างแน่นอน”

“หิ่งห้อยดาราคืออะไรหรือ” กู่ฉิงซานถาม

เหล่าต้าอธิบายซ้ำอีกครั้ง

การตอบสนองของกู่ฉิงซานเหมือนกับการตอบสนองของเย่เฟยหลี พวกเขาประหลาดใจเหมือนกัน

เขาพลันนึกบางอย่างออกก่อนกล่าวว่า “จะว่าไปแล้ว เหล่าต้า ข้ามีคำถามที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ ในเมื่อตอนนี้มีเจ้าอยู่ที่นี่ ข้าอยากจะถามสักหน่อยน่ะ”

“เจ้าถามมาเลย”

“ข้าเคยคิดว่าหุบเหวนิรันดร์คือสถานที่ แต่หลังจากที่ช่วงนี้เข้าใจอะไรมากขึ้น ข้ารู้สึกว่ามันคือสิ่งมีชีวิตระดับสูงมาก แล้วถ้าอย่างนั้นมันคืออะไรกันล่ะ”

เหล่าต้าครุ่นคิดก่อนตอบว่า “เรื่องนี้ไม่สามารถบอกได้ เพราะตัวตนที่อยู่เหนือหุบเหวไม่สามารถล่วงรู้โฉมหน้าที่แท้จริงของหุบเหวได้ เว้นแต่”

“เว้นแต่อะไร”

“เว้นแต่เจ้าจะดึงดูดความสนใจของหุบเหวได้ จากนั้นก็ผ่านการทดสอบ เข้าร่วมกับหุบเหวจนได้ร่างหุบเหวพิเศษมา”

“พอถึงตอนนั้น เจ้าจะมีคุณสมบัติที่จะรู้ความจริงเกี่ยวกับหุบเหว”

เหล่าต้าอธิบายอีกครั้งว่า “อย่าคิดว่ามันง่ายเชียวล่ะ มังกรมารใช้เวลาหนึ่งพันปี จนถึงตอนนี้มันยังไม่ได้ร่างหุบเหวเลย ทำได้เพียงแค่รักษารูปลักษณ์เดิมเอาไว้เท่านั้น”

เมื่อกู่ฉิงซานได้ยินดังนี้ เขาพลันนึกออกว่าหลินเคยพูดเอาไว้

“จะว่าไปแล้ว หลินเคยบอกข้าว่าหุบเหวกำลังจับตาดูข้าอยู่”

กู่ฉิงซานกล่าว

รอยยิ้มเจื่อนบนใบหน้าของเหล่าต้าหายไป เผยสีหน้าประหลาดใจออกมา

“นางพูดแบบนั้นจริงๆ หรือ”

…………………………..