webnovel

0238 ความทรมาน

ตอนที่ 238 ความทรมาน

หลิวชีหมานสัมผัสลงบนแหวนเบาๆ ด้วยความลังเล

เพชฌฆาตตัวตลกนั้นน่าหวาดกลัวเกินไป

แม้ว่าเธอจะมีความสามารถที่จะวาร์ปหนีในเวลาใด ที่ใดก็ได้ตลอดเวลา แต่เมื่อคิดว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดอันน่าสะพรึงกลัวที่ไม่รู้ว่าจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่ ในหัวใจของเธอก็เริ่มกระอักกระอ่วนเล็กน้อย

ภายนอกร้านอาหาร

กลุ่มคนหนุ่มสาวยังไม่จากไป พวกเขาเลือกที่จะจับกลุ่มนั่งสูบบุหรี่กัน ขณะที่ครอบครัวครอบครัวห้าคนเริ่มทยอยกันเดินขึ้นรถ ส่วนครอบครัวสามคนเพิ่งมาถึง เป็นพ่อแม่ที่กำลังจูงมือเด็กสาวเดินเข้าไปในร้านอาหาร

หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที ครอบครัวห้าคนก็ขับรถเหินเวหาจากไป… ‘โอเค ตัดกลุ่มน่าสงสัยออกไปได้อีกหนึ่ง’ หลิวชีหมานคิด

ต่อมาก็เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่กำลังนั่งสูบบุหรี่และพูดคุยหยอกล้อ หัวเราะเฮฮากันอยู่สักพัก ทว่าไม่นาน ทั้งหมดก็ทยอยกันเดินกลับไปยังมอเตอร์ไซค์เหินเวหาของตนเอง และร่ำลากันไปตามลำดับ … ‘โอเค ตัดออกไปได้อีกกลุ่ม’

ภายใต้สายตาที่จดจ้องของหลิวชีหมาน มอเตอร์ไซค์เหินเวหาของกลุ่มคนหนุ่มสาวก็เริ่มลอยขึ้น และเร่งเครื่องจากไป

สีหน้าของหลิวชีหมานก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง

เธอมองไปในร้านอาหาร จ้องมองคนไม่กี่คนที่อยู่ภายใน

และในตอนนั้นเอง หน้าทางเข้าก็บังเกิดเสียงก่นด่าขึ้น

“ให้ตายเถอะ ช้าเป็นบ้า เร็วขึ้นอีกนิดไม่ได้รึไง!”

“อา...ขอโทษครับ! ขอโทษครับ!”

หลิวชีหมานมองไปตามเสียง และเห็นว่าประตูร้านอาหารจู่ๆ ก็ถูกผลักออก

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ในมือกำลังถือกล่องอาหารใบใหญ่ รีบวิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

เขาก็คือวัยรุ่นคนเมื่อกี้นี้ ที่เพิ่งกลับมาจากการส่งอาหาร

บางทีหลังจากที่ถูกตำหนิ เขาคงจะเริ่มรนเล็กน้อย ระหว่างแบกกล่องอาหาร มุมกล่องก็ชนเข้าแสกหน้าเด็กสาวเข้าเต็มเปา

“โอ๊ะ! ถงถง เธอเป็นอะไรรึเปล่า ขอโทษด้วยนะ ขอโทษจริงๆ”ชายหนุ่มรีบเอ่ยขออภัย

“เฮ้อ พี่ซางนะพี่ซาง ทำไมถึงได้ทำตัวสะเพร่าแบบนี้อยู่เรื่อยเลย?” เด็กสาวร้องเอ่ยปากออกมาด้วยความโกรธ

เธอดูมีอายุราวๆ สิบห้าถึงสิบหกปี และคือเด็กสาวที่เพิ่งถูกชนไปนั่นเอง ดังนั้นสีหน้าของเธอย่อมบูดบึ้งเป็นธรรมดา

“ก็เจ้านายเข้มงวดเกินไป ช้านิดช้าหน่อยก็หักค่าจ้างแล้ว ฉันเลยต้องรีบ จนไม่ทันได้มองเธอน่ะสิ จะทำยังไงได้เล่า” ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

“ว่าแต่แล้วทำไมวันนี้ถงถงน้อยถึงมาที่นี่ล่ะ?” เขาเอ่ยถาม

แม่ของเด็กสาวเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “วันนี้ถงถงได้เข้าแข่งขันประกวดดนตรี แล้วได้รับรางวัลชนะเลิศมา พวกเราเลยจะมาฉลองกัน”

ขณะที่กำลังพูดคุยกัน คนท้องถิ่นในเมืองที่เดินผ่านมาพอดี พอได้ยินจึงเอ่ยปากยกย่อง “ว่าไงนะ ถงถงน้อยได้รางวัลชนะเลิศอย่างนั้นหรือ ไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆ”

“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เพราะหนูน่ะเก่งที่สุด!” เด็กสาวยืดอกขึ้น ปากเอ่ยกล่าวอย่างภาคภูมิ

หลายคนพูดคุยทักทายกันอย่างรวดเร็ว

และครอบครัวสามคนก็ผลักประตูร้านอาหารเข้าไป

ตามมาด้วยเสียงตะโกนดังขึ้น “ยินดีต้อนรับ! ตาแก่หลี่ ซิหยู แล้วก็ถงถงน้อยผู้น่ารัก รู้สึกว่าทั้งสามคนจะไม่ได้มากินอาหารเย็นกันที่นี่ได้สักพักหนึ่งแล้วนะ”

“อื้อ วันนี้พวกหนูมาฉลองกันล่ะ”

“ฉลองอย่างนั้นเหรอ มีเรื่องอะไรดีๆ เกินขึ้นรึไง?”

“พอดีว่าถงถงประกวดได้รางวัลชนะเลิศน่ะ ออกข่าวด้วยนะ ถึงจะแค่ในเมืองเล็กๆ นี้ก็เถอะ”

“ออกข่าวซะด้วย? เจ้าหนูถงถงสุดยอด!”

“เรียกคนอื่นตาแก่ แกนั่นแหละตาแก่ โน่น ไปโน่นเลย ไม่ต้องมัวแต่มาชื่นชมเลย ไป รีบไปทำข้าวหน้าเนื้อรมควันมาให้กินเลย เด็กสาวต้องกินอาหารให้ตรงเวลา จะได้โตไวไว…”

ประตูร้านอาหารปิดลงอย่างรวดเร็ว และประโยคสนทนาก็ถูกตัดขาดไป

หลิวชีหมานเบนสายตากลับมาอย่างเงียบๆ

ข้าวหน้าเนื้อรมควัน? ให้ตาย แค่ฟังชื่อก็น่ากินจะแย่แล้ว

ณ ขณะนี้ เธอก็ค่อยๆ เลื่อนสายตาไปยังชายหนุ่มคนส่งอาหารที่กำลังเดินอยู่ในพื้นที่โล่ง และหันไปมองรอบๆ

ชายหนุ่มมองมายังรถเหินเวหาของหลิวชีหมาน ก่อนจะตะโกนถาม “นี่ใช่อาหารที่คุณสั่งรึเปล่า?”

หลิวชีหมานจ้องเขาตาเขม็งด้วยความระมัดระวัง ก่อนจะส่ายหัวอย่างช้าๆ

เธอรวบรวมพลังธาตุทั้งห้ามาไว้ในมือ และพร้อมที่จะกระตุ้นแหวนเคลื่อนย้ายทุกเมื่อ

“เอ แปลกจัง…เงินก็โอนมาแล้ว เวลาที่ระบุว่าจะมารับของก็ถูกต้องนี่นา” ชายหนุ่มเอ่ยพึมพำ

ณ ขณะนั้นเอง เสียงกระหึ่มของรถเหินเวหาก็ดังผ่านลงมา

รถเหินเวหาลงจอดหน้าร้าน ประตูโดยสารถูกเปิดออก พร้อมด้วยเสียงของผู้หญิงที่แค่ได้ฟังก็ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มดังออกมาจากภายใน

“อาหารที่ฉันสั่งเสร็จแล้วรึยัง?”

ชายหนุ่มรีบวิ่งไปที่รถรับส่ง

“อาหารของคุณเสร็จแล้ว แต่ถ้ายังไงรบกวนกรุณาบอกหมายเลขโทรศัพท์เพื่อทำการยืนยันความถูกต้องด้วยนะครับ”

เสียงอันไพเราะของหญิงสาวภายในรถ เอ่ยรายงานหมายเลขออกไป

ชายหนุ่มก้มลงมองสมองควอนตัมส่วนบุคคล ก่อนจะยกกล่องขนาดใหญ่หลายใบใส่เข้าไปในประตูรถเหินเวหาที่เปิดออก

“ขอให้เพลิดเพลินกับอาหารอันแสนอร่อยอย่างมีความสุขนะครับ” เขากล่าว

จากนั้น รถเหินเวหาอีกสองสามคันก็ร่อนลงจอดที่ลานอีกรอบ ‘ชิ...มีคนน่าสงสัยเพิ่มเข้ามาอีกแล้ว’ หลิวชีหมานคิด เมื่อประตูถูกเปิดออก กลุ่มคนที่กำลังหัวเราะและยิ้มแย้มก็เดินออกมา แล้วเดินหายเข้าไปในร้านอาหาร

ภายในร้าน ชายวัยกลางคนพุงพลุ้ยที่แต่งตัวในชุดเชฟชะโงกหน้าออกมา ปากเอ่ยตะโกนเสียดังว่า “รีบกลับเข้ามาสักที! ส่งอาหารแค่นี้ทำไมถึงนานนัก เจ้าโง่เอ๊ยไม่เห็นเหรอว่าลูกค้าเริ่มเข้ามาใช้บริการเยอะแล้วตอนนี้”

และชายหนุ่มที่กำลังส่งของก็ขานรับอย่างรวดเร็ว หมุนตัวหันหลังให้รถที่จอดอยู่ และรีบวิ่งกลับไป

หลิวชีหมานเฝ้ามองดูฉากนี้จนกระทั่งประตูของร้านอาหารปิดลงตามด้วยเสียงกริ่งหน้าร้านที่ดัง กริ๊ง

“ถ้าไม่อร่อยล่ะก็ พวกแกตายแน่” ในรถเหินเวหา เสียงอันไพเราะของหญิงสาวพร่ำบ่นดังลอดออกมาตามด้วยเสียงเคี้ยวหงับๆ

และเพียงไม่นานกล่องอาหารใบที่สองก็ถูกเปิดออก

ตามด้วยเสียงซู๊ด ยาวๆ ของน้ำซุป

พอไม่อาจสัมผัสได้ถึงความผิดปกติใดๆ หลิวชีหมานก็กลับมาผ่อนคลายลงเล็กน้อย

และทันทีที่ใจเธอผ่อนคลายลง เจ้าตัวก็สัมผัสได้ว่ากระเพาะอาหารกำลังส่งเสียงประท้วงโครกครากอย่างรุนแรง

หิวจริงๆ

เธอกำลังจะเดินลงจากรถ แต่ทันใดนั้นก็ฉุกคิดถึงอะไรบางอย่าง

หลิวชีหมานมองไปยังรถเหินเวหาของหญิงสาวเบื้องหน้า ทว่าใบหน้าและร่างของอีกฝ่ายกลับถูกบดบังโดยกระจกรถสีดำ ทำให้เธอไม่สามารถมองเห็นคนที่อยู่ภายในได้

‘ถึงจะคลายความกังวลลงแล้วก็เถอะ อย่างน้อยขอพิสูจน์ตัวตนของหญิงสาวในรถคันนั้นสักหน่อยนะดีกว่า’ เธอคิด

อย่างไรก็ตาม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้สามารถได้รับการแก้ไขได้โดยวิธีง่ายๆ

หลิวชีหมานหยิบอุปกรณ์สื่อสารของเจ้าของรถเหินเวหาขึ้นมา และกดหมายเลขโทรออกไป

เบอร์ที่โทร มันคือเบอร์ส่วนตัวของผู้หญิงในรถ ที่เพิ่งใช้มันเป็นตัวยืนยันการสั่งอาหารจากชายหนุ่มเมื่อครู่

ไม่กี่วินาทีต่อมา เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นมาจากรถเหินเวหาเบื้องหน้า

หลิวชีหมานรีบกดยกเลิกโทรออกทันที

“ใครมันโทรมารบกวนเวลาอาหาร! แล้วมันเอาเบอร์โทรฉันมาได้ยังไง? อย่าบอกนะว่าไอ้บริษัทไหนที่ฉันใช้บริการ มันแอบขายข้อมูลของฉันไป!?” เสียงสบถด่าของหญิงสาวดังขึ้น

ปัง!

ตามด้วยเสียงดังหนักทึบ

เหมือนกับว่าผู้หญิงคนนั้นได้ขว้างอะไรบางอย่างลงบนพื้นด้วยความรำคาญ

ดูท่าทางเธอจะอารมณ์ไม่ดีเวลามีคนมากวนช่วงที่กำลังกินอาหารจริงๆ

อย่างไรก็ตาม กระทำเช่นนั้น ทำให้หลิวชีหมานผ่อนความระแวงลงเล็กน้อย

‘เบอร์โทรก็ใช่ อารมณ์โมโหร้ายเวลาถูกกวนก็ยังเป็นธรรมชาติ โอ้จริงสิ…’

‘น้ำเสียงของเพชฌฆาตตัวตลกนั้นมันเป็นน้ำเสียงของผู้ชายนี่นา และลักษณะท่าทีที่เขาแสดงออกมาในครั้งก่อนๆ ก็ไม่น่าจะหยาบโลนเหมือนกับผู้หญิงคนนี้ด้วย’

หลิวชีหมานตริตรองขบคิด

‘ทั้งหมดที่ฉันได้เห็นมา ทุกคนเมื่อครู่นี้ ไม่น่าจะใช่คนน่าสงสัยใดๆ เพราะหลังจากที่พวกเขากินเสร็จแล้ว ทั้งหมดก็ออกไปทันที’

มีเฉพาะแค่ครอบครัวสามคนเท่านั้น…

ครอบครัวสามคนกับเธอขับรถเหินเวหามาลงจอดที่นี่แทบจะพร้อมๆ กัน

ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ในร้านตั้งแต่แรกก็ยังกินข้าวกันอยู่

พวกที่มาใหม่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองเล็กๆ แห่งนี้...

หลิวชีหมานพิจารณาเกี่ยวกับมัน สุดท้ายก็ทำใจผ่อนความระแวงไม่ลง ก่อนจะหยิบสมองควอนตัมขึ้นมา และป้อนชื่อเมืองเล็กๆ นี้ลงไป

ค้นหาชื่อเมือง

ตรวจสอบข่าวสาร

ในมุมเล็กๆ ที่ไม่โดดเด่นใดๆ เธอพบข้อความพร้อมรูปภาพประกอบการแข่งขันดนตรี

ในภาพ เป็นเด็กสาวที่ชื่อว่า ‘ถงถง’ กำลังชูถ้วยรางวัลยืนอยู่คู่กับพ่อแม่ของเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความสุข

หลิวชีหมานส่ายหัวและวางสมองควอนตัมลง

ขณะนี้ รถเหินเวหาเบื้องหน้าเธอ รถของผู้หญิงขี้วีนดูเหมือนจะกินเสร็จแล้ว

กลิ่นหอมของอาหารลอยโชยออกมาจากที่ไกลๆ

หลิวชีหมานตระหนักได้อย่างกะทันหันว่า ต่อให้เธอได้รับชีวิตอันเป็นนิรันดร์มา แต่หากต้องเป็นแบบนี้ต่อไป เธอก็คงต้องใช้ชีวิตอย่างหวาดกลัวไปตลอดชีวิต ไม่ต่างจากการถูกทรมานทั้งเป็นเลย

จุดหมายปลายทางก็ถูกเปลี่ยนแปลงโดยตัวเธอเอง

เส้นทางก็วิ่งมาตามแผนที่

เมืองเล็กๆ แห่งนี้เธอก็เป็นคนเลือกมันเอง

ร้านอาหารก็ถูกเลือกจากทั้งเก้าร้านในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ด้วยตัวเธอเองเช่นกัน

แล้วมันจะยังมีปัญหาอะไรอีกเล่า?

คนพวกนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นผู้อาศัยอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ แม้จะมีพวกวัยรุ่นที่ดูอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง แต่พวกมันก็ขับรถออกไปแล้ว

หิวจริงๆ เลย อยากกินข้าวจัง

หลิวชีหมานตัดสินใจได้ในที่สุด

เธอยังไม่ได้ลงจากรถ แต่หยิบเอาสมองควอนตัมของชายที่ยังคงหมดสติ ขึ้นมาเชื่อมต่อกับร้านอาหาร

สมองควอนตัมนี้ เธอยังไม่ได้ปิดมัน ที่ต้องทำก็แค่ใช้ลายนิ้วมือของอีกฝ่ายปลดล็อกสิทธิ์ในการชำระเงินก็เท่านั้น

สถานะการเชื่อมต่อบนสมองควอนตัมปรากฏขึ้น

“คุณกำลังเชื่อมต่อกับร้าน แคทเดลี่”

“การเชื่อมต่อประสบผลสำเร็จ”

ตามมาด้วยเสียงของชายหนุ่มดังขึ้น “สวัสดีครับ ร้านแคทเดลี่ยินดีให้บริการ กรุณาสั่งอาหารที่ต้องการได้เลยครับ”

มันเป็นเสียงของชายหนุ่มที่เพิ่งเดินออกมาส่งอาหารเมื่อครู่นี้

ความหนักอึ้งในหัวใจของหลิวชีหมานคลายลง เธอถอนหายใจและกดเลือกเมนูอาหารจำนวนมาก

เธอสั่งอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ปริมาณของมันมากพอที่จะใช้ดื่มกินได้ตลอดทั้งวัน

ที่ต้องสั่งแบบนี้ก็เพราะ ระหว่างทาง เธอจะได้ไม่ต้องมองหาสถานที่ซื้ออาหารไว้กินดื่มเหมือนในครั้งนี้อีก

เธอจะบินยาวๆ มุ่งหน้าไปยังภูเขาใกล้ชายแดนอย่างต่อเนื่อง

“คุณเลือกรายการอาหารครบแล้วใช่ไหม? โอเค จะให้ผมไปส่งที่ อ๋า...สถานที่ที่คุณบอกนั่นมันที่ตั้งร้านของเราไม่ใช่เหรอ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสับสน

หลิวชีหมานกล่าว “ก็ฉันนั่งอยู่ข้างนอกร้าน ทำอาหารให้เสร็จเถอะ แล้วออกมาส่งตรงรถเหินเวหาที่จอดอยู่ข้างนอกนี่ เข้าใจไหม”

“โอ้...ครับๆ แต่อาหารที่คุณสั่งมันมีค่อนข้างมาก อาจจะต้องใช้เวลาสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างงุ่มง่าม

หลิวชีหมานวางสาย

ในความเป็นจริงแล้วมันใช้เวลาไม่นานหรอก ผ่านไปสักพักเธอก็เห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากร้านอาหารแล้ว

“ไอ้โง่เอ้ย รีบไปส่งแล้วก็รีบกลับมาเร็วๆ เข้า!” เสียงคำรามจากเจ้านายพุงพลุ้ยลอดออกมาจากร้านอาหาร

“อ้า! เข้าใจแล้วเจ้านาย จะรีบไปเดี๋ยวนี้!”

ชายหนุ่มขานรับ พร้อมกับถือกล่องอาหารใบใหญ่ออกมา ก่อนจะเบนสายตามายังลานจอดรถเหินเวหา

หลิวชีหมานจับจ้องไปยังชายหนุ่มที่เดินออกมาจากร้านด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยปากเรียกเขาเข้ามา

ชายหนุ่มตรงไปยังรถของหญิงขี้วีน ก่อนจะเอ่ยถามว่า “นี่ใช่อาหารที่คุณเพิ่งสั่งไปรึเปล่า?”

กล่องอาหารจานด่วนที่เพิ่งกินเสร็จถูกโยนออกมาจากในรถ – ดูท่าว่าหญิงขี้วีนคงจะกำลังอารมณ์เสียไม่น้อย … ซึ่งการกระทำนี่น่าจะใช้ทดแทนคำตอบได้

เมื่อพบเจอกับการกระทำอันหยาบคาย ดวงตาของชายหนุ่มก็ขุ่นเขียว เขาเดินถอยออกมา และเริ่มกวาดสายตาไปมองรอบๆ

ชายหนุ่มดึงคอเสื้อที่รัดคอจนแน่นลง ปากเอ่ยตะโกนกล่าว “มีใครสั่งอาหารรึเปล่า? คุณมาถึงที่นี่แล้วรึยัง?”

‘เจ้าหมอนี่มันโง่จริงๆ’ หลิวชีหมานอดไม่ได้ที่จะผุดลุกขึ้น และเปิดประตูห้องโดยสารออก

“เฮ้ ฉันอยู่นี่!”

อย่างไรก็ตาม แม้จะตะโกนออกไป แต่เธอก็ยังเลือกที่จะนั่งอยู่หลังประตู

แม้จะเป็นในช่วงเวลานี้ พลังจากธาตุทั้งห้าในมือของเธอก็ยังไม่สลายไป มันพร้อมที่จะทำการกระตุ้นแหวนทุกเมื่อ

ชายหนุ่มหันหน้ามา ในแววตาของเขาบังเกิดเสี้ยวประกายแห่งชัยชนะเล็กน้อย

“โอ้ ผมเห็นแล้ว รอสักครู่นะ”

ปากอ้าขานรับ สองเท้าก้าวเดินตรงไปยังรถเหินเวหา...

.....................................................