webnovel

0713 เขาวงกตของเทพปีศาจ

ตอนที่ 713 เขาวงกตของเทพปีศาจ

โลกทะเลทราย เบื้องล่างคลาคล่ำไปด้วยมือยักษ์สีเขียว

เบื้องบน ถูกปกคลุมไปด้วยแมลงปีศาจเขมือบโลกา

อย่างไรก็ตาม ราวกับประชดประชัน ผู้คนที่สามารถหลบลี้จากทั้งสองสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นได้ ทั้งหมดกลับกำลังก่อจลาจล เข่นฆ่าสังหารกันอย่างบ้าคลั่ง

พวกเขาต่างต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงสมบัติหายาก และเก็บรวบรวมทุกชนิดที่สามารถใช้เป็นเสบียงได้

ทั้งหมดพยายามอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ว่าตราบใดที่พวกเขาสามารถเก็บรวบรวมสิ่งเหล่านี้เอาไว้ได้ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตยืนยาวได้กว่าคนอื่นๆ

เมืองลอยฟ้าแล่นออกไปยังมุมที่ห่างไกล

ณ บริเวณสถานที่ซึ่งแยกตัวออกมาจากสถานการณ์อันวุ่นวาย และยังคงสงบอยู่ชั่วคราว

ซีน้อยวางตะเกียบลง แสดงท่าทีว่ากินอาหารเสร็จแล้ว

“อา ขอโทษนะ ที่ฉันกินเยอะไปหน่อย” ซีน้อยกล่าวด้วยใบหน้าแดงซ่าน

อาหารทุกจานบนโต๊ะ เธอสวาปามคนเดียวเรียบ

กู่ฉิงซานหัวเราะ “ไม่ต้องใส่ใจหรอก เพราะการที่เห็นอาหารทุกชามถูกกินจนเกลี้ยงแบบนี้ ถือเป็นคำชมที่ดีที่สุดเลยสำหรับพ่อครัว”

“จริงๆ เหรอ?”

“จริงสิ ฉันไม่โกหกหรอกน่า”

กู่ฉิงซานเก็บหม้อและจาน

จากนั้นเขาก็หยิบส่วนผสมบางอย่างออกมา และเตรียมทำอาหารมื้อเล็กๆ สักสองจานสำหรับตนเอง

“อันที่จริงแล้วอาหารน่ะ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถใช้บ่งบอกเรื่องราวของโลกใบนั้นๆ มันเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะทำให้เธอสามารถเรียนรู้ และเข้าใจสิ่งแปลกใหม่ของโลกใบนั้นๆ ขณะเดียวกันก็สามารถเพลิดเพลินไปกับมัน”

กู่ฉิงซานกล่าว ขณะเดียวกันก็เริ่มปรุงส่วนผสม

ซีน้อยไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้ารับฟัง

แต่ในตอนนั้นเอง โครม! ร่างหนึ่งก็ลอยมาแต่ไกล ร่วงตกกระแทกบนพื้นใกล้กับที่ทั้งสองนั่งอยู่

แสงสีแดงสดใสสลายออกจากร่างกาย ไม่นาน ก็ปรากฏถึงคราบเลือดที่ท่วมไปทั้งตัวอย่างน่าตกใจ

ร่างดังกล่าวนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น

กู่ฉิงซานชำเลืองมอง เขาวางอาหารทอดจานแรกลงบนโต๊ะ แล้วตรงไปหาร่างของคนคนนั้น

ซีน้อยหันไปมองชายเลือดท่วมและกล่าว “เขาบาดเจ็บหนักเกินไป จิตสำนึกพร่ามัว ร่างกายเองก็มีหลายส่วนที่สาหัสถึงตาย ถ้าไม่รีบช่วยเขาจะต้องตาย”

“ฉันรู้แล้ว”

กู่ฉิงซานตอบ เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าชายเลือดท่วม จากนั้นเพ่งสำรวจอย่างระมัดระวัง

ชายคนนี้สวมชุดสูทสีดำเข้ม คาดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในคนขององค์กรสาธารณะ

“นายกำลังจะทำอะไร?” ซีน้อยถามด้วยความสงสัย

“นอกไปจากลิ้มลองอาหารแล้ว มันยังมีอีกวิธีหนึ่ง ที่จะสามารถช่วยให้เรารู้จักโลกได้มากขึ้น”

ว่าจบ กู่ฉิงซานก็วางมือลงบนหน้าผากของอีกฝ่าย

เปิดใช้งาน เทคนิคค้นวิญญาณ!

ทันใดนั้นเอง ร่างของชายเลือดท่วมก็สั่นสะท้าน และสิ้นชีวิตลง

กู่ฉิงซานเดินกลับมา ล้างมือด้วยน้ำสะอาด แล้วเริ่มผัดอาหารจานที่สองต่อ

“นี่นาย พึ่งจะฆ่า” ซีน้อยลังเลที่จะกล่าวต่อ

“สิ่งนี้เรียกว่าการค้นวิญญาณ มันเป็นเทคนิคที่ผู้ฝึกยุทธใช้ เพื่อที่จะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากประสบการณ์ของผู้อื่น” กู่ฉิงซานอธิบาย

ชายร่างท่วมเลือดเมื่อครู่ เป็นคนที่เกิดในกองทัพของจักรวรรดิดวงดาว คือนายพลอาวุโสแห่งจักรวรรดิ การมายังตลาดมืดของเขาในคราวนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อขายอาวุธจำนวนหนึ่ง

ด้วยความรู้และข้อมูลของชายคนนี้ มันช่วยให้กู่ฉิงซานสามารถรู้และเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวของดินแดนชิงอำนาจเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยเลย

และแล้วอาหารผัดจานที่สองก็ถูกเทลงใส่จาน

กู่ฉิงซานเติมข้าวจนพูนชาม  และค่อยๆ กินมันอย่างช้าๆ

ซีน้อยขบคิดอย่างเงียบๆ สักพักก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเธอไปกุมมือกู่ฉิงซาน

“มีอะไรเหรอ?”

กู่ฉิงซานหยุดตะเกียบและเอ่ยถาม

ซีน้อยยกมือของเขาขึ้นมาวางลงบนหน้าผากเธอและกล่าว “ถ้านายต้องการที่จะรู้เรื่องราวบางสิ่งบางอย่างในสมัยโบราณ นายสามารถค้นวิญญาณจากฉันได้ เพราะฉันน่ะรู้อะไรหลายอย่างเลย”

กู่ฉิงซานทั้งโกรธทั้งขบขัน เขาดีดหน้าผากเธอ “การค้นวิญญาณมันมีความเสี่ยงอยู่ ฉันจะไม่ค้นวิญญาณเธอลวกๆแน่นอน”

“โอ้ เข้าใจแล้ว ฉันก็แค่คิดว่าตัวฉันอาจจะช่วยอะไรนายบ้างสักหน่อยแค่นั้นเอง”

ซีน้อยกลับไปนั่งดังเดิม พลางยกมือขึ้นลูบๆ หน้าผากที่ปวดแปล๊บ

เมื่อเห็นท่าทีที่ดูเศร้าๆ เล็กน้อยของเธอ กู่ฉิงซานก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซีน้อย ถ้าฉันอยากจะรู้อะไร ฉันก็สามารถถามเธอตรงๆ ได้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”

ซีน้อยพอได้ฟัง ค่อยรู้สึกดีขึ้น “จริงด้วย! แถมวิธีนี้ยังง่ายและปลอดภัย ถึงขั้นสามารถคิดแบบนี้ได้ นายนี่มันฉลาดจริงๆ”

บอกตามตรงว่าเขาไม่อาจรับคำชมนี้เอาไว้ได้ เจ้าตัวส่ายหัว และเริ่มกินต่อ

แต่ในตอนนั้นเอง เขาคล้ายจดจำได้ถึงสิ่งหนึ่ง

เหลียวไปมองรอบๆ และไม่พบว่ามีใครคนอื่นอยู่ที่นี่ กู่ฉิงซานก็เดินเข้าไปในร้านอาหาร ตรงเข้าไปในครัว และหยิบเหรียญหนึ่งศูนย์เก้าออกมา เปล่งเสียงกระซิบ “เครื่องดื่มเย็นๆ”

ปุ้ง...

ลังไม้ตู้เย็นปรากฏขึ้นทันใด

เขาเร่งหยิบไวน์ขวดหนึ่งมา แล้วยัดตู้เย็นเก็บกลับคืน

สักพักเดินกลับมาโซนกินอาหาร เปิดจุกไวน์ ทั้งดื่มทั้งกิน อา...นี่ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมเสียจริง

ซีน้อยพอเห็นถึงการกระทำของเขา ก็พาลเข้าใจในทันที

น้ำจากในขวดนั่น...คงจะเป็น ‘ซุป’ สินะ

อา… เขาคงไปเอาซุปมาเพิ่มแน่ๆ เลย นี่มันเป็นเพราะว่าฉันกินซุปหม้อแรกคนเดียวหมด ช่างน่าละอายจริงๆ

ซีน้อยหน้าแดงเล็กน้อย

กู่ฉิงซานเหลือบมองเธอและกล่าว “นี่ ทำไมจู่ๆ เธอถึงหน้าแดงขึ้นมากัน?”

ซีน้อยสะบัดหน้าไปทางตลาดมืด หันเหหัวข้อสนทนา กล่าวอย่างร้อนรน “ไม่มีอะไร ฉันก็แค่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่คนพวกนั้นจะหยุดกันสักที”

“คนพวกนั้นน่ะเหรอ…” กู่ฉิงซานถูกเบนความสนใจ มองไปทางตลาดมืด

เขาสัมผัสได้เจ็ดถึงแปดกลิ่นอายที่ทรงพลังอย่างยิ่งยวด แต่ละกลิ่นอายก็ล้วนครอบครองดินแดนส่วนหนึ่งของตลาด และกำลังต่อสู้กัน

ดูเหมือนว่าชายที่แข็งแกร่งเหล่านี้จะยังไม่พอใจกับสมบัติที่ตนถือครองอยู่ในปัจจุบัน

ทั้งหมดต่างปรารถนาที่จะครอบครองสมบัติมากกว่าเดิม

กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าอีกไม่นานพวกเราก็คงต้องเข้าไปสู้ด้วยบ้างแล้ว ระหว่างนี้ก็นั่งพักกันอีกหน่อยเถอะ”

“การต่อสู้แย่งชิงสิ่งของจากคนอื่นมันเป็นเรื่องสกปรก และเลวร้ายนะ นายไม่ทำมันไม่ได้เหรอ” ซีน้อยถาม

“ไม่ได้หรอก”

“เพราะท่ามกลางสถานการณ์สิ้นหวังแบบนี้ อาจจะมีอุบัติเหตุใดๆ เกิดขึ้นก็ได้” กู่ฉิงซานส่ายหัว

ทันทีที่เสียงของเขาตกลง แสงจรัสพลันสาดส่องลงมายังโลกทั้งใบ

มนุษย์แสงปรากฏกายขึ้น

ตัวแทนสูงสุดของทวยเทพ ปรากฏกายขึ้นบนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน!

ข้อพิพาททั้งหมดยุติลงทันที

“ท่านเทพที่แท้จริง ตัวฉันคือผู้รับใช้ที่แสนจะต่ำต้อยของท่าน ได้โปรดช่วยฉันด้วย”

บางคนตะโกนขึ้น

ผู้ศรัทธาอีกคนทิ้งตัวคุกเข่าลงกับพื้น ร่ำไห้เสียงดัง “ท่านเทพวิญญาณที่เคารพ ฉันเป็นผู้ศรัทธาในเทพแห่งความลึกลับ ขออ้อนวอนท่าน ได้โปรดช่วยฉันด้วย!”

ท่ามกลางตลาดมืด การสังหารฆ่าฟันอย่างบ้าคลั่งได้สลายหายไป

เหล่าตัวตนทรงพลังที่ยังมีเลือดติดอยู่ในมือ เพียงพริบตาเดียวกลับกลายเป็นผู้ศรัทธาที่แสดงถึงความจริงใจและดีงามออกมา

พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้น แสดงออกถึงความภักดีและศรัทธาของตนต่อเทพวิญญาณ

กู่ฉิงซานที่คุ้นเคยกับฉากดังกล่าว ในช่วงเวลานี้ก็พลันหลุดหัวเราะออกมา

เขาบ่นพึมพำ “ทวยเทพน่ะ จะไม่ช่วยเหลือคนที่ดูถูกชีวิตผู้อื่น”

นี่คือถ้อยแถลงบทนำในพระคัมภีร์แห่งชีวิต ตามความทรงจำของนายพลจากจักรวรรดิดวงดาว มันคือความคิดที่จู่ๆ ก็ผุดออกมาจากความทรงจำจากการค้นวิญญาณ และกู่ฉิงซานเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ตัว

นายพลเป็นผู้ศรัทธาในเทพแห่งชีวิต เขาสามารถท่องบทสวดอธิษฐานได้มากกว่า แปดล้านคำ เป็นที่เคารพนับถือ ชื่นชม และรักใครของทั่วทั้งจักรวรรดิ

แต่น่าเสียดาย ที่เขาตายลงซะแล้วในตลาดมืด

เมืองลอยฟ้าถูกห่อหุ้มด้วยอำนาจอันเคร่งขรึมและศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางการสวดอ้อนวอน ผ่านพ้นไปนาน ในที่สุดมนุษย์แสงก็เอ่ยปาก

“ข้าจะหยุดการแพร่กระจายแห่งความชั่วร้ายเอาไว้ชั่วคราว เพื่อซื้อเวลาให้กับพวกเจ้า”

รัศมีเปล่งประกายออกจากมนุษย์แสง สาดไปทั่วทั้งโลก

รัศมีนี้ราวกับมีว่าพลังบางอย่าง เมื่อมือยักษ์สีเขียวตระหนักถึงแสงที่ว่า มันก็ค่อยๆ พากันหดหายกลับเข้าไปใต้ทะเลทราย

เวลาแห่งหายนะถูกยืดออกไป

ขณะเดียวกัน ฝูงชนต่างก็พากันระเบิดเสียงโห่ร้องสรรเสริญด้วยความตื่นเต้น

มนุษย์แสงเปิดปากพูดอีกครั้ง “เหล่าลูกแกะของทวยเทพเอ๋ย กล่าวตามความสัตย์จริง ที่ทุกสิ่งมีชีวิตสามารถรอดพ้นมาได้ก็เพราะพระพรแห่งทวยเทพ ดังนั้นพวกเจ้าจะต้องจำคำกล่าวของข้าต่อจากนี้ไปให้จงดี”

“บาปที่ทรงพลังอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ถูกผนึกเอาไว้ในส่วนลึกของโลกใบนี้”

“เมื่อผนึกหลุดออกมา แมลงปีศาจจึงปรากฏขึ้น และต่อให้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังไม่สามารถช่วยชีวิตพวกเจ้าจากความทุกข์ทรมานนี้ได้”

“แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่ง”

“เจ้าต้องค้นหาบทกวีพยากรณ์ทั้งยี่สิบเอ็ดบท จากพระคัมภีร์ทั้งเจ็ด ที่เทพวิญญาณทิ้งเอาไว้”

และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มันถูกเปิดใช้งานก่อนเวลาอันควร เทพจึงได้ซ่อนทางรอดสุดท้ายเอาไว้ ในสถานที่ทุกสิ่งมีชีวิตเข้าถึงได้ยากที่สุด มีเพียงบทกวีเท่านั้น ที่บอกได้ว่ามันอยู่ที่ไหน

“จงไปตามบทกวีพยากรณ์ แสวงหาสิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งสามที่เทพวิญญาณได้ทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง พวกมันกระจัดกระจายอยู่ในโลกทะเลทราย ถูกซ่อนลึกเข้าไปในเข้าวงกตที่ไม่เคยมีผู้ใดค้นพบ”

“นำสิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งสามออกมาจากเขาวงกต แล้วปลดปล่อยให้พวกมันสัมผัสกับสายลมอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นพวกมันก็จะถูกเปิดใช้งาน”

กล่าวถึงจุดนี้ น้ำเสียงของมนุษย์แสงก็ค่อยๆ ลดต่ำลง

“นี่คือ ‘มรดก’ ที่เทพวิญญาณทั้งเจ็ดทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง มันจะช่วยให้พวกเจ้าหลุดพ้นจากสถานการณ์อันโหดร้ายนี้ได้”

“แมลงปีศาจ เมื่อสัมผัสถึงอำนาจของสิ่งประดิษฐ์เทวะ มันก็จะคายโลกใบนี้ แล้วจากไป”

“สิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งสามนั้นมีพลังมหาศาล มันจะช่วยปิดผนึกความชั่วร้ายอีกครั้ง”

“เหล่าเทพวิญญาณจักต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน!”

“นอกเหนือไปจากนี้ ผู้ที่สามารถค้นพบสิ่งประดิษฐ์เทวะ จะได้รับความโปรดปรานจากทวยเทพ ทวยเทพจะมอบของขวัญให้พวกเขาหลังจากที่สามารถปิดผนึกความชั่วร้ายเอาไว้ได้แล้ว…”

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ มนุษย์แสงก็หยุดไป

ขณะที่หัวใจของทุกคน ยิ่งนานก็ยิ่งครึกโครม

ทุกคนต่างเฝ้ารอคอยให้มนุษย์แสงเฉลยว่าของขวัญจากทวยเทพนั้นคือสิ่งใด

ภายใต้การจับต้องโดยสายตานับไม่ถ้วน ในที่สุดมนุษย์แสงก็ประกาศออกมาในท้ายที่สุด

“ของขวัญที่ว่าก็คือ…พวกเขาจะสามารถจุดประกายต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของตนได้ในทันที และกลายเป็นกึ่งเทพ!”

........................................