webnovel

0233 ไล่ตามแสงแห่งความหวัง

ตอนที่ 233 ไล่ตามแสงแห่งความหวัง

ซูเซี่ยเอ๋อร์อ่านบรรทัดตัวอักษรเหล่านั้น และรีบสงบจิตสงบใจลงอย่างรวดเร็ว

เธอมีประสบการณ์เคยเฝ้าดูเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ ผีดิบนักฆ่า อสูรแห่งท้องทะเล และเพชฌฆาตตัวตลกมาก่อนแล้ว ดังนั้นความสามารถในการรับมือกับเรื่องจำพวกนี้ของเธอจึงไม่อาจนำมาเทียบเปรียบกับเมื่อก่อนได้

และคราวนี้ กลับเป็นตัวเธอที่ถูกส่งข้ามโลก ได้รับของขวัญเป็นการมอบการทดสอบจากเกมเองบ้าง มันจึงไม่ใช่สิ่งที่ถึงกับจะทำใจยอมรับไม่ได้

แต่ในทางตรงกันข้าม สิ่งที่มันน่าตงิดใจก็คือ ทำไมผู้เข้ารับการทดสอบคนแรก ถึงต้องการที่จะฆ่าฉัน?

ซูเซี่ยเอ๋อร์ส่ายหัว พยายามไม่ให้ตัวเองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การหลบหนีออกไปจากที่นี่

เธอก้มลงมองแพไม้ใต้เท้าของตัวเอง และถอนหายใจอย่างเงียบๆ

แพไม้นี้เป็นสิ่งเดียวที่สามารถช่วยให้เธอลอยลำอยู่ในทะเลได้ แต่เธอกลับสามารถใช้งานมันได้อีกเพียงแค่ห้านาที เท่านั้น

แค่เพียงห้านาที!

แล้วฉันควรจะทำอย่างไรต่อไปดี

ซูเซี่ยเอ๋อร์กัดริมฝีปากตัวเอง แล้วจู่ๆ บางสิ่งบางอย่างก็วาบผ่านเข้ามากระทบกับสายตาเธอ

ในทะเลบริเวณเบื้องหน้า ปรากฏมือหนึ่งยื่นโผล่ขึ้นมาพ้นผิวน้ำ

จากนั้นร่างของคนหนึ่งก็ค่อยลอยขึ้นมาให้เห็นอย่างช้าๆ

“ขอโทษนะคะ...”

เสียงที่กำลังจะเปล่งออกมาติดค้างอยู่ในลำคอ

นั่นเพราะร่างเบื้องหน้าเธอ หากสังเกตดูดีๆ แล้ว จะพบว่ามันอยู่ในสภาพถูกกัดแทะ และอีกอย่างจู่ๆ ร่างคนมันจะผุดขึ้นมาจากก้นทะเลได้อย่างไรกัน?

ทว่าน่าแปลก บนใบหน้าของร่างนั้นกลับแสดงสีหน้ารื่นรมย์ มันดูสงบไม่เผยถึงท่าทีหวาดกลัวคล้ายกำลังจะถูกกัดแทะเลย แต่กลับดูเหมือนกำลังจะเพลิดเพลินกับบางสิ่งบางอย่างอยู่เสียมากกว่า

ร่างที่ถูกกัดแทะลอยกระเพื่อมไปพร้อมกับกระแสคลื่นที่ซัดผ่าน

จากนั้นก็ตามมาด้วยอีกร่างหนึ่งที่ลอยขึ้นมา

คราวนี้สีหน้าของศพที่สอง กลับมีดวงตาที่เบิกโพลง เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ปากอ้ากว้างราวกับกำลังจะกรีดร้องออกมาสุดเสียงทว่ากลับสิ้นชีวิตลงเสียก่อน

ซูเซี่ยเอ๋อร์จ้องมองฉากนี้ด้วยสติที่เลื่อนลอย แต่ก็ฝืนบังคับตัวเอง รวบรวมความกล้าก้มลงมองไปในทะเลเบื้องล่าง

ศพ...

ใต้ทะเลเต็มไปด้วยศพ

ซากศพซ่อนตัวอยู่ใต้ผิวทะเล และมันจะไม่มีทางสังเกตเห็นได้เลย ถ้าไม่ได้ก้มลงเพ่งมองอย่างถี่ถ้วน

น้ำทะเลถูกแบ่งออกเป็นสองชั้น ช่วงชั้นผิวทะเลเบื้องบนเป็นสีฟ้าสดใส แต่หากจ้องมองรอบคอบ คุณจะพบว่าช่วงชั้นลึกลงไปใต้ทะเล จะเป็นสีแดงเข้ม

เลือดสีแดงเข้มแข็งตัวอยู่ใต้ทะเล และศพที่ลอยขึ้นมาก็ค่อยๆ แพร่กระจายเลือดสีเข้มออกจากตัวมันอย่างช้าๆ

บางครั้งก็มีหนึ่งหรือสองร่างถูกคลื่นซัดจนเบนไปยังทิศทางอื่น ทว่าไม่นาน มันก็วนกลับมายังทิศทางเดิมอย่างน่าฉงน

ลางสังหรณ์อันเลวร้ายเสียดลึกเข้ามาในจิตใจของซูเซี่ยเอ๋อร์ ริมฝีปากถูกเม้มแน่น เจ้าตัวรีบตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

เธอเตรียมตัวที่จะมุ่งหน้าไปในทิศทางทะเลหมอก

เพราะทิศทางอื่นไม่มีอะไรเลยนอกจากน้ำทะเล

ดังนั้นจึงเหลือเฉพาะภายในหมอกเท่านั้น ที่จะเป็นความหวังสุดท้ายในการใช้หลบซ่อนเอาชีวิตรอด

ซูเซี่ยเอ๋อร์วางมือของเธอลงด้านหลังแพไม้ และเริ่มทำการควบคุมพลังลม สร้างแรงดันน้ำผลักตัวแพให้ลอยออกไปข้างหน้า

เธอทุ่มใช้พลัง ผลักดันแพไม้ให้ลอยไปยังเบื้องหน้าอย่างเต็มกำลัง

หนึ่งนาที

สองนาที

สามนาที

อีกไม่นานก็จะครบห้านาทีแล้ว

ความสิ้นหวังเริ่มกัดกินเข้ามาในจิตใจของซูเซี่ยเอ๋อร์ทีละน้อย

ถึงแม้ว่าแพไม้จะเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าระยะทางกว่าจะถึงทะเลหมอกมันก็ไกลเกินไปอยู่ดี

และที่สำคัญ เธอก็ไม่อาจจะยืนอยู่อาศัยอยู่บนแพไม้ได้อีกต่อไปแล้ว

หากมันจำเป็น ซูเซี่ยเอ๋อร์ก็คงต้องจำใจเลือกหนทางสุดท้าย และว่ายน้ำไป

แม้เธอจะไม่ได้เชื่อถือเจ้าสิ่งที่เรียกว่าภารกิจนั่นอย่างเต็มร้อย ทว่าในช่วงเวลาที่เธอใช้พลังลมผลักดันแพไม้จากในน้ำทะเล สายลมของเธอกลับสามารถสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามาจากระยะไกล

ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าสิ่งนั้นคืออะไร

แต่ในความรู้สึกของซูเซี่ยเอ๋อร์ มันเป็นการดำรงอยู่ของตัวตนที่มีขนาดใหญ่มาก

โลกที่ไม่รู้จัก การดำรงอยู่ของตัวตนที่ไม่รู้จัก และเธออาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน

และต่อให้เธอชนะมันได้ก็แล้วยังไง? ที่นี่มันท่ามกลางมหาสมุทร กลิ่นเลือดของมันอาจจะดึงดูดและนำพานักล่าที่ทรงพลังยิ่งกว่าตัวมันเองมาอีกก็ได้

มีศพแปลกๆ มากมายจมอยู่ใต้ทะเล

มันจะต้องเป็นตัวอันตรายขนาดไหนกันนะ ถึงสามารถล่าสังหารจนก่อให้เกิดศพจำนวนมากขนาดนี้ได้

ถ้าฉันกระโดดลงไปในทะเล ใครจะรู้ว่ากำลังมีอะไรรอฉันอยู่?

ซูเซี่ยเอ๋อร์เดินมายังส่วนหน้าของแพไม้ ก่อนจะถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ตอนนี้จำเป็นต้องรีบออกไป คงต้องพึ่งพาเทคนิคการว่ายน้ำของตัวเองในช่วงมัธยมซะแล้ว…แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่าฉันจะว่ายไปได้ไกลแค่ไหน

เธอพยายามที่จะไม่ก้มลงไปมองซากศพที่ตามร่างกายถูกกัดแทะ กรามของเธอถูกขบแน่น และเตรียมที่จะกระโดดลงไปในทะเล

ทันใดนั้นเอง เสียงๆ หนึ่งก็ดังขึ้นรอบตัวเธอ

“การเชื่อมต่อกับเพลิงนางฟ้าถูกตัดขาด”

“ทำการทดลองติดต่อเทพธิดากงเจิ้ง”

“การติดต่อล้มเหลว”

เสียงนี้มัน...

ซูเซี่ยเอ๋อร์ยกมือขึ้นมาบนคอระหงส์ของเธอ แล้วดึงเชือกสีดำออกมา

เธอจ้องมองแหวนที่ร้อยอยู่ในเชือกสีดำด้วยความประหลาดใจ

นับตั้งแต่ที่เธอได้ตัวควบคุมเพลิงนางฟ้ามา เธอก็ไม่เคยได้ยินตัวควบคุมเปล่งเสียงดังกล่าวนี้ออกมาก่อนเลย

“เริ่มต้นทำการค้นหาตำแหน่ง”

“การค้นหาล้มเหลว”

“ทำการทดลองติดต่อกับกู่ฉิงซานด้วยวิธีพิเศษ”

“การเชื่อมต่อล้มเหลว”

“เริ่มต้นทำการตรวจสอบความผิดปกติของสภาพแวดล้อม”

“ค้นพบดวงอาทิตย์สองดวง อ้างอิงตามคุณสมบัติที่โดดเด่นของมัน ขอระบุว่าที่แห่งนี้มิใช่โลกเดิม แต่กลับถูกแยกออกมาอีกโลกหนึ่ง”

“เป็นไปตามเงื่อนไขการเปิดใช้งาน”

“เริ่มทำการเปิดใช้งาน”

เสียงที่ดังออกมาจากในแหวนเงียบไปราวๆ หนึ่งถึงสองวิ

ทันใดนั้นเอง เสียงของกู่ฉิงซานก็ดังออกมาจากแหวน

เสียงของเขาที่ถูกส่งออกมาดูจะพูดด้วยความเร่งรีบมาก

“เซี่ยเอ๋อ ฉันไม่รู้ว่าโลกใบนี้มันจะเป็นยังไงต่อไปในอนาคต ดังนั้นฉันเลยตั้งโปรแกรมนี้ไว้ในแหวน”

“ขอพูดแบบกระชับสั้นๆ หากเธอได้ยินเสียงของฉัน แสดงว่าตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเป็นอย่างมาก”

“ฉันได้ร้องขอให้เทพธิดากงเจิ้งใส่ระบบปัญญาประดิษฐ์ ในการประเมินสภาพแวดล้อมเข้าไป ซึ่งมันจะทำการประเมินสถานการณ์ของเธออย่างรวดเร็ว และเปิดใช้งานแหวนเพื่อสร้างการตอบสนองที่เหมาะสมและทรงประสิทธิภาพมากที่สุดกับสถานการณ์ในตอนนี้”

“นี่คือแหวนที่ทำมาจากวัสดุนาโนรูปแบบใหม่ที่สามารถยืดขยายหรือหดรูปร่างของมันได้”

“ตราบใดที่มีลม แดด หรือแหล่งพลังงานอื่นๆ พลังงานของมันจะถูกเติมเต็มได้โดยอัตโนมัติ”

“เอาล่ะ ตอนนี้ก็ขอให้ใช้แหวนวงนี้ รีบหนีออกไปจากที่นี่เร็วเข้า!”

“เธอจะต้องรอดชีวิตออกไปได้ อย่าง! แน่! นอน!”

ยามเมื่อน้ำเสียงของกู่ฉิงซานตกลง ใต้ทะเลเบื้องล่างแพไม้ก็ปรากฏเงาขนาดใหญ่ผุดขึ้นมา

แหวนในมือของซูเซี่ยเอ๋อร์แผ่รังสีสีขาวนวลออกมา

วงแหวนจู่ๆ ก็ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ราวกับขนมปังก้อนใหญ่ที่ถูกอบจนฟู

ในวินาทีต่อมาตัวแหวนก็โถมเข้าใส่อ้อมอกของซูเซี่ยเอ๋อร์ และแนบติดเข้ากับร่างกายของเธอ

มันค่อยๆ ก่อร่างสร้างปีกที่ดูเพรียวลมขึ้นอย่างช้าๆ

“การเพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางทางอากาศเสร็จสมบูรณ์”

เสียงอิเล็กทรอนิกส์ของปัญญาประดิษฐ์ สังเคราะห์ได้ดังขึ้น “ซูเซี่ยเอ๋อร์ โปรดรีบใช้พลังของจิตแห่งลมของคุณโดยเร็ว พวกเราจะได้รีบออกไปจากที่นี่ทันที”

ซูเซี่ยเอ๋อร์เหลือบสายตามองเงาใต้ทะเลที่กำลังผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กัดฟันแน่นและกล่าว “ได้เลย!”

จิตแห่งลมสีเขียวเรืองรองระเบิดออกมาจากร่างกายเธอ

ฮู้ม! ตามด้วยเสียงคำรามของกระแสลม และปีกก็ค่อยๆ สยายออกอย่างช้าๆ

ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะทันเวลาไหม เพราะน้ำทะเลเบื้องล่าง บัดนี้เริ่มที่จะเดือดพล่าน สีฟ้าสดใสเบื้องบนของมันเริ่มถูกสีแดงเข้มของเลือดเข้ามาแทนที่แล้ว

ซากร่างที่ดูน่าหวาดผวาลอยผุดขึ้นมาใกล้กับแพไม้มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ

หญิงสาวกางปีกสีเขียวมรกตออก และถ่ายเทพลังลมของเธอด้วยกำลังทั้งหมดที่มีเข้าใส่มัน

ทันใดนั้นเองปากใหญ่ยักษ์อันน่าสะพรึงก็ผุดขึ้นมาจากใต้ผิวน้ำ

และเป็นวินาทีเดียวกันกับที่ปีกสายลมของเธอเริ่มยกตัวลอยขึ้นจากแพไม้ได้ในที่สุด

กลิ่นปากอันเน่าเหม็น สาบไปด้วยคาวเลือด ตามติดประชิดไปใกล้กับหญิงสาว หมายที่จะงับลงบนร่างของเธอ

ปีกสายลมห่อหุ้มรอบกายซูเซี่ยเอ๋อร์เอาไว้อย่างแน่นหนา พลังทั้งหมดในร่างกายของเธอระเบิดออกมาจนถึงขีดสุด

ตลอดทั่วทั้งปีกสายลม บังเกิดประกายแสงสว่างนับไม่ถ้วน เกล็ดขนนกสายลมพลิ้วไหวไปตามแรงลม มันพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเร่งความเร็วในการบินของเธอให้ไวขึ้น

“ย๊าก บินไปเลย!”

หญิงสาวร้องตะโกนด้วยเสียงทั้งหมดที่ตัวเองมี

ปีกสายลมสีเขียวแปรเปลี่ยนเป็นกระแสแสงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันสัตว์ร้ายเบื้องล่างก็กระโจนโผล่พ้นน้ำขึ้นมา และอ้าปากงับเข้าใส่อากาศที่ว่างเปล่า

เธอหนีรอดจากมันมาได้แล้ว!

ซูเซี่ยเอ๋อร์บินอยู่ท่ามกลางฟากฟ้า สายลมอ่อนๆ ปะทะเข้ากับตัวเธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่ทั้งคนทั้งร่างจะบินหายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อสถานะการบินอยู่ในสภาวะคงที่ ปีกของซูเซี่ยเอ๋อร์ก็เริ่มเปล่งเสียงออกมาอีกครั้ง

“อุณหภูมิปัจจุบัน...สิบเก้าองศาเซลเซียส”

“พลังงานลม...กระแสลมเหนือ”

“ความกดอากาศ...1021 -hPa”

“ความชื้น...แปดสิบแปดเปอร์เซ็นต์”

“ทัศนวิสัย...สิบกิโลเมตร”

“หลังจากทำการแสกนคลื่นชีวภาพ ไม่พบสิ่งมีชีวิตผิดปกติใดๆ ในบริเวณใกล้เคียง คุณสามารถเข้าสู่โหมดการบินปกติได้”

“เข้าใจแล้ว ขอบคุณมากนะ” ซูเซี่ยเอ๋อร์กล่าว

“ผลิตภัณฑ์นาโนนี้ร่วมกันผลิตโดยกู่ฉิงซานและเทพธิดากงเจิ้ง ขอให้มั่นใจในประสิทธิภาพความแม่นยำในตัดสินใจของมัน เราหวังว่าคุณจะใช้งานมันอย่างมีความสุข” เสียงในปีกเอ่ยตอบ

มุมปากของซูเซี่ยเอ๋อร์เผยอขึ้นเล็กน้อย

เบื้องล่างของเธอคือชั้นเมฆหนา ขณะนี้เธอกำลังบินอยู่เหนือท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด ไล่ตามแสงแห่งความหวังอันอบอุ่นที่ทอดยาวลงมา

สองกระแสธารอันอบอุ่นไหลอาบลงบนสองแก้มของเด็กสาว ดวงตาที่พร่ามัว สะท้อนเปล่งประกายไปกับแสงของดวงอาทิตย์

“ฮึก…คอยดูนะฉิงซาน…ฉันจะต้องเอาชีวิตรอดกลับไปให้ได้อย่างแน่นอน ฉันจะต้องได้พบหน้านายอีกครั้ง!”

เธอเริ่มควบคุมปีกสายลม ทั้งคนทั้งร่างร่อนลงเป็นเส้นโค้ง ตัดผ่านชั้นเมฆเบื้องล่าง บินตรงเข้าไปยังทะเลหมอกท่ามกลางมหาสมุทร

.......................................................