webnovel

0366 แอนนากับเทพแห่งความตาย (สอง)

ตอนที่ 366 แอนนากับเทพแห่งความตาย (สอง)

หลังจากสวดคำอธิษฐานตามพิธีสืบทอดมรดก แอนนาก็กรีดข้อมือตัวเองเบาๆ และปล่อยให้เลือดของเธอหยดลงบนพื้น

ยามเมื่อเลือดหยดลงกระทบกับพื้น มันก็ถูกดูดซึม จมหายลงไปอย่างรวดเร็ว

แอนนาหยุดเลือดตรงข้อมือ และเฝ้ารออยู่สักครู่ท่ามกลางความเงียบ

เงียบสงัด

มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

อย่างไรก็ตามในเวลานี้ แม้กระทั่งตัวแอนนาเอง ก็จำเป็นต้องใช้เวลาเฝ้ารออย่างอดทนให้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เพราะผู้นำตระกูลรุ่นก่อนๆ ทั้งหมดที่เข้ามาในวิหารนี้  ล้วนต้องเฝ้ารอกว่าห้าชั่วโมงเต็มเพื่อทำพิธีกรรมอัญเชิญเทพแห่งความตายที่กำลังหลับใหล

ห้าชั่วโมงเป็นการเรียงลำดับที่แสดงถึงช่วงชีวิตแรกเกิด ช่วงชีวิตที่กำลังเบ่งบาน ช่วงชีวิตที่กำลังเสื่อมโทรม ช่วงชีวิตที่จิตวิญญาณถูกเรียกกลับคืน และสุดท้ายช่วงชีวิตแห่งการถือกำเนิดใหม่

นี่คือกระบวนการที่สมบูรณ์เกี่ยวกับเรื่องของชีวิตและความตาย ซึ่งสอดคล้องกับคำสอนของคริสตจักรศักดิ์สิทธิ์แห่งความตาย

ในช่วงระยะเวลาห้าชั่วโมงนี้ ผู้ที่ทำการอัญเชิญสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพื่อดึงดูดความสนใจจากเทพแห่งความตาย

ในประวัติศาสตร์บางคนได้สำแดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกเขาเบื้องหน้าหอคอยสูง ขณะที่คนอื่นๆ ได้ทำการเสียสละบางสิ่งที่ดูชั่วร้าย เพื่อให้ได้รับความสนใจจากเทพแห่งความตาย

ขณะที่บางคนก็มีความคิดแปลกๆ อย่างเช่นว่า หากยอมบูชายัญชีวิตตนเองหรือของผู้อื่นดู เทพแห่งความตายอาจจะปรากฏตัวออกมาให้เห็นก็ได้

พวกเขาล้วนจ่ายออกด้วยราคาที่แสนเจ็บปวด ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครประสบความสำเร็จเลย

ดังนั้นห้าชั่วโมงในระหว่างพิธีกรรมเหล่านี้ จึงถูกเรียกขานต่อๆ กันมาว่า ‘การอัญเชิญที่สิ้นหวัง’

แต่สำหรับแอนนาแล้ว บอกตรงๆ ว่าเธอค่อนข้างที่จะดูใจเย็นเกี่ยวกับเรื่องนี้

เพราะตัวเธอเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับมันตั้งแต่ต้นแล้ว

ดังนั้นเธอจึงไม่ได้คิดจะทำอะไรเลย

หลังจากที่ทุกคนนอกเหนือไปจากท่านบรรพบุรุษรุ่นแรกแล้ว ตัวตนที่เปรียบดั่งวีรบุรุษมากมายนับไม่ถ้วนท่ามกลางสายธารอันยาวนานของประวัติศาสตร์ ล้วนแล้วแต่ล้มเหลวในการอัญเชิญเทพแห่งความตาย

แล้วแอนนาก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเธอเองจะแข็งแกร่งไปกว่าพวกเขา

แอนนายืนนิ่งอยู่สักพัก

ห้าชั่วโมง…มันช่วงเป็นเวลาที่ยาวนานจริงๆ

แอนนาคิดเกี่ยวกับมัน ก่อนจะก้าวถอยหลังออกมา และเริ่มมองหาจุดสะอาดๆ ที่พอจะนั่งได้

เธอเลือกที่จะนั่งอย่างเงียบๆ ระหว่างรอให้พิธีกรรมจบลง

หลังจากทั้งหมดนี้ พิธีกรรมน่ะเป็นสิ่งที่ผู้นำตระกูลทุกคนต้องเคยปฏิบัติมัน มิอาจละทิ้งได้!

เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปอย่างช้าๆ

ภายในวิหาร ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ยกเว้นเสียแต่เสียงของเปลวไฟที่ปะทุขึ้น และสาดแสงวูบไหวไปมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น

แอนนาไม่ได้ทำอะไรหรือพยายามที่จะปลุกเทพแห่งความตายขึ้นมาเลย

เธอกำลังเฝ้ารอให้เวลาเดินไปจนครบห้าชั่วโมง

เมื่อหนึ่งคนทำแค่เพียงปล่อยให้เวลาสูญไปอย่างไม่มีเหตุผล ในจิตใจของคนผู้นั้นจะเกิดความรู้สึกว่าเวลาช่างยาวนาน ยาวนานมากจนเกินไป

แอนนาต้องใช้เวลากว่าครึ่งคืนเพื่อเฝ้ารอ แถมยังไม่ได้มีความกดดันใดๆ ในหัวใจของเธอ ดังนั้นเพียงไม่นาน เธอก็เริ่มที่จะเบื่อหน่าย

เกิดอาการเบื่อหน่ายขึ้นในระหว่างพิธีอัญเชิญเทพแห่งความตาย…ในตลอดระยะเวลาหลายพันปีก็นับว่ามีเธอนี่แหละที่เป็นคนแรก

เวลาผ่านไปสักเล็กน้อย แอนนาก็ส่ายหัวและกล่าวในสิ่งที่คิดออกมาดังๆ “นี่จะต้องให้รอนานขนาดนี้จริงๆ เหรอ ฉันคงจำเป็นต้องหาอะไรทำฆ่าเวลาจริงๆ เสียแล้ว”

ว่าจบ เธอก็หันไปเปิดกระเป๋าสะพายหลัง

ทันใดนั้นไวน์ฤทธิ์แรงสองขวดก็ปรากฏสู่สายตาของเธอ

มันคือไวน์ยู่หลู ไวน์ชื่อดังของฟูซี

สายตาของแอนนาจับจ้องไปยังขวดไวน์ทั้งสองและยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

นี่คือไวน์ที่ถูกเก็บไว้มาเป็นระยะเวลากว่าร้อยปี! มันเป็นไวน์ฤทธิ์แรงที่สุดของฟูซี!

ความจริงแล้วสำหรับตัวเธอ มันไม่ง่ายเลยที่จะได้สัมผัสกับไวน์ขวดนี้ แต่ที่เธอได้มันมาทั้งหมดคงต้องขอบคุณกู่ฉิงซานที่ดันไปร้องขอจะลิ้มชิมรสมันจากองค์จักรพรรดิจนท่านประกาศออกมาต่อหน้าสาธารณชนว่าจะส่งมอบมันให้แก่เขาและเธอ

แอนนาหยิบไวน์ฤทธิ์แรงขึ้นมา ใช้ปากงับจุกก๊อกเปิดมันอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหันไปหยิบแก้วไวน์แองกูลาร์ที่ได้รับการยืนยันกันว่าหากใช้มันแล้วจะช่วยให้รสของไวน์กลมกล่อมขึ้นจากกระเป๋าสะพายหลัง

ไวน์ถูกรินลงไป

ในพริบตา กลิ่นละมุนของไวน์ก็เอ่อล้นออกมา

แอนนาเผลอเลียมุมปากโดยไม่รู้ตัว คว้าจับแก้วและยกมันขึ้นมาจิบเบาๆ

เอิ๊ก!

ไวน์ที่ดี!  แถมรสชาติก็ยังดีสุดๆ ไปเลย!

แอนนาพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

แน่นอน ว่าจริงๆ แล้วเธอจงใจนำไวน์พวกนี้ลงมาเองแหละ ไม่อย่างงั้นห้าชั่วโมงอันแสนยาวนานที่ต้องทำแค่เพียงเฝ้ารอมันคงจะน่าเบื่อแย่

เธอยกมันขึ้นจิบอีกครั้ง

คราวนี้ ในความรู้สึกของเธอมันบ่งบอกว่าเวลาได้ไหลผ่านไปเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

ไวน์ที่อยู่ในขวดดูจะลดหลั่นลงมาจนใกล้จะถึงก้นขวดแล้ว

แอนนายกขวดไวน์ขึ้นมาแกว่งๆ ดู ขณะที่ในหัวของเธอเริ่มจินตนาการออกไป

ในพิธีกรรมนี้ จริงๆ แล้วสิ่งที่ต้องจ่ายออกไปมันคืออะไรกันแน่นะ ถึงจะสามารถปลุกเทพแห่งความตายได้?

ช่างมันเถอะ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม นั่นไม่สำคัญเหรอก

เพราะคนอื่นๆ นับไม่ถ้วนที่ถึงขั้นหยิบยื่นสมบัติมากมาย และแม้กระทั่งบูชายัญชีวิตตนเองที่นี่ สุดท้ายก็กลับไม่มีใครประสบความสำเร็จเลย

ส่วนฉันน่ะเเหรอ? เหอะ! ฉันจะไม่ยอมจ่ายอะไรทั้งนั้นแหละ!

เธอหันไปมองรอบๆ ในหัวจินตนาการเตลิดไปไกล

ช่วงเวลานี้ เวโรน่าสมควรที่จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ในไม่ช้าแล้ว

สำหรับตระกูลเธอ นั่นนับว่าเป็นสิ่งที่ดีทีเดียว

เวโรน่าได้กลายเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งฟูซี ส่วนตนเองก็ได้เรียนรู้เทคนิคโบราณในการต่อสู้ของตระกูลมา

นี่นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครในตระกูลทำได้มาก่อน

ยามเมื่อตนเสร็จสิ้นพิธีกรรมนี้ และออกไปพบกับเวโรน่า เธอย่อมที่จะสามารถทำการแก้แค้นพระสันตะปาปาได้อย่างแน่นอน

เมื่อคิดถึงจุดนี้ แอนนาก็อารมณ์ดีขึ้นมาอีกครั้ง

เธอเติมไวน์จนเต็มแก้ว ชูมันสูงขึ้น แล้วแหกปากร้องตะโกนไปทางหอคอยสูงซึ่งเป็นแท่นบูชาเทพแห่งความตาย “แก้วนี้แด่ความนับถือที่มีต่อท่านเทพแห่งความตายผู้ไม่เคยปรากฏ”

แล้วเธอก็กระดกมันจนหน้าหงายขึ้นฟ้า เทไวน์ทั้งหมดในแก้วลงคอไป

เนื่องจากไวน์มันมีฤทธิ์แรงอยู่แล้ว ทำให้แอนนาเริ่มที่จะรู้สึกเมานิดหน่อย จนเธอเผลอส่ายหัวไปโดยไม่รู้ตัว

จริงสิ แล้วกู่ฉิงซานล่ะ?

เวลานี้เขาอยู่ที่ไหน?

แล้วกำลังทำอะไรอยู่กันแน่นะ?

แอนนามองไปที่สมองควอนตัม

นี่ก็ดึกมากแล้ว กู่ฉิงซานอาจจะกำลังพักผ่อนอยู่ก็ได้

ช่วงเวลานี้ มันคงไม่เป็นการดีถ้าจะรบกวนการนอนของคนอื่นๆ

แอนนาชะงักไป

แต่คงไม่เป็นไรเหรอกมั้ง ขอเวลาแค่นิดเดียวก็พอ ก็ฉันอยากจะคุยกับเขานี่นา

ว่าแต่เรื่องอะไรดีที่จะใช้เป็นเหตุผลในการปลุกเขา?

แอนนาแหงนหน้ามองขึ้นไปบนแท่นบูชาเทพแห่งความตาย

นั่นน่าจะเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นไม่เลว เอาเป็นอย่างนั้นก็แล้วกัน

เธอเปิดสมองควอนตัมและทำการเชื่อมต่อแบบวิดีโอ

แล้วอีกฝั่งก็ตอบรับการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว

แอนนามองเข้าไปในฉากของอีกฝั่งแล้วกล่าวด้วยความประหลาดใจ “นั่นพวกนายสี่คนกำลังนั่งดื่มกันอยู่เหรอ? กลางดึกเนี่ยนะ”

เหลียวฮังส่งเสียงฮึฮะแล้วกล่าว “ว่าแต่คนอื่น แต่ไม่ดูตัวเองเลยนะ”

แอนนาไม่สนใจเขา และบอกกู่ฉิงซานเกี่ยวกับเรื่องเทพแห่งความตาย

จากนั้น ซูเซี่ยเอ๋อก็ปรากฏตัวขึ้นในทันใด

“หล่อนคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มาจากที่ไหนกัน!”

แอนนาปิดสมองควอนตัมและโยนขวดไวน์ลงพื้นอย่างแรง

“คิดว่ามารดาผู้นี้จะกลัวหล่อนหรือ? รอให้พิธีนี้จบลงก่อนเถอะ ฉันจะไปฆ่าหล่อนเสีย!”

แอนนาตะโกนด้วยความโกรธ

แบบนี้ไม่ดีแล้ว ฉันคงต้องรีบกลับไปที่รัฐบาลกลางทันทีหลังจากที่พิธีนี้จบลง

จะต้องรีบกลับไปหากู่ฉิงซานที่นั่น!

หวังว่าคืนนี้ ซูเซี่ยเอ๋อคงจะไม่ได้พักในวิลล่าบนหุบเขานะ

แอนนาเริ่มจินตนาการเลยเถิด และได้ข้อสรุปในใจทันทีว่าเมื่อพิธีจบลง เธอจะเร่งมุ่งตรงไปยังรัฐบาลกลางโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลังจากที่ซูเซี่ยเอ๋อได้ปั่นหัวเธอครั้งใหญ่แล้ว อีกฝ่ายก็ได้ถูกส่งข้ามโลกกลับไปยังเกาะหมอกทันที

พิธีกรรม… 

แอนนาหันไปมองที่สมองควอนตัม

ยังคงเหลือเวลาอีกกว่าสามชั่วโมง

ไอ้พิธีนรกเอ๊ย!

ซุเซี่ยเอ๋อได้นั่งอยู่กับกู่ฉิงซานอย่างอบอุ่นในวิลล่าบนผู้เขา แต่เธอกลับต้องมานั่งอย่างหนาวเหน็บอยู่ในสถานที่อันมืดมิดและน่าหวาดกลัวแบบนี้เนี่ยนะ!?

ยิ่งคิด แอนนาก็ยิ่งรู้สึกหดหู่

เธอลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล พยายามฝืนสมดุลร่างกายให้มั่นคงแล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อหยิบขวดไวน์ที่ขว้างไปเมื่อครู่กลับมา

เนื่องจากมันเป็นขวดที่ถูกเตรียมไว้เพื่อเก็บและบ่มไวน์ในระยะเวลายาวนานกว่า 100 ปี ดังนั้นมันจึงแข็งและทนทานเป็นอย่างมาก มิได้แตกร้าวลงในตอนที่ถูกขว้างกระแทกกับพื้น

ทว่าจุกก๊อกคงหลวมจากแรงปะทะ เนื่องจากมันไม่ได้ถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ไวน์จึงไหลออกมา

แอนนาลองเขย่าขวด

แต่กลับพบว่าไม่มีเสียงอะไรอยู่ข้างในเลย

เอ๊ะ?

ฉันจำได้ว่าตัวเองไม่ได้ดื่มเร็วขนาดนี้นี่นา

มันหมดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

ลืมมันเถอะ ช่างมันดีกว่า

แอนนาวางขวดลง และหันไปเปิดกระเป๋าสะพายหลังของเธอ

เพราะฉันยังมีเหลืออีกหนึ่งขวด!

เธอนั่งลงและเริ่มเปิดจุกก๊อกไวน์อีกขวด

แต่คราวนี้เธออารมณ์ไม่ดี เลยไม่คิดจะใช้แก้วแล้ว พอกัดจุกก๊อกออกปุ๊บ เธอก็กระดกมันทันทีเลย

ฟู่ว…

ฤทธิ์แรงดุดันดีจริงๆ!

เธอไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่ฤทธิ์แรงจนเมามายขนาดนี้มาก่อนเลย

หลังจากที่กระดกไม่อีกสองสามอึก แอนนาก็เริ่มแดงไปทั่วทั้งหน้า สายตาเริ่มพร่ามัว

หัวของเธอส่ายไปมาเล็กน้อย

เวลามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วกันนะ?

แอนนาหันไปเปิดสมองควอนตัมของเธอและดูเวลา

เวลาแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย มันยังคงเหลือเวลาอีกเกือบสามชั่วโมง!

นี่มันชักจะยาวนานเกินไปแล้ว!

พอรู้ว่าซูเซี่ยเอ๋ออยู่ในวิลล่าบนหุบเขา การรอคอยก็ยิ่งทำให้ในหัวใจรู้สึกกังวล

ถ้าไม่มีเจ้าพิธีกรรมบ้านี่ ตัวเธอคงพุ่งตรงไปยังรัฐบาลกลางแล้ว

ความโกรธในหัวใจของแอนนาเริ่มที่จะพุ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ

เธอลุกขึ้นยืน และเดินไปไม่กี่ก้าวก็สะดุดขาตัวเองล้มลงไปจูบกับพื้น

ขวดไวน์ในมือลอยออกไปไกล กระเด้งลงบนพื้นกว่าสองสามรอบก่อนที่จะหยุดนิ่ง

แอนนาไม่ยอมลุก เธอค่อยๆ ไถตัวเองไปข้างหน้าและคว้าขวดเอาไว้

โชคดีจริงๆ ที่ทุกครั้งหลังจากยกมันขึ้นดื่ม เธอจะปิดจุกก๊อกเอาไว้ และด้วยประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว ดังนั้นเธอจึงปิดจุกไว้อย่างแน่นหนา ไวน์จึงไม่ไหลออกมา

แอนนาถอนหายใจโล่งอก

แต่แล้วจู่ๆ เธอก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งที่แปลกออกไปบนฝ่ามือของเธอ

แอนนายกมันขึ้นมามอง

ปรากฏว่าผิวหนังบนมือของเธอถูกกรีดจนฉีกขาด มันถลอกและโชกไปด้วยเลือด คาดว่าน่าจะมาจากการล้มลงเมื่อครู่

บาดแผลขนาดนี้ มันนับว่าไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม แอนนากลับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดมากนัก

นั่นเพราะธอดื่มจนเมามายมากเกินไป สมองที่ใช้สั่งการจึงเริ่มทื่อและด้านชา ความเจ็บปวดที่รับรู้ได้มันจึงไม่ค่อยหนักหนาเท่าใดนัก… 

…………………………………………….