webnovel

0540 ร่างจำลอง

ตอนที่ 540 ร่างจำลอง

“โชคชะตาเอ๋ย! มีเพียงการร่วงโรยก่อนเท่านั้นจึงจะทำให้พวกเจ้าเบ่งบานครั้งใหม่ได้!”

ซูเซี่ยเอ๋อร่ายมนตร์คาถาของเกาะหมอกดังลั่น

ไพ่กว่าเจ็ดสิบเจ็ดใบที่ลอยอยู่กลางอากาศ สาดประกายแสงพร่างพราว

พวกมันเริ่มดูดกลืนแต้มพลังวิญญาณอันงดงามและไร้ที่สิ้นสุดอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะระเบิดอำนาจอันยิ่งใหญ่ออกมาได้ทุกที่ทุกเวลา

และทั้งคนทั้งร่างของซูเซี่ยเอ๋อก็เริ่มเลือนรางลง

นี่คือสัญญาณของการเผาผลาญชีวิตที่มากเกินไป

ตรงกันข้ามกับเธอ นักรบเกราะเหล็กสูงสองเมตรได้ยื่นมือของตนออกมา ล้วงเข้าไปในความว่างเปล่าเบื้องหน้า

เพี๊ยะ!

แต่มือของเขากลับถูกตีกลับโดยความว่างเปล่า และแม้กระทั่งเกราะมือของเขาก็ร้อนราวกับถูกลวก

แล้วนักรบเกราะเหล็กก็เข้าใจในที่สุด

เขาโบกมือออกไป “ทั้งหมดถอยกลับมาซะ มาอยู่ใกล้ๆ ฉัน เตรียมจัดทัพป้องกัน”

“แต่บอส ” หลายคนสับสน

“เร็วเข้า! เธอกำลังจะตายอยู่แล้ว แต่พวกเราไม่สามารถตายตกตามกันไปกับเธอได้!” นักรบตะโกนเฉียบขาด

เขาก้าวถอยหลังและจัดโล่ขนาดใหญ่มาวางไว้เบื้องหน้าตนเอง

ฝูงชนราวกับได้สติตื่นจากห้วงฝัน เร่งรุดไปใกล้กับเขา แล้วเริ่มจัดวางรูปแบบการป้องกันอย่างเข้มงวด

เวลานี้ มันสายเกินไปแล้วที่จะวิ่งหนี

เจ็ดสิบเจ็ดไพ่เริ่มเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และร่างของซูเซี่ยเอ่อก็สาดแสงพิสุทธิ์พรั่งพรูออกมา

สามพายุทอร์นาโดเริ่มก่อตัว เวียนวนโคจรรอบซูเซี่ยเอ๋อ และในที่สุด มันก็เริ่มพัดทะลวงจนเกิดรูบนพื้นน้ำแข็ง ชักนำเอาธารน้ำมหาศาลที่อยู่เบื้องล่างพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

นักรบเกราะเหล็กเฝ้ามองดูฉากนี้อย่างใจจดใจจ่อ ในความคิดลอบถอนหายใจอย่างลับๆ

พลังอำนาจนี้ ช่างอัศจรรย์ น่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเลย

แต่เกรงว่าก่อนที่พลังอำนาจดังกล่าวจะถูกยิงออกมา สาวน้อยคนนี้ก็คงจะทนไม่ไหว สิ้นใจไปเสียก่อน

ว่าแต่ทำไมกัน? ทำไมเธอถึง

เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนของเขากำลังจะจากไปอยู่แล้ว

เห็นได้ชัดว่าเขาได้สั่งห้าม ไม่อนุญาตให้มีเรื่องราวใดๆ ภายนอกเข้ามาขัดขวางภารกิจ และไม่อนุญาตให้มีใครไปยั่วยุเธอด้วยซ้ำ

แต่แล้วทำไมเธอถึงต้องทุ่มเทพยายามจะสังหารพวกเขาถึงเพียงนี้?

นักรบเกราะเหล็กยิ่งคิดก็ยิ่งงง ไม่อาจหาเหตุผลมารองรับได้

บนท้องฟ้า เมื่อสูบน้ำจนอิ่ม พายุทอร์นาโดสามวงได้กระจายตัวออกไป

เนื่องจากการพวยพุ่งของกระแสธารเบื้องล่างพื้นน้ำแข็ง ส่งผลให้เกิดการควบแน่นขึ้นในอากาศ ก่อตัวเป็นแท่งหอกน้ำแข็งที่วาววับและโปร่งใส อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

พายุหิมะไม่ร่วงโรยอีกต่อไป

ท้องฟ้ามืดครึ้ม และเมฆหมอกไอเย็นปกคลุมเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงกันข้าม

รอบตัวเธอจมลงสู่ความเงียบงัน เริ่มบังเกิดชั้นอากาศที่บิดเบี้ยว

ความรู้สึกนี้ มันคล้ายกับการตกอยู่ในฝันร้าย จิตสำนึกของทุกคนจมลงสู่ห้วงอารมณ์อันแปรปรวน

และถึงแม้ว่าทุกคนในกลุ่มนักรบจะมีอายุน้อยกว่าสามสิบปี แต่ทั้งหมดก็ได้ผ่านพ้นและเรียนรู้ประสบการณ์มามากมาย บางคนที่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ร่างกายของเขาเริ่มสั่นสะท้านอย่างมิอาจควบคุมได้

“เธอเป็นคนจากเกาะหมอก! พวกเราทุกคนจะต้องป้องกันการโจมตีนี้ให้ได้!” บางคนร้องตะโกนคลั่งออกมา

“ใช่ ทุกคนจงใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่ตนมีเพื่อ” นักรบเกราะเหล็กคำราม ทิ้งช่วงไป

และทุกคนก็ตะโกนต่อจากเขา “ป้องกัน!”

ในช่วงเวลานั้นเอง พลังอำนาจที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อนก็พลันปะทุออกมา พวกมันถูกรวบรวมเข้าด้วยกันรอบตัวนักรบเกราะเหล็ก

ตรงกันข้ามกับพวกเขา หมอกไอเย็นฟุ้งกระชากขึ้นอย่างรวดเร็ว

หมอกนี้ราวกับสัตว์ร้ายอันน่าหวาดกลัว ที่พร้อมจะกลืนกินทุกสิ่งมีชีวิตได้ตลอดเวลา

ฝูงชนต่างพากันกลืนน้ำลายอึกอัก ทั้งหมดทุ่มพยายามอย่างเต็มที่เข้าสู่สภาวะพร้อมป้องกัน

การระเบิดโจมตีร้ายแรงกำลังจะมาแล้ว!!!

ท่ามกลางหิมะและน้ำแข็ง

ซูเซี่ยเอ๋อเปล่งคาถาเสียงกระซิบ มุ่งเน้นควบรวมอำนาจทั้งหมดของไพ่

ณ เวลานี้ ร่างของเธอยิ่งมายิ่งกลายเป็นพร่ามัวมากขึ้น

ในจิตใจของซูเซี่ยเอ๋อ มีเพียงความคิดเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่

เวลากำลังจะหมดลงแล้ว ต้องยึดโอกาสสุดท้ายนี้เอาไว้ให้จงได้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี...

ทว่าทันใดนั้นเอง ร่างของเธอก็สั่นไหวเล็กน้อย

ใบไม้สีเขียวผุดออกมาจากหน้าผากตรงกลางหว่างคิ้วของเธอโดยไม่รู้ตัว

ใบไม้นี้ราวกับครอบครองพลังชีวิตอันไร้ที่สิ้นสุด พริบตานั้นทั้งคนทั้งร่างของซูเซี่ยเอ๋อที่พร่ามัวก็กลับมาเด่นชัดขึ้นทันใด

รังสีเขียวมรกตอาบไปทั่วตัวเธอราวกับน้ำพุร้อนในฤดูใบไม้ผลิ

นี่คือพลังชีวิตที่เหนือกว่าทุกสิ่งอย่าง มันเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตอื่นใดก็ไม่สามารถเข้าถึงได้!

ซูเซี่ยเอ๋อตกตะลึง

เธอสังเกตเห็นว่าพลังชีวิตของเธอยังคงถูกเผาผลาญอยู่ แต่อีกอำนาจหนึ่งก็กำลังถ่ายเทพลังชีวิตใหม่เข้ามาให้แด่เธออย่างต่อเนื่องเช่นกัน

อำนาจที่ห่างไกลเกินกว่าความรู้ความเข้าใจไปโดยสมบูรณ์

ด้วยอำนาจดังกล่าวนี้ ส่งผลให้จุดอ่อนจากทั้งคนทั้งร่างของเธอถูกลบ กลบหายไปจนสิ้น

กายของเธอกลับกลายเป็นบริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าเดิม มันสามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์และปฐพี กฎเกณฑ์ โลก และต้นกำเนิดมากยิ่งขึ้น

เวลานี้เธอยังกระทั่งสามารถสัมผัสได้เล็กๆ น้อยๆ ถึงคลื่นความผันผวนอันยิ่งใหญ่ของโลกใบนี้ทั้งใบได้อีกด้วย!

“ไม่จริงน่า เห็นได้ชัดว่าฉันกำลังจะตาย… แล้วทำไมจู่ๆ ฉันถึงได้ยกระดับขึ้นไปไกลกว่าเหล่าอาจารย์ที่ปรึกษาระดับทั่วไปกัน?” ซูเซี่ยเอ๋ออุทานด้วยความประหลาดใจ

เธอลองสัมผัสกับมันอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็สังเกตถึงมันได้เล็กน้อย

มือถูกยื่นออกไปในความว่างเปล่า ซูเซี่ยเอ๋อเรียกกระจกสีเงินออกมา

เห็นแค่เพียงบนหน้าผากตน ปรากฏถึงใบไม้สีเขียวมรกตที่กระเพื่อมไหวไปตามแรงลม

พอได้เห็นซูเซี่ยเอ๋อก็สามารถจดจำมันได้ในทันที

ตนกับกู่ฉิงซานเคยได้พบกับหญิงงามไม้สลักในเมืองเล็กๆ

ขณะที่อีกฝ่ายกล่าวว่าเธอเป็นเพื่อนของอาจารย์ และหลังจากรับประทานอาหารร่วมกันแล้ว เธอก็ได้วางใบไม้ใบนี้ลงบนหน้าผากของตนเอง

“ที่แท้ก็เป็นเธอ… ” ซูเซี่ยเอ๋อบ่นพึมพำ

วินาทีต่อมา ไพ่สีม่วงก็บินออกจากตัวซูเซี่ยเอ๋ออย่างกะทันหัน และแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางอากาศ

“ไม่นะ! นั่นมันไพ่แทนที่โชคชะตาของฉัน!”

ซูเซี่ยเอ๋อร้องอุทาน

อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว

ร่างเงาปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า และนำพาเธอออกไปจากสถานที่นั้นโดยตรง

อัลเบอัส

ณ ขณะนี้คือเวลากลางคืน แต่งานรื่นเริงของอัลเบอัสก็ยังไม่จบลง

พิธีเฉลิมฉลองเจ้าหญิงหนามอายุครบสิบสองปี จะจัดขึ้นเป็นเวลาสามวันสามคืน

ผู้คนจึงเพลิดเพลิน ดื่มด่ำตลอดทั้งวันคืนไปกับการแสดงน้ำใจของราชวงศ์วิหคหนาม

บนดาดฟ้าชมวิว ในชั้นบนสุดของโรงแรม

หญิงงามไม้สลักยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ที่นั่น

เหมือนว่าเธอเลือกที่จะออกมาข้างนอก ปลีกวิเวกจากความคหรือกครื้นและทุกสรรพเสียง เฝ้ามองดูโลกจากเบื้องบนอย่างเงียบๆ คล้ายกับพระเจ้าที่ทอดสายตามองลงมา

องครักษ์ราชวงศ์วิหคหนามก้าวเข้ามายังระเบียง คุกเข่าลง และกล่าวด้วยความเคารพ “หัวใจพฤกษานิรันดร์ จิตวิญญาณแห่งพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ ผู้ประจักษ์แห่งเทพบรรกาลตลอดทั้งหมื่นโลกา สหายที่ดีที่สุดแห่งตระกูลหนาม เลดี้เทสส์ที่เคารพ ผู้น้อยมีไม่กี่คำที่จะมารายงานแก่ท่าน”

หญิงงามไม้สลักมิได้หันหัวกลับมา แต่ก็ยังขานรับ “ว่ามาสิ”

“ท่านหญิงทริสเต้ให้มาถามไถ่ว่าการค้นหาของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

หญิงงามไม้สลักเทสส์หัวเราะออกมา “เราคงต้องบอกว่า แม้เจ้าหญิงของพวกเจ้าจะซุกซน แต่ความสามารถของเธอนับว่าน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ”

“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

“ก็เราได้ค้นพบมัน...”

แต่แล้วเธอก็หุบปากลงทันใด

“เลดี้…?”องครักษ์ราชวงศ์เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย

“รอประเดี๋ยว เราขอจัดการธุระส่วนตัวก่อน เสร็จแล้วจะมาคุยกับเจ้าในภายหลัง”

ว่าจบ เทสส์ก็ยกมือขึ้น

เห็นแค่เพียงเปลวเพลิงสีเขียวที่แผ่ออกจากฝ่ามือเธออย่างรวดเร็ว และจากนั้นก็ห่อหุ้มกายเธอเอาไว้

ผู้พิทักษ์ราชวงศ์จึงเร่งถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

เขาลอบมองไปยังเปลวไฟสีเขียวที่ปรากฏ และบังเกิดความคิดว่า ‘การที่ตนเองยืนจ้องมองอีกฝ่ายจัดการเรื่องส่วนตัวอยู่ที่นี่ มันช่างไม่เหมาะสมกับมารยาทของตระกูลวิหคหนามเลยเสียจริงๆ’ ดังนั้นเขาจึงถอยออกจากระเบียง และเฝ้ารอให้อีกฝ่ายจัดการธุระให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

จิตวิญญาณพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ เลดี้เทสส์ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียว

“นี่มันเทคนิคแทนที่โชคชะตาของทะเลเลือด? ช่างเป็นเทคนิคมนตราที่น่ารำคาญเสียจริงๆ”

เมื่อมองย้อนไปถึงช่วงเวลาในครั้งอดีต เธอก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว

ในช่วงเวลานั้น ครั้งหนึ่งจอมมารทะเลเองก็ได้ใช้เทคนิคมนตรานี้กับเธอ และสุดท้ายมันก็ทำให้เธอโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก นับจากนั้นมา ทั้งสองก็มิอาจพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีต่อกันได้อีกต่อไป

“อาจารย์ว่าโง่แล้ว แต่กระทั่งลูกศิษย์ก็ดันมาโง่เหมือนกันอีก”

ท่าทีของเลดี้เทสส์ดูจะค่อนข้างโกรธเล็กน้อย “ไม่ยินยอมไถ่ถามจากใคร และคิดว่าทางที่ตัวเองตัดสินใจเลือกให้คนอื่นนั้นถูกต้องแล้ว… คิดว่าตนวิเศษวิโสมากหรือไงกัน?”

เธอเอ่ยเสียงกระซิบ ขณะเดียวกัน สองมือก็ขยับไหวไม่หยุด เตรียมใช้ออกด้วยเทคนิคลับ

หลังจากเหตุการณ์นั้น เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้คนอื่นต้องประสบพบเจอกับปัญหาเดียวกันกับเธอ เทสส์จึงได้คิดค้นและศึกษาเทคนิคหวนคืนโชคชะตาขึ้นมาเป็นพิเศษ

“คราวนี้ล่ะ ในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสบดขยี้ไพ่แทนที่โชคชะตาของเจ้าเสียที”

เทคนิคมนตราเริ่มขับเคลื่อน

ใบหน้าของจิตวิญญาณพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีหน้าภาคภูมิ ในสายตาของเธอ ท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืนอันไพศาล ราวกับว่าเธอสามารถมองเห็นโชคชะตาของทั้งสองกลับคืนสู่ปกติดังเดิม

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เธอก็ตระหนักได้ถึงความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป

หากเธอไม่ได้อาศัยการเชื่อมต่อระหว่างไพ่โชคชะตาและเทคนิคที่ปลดปล่อยออกมา เธอคงจะไม่ทันได้ใส่ใจหรือสังเกตเห็นถึงมันเลย

“พิกลนัก เขาสามารถเข้าไปอยู่ในโลกใบนั้นได้อย่างไร?”

“กระทั่งลอร่าเองก็ยังอยู่ที่นั่นด้วย…นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”

การแสดงออกทางสีหน้าของจิตวิญญาณพฤษากลายเป็นร้ายแรงมากขึ้น

ชั่วขณะนี้ เธอบังเกิดความตื่นตัว ระมัดระวังถึงขีดสุด

“แต่ที่นั่นคือโลกของทริสเต้ ดูเหมือนว่าเราจะไม่สามารถทำอะไรได้มากจนเกินไป มิฉะนั้นเธอคงจะรู้ตัว”

จิตวิญญาณพฤษาศักดิ์สิทธิ์พึมพำและเริ่มร่ายเทคนิคมนตราในมือ

“ข้าคงต้องสร้างร่างจำลองขึ้นมาชั่วคราว…”

ขณะกล่าว ในมือของจิตวิญญาณพฤกษาศักดิ์สิทธิ์ ก็พลันปะทุชั้นเปลวเพลิงสีเขียว พริบตาเดียว พวกมันก็แปรสภาพเป็นร่างเงาของเธอทันที และผลุบหายเข้าไปในความว่างเปล่าอย่างไร้ร่องรอย

ร่างเงาของเธอข้ามผ่านช่องว่างโดยตรง แบ่งแยกออกเป็นสอง หนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าซูเซี่ยเอ๋อ ขณะอีกหนึ่งปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้ากู่ฉิงซาน

ร่างเงานำพาซูเซี่ยเอ่อหายออกไปจากโลกสมบัติของทริสเต้เลยโดยตรง

ณ เกาะหมอก

จอมมารทะเลเลือดนั่งถือไพ่อยู่ในห้องสมุดของเขาอย่างเงียบๆ

เห็นแค่เพียงบนหน้าไพ่เป็นรูปของซูเซี่ยเอ๋อ

ทว่าภาพของเธอบนหน้าไพ่กลับกำลังค่อยๆ ซีดจางลง และกำลังจะหายไปจากตัวไพ่ในไม่ช้า

จอมมารทะเลเลือดเผยให้เห็นถึงสีหน้าประหลาดใจ ปากเอ่ยพึมพำ “นี่มันก็แค่การเรียกขานของวิหคหนามมิใช่หรือ? มันจะยากเย็นถึงขั้นต้องลงมือทำขนาดนี้ได้อย่างไร?”

เขาเอื้อมมือออกมา และขยับเบาๆ ทันใดนั้นไพ่ที่สาดรังสีเลือดนับหลายร้อยใบก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า

“ทะเลเลือด คำสาปแห่งความตาย จงเตรียมพร้อม”

เขาเอ่ยสั่ง

แล้วไพ่นับร้อยใบก็สาดแสงสีเลือดอันไร้ที่สิ้นสุดออกมาทันที โฉบเข้ารายล้อมรอบไพ่ที่มีรูปของซูเซี่ยเอ๋ออยู่

ทันใดนั้นเอง จอมมารทะเลเลือดพลันสัมผัสได้ถึงการมาเยือนบางอย่าง นิ้วของเขาชี้ไปในอากาศที่ว่างเปล่า ปากเอ่ยกล่าวทันที “อนุญาตให้เปิดมิติ”

พริบตานั้นความว่างเปล่าก็แยกออก ร่างเงาของเทสส์และซูเซี่ยเอ๋อได้ปรากฏขึ้น

“เทสส์ พวกเราไม่ได้เจอกันนานมากแล้วนะ” จอมมารทะเลเลือดยิ้ม

“นี่ลูกศิษย์เจ้ามิใช่หรือ ถ้าใช่ เจ้าก็สมควรที่จะดูแลเธอให้ดีสิ” เทสส์กล่าวอย่างเฉยเมย

“เกิดอะไรขึ้น? เธอสร้างปัญหาให้เจ้างั้นหรือ?”

“ไม่ใช่ แต่เธอกับเจ้ามันก็โง่ไม่แตกต่างกัน เด็กสาวผู้นี้วางกับดักแฟนตัวเอง และคิดจะแบกรับโชคชะตาแทนเขา”

เทสส์มองอีกฝ่ายด้วยความเย็นชา หันหลังกลับ และบินเข้าไปในรอยแยกมิติ ก่อนจะหายไป

“รอเดี๋ยวก่อนเทสส์!” จอมมารทะเลเลือดตะโกนออกมา

แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็ได้หายไปแล้ว

จอมมารทะเลเลือดถอนหายใจ ก่อนจะหันไปมองซูเซี่ยเอ๋อแล้วเอ่ยถาม “ศิษย์ที่รักของข้า มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”

ซูเซี่ยเอ๋อที่ถูกจับลากมาถอนหายใจ

“อาจารย์ ในตอนนั้นหนูหวาดกลัวมากเกินไป จริงๆ แล้วหนูสมควรที่จะบอกกับอาจารย์ก่อน…”

“แท้จริงแล้ว เรื่องราวมันก็เป็นแบบนี้…”

ภายในกรมบังคับกฎที่ว่างเปล่า อาจารย์และศิษย์ค่อยๆ พูดคุย บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้มันกระจ่างแก่ใจ

“ดูเหมือนว่าสงครามเต็มรูปแบบของโลกทั้งเก้าร้อยล้านชั้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ” จอมมารทะเลเลือดถอนหายใจ

“อาจารย์ ท่านจะออกไปสู้หรือเปล่า?”

“แน่นอน สงครามในครั้งนี้ ไม่มีผู้ใดหลีกเลี่ยงมันได้หรอก”

จอมมารทะเลเลือดค่อยๆ เดินกลับไปยังที่นั่งของเขา และหยิบไวน์ขวดหนึ่งจากบนโต๊ะขึ้นมารินมันใส่แก้วให้ตนเองและซูเซี่ยเอ๋อ

“มาเถอะ ศิษย์ข้า ดื่มสักแก้วเพื่อบรรเทาความตกใจ”

โดยปกติทั่วไปแล้ว การกระทำเช่นนี้คือจุดเริ่มต้นที่อาจารย์มักจะทำก่อนจะสอนสั่งเธอ

ซูเซี่ยเอ๋อรับแก้วไวน์มาและกล่าว “ค่ะ”

ทั้งสองดื่มไวน์อึกหนึ่ง

แล้วจอมมารทะเลเลือดก็เริ่มกล่าวว่า “เซี่ยเอ๋อ เจ้าทราบหรือไม่ว่าได้ทำอะไรผิดพลั้งไป?”

“พบเผชิญกับอันตราย แต่กลับปิดซ่อนความจริงจากท่านอาจารย์ใช่หรือไม่?”

“นั่นก็เป็นข้อหนึ่ง แต่ข้อที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เจ้าไม่ควรเก็บซ่อนความจริงของคนที่เจ้ารัก และทนแบกรับมันแด่เพียงผู้เดียว”

ซูเซี่ยเอ๋อนิ่งงันไป

จอมมารทะเลเลือดยิ้ม แต่ก็สอนสั่งอย่างระมัดระวัง “เจ้าคู่ควรแก่การเป็นศิษย์ข้า และอันที่จริงข้าเองก็ชื่นชมเจ้ามากเช่นกัน แต่ข้าอยากจะบอกว่าผลลัพธ์ของการกระทำนี้ สุดท้ายมีเพียงทำให้คนรักของเจ้าต้องเจ็บปวดเท่านั้น”

“เจ็บปวดอย่างงั้นเหรอ?”

“ใช่” จอมมารทะเลเลือดถอนหายใจ

ช่วงเวลานี้ เขาดูไม่เหมือนกับตัวตนทรงอำนาจอันดับต้นๆ ของตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้นเลย แต่กลับดูเหมือนชายวัยกลางคนทั่วไปที่กำลังผิดหวังในความรักซะมากกว่า

“ข้าเคยทำผิดพลั้งเช่นเดียวกันกับเจ้า และต้องใช้เวลายาวนานหลายปี กว่าที่ข้าจะตระหนักว่า การกระทำเช่นนั้นมันช่างเป็นสิ่งที่โง่เง่าจริงๆ”

“แต่หนูไม่ทนไม่ได้จริงๆ การที่จะช่วยให้เขาไม่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย มันไม่มีวิธีอื่นเลย”

ซูเซี่ยเอ๋อส่ายหัว

“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาจะไม่สามารถแบกรับโชคชะตาของตนเองได้?” จอมมารทะเลเลือดเอ่ยถาม

“ก็ไพ่พยากรณ์โชคชะตาสะท้อนให้เห็นถึงชะตากรรมของเขาออกมาอย่างชัดเจน ว่าไม่พบเจอกับความตาย ก็เข้าสู่วิถีมาร” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

เธอเอ่ยด้วยความวิตกกังวล “แต่ตอนนี้เขาได้กลับคืนสู่เส้นทางแห่งโชคชะตาของตัวเองแล้ว หนูกลัวว่าเขาจะต้องตายจากโลกใบนี้ไป”

จอมมารทะเลเลือดยิ้ม ปากเอ่ยถาม “บอกข้ามาสิ ว่าเจ้าสามารถขังเขาไว้ในโรงแรมได้อย่างไร?”

“หนูใช้ไพ่ ‘ของขวัญจุมพิตจากแม่มด’ ‘คำสาบานของพันธนาการ’ และ ‘จอมมารคุ้มภัย’ ” ซูเซี่ยเอ๋อสารภาพ

“งั้นถ้าฟังจากสิ่งที่เทสส์พูดเมื่อครู่นี้ แสดงว่าแฟนเจ้าสามารถหลุดออกมาจากการจองจำเหล่านี้ได้น่ะสิ พอจะบอกข้าได้ไหม ว่าเขาทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”

ซูเซี่ยเอ๋อกลายเป็นว่างเปล่า

จริงสิ…แล้วเขาทำได้อย่างไรกัน?

“หากเป็นเจ้า เจ้าจะสามารถทำลายการจองจำทั้งสามนี้ และปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระได้หรือไม่?” จอมมารเอ่ยถามอีกครั้ง

ซูเซี่ยเอ๋อแทบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย

การคุ้มภัยของจอมมาร ด้วยความแข็งแกร่งของตนเองแล้ว เธอย่อมไม่มีทางหลบหนีจากมันไปได้โดยสมบูรณ์

ส่วนคำสาบานของพันธนาการ ถ้าเธอทุ่มสุดตัว ก็คงพอจะแก้มันได้

สำหรับของขวัญจุมพิตจากแม่มด เงื่อนไขของมันพิเศษมากเกินไป ตนเองคงไม่มีทางรับมือเกี่ยวกับมัน

“ไม่ได้ หนูคงไม่สามารถหลุดพ้นจากกับดักแรกได้ด้วยซ้ำ” ซูเซี่ยเอ๋อกล่าว

ประเดี๋ยวก่อนสิ!

แล้วถ้าอย่างงั้นกู่ฉิงซานสามารถหลุดพ้นจากจุมพิตแม่มดได้อย่างไร?

ซูเซี่ยเอ๋อเริ่มจมลงสู่ห้วงความคิดแปลกๆ

“ดูเถิด เห็นไหมว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้ แต่เจ้ากลับหลงผิดไปคิดแทนเขา หมายจะแบกรับทุกสิ่งอย่างแทน แบบนี้มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลยมิใช่หรือ?”

…………………………………..........