webnovel

0239 โจมตีในสองวินาที

ตอนที่ 239 โจมตีในสองวินาที

“เห็นอยู่ชัดๆ ว่าฉันเดินออกมาส่งของให้เธอ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเอาแต่เงียบ ไม่ยอมขานเรียกตั้งแต่แรก นี่เธอคงไม่ใช่พวกเพี้ยนๆ ที่ชอบแกล้งคนหรอกนะใช่ไหม?”

ชายหนุ่มบ่นอุบ

หลิวชีหมานเป็นถึงมืออาชีพขั้นสูง ดังนั้นประสาทหูของเธอย่อมสามารถรับเสียงได้ดีเป็นพิเศษ ทุกถ้อยคำที่ชายหนุ่มเอ่ย ไม่มีเล็ดลอดออกไปเลยแม้แต่คำเดียว

ทว่าเธอกลับไม่ได้โกรธอะไร แต่เลือกที่จะเฝ้าสังเกตสภาพโดยรอบอย่างใจเย็น

ภายนอกรถ ในทุกมุมมองสามร้อยหกสิบองศา สถานการณ์โดยรอบยังคงปกติ นี่น่าจะเพียงพอที่จะยืนยันความปลอดภัยได้

เวลานี้ ไม่มีรถเหินเวหาคันใหม่มา และไม่มีใครที่พึ่งกินอาหารเสร็จแล้วออกมา ตามท้องถนนไม่มีชาวเมืองหรือพาหนะใดๆ ขับผ่าน

นี่คือช่วงเวลาที่ปลอดภัยที่สุด

หลิวชีหมานลูบแหวนทองที่สวมใส่เบาๆ แล้วจู่ๆ ก็ยิ้มแห้งออกมา ก่อนจะส่ายหัว

ชายหนุ่มเดินตรงเข้าไปที่ประตูรถและร้องตะโกนอย่างกระตือรือร้น “อาหารที่คุณสั่งได้แล้ว เชิญมารับมันไปได้เลยครับ”

หลิวชีหมานจับสังเกตทุกการกระทำของชายหนุ่มอย่างละเอียดยิบ ไม่ว่าจะเป็นกล่องอาหารที่ถือไว้ในอ้อมแขน หรือลมหายใจหอบถี่เล็กน้อยที่เกิดจากความเหนื่อยล้า

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของเขาที่แสดงออกมา ดูเหมือนจะไม่คิดขึ้นมาบนรถเหินเวหา แต่ตั้งใจจะให้เธอลงไปรับเอง

แต่หลิวชีหมานจะไม่ลงไปรับมันเองเด็ดขาด!

“อย่าทำให้ฉันเสียเวลา รีบเข้ามาวางมันในรถเร็วๆ” เธอเอ่ยสั่ง

ชายหนุ่มเผยท่าทีหมดหนทาง ปากเอ่ยพยายามอธิบาย “ส่งมอบให้ทันทีไม่ได้นะครับ คุณต้องแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้โทรมายืนยันสั่งอาหารซะก่อน”

หลิวชีหมานร่ายหมายเลขสมองควอนตัมของเจ้าของรถที่หมดสติอยู่ออกไป

“โอเค ผ่าน”

ชายหนุ่มกอดกล่องอาหารใบใหญ่ และก้าวขึ้นมาในรถเหินเวหา

ชายหนุ่มเดินเข้าไปในรถ แต่แล้วเขาก็ต้องบังเกิดความประหลาดใจขึ้น

นั่นเพราะหญิงสาวคนที่สั่งอาหาร เลือกที่จะยืนอยู่สุดมุมอีกด้านหนึ่งของรถ ชนิดที่ว่าพยายามอยู่ให้ห่างจากเขาให้มากที่สุด ขณะสองตาของเธอจับจ้องมายังตัวเขาด้วยความหวาดระแวง

“สงสัยจะเพี้ยนจริงๆ” พนักงานหนุ่มเอ่ยเสียงกระซิบ ก่อนจะทำเป็นไม่สนใจแล้ววางกล่องอาหารหลายกล่องลงในห้องโดยสาร

เขาค่อยๆ ทยอยวางกล่องอาหารลงบนโต๊ะ และจัดเรียงไว้ตามรายการที่ถูกสั่งไว้อย่างรวดเร็ว

พนักงานหนุ่มหันไปมองอีกฝ่ายที่ปลีกตัวห่างไกลจากเขา แล้วเอ่ยปากพูดว่า “ขอให้มีความสุขกับมื้ออาหารนะครับ”

สิ้นเสียง เขาก็หันหลังกลับและมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางของประตูรถเหินเวหาโดยไม่มีทีท่าว่าจะชะลอฝีเท้าลงเลย

หลิวชีหมานมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย ในสมองขบคิดถึงหลายสิบวิธีการฆ่าสังหารชายหนุ่ม ถ้าเธอจับสังเกตถึงความผิดปกติของเขาได้เพียงนิด

พอพนักงานหนุ่มเดินไปถึงประตูทางเข้า ในมือของหลิวชีหมานก็ปรากฏหอกหินขึ้นมาอย่างเงียบๆ

เธออยู่ในท่าเตรียมที่จะขว้างมันออกไปทันทีถ้าอีกฝ่ายหันกลับมา

ในขณะเดียวกัน พลังของธาตุทั้งห้าก็ควบรวมอยู่ในนิ้วมือ พร้อมที่จะกระตุ้นใช้งานทุกเมื่อ

วินาทีต่อมานั้นเอง...

พนักงานหนุ่มก็ก้าวลงบันไดของรถเหินเวหา และเดินออกไปซะอย่างนั้น โดยไม่แม้แต่จะหันหน้ามาตามที่เธอระแวงไว้เลย

เขาเดินจากไปเฉยๆ จริงๆ

พอพ้นจากประตูรถ ชายหนุ่มรีบวิ่งกลับเข้าไปในร้านอาหารทันทีและปิดประตูอย่างแรง

ดูเหมือนว่าเขาหวาดกลัวที่จะถูกเจ้าของร้านตำหนิอีก จึงรีบกลับไปทำงานต่ออย่างรวดเร็ว

คนนี้คงไม่ใช่เพชฌฆาตตัวตลกปลอมตัวมาหรอกนะใช่ไหม?

ดูเหมือนว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะ

หลิวชีหมานส่ายหัว และคิดว่าตัวเองคงกังวลมากเกินไปจนเกิดอาการประสาทกิน

หอกหินหายไปจากในมือของเธอ

เธอหันไปมองกองกล่องอาหารที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเรียบร้อย และอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายออกมา

เธอลุกขึ้นเดินไปที่โซนโต๊ะอาหาร แต่ทว่าทันใดนั้นเองก็ปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นบริเวณที่นั่งหน้าคนขับ

“คราวนี้อะไรอีกล่ะ?” หลิวชีหมานเอ่ยถามออกมา

“พลังงานของรถเหินเวหาใกล้จะหมดลงแล้ว มันไม่เพียงพอที่จะไปยังจุดหมายปลายทางของคุณ โปรดใส่ใจและใช้จ่ายพลังงานให้เหมาะสมด้วย” เสียงสังเคราะห์ดังขึ้น

“เออ เข้าใจแล้ว” หลิวชีหมานกล่าวด้วยความหงุดหงิด

เธอเปิดกล่องอาหาร จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กบางอย่างฉายแสงสแกนมัน เมื่อบนตัวอุปกรณ์ปรากฏแสงสีเขียวขึ้นมา เธอจึงวางใจและเริ่มที่จะรับประทานมัน

ขณะที่เธอกำลังสวาปามลง ในใจก็ขบคิดหาวิธีที่จะชาร์จพลังงานให้กับรถ

โดยปกติแล้ว การชาร์จพลังงานให้กับรถเหินเวหา จะต้องเข้าไปชาร์จที่ศูนย์ชาร์จขนาดใหญ่ ซึ่งก่อนที่จะเริ่มกระบวนการดังกล่าว มันจะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลของเจ้าของรถเหินเวหาเสียก่อน

ในกรณีนี้ หากมีใครบางคนทำการค้นข้อมูลจากทางศูนย์ใหญ่ พวกเขาก็จะพบว่ารถเหินเวหาคันนี้ออกจากเส้นทางที่มักจะใช้อยู่เป็นประจำอย่างน่าสงสัย

แต่ปัญหาไม่ได้มีแค่นั้น

และนั่นหมายถึงในระหว่างการเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องชาร์จในศูนย์ แฮ็กเกอร์อาจฉวยจังหวะที่ว่า เจาะเข้ามาในระบบนำทางของรถเหินเวหา และใส่ตัวโปรแกรมติดตามเข้ามาได้อย่างง่ายดาย

หลิวชีหมานเค้นสมองอยู่นาน จนกระทั่งอาหารที่กินหมดจานเธอก็ยังคิดไม่ตก ก็ยังไม่อาจแก้ปัญหานี้ได้อยู่ดี

และในตอนนั้นเอง ประตูร้านอาหารก็เปิดออก

เด็กสาวที่ชื่อถงถงเดินออกมา

“จะไปก็ได้อยู่หรอก แต่อย่ามัวเที่ยวเล่นจนดึกดื่นล่ะ แล้วกลับบ้านให้ไวด้วย” เสียงตะโกนสั่งของพ่อดังตามออกมา

“หนูก็เบื่อเป็นนะ! ขอเที่ยวเล่นสักนิดๆ หน่อยมันจะเป็นอะไรไป ถ้าพ่อยังไม่หยุดพูดให้คนอื่นได้ยิน หนูจะเที่ยวเล่นมันทั้งคืนเลย!”

เด็กสาวตอบกลับอย่างดื้อรั้น

คนเป็นพ่อก็ทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่เงียบลง

เหล่าผู้คนในร้านอาหารต่างก็พากันหัวเราะออกมา

เด็กสาวเปิดรถเหินเวหาของครอบครัวเธอและทิ้งตัวลงไปบนเบาะข้างใน

และจอม่านแสงก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว เด็กสาวเปิดสมองควอนตัมส่วนบุคคลของตนและเริ่มพูดคุยกับเพื่อนๆ ในจอ

ภายในจอเห็นได้ชัดว่ากำลังจัดงานปาร์ตี้อยู่ ฟังได้จากเสียงดนตรีที่ดังสนั่นและหนุ่มสาวที่กำลังลุกขึ้นเต้น

เด็กสาวสองคนในชุดสวยมองสวนกลับมาบนจอม่านแสง ยกขวดไวน์ในมือขึ้น แกว่งมันไปมาทำท่าทีเหมือนกับจะส่งสัญญาณเชื้อเชิญเธอ

“มาสักทีเถอะน่า เธอสายมากแล้วนะวันนี้” เด็กสาวคนหนึ่งกล่าว

“ฉัน...รอก่อนก็แล้วกันเดี๋ยวฉันจะตามไป!”

“ฉันจะให้เวลาเธอสักหน่อยก็ได้ แต่ถ้าครบเวลาแล้วเธอยังไม่มา พวกเราจะเปลี่ยนไปเที่ยวต่ออีกที่หนึ่งแล้วนะ”

เมื่อเสียงของเด็กสาวตกลง ตัวเลขบอกเวลาแบบนับถอยหลังก็เด้งขึ้นมาบนจอม่านแสงบนสมองควอนตัมของถงถง

แต่ละวินาทีค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ

“แค่สิบนาทีเองเหรอ! พวกเธอจะใจดำเกินไปแล้ว!”

ถงถงกรีดร้อง และรีบตั้งค่าปลายทางบนแผนที่ของรถเหินเวหาอย่างร้อนรน

โดยที่ไม่ทราบเลยว่า บัดนี้มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างหลังเธอ และเฝ้าดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฉากนี้อย่างเงียบๆ

หลิวชีหมานกวาดสายตาเข้าไปในกระเป๋าของเด็กสาวที่วางอยู่ ก่อนจะเริ่มเปิดมันออกมาอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้เด็กสาวรู้ตัว

แล้วถ้วยรางวัลอันโดดเด่นก็ปรากฏสู่สายตาเธอ มันเป็นถ้วยเดียวกันกับที่ถูกตีพิมพ์ลงในข่าว

บนถ้วยรางวัล มีเส้นบรรทัดตัวอักษรถูกสลักเอาไว้ว่า...อันดับหนึ่งการแข่งขันดนตรีเมืองฟูหนิง

ถัดจากถ้วยรางวัลก็มีขลุ่ยวางนอนอยู่

หลิวชีหมานสำรวจพวกมัน วางกลับคืนที่เดิม และค่อยๆ รูปซิปปิดกระเป๋าอย่างช้าๆ ขณะที่ในหัวขบคิดได้ถึงแผนการหนีแผนใหม่

รถเหินเวหาคันนี้เป็นรถแบบธรรมดาทั่วไป มันไม่ได้โดดเด่นสะดุดตาเหมือนกับรถคันก่อนหน้าที่เธอพึ่งนั่งมา ดังนั้น นั่นหมายความว่าภายในช่วงเวลาอย่างน้อยก็หลายชั่วโมงนับจากนี้ จะไม่มีใครสามารถค้นหารถคันนี้เจอได้ง่ายๆ

แถมเด็กสาวที่ชื่อถงถงก็พึ่งบ่นกับพ่อว่าเธอจะเที่ยวเล่นทั้งคืนเลยในวันนี้

ฉะนั้น ต่อให้มันจะดึกมากแล้ว แต่เธอยังไม่กลับบ้าน พ่อแม่ของถงถงแม้จะโกรธและกังวล แต่ก็คงไม่ทันฉุกคิดเหรอกว่า แท้จริงแล้วที่ทั้งรถและถงถงหายตัวไป มันเป็นเพราะรถถูกปล้นต่างหาก

และที่สำคัญที่สุด รถเหินเวหาครอบครัวของถงถงคันนี้เป็นเพียงรถธรรมดาที่มักจะใช้กันในเมืองเล็กๆ มันจะแตกต่างจากรถใหญ่อย่างของชายโรคหัวใจที่เธอจัดการให้หมดสติไป ที่ตัวรถมีระบบรักษาความปลอดภัยอันซับซ้อน

นั่นหมายความว่าต่อให้หลิวชีหมานฆ่าถงถงแล้วจับศพเด็กสาวโยนลงไปในทะเลสาบ ตัวรถเหินเวหาก็จะไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ และการเดินทางของเธอก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบ

เมื่อคิดถึงจุดนี้ หลิวชีหมานก็ค่อยๆ ง้างมือขึ้น

พลังจากธาตุดินควบแน่นหลอมรวมกันเป็นมีดหินคมกริบ มือของเธอกระชับมันอย่างแม่นเหมาะ

เธอยกมีดหินในมือขึ้นมาอย่างช้าๆ ในใจคิดว่าอีกเพียงไม่กี่วินาทีทุกอย่างก็จะจบลง…

พริบตานั้นเอง พลันปรากฏร่างหนึ่งขึ้นเบื้องหลังของหลิวชีหมานอย่างเงียบๆ

ร่างนี้ไร้ซึ่งสรรพเสียงเล็ดลอดออกมา ไร้ซึ่งกลิ่นอายใดๆ ราวกับเป็นเพียงอากาศธาตุว่างเปล่าที่ไม่มีอยู่จริง

แต่หลิวชีหมานดูท่าว่าจะไม่ได้ตระหนักถึงมัน

สมาธิของเธอจดจ้องอยู่แต่กับเด็กสาวถงถงเบื้องหน้าที่เอาแต่ก้มศีรษะ เล่นอยู่แต่กับสมองควอนตัมของตัวเอง

ทว่าร่างไร้ที่มาที่อยู่เบื้องหลังของหลิวชีหมาน ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ ที่มันทำก็มีเพียงแค่เฝ้าดูร่างทั้งสองเบื้องหน้าอย่างเงียบๆ

และหลิวชีหมานก็เริ่มลงมือในที่สุด!

มีดหินพุ่งแทงตรงไปยังหลังคอของเด็กสาว!

ด้วยการโจมตีนี้ ถงถงจะถูกสังหารจนตายโดยที่ไม่ทันแม้กระทั่งจะได้กรีดร้อง!

แล้วจากนั้น ร่างของถงถงก็จะถูกทิ้งไปนอนจมอยู่ใต้ก้นทะเลสาบที่ห่างไกล และพ่อแม่ของเด็กสาว ก็จะไม่มีวันได้พบร่างของเธออีกตลอดกาล

ภายใต้การลงมืออย่างฉับไวนี้ มิใช่มีเพียงแค่หลิวชีหมานที่เคลื่อนไหว มันยังคงมีอีกสามกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันหรือเรียกได้ว่าแทบจะพร้อมๆ กัน

หนึ่งคือกระแสสายฟ้าที่แตกตัวและบานสะพรั่งอย่างเงียบๆ

สองคือแม้หัวของถงถงจะไม่ได้หันกลับมา แต่สองนิ้วของเด็กสาวกลับวูบเข้ามาเบื้องหลัง มันพุ่งเข้าคีบหนีบกลางใบมีดหินอย่างมั่นคง จนมันมิอาจขยับไหวได้แม้เพียงครึ่งนิ้ว

และสามคือโครงกระดูกสีดำที่ผุดขึ้นมาจากชั้นอากาศที่ว่างเปล่า

หลิวชีหมานถูกฝ่ามือของผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหลังเธอกระแทกเข้าใส่เบาๆ

ซวยแล้ว!

คำนี้ร่ำตะโกนออกมาจากในจิตใจของหลิวชีหมาน และเธอก็เริ่มที่จะกระตุ้นวงแหวนทันที

แต่ฝ่ามือที่กระแทกลงมาอย่างแผ่วเบากลับทำให้ร่างกายของเธอด้านชาอย่างไม่อาจควบคุมได้!

ร่างของเธอแข็งค้างราวกับถูกไฟฟ้าแรงสูงชอร์ต มิอาจขับเคลื่อนพลังออกมาได้แม้เพียงน้อย

ในช่วงเวลาเดียวกัน หัวกะโหลกสีดำก็อ้าปากออก และงับเข้าที่แขนของเธออย่างแรงด้วยเจตนาร้าย!

ทั้งแขนทั้งแหวนถูกโครงกระดูกดำอันร้อนแรงแผดเผาในพริบตา

และแขนข้างนั้นก็ถูกแผดเผาจนเกรียมในทันที แน่นอนว่าสภาพของตัวแหวนก็ไม่ต่างกัน

ทุกกระบวนการที่กล่าวมานี้จบลงในวินาทีแรก ส่วนในวินาทีที่สอง ก็บังเกิดประกายแสงสีเลือดขึ้นจากเบื้องบน

บุรุษผู้ใช้เลือดสังหารทิ้งตัวลงมาจากฟากฟ้าเป็นเส้นแสง พุ่งเข้าไปในรถเหินเวหา และคว้าคอของหลิวชีหมานที่ยังทำไม่ได้แม้จะกรีดร้อง

ภารกิจเสร็จสมบูรณ์!

ร่างที่อยู่เบื้องหลังหลิวชีหมานล้มลง และเริ่มสำลักออกมาอย่างรุนแรง

ถงถงยืนขึ้นและเอ่ยถามด้วยความกังวล “มิสเตอร์กู่ ต้องการให้ฉันช่วยไหม?”

“ไม่ต้อง นั่นมันหน้าที่ฉัน” เสียงอันไพเราะของหญิงสาวที่ฟังแล้วก็บังเกิดความรู้สึกพึงพอใจได้ดังขึ้น

พร้อมกับร่างของแอนนาที่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าประตูห้องโดยสาร

ทั้งสามเดินกลับมายังรถเหินเวหาคันใหญ่ที่หลิวชีหมานปล้นมาในตอนแรกและเปิดกระโปรงหลังขึ้น

แล้วก็พบกับชายคนหนึ่งที่จริงๆ แล้วน่าจะถูกทำให้สลบไปราวๆ หนึ่งถึงสองวันกำลังนั่งสูบซิการ์อยู่

“ดูเหมือนหน้าที่ของนายจะสบายที่สุดเลยนะ แค่หลับอย่างเดียวเลยนี่นา”

กู่ฉิงซานกล่าวทักทายซางหยิงฮ่าวด้วยรอยยิ้ม

.....................................................