webnovel

0394 ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูต

ตอนที่ 394 ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูต

ย้อนความกันสักเล็กน้อย

ขณะที่เผ่ามารกำลังกรีธาทัพ ค่อยๆ คืบคลานกินพื้นที่เข้ามาจากฝั่งปลายของภูเขาล้อมเหล็ก ทางฝั่งเทพวิญญาณก็ค่อยๆทยอยกันล่าถอยไปยังฝั่งหัวของภูเขา

ทว่าอสุรกายถือหอกก็ยังไล่ตามพวกเขาอย่างไม่ลดละ

จากตำแหน่งของมัน ระยะห่างที่จะเดินไปถึงเหล่าทวยเทพค่อยๆ แคบลง แคบลงเรื่อยๆ

และเมื่ออสุรกายที่กุมหอกได้ตกตายลง

ก็จะมีอสุรกายตนใหม่รับช่วงต่อหอกทันที และมุ่งหน้าก้าวต่อไป

จนในที่สุด เทพแห่งปรภพก็มิอาจล่าถอยได้อีกและจำต้องเลือกออกไปเผชิญหน้ากับการโจมตีจากหอกนี้

อสุรกายได้กระชากยันต์ทองคำออก

และจ้วงหอกที่กำลังระเบิดเฉดแสงและเงาอันไม่มีที่สิ้นสุดออกมา

ทวยเทพคนแล้วคนเล่าทยอยกันสิ้นใจ

สุดท้าย ทวยเทพทั้งหมดก็ได้ตกตายลง

แน่นอน ว่ามิใช่แค่เหล่าทวยเทพเท่านั้นที่ตกตาย ทว่าพวกอสุรกายที่สิ้นชีพในระหว่างกระบวนการดังกล่าวนี้ก็ยังมีมากถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบเจ็ดตน!

และอสุรกายเหล่านี้ แต่ละตนก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของเผ่ามาร กล่าวได้ว่าหากมันไปปรากฏตัวขึ้นที่ใดในโลก มันจะกลายเป็นกำลังรบที่ใช้ชี้ขาดสงครามเหล่านั้นได้ในทันที!

แต่ที่นี่ พวกมันกลับถูกนำมาใช้เพียงเพื่อถือหอกหลากสีเท่านั้น

ท้ายที่สุด อสุรกายตนสุดท้ายก็ได้มาถึงที่หมาย มันพยายามจะจ้วงแทงหอกลงบนยอดของภูเขาล้อมเหล็ก

ทว่าตลอดทั้งภูเขาล้อมเหล็กน่ะ มันเชื่อมต่อกันอย่างหนาแน่น ปราศจากรอยต่อที่รั่วไหล แม้กระทั่งลมแห่งทัณฑ์โกลาหลจากภายนอกก็ยังสามารถต้านทานได้

ดังนั้นแล้ว หอกหลากสีก็ย่อมมิอาจแทรกลงไปในภูเขาล้อมเหล็กได้เช่นกัน

อสุรกายจึงจำต้องเอียงหอกของมันหนุนอิงกับผนังหินบนยอดเขา

หลังจากที่เสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดนี้ อสุรกายก็ส่งเสียงโหยหวนออกมา และกลิ้งลงมาจากยอดเขา

กลิ้งลงมาได้เพียงครึ่งทาง ทั้งตนทั้งร่างขอมันก็แปรสภาพกลายเป็นแอ่งเลือด

แม้ตัวจะออกห่างแล้วก็ตาม ทว่าสุดท้ายมันก็ยังถูกสังหารลงโดยหอกหลากสีอยู่ดี

กระทั่งตัวกู่ฉิงซานที่มีประสบการณ์จากสองชั่วชีวิต เมื่อเฝ้ามองดูฉากนี้ ก็ยังตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

“เอาล่ะ ตอนนี้เจ้าก็น่าจะเข้าใจแล้วใช่ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับปรภพ?” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยถาม

กู่ฉิงซานจำต้องสงบสติอารมณ์ลง ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า “ข้ายังมีบางสิ่งที่ต้องการเอ่ยถามอยู่”

“ลองมาว่าสิ”

“ปริมาณของเผ่ามารนั้นมันไร้ที่สิ้นสุด และทุกครา ยามที่มันต้องเผชิญหน้ากับโลกอื่น พวกมันก็มักจะได้รับชัยชนะเสมอ ด้วยกลยุทธ์เน้นจำนวนที่มากมายมหาศาล ทว่าแล้วเพราะเหตุใดกันในการบุกโลกปรภพ พวกมันจึงถึงขั้นยอมจ่ายออกด้วยราคาอันสาหัสถึงเพียงนี้?”

“นั่นเพราะปรภพนั้นมีสายธารแห่งการหลงเลือนอยู่น่ะสิ พวกมันจึงมิอาจเน้นใช้จำนวนเล่นบทบาทในครั้งนี้ได้ นอกจากนี้ยังสืบเนื่องมาจากสิบแปดนรกที่อยู่ในส่วนลึกของภูเขาล้อมเหล็กอีกด้วย ที่นั่นเป็นที่อาศัยอยู่ของคนตาย ดังนั้นต่อให้มารมีจำนวนมากขนาดไหน ก็ไม่อาจจัดการพวกคนตายทั้งหมดนี้ลงได้”

“อีกอย่าง แม้จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น แต่คนตายนั้นจะไม่มีทางตายได้อีก พวกเขาจะจมสู่การหลับลึกแล้วเกิดใหม่อีกครั้งอยู่ดี”

“เพราะอย่างงั้นพวกมันเลย…”

“ใช่ นั่นแหละคือเหตุผลที่พวกมันถึงได้เลือกใช้หอกหลากสีล่ะ หอกที่ว่านี้ไม่ทราบว่ามาจากที่ใด ทว่ามันสามารถต่อกรกับทางโลกปรภพของพวกเราได้”

“จริงๆ แล้วหอกนั่นคืออาวุธของใครกันแน่?”

“เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดทราบ”

“มันไม่มีทางที่จะต่อต้านเลยจริงๆ หรือ?”

“ตัวหอกน่ะมันมิได้แบ่งแยกมิตรหรือศัตรู อำนาจของมันไว้เพื่อทำลายล้างเท่านั้น ขนาดพลังอันคงกระพันของเทพวิญญาณยังพ่ายแพ้เมื่ออยู่ต่อหน้ามัน แล้วจะไปมีวิธีต้านทานมันได้อย่างไร?”

กู่ฉิงซานไตร่ตรอง ปากเอ่ยงึมงำ “หากเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมเหล่าทวยเทพถึงไม่เลือกที่จะไปหลบซ่อนตัวอยู่ในสายธารแห่งการหลงเลือนกันล่ะ?”

“เพราะสายธารแห่งการหลงเลือนคือกฎเกณฑ์ขั้นพื้นฐานที่สุดของปรภพ ไม่ว่าจะทวยเทพหรือมาร หากเข้าสู่สายธารแห่งการหลงเลือน จะมีเพียงโชคชะตาแห่งการถือกำเนิดใหม่เท่านั้นที่รออยู่”

“ข้าไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย อาศัยเพียงแค่ตัวหอก...ทว่ากลับสามารถสังหารทั้งเทพและอสุรกายลงได้…” กู่ฉิงซานบ่นพึมพำ

“โลกปรภพนั้นเกือบจะถึงวาระแล้ว และเผ่ามารก็กำลังดำเนินแผนการของพวกมันในขั้นต่อไป เจ้ายังต้องการจะดูต่อหรือไม่?” ตะขอเกี่ยววิญญาณเอ่ยถาม

“แน่นอนว่าต้องดู” กู่ฉิงซานเงยหน้าขึ้นและกล่าว

“เช่นนั้นก็เชื่อมต่อจิตสัมผัสเทวะกับข้า”

“เข้าใจแล้ว”

และภาพเคลื่อนไหวก็ค่อยๆ ขยายออกอย่างช้าๆ

หลังจากที่เหล่าทวยเทพได้ตกตายลง

เผ่ามารก็ได้ยึดครองตลอดทั้งภูเขาล้อมเหล็ก

ณ บริเวณมุมหนึ่งที่เงียบสงบของภูเขาศักดิ์สิทธิ์

เผ่ามารได้ทำลายชั้นแนวป้องกันของที่นั่น

แล้วพวกมันก็ได้เริ่มต้นทำการขุดค้นอย่างบ้าคลั่ง

แน่นอน ว่าภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นมิอาจจะสามารถขุดหรือเจาะทำลายได้ ดังนั้นที่บอกว่าขุดค้นน่ะจึงหมายความว่าพวกมันกำลังสำรวจและค้นหาที่สถานที่หนึ่งอย่างเป็นจริงเป็นจัง

และในที่สุด พวกมันก็พบกับกองหินที่ดูไม่แตกต่างไปจากโขดหินอื่นๆ ในภูเขาล้อมเหล็ก

และหินเหล่านี้สามารถขุดได้

เห็นได้ชัดว่านี่มันถูกสร้างขึ้นมาไว้เพื่อใช้สำหรับปกปิดและป้องกันไม่ให้ถูกผู้ใดค้นพบ

เผ่ามารได้ขุดลงไป แล้วก็พบกับโลงศพไม้

พวกมันได้ใช้ความพยายามและเวลาออกไปเป็นจำนวนมากเพื่อทำลายตราผนึกบนโลงศพไม้

สักพักหนึ่ง โลงศพไม้ก็สามารถเปิดออกได้ในที่สุด

พร้อมกับไม้เท้ามนตราที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเหล่ามวลมาร

ไม้เท้านี้มีด้ามจับยาวสีดำ ขณะที่หัวไม้เท้าเป็นกะโหลกศีรษะที่มีเขาแหลม

เผ่ามารที่มีสองปีกร่อนลงมา และคาบไม้เท้าด้วยปากของมัน

จากนั้นมันก็กระพือปีกออก และบินไปยังทิศทางของสายธารแห่งการหลงเลือน

แล้วไม้เท้ามนตราก็ถูกโยนลงไปในสายธารแห่งการหลงเลือน

ตามด้วยแสงสีดำที่สาดออกมาจากตัวไม้เท้า

ในชั่วพริบตา ตัวไม้เท้ามนตราก็ได้หายไป

“นั่นมันคือสิ่งใดกัน?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม

“ตามคำกล่าวของทวยเทพในยุคโบราณ ว่ากันว่าไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูตได้ถูกผนึกเอาไว้ในปรภพ” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว

“ราชาภูต? ทำไมราชาภูตถึงไปอยู่ในปรภพได้?” กู่ฉิงซานถามอย่างคาดไม่ถึง

“ตามตำนานกล่าวว่า แต่เดิมแล้วปรภพน่ะถูกปกครองโดยราชาภูต และในเวลานั้นนรกภูมิมีอยู่เพียงเก้าขุมเท่านั้น มิใช่สิบแปดขุมอย่างในปัจจุบัน”

“ต่อมา ทวยเทพจากอาณาจักรสวรรค์คิดหมายจะควบคุมพลังของปรภพ เพื่อปกครองอำนาจเหนือชีวิตและความตายของทุกสิ่งมีชีวิต พวกเขาจึงส่งเทพวิญญาณทั้งแปดลงมาบริหารจัดการกับปรภพ”

“แรกเริ่ม เหล่าเทพวิญญาณจะมีหน้าที่ในการจัดสรรสิ่งมีชีวิตที่ผ่านเข้ามาในปรภพ หลังจากผ่านการทุกข์ทรมานในนรกแล้ว ก็จะจัดการหาที่ทางให้พวกเขาได้ไปต่อ”

“ขณะที่ราชาภูตน่ะมีอำนาจในการปกครองนรกทั้งเก้าและคอยสั่งการคนตายและวิญญาณทั้งหมดในปรภพ”

“หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ค่อยๆ เกิดความขัดแย้งกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย สงครามระหว่างเทพวิญญาณที่มาจากอาณาจักรสวรรค์กับราชาภูตก็ได้ปะทุขึ้น”

“มันเป็นสงครามครั้งแรกของทวยเทพในปรภพ”

“ราชาภูตได้คว้าไม้เท้าแห่งการจองจำออกมา แล้วเริ่มปลดปล่อยพลังอันคงกระพัน ต่อกรกับเทพวิญญาณ และกดดันพวกเขากลับคืนสู่อาณาจักรสวรรค์”

“พลานุภาพของไม้เท่านั้นมากมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?”

“ใช่แล้วล่ะ หากไม่นับสิ่งประดิษฐ์เทวะทั้งสามแห่งปรภพ ก็มีไม้เท้าจองจำของราชาภูตนี่แหละที่ทรงพลังที่สุด พลานุภาพของมันเหนือล้ำยิ่งกว่าข้าหรืออุปกรณ์ที่มีจิตอาร์ติแฟคอื่นๆ ไปไกลโข ดังนั้นฝ่ายเทพวิญญาณจึงเกือบจะพ่ายแพ้”

“แต่นับว่าโชคยังดี ที่ภายในช่วงเวลาวิกฤตอันแสนสำคัญยิ่ง เทพวิญญาณที่ทรงพลานุภาพได้ลงจากอาณาจักรสวรรค์มาเยือนปรภพพอดิบพอดี…โชคดีจริงๆ”

“จากนั้นก็ตามต่อด้วยเกือบทั้งอาณาจักรสวรรค์ได้ตามลงมา และเทพสวรรค์ก็ยังได้เชื้อเชิญ กองกำลังจากอาณาจักรอาชูร่า อาณาจักรจ้าวอสูร และอาณาจักรผีโหย มาร่วมกันพิชิตโลกปรภพอีกด้วย”

“ราชาภูตจึงนำคนตายเข้าร่วมการต่อสู้ ทว่าสุดท้ายก็มิอาจเอาชนะทวยเทพและอาณาจักรทั้งสี่ได้ จึงถูกสะบั้นศีรษะลงในที่สุดโดยเทพสวรรค์”

“นับตั้งแต่นั้นมา ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูตก็ถูกปิดผนึก”

“และเพราะด้วยความหวั่นเกรงในพลังของสิ่งประดิษฐ์เทวะชิ้นนี้ จิตอาร์ติแฟคของไม้เท้าแห่งการจองจำจึงถูกสังหารจนดับสูญลงโดยเหล่าทวยเทพ ขณะที่ส่วนร่างของมันซึ่งก็คือตัวไม้เท้าได้ถูกผนึกเอาไว้”

“ประเดี๋ยวก่อน!”

กู่ฉิงซานหลับตาลง ใช้สมองขบคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเริ่มกล่าวต่อว่า “หากฟังตามที่เจ้าพูด นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าเผ่ามารได้ขุดไม้เท้าซึ่งเป็นสิ่งประดิษฐ์เทวะออกมา เพื่อหมายจะควบคุมนรกทั้งสิบแปดขุมเหมือนดั่งที่ราชาภูตเคยกระทำอย่างนั้นหรือ?”

“ไม่หรอก เผ่ามารมิอาจใช้ไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูตได้”

“เพราะเหตุใด?”

“ตามกฎเกณฑ์ของนรก คนที่จะถือไม้เท้าแห่งการจองจำของราชาภูต จำต้องเป็น ‘คนตาย’ ในนรกเท่านั้น”

“ถ้าอย่างงั้นแล้วพวกมันจะหาสิ่งประดิษฐ์เทวะชิ้นนี้ไปทำไม?”

“เพราะเผ่ามารไม่สามารถบุกโลกได้ในขณะนี้ ทว่าหากเป็นนรกภูมิละก็…ย่อมสามารถทำได้”

“ทันทีที่ไม้เท้าของราชาภูตปรากฏออกมา เหล่าคนตายจักต้องกลับคืนสู่นรกภูมิทั้งสิบแปดขุม”

“และตัวไม้เท้าเอง ถึงแม้ว่าจะมิได้มีจิตอาร์ติแฟคอยู่แล้ว ทว่าตามกฎเกณฑ์ของมัน มันจักต้องเลือกราชาภูตองค์ใหม่ขึ้นอย่างแน่นอน”

“สิ่งประดิษฐ์เทวะชิ้นนี้ทรงพลังมากเกินไป ทว่าในขณะเดียวกันมันก็ยังมีเทคนิคลับ ที่จะสามารถช่วยให้นรกทั้งสิบแปดขุมแยกตัวออกจากปรภพได้”

กู่ฉิงซานเข้าใจทุกสิ่งในทันที

นี่สินะสิ่งที่ควรจะเป็น

สาเหตุที่นรกปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในโลกมนุษย์  และเหตุผลที่ลงตัวที่สุดก็เกิดจากจุดนี้นี่เอง

“แล้วราชาภูตได้ถูกเลือกแล้วหรือยัง?”

“ในตอนนี้ยัง แต่มันกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้” ตะขอเกี่ยววิญญาณกล่าว

กู่ฉิงซานถอนหายใจยาว และเอ่ยว่า “เมื่อราชาภูตองค์ใหม่ถือกำเนิดขึ้น เขาก็จะมีคุณสมบัติที่จะสามารถเปล่งวาจาสิทธิ์สั่งการนรกทั้งสิบแปดขุมได้ และทำการโจมตีโลกอย่างงั้นสินะ”

“ฉะนั้น หากสิบแปดนรกภูมิถูกแยกตัวออกจากโลกปรภพแล้วละก็ กฎเกณฑ์ของโลกปรภพก็จะเริ่มพังทลาย”

“สิบแปดนรกภูมิจะเข้าสู่โลก และโลกย่อมมิอาจต้านทานมันได้อย่างแน่นอน”

“โลกปรภพและโลกมนุษย์จะถูกทำลายลงพร้อมกัน และนั่นจะส่งผลให้ตลอดทั้งหกวิถีแห่งสังสารวัฏตกอยู่ในความวุ่นวายโดยสมบูรณ์”

“ในเวลานั้น อุปสรรคที่คอยป้องกันโลกทั้งหกก็จะล่มสลายลงโดยพลัน และเผ่ามารก็จะกรีธาทัพเข้าบุกโจมตีอาณาจักรปรภพ โลก อาณาจักรผีโหย อาณาจักรอาชูร่า อาณาจักรจ้าวอสูร และกระทั่งแห่งสุดท้าย อาณาจักรสวรรค์”

“นี่คือวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเผ่ามาร บุกทั้งหกวิถี พิชิตโลกทั้งหมดในคราเดียว!”

…………………………………………….