webnovel

0134 ติดต่อ

ตอนที่ 134 ติดต่อ 

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างลังเล “ยินดีด้วยนะ นี่มันเป็นโอกาสทองของคุณเลย ที่จะได้ทำหน้าที่ในการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ระหว่างประเทศ สร้างอนาคตใหม่ไปด้วยกันกับพวกเขา” 

“ฉันจะทำ” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ทว่าต้องเป็นหลังจากที่ทำการส่งรายงานข้อมูลของผีดิบนักฆ่าฉบับเสร็จสมบูรณ์เสียก่อน ร้องขอให้ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซานทำการประเมินผีดิบนักฆ่าทั้งสามตัวด้วย” 

กู่ฉิงซาน “พวกมันค่อนข้างที่จะมีสติปัญญา แต่ฉันก็พอที่จะรู้วิธีประเมินมันอยู่บ้าง” 

“แล้วสิ่งที่คุณใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินล่ะ มีอะไรบ้าง” 

“ก็อย่างระดับภัยคุกคามที่พวกมันมีต่อมนุษย์ และการตัดสินใจโดยใช้สัญชาตญาณของฉัน” 

เทพธิดากงเจิ้งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “จริงๆ แล้วฉันได้ทำการบันทึกบทสนทนาทางอุปกรณ์สื่อสารบทหนึ่งเอาไว้ คิดว่าใต้เท้าผู้ทรงเกียรติอาจจะสนใจ” 

“งั้นก็ได้ ไหนลองเปิดดูซิ ฉันขอลองฟังมันหน่อย” กู่ฉิงซานกล่าว 

ปรากฏเสียงบางอย่างดังขึ้น 

บทสนทนาถูกเปิด 

“อ้าวแม่ แม่ไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?” 

สีหน้าของกู่ฉิงซานแปรเปลี่ยนกลับกลาย เสียงนี้ เขาตระหนักได้อย่างชัดเจนว่ามันคือเสียงของผีดิบนักฆ่าตัวที่กลายพันธุ์ได้รวดเร็วที่สุด! 

... 

“ใช่แล้ว แม่สามารถใช้เงินพวกนั้นตามใจตัวเองได้เลย ได้ตามต้องการ ถ้าแบบนั้นผมถึงจะได้ไปทำงานด้วยความโล่งใจ” 

“ไม่เอาน่าแม่ หยุดพูดเถอะ หัวหน้าของผมก็อยู่ที่นี่นะ” 

“อื้อ” 

“อื้อ”

“ดูแลตัวเองด้วยนะ” 

บทสนทนาทางอุปกรณ์สื่อสารได้สิ้นสุดลง 

กู่ฉิงซานตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ สองตาค่อยหุบลง จมอยู่ในห้วงความคิด 

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผีดิบนักฆ่าตนนี้ จะสามารถกลายพันธุ์จนฟื้นคืนห้วงอารมณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว 

ผีดิบนักฆ่าที่มีสามารถฟื้นฟูอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์กลับคืนได้อย่างรวดเร็ว นั่นหมายความว่าอัตราเร่งในการกลายพันธุ์ของเขา ล้ำหน้าจนผีดิบนักฆ่าตนอื่นๆ ไม่อาจนำมาเทียบเคียงได้แล้ว 

เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไป เขาจะกลายเป็นตัวตนที่น่าเกรงขามอย่างไม่อาจจินตนาการได้! 

คำนิยามที่ดีที่สุดสำหรับเจ้ามอนสเตอร์อันน่าหวาดหวั่นตนนี้คงไม่พ้นคำว่า ต้องรีบ‘ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม’ 

ในเวลานั้นเอง เสียงของเทพธิดากงเจิ้งก็ดังขึ้นอีกครั้ง  

“รายงาน! ใต้เท้าเทพนักสู้ผู้ทรงเกียรติ ล้มเหลวในการล่าสังหารผีดิบนักฆ่า” 

“เริ่มการประเมินความผิดพลาด ผีดิบนักฆ่าตนนั้นสามารถหลบหนีไปได้อีกครั้ง” 

“แล้วเทพนักสู้ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า” 

“เทพนักสู้แทบจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ทว่าทางฝั่งผีดิบนักฆ่ากลับได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตาม ด้วยความเร็วในการฟื้นตัวของเขา ส่งผลให้ไม่สามารถคาดคำนวณอาการบาดเจ็บได้อย่างแม่นยำ” 

เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยถาม “พวกเราสมควรใช้โอกาสนี้ วางกับดักล่าสังหารเขาดีหรือไม่” 

“ตอนนี้เลยน่ะเหรอ?” 

“เขามีจุดอ่อนทางด้านอารมณ์ ฉันสามารถคิดค้นกลยุทธ์การลอบโจมตีออกมาได้ถึงสามสิบเอ็ดรูปแบบ หากแต่วิธีการทั้งหมดนี้เราจำเป็นต้องจับกุมตัวตนที่ทำให้ห้วงอารมณ์ของเขาอ่อนไหวมาเป็นตัวประกันให้ได้เสียก่อน” เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยข้อเสนอแนะ 

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างลังเล “ไว้ฉันขอคิดเรื่องนี้อีกครั้งนะ” 

เทพธิดากล่าว “ฉันยังมีเรื่องที่ต้องการขอคำชี้แนะอีกเรื่อง เนื่องจากใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซานเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องผีดิบกินคนและผีดิบนักฆ่า นอกจากนี้เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ กลับสามารถค้นพบได้ว่าเหล่ามืออาชีพสามารถต่อกรกับผีดิบนักฆ่าได้ จึงต้องการร้องขอให้ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซานประเมินพลังของผีดิบนักฆ่าตามระดับความแข็งแกร่งของมนุษย์ทั่วไปๆ ในปัจจุบัน เพื่อที่ฉันจะได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิง และตัดสินกำลังรบของอีกฝ่ายได้ละเอียดยิ่งขึ้น” 

กู่ฉิงซาน ขบคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างรวดเร็ว “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันจะอธิบายถึงการแบ่งระดับพลังของพวกมืออาชีพ ที่สอดคล้องกับระดับความแข็งแกร่งของผีดิบนักฆ่าให้ฟังก็แล้วกันนะ” 

“ทำการบันทึก ร้องขอให้ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกล่าวต่อ” 

“อันดับแรกก็คือ นักสู้หวูเต๋าจากระดับต่ำไปสูง จะถูกแบ่งออกเป็น ปรมาจารย์นักสู้ ยอดปรมาจารย์นักสู้ บรรพชนนักสู้ เทพนักสู้ และสุดท้ายปราชญ์นักสู้” 

เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ระดับสูงสุดของหวูเต๋าที่มนุษย์สามารถบรรลุได้ก็คือเทพนักสู้ ปราชญ์นักสู้ช่างเป็นคำที่แปลกประหลาดฉันไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน” 

กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าว “อันดับแรกคุณสมควรบันทึกมันเอาไว้ก่อน วันหนึ่งอาจมีบางคนที่สามารถทะลวงผ่านขึ้นไปอยู่เหนือขีดจำกัดของมนุษยชาติอย่างเทพนักสู้ก็เป็นได้ หากพบเจอคนที่สามารถตัดผ่าน คุณจะได้รู้ว่าสมควรจัดประเภทของเขาให้อยู่ในระดับปราชญ์นักสู้ ระดับปราชญ์นักสู้จะถูกนับว่าอยู่ในขอบเขตนักปราชญ์อย่างแท้จริง” 

“ทำการบันทึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” 

“ถัดไปก็คือ ผู้ฝึกยุทธเต๋าแห่งธาตุทั้งห้า จัดลำดับตามจำนวนขั้นที่สามารถปลดผนึกได้ ธาตุทั้งห้าปลดผนึกขั้นหนึ่งคือต่ำสุด สูงสุดคือปลดผนึกขั้นห้า” 

“ผู้ฝึกยุทธเต๋าที่สามารถปลดผนึกขั้นสี่ได้ จะถูกนับว่าเป็นมืออาชีพชั้นยอดที่หาได้ยากยิ่ง ทว่าหากกล่าวถึงขั้นห้า พวกเขาจะอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับปราชญ์นักสู้” 

“ทำการบันทึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว” 

“สำหรับผู้ใช้เทคนิคเทียนซวนนั้นก็คล้ายคลึงกัน พวกเขาจะถูกแบ่งออกเป็น ขั้นแรกคือสามารถปลุกสกิลเทคนิคเทียนซวน ขั้นสองคือสามารถใช้งานมันในเวลาใดๆ ก็ได้ในทันที ขั้นสามคือสามารถปลุกมันให้ตื่นขึ้นได้อย่างสมบูรณ์ ขั้นสี่คือช่วงเปลี่ยนผ่าน ขั้นห้าคือสามารถวิวัฒนาการเทคนิคเทียนซวนได้อีกครั้ง” 

กู่ฉิงซานยักไหล่และกล่าว “อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถคาดคำนวณได้ว่าผู้ใช้เทคนิคเทียนซวนขั้นใดๆ จึงจะเทียบเท่ากับปราชญ์นักสู้ เนื่องจากพลังของมันแปลกประหลาดที่สุดในบรรดาทั้งหมด ไม่มีใครสามารถวัดหรือกะเกณฑ์มันได้อย่างชัดเจน” 

“เข้าใจแล้ว” 

“เอาล่ะถัดไปก็ทางฝั่งผีดิบนักฆ่า” กู่ฉิงซานกล่าว “ผีดิบนักฆ่าสามารถเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตนได้อย่างรวดเร็ว ทว่าจะอ่อนแอกว่าพวกมืออาชีพอยู่ขั้นหนึ่ง” 

“ตัวอย่างเช่น ผีดิบนักฆ่าระดับห้าสามารถเปรียบเทียบได้กับมืออาชีพระดับสี่เท่านั้น นั่นเพราะเทคนิคต่อสู้ของพวกมันยังไม่โดดเด่นเพียงพอ จึงกล่าวได้ว่าด้อยกว่ามืออาชีพในระดับเดียวกันอยู่มากโข” 

“อย่างไรก็ตาม ผีดิบนักฆ่าระดับหก จะสามารถเทียบเคียงได้กับมืออาชีพระดับห้า” 

“อย่างไรก็ตาม ต้องตระหนักไว้ให้ดีว่ามันไม่ง่ายดายเลยที่จะสังหารผีดิบนักฆ่า พวกมันไม่หวาดกลัวการได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู้ แถมยังสามารถฟื้นฟูอัตราการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว นี่คือจุดแกร่งของพวกมัน” 

“เกือบทั้งหมดก็น่าจะประมาณนี้” กู่ฉิงซานกล่าว 

นี่คือระดับความแข็งแกร่งในโลกจริง 

ทว่ามืออาชีพในโลกจริง ขณะนี้กล่าวได้ว่ายังคงสามารถใช้พลังได้อย่างตื้นเขิน พวกเขายังไม่อาจสัมผัสถึงพลังวิญญาณได้ 

พลังวิญญาณเป็นพลังขั้นพื้นฐานที่บริสุทธิ์ที่สุดในสวรรค์และโลก 

นักสู้หวูเต๋าในโลกจริง จะไม่สามารถใช้พลังวิญญาณเพื่อแบ่งเบาภาระร่างกายได้ พวกมืออาชีพที่ใช้ธาตุทั้งห้าก็ไม่สามารถใช้พลังวิญญาณช่วยเพิ่มพูนพลังโจมตีได้เช่นกัน ส่วนในกลุ่มผู้ใช้เทคนิคเทียนซวน ก็จะไม่สามารถใช้พลังวิญญาณเพื่อหล่อเลี้ยงเทคนิคของพวกเขา ไม่สามารถที่จะใช้พวกมันเร่งอัตราการวิวัฒนาการของเทคนิคเทียนซวนได้ 

ดังนั้นหากผู้คนในโลกจริงต้องต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธในเกมที่อยู่ในระดับเดียวกัน ก็พอจะกล่าวได้ว่าพวกเขาเสียเปรียบอยู่หลายก้าว 

ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้จะคงอยู่ไปอีกนาน จนกระทั่งถึงช่วงเวลาที่เกมเปิดตัว จากนั้นทุกคนจึงจะสามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้ และความห่างชั้นก็จะค่อยๆ จางหายไป

“ทำการบันทึกเสร็จสมบูรณ์แล้ว” นอกเหนือนี้ ฉันยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่คงต้องขอรายงาน ผีดิบนักฆ่าที่พึ่งหลบหนีไป ได้ลอบกลับเข้ามายังมณฑลไป่ซาแล้ว 

“กลับมา นั่นเขากลับมาทำไม?” กู่ฉิงซานงง “ถ้าอย่างนั้นในทางกลับกัน พวกเราสามารถทำการสกัดกั้นซุ่มโจมตีเขาได้หรือเปล่า?” 

“ไม่สามารถทำการสกัดกั้นได้” 

“ทำไมล่ะ?” 

“เพราะพวกเรายังไม่มีตัวประกัน นั่นทำให้มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่เขาจะหลบหนีไปได้” 

กู่ฉิงซานชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มขบคิดเกี่ยวกับผีดิบนักฆ่าตนนี้ 

เมื่อนึกถึงครั้งที่ได้ต่อกรกับมัน วิเคราะห์จากทั้งคำพูด การกระทำ และมุมมองของมันอย่างคร่าวๆ ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็คิดแผนการอันแสนจะบ้าบิ่นออกมาได้อย่างกะทันหัน! 

“ถ้าเป็นในกรณีนี้…” 

สองมือประกบเข้าหา สองศอกทิ้งน้ำหนักวางลงบนโต๊ะ กู่ฉิงซานนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่นาน 

เขาจมอยู่ในห้วงความคิด 

แต่แผนนี้ หากมีขั้นตอนใดที่ผิดพลาดไปล่ะก็ มันจะชักนำไปสู่ปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ไม่มีทางแก้ไขหรือย้อนคืนได้ชั่วนิรันดร์ 

อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้ลองดูสักตั้ง กู่ฉิงซานก็คงจะไม่สาแก่ใจ 

หลังจากนั้นไม่นาน 

กู่ฉิงซานก็สามารถตัดสินใจได้ในที่สุด 

“ตอนนี้เทพนักสู้อยู่ที่ไหน?” เขาเอ่ยถาม 

“กำลังพักผ่อนอยู่ภายในฐานทัพทหารที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยสิบกิโลเมตร” 

“เอาล่ะ ฉันจำเป็นต้องให้คุณช่วยเหลือเป็นมาตรการฉุกเฉิน ฉันต้องการติดต่อกับผีดิบนักฆ่าตัวนั้นอีกครั้ง” กู่ฉิงซานกล่าว 

“คำกล่าวที่บอกว่า ‘ติดต่อ’ ของใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ หมายถึงทำการต่อสู้หรือสื่อสารด้วยวาจา?” 

“มันเป็นการสื่อสารด้วยวาจา” 

“ตามระดับอาการบาดเจ็บของฝ่ายตรงข้าม จากการวิเคราะห์พบว่า อีกฝ่ายยังคงมีความสามารถมากพอที่จะเป็นภัยคุกคามถึงชีวิตของใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ ฉันไม่แนะนำให้ทำการติดต่อสื่อสารกับเขา” 

“ไม่เป็นไร อย่างน้อยฉันก็ยังสามารถพูดคุยกับเขาได้ในระยะเวลาสั้นๆ ไว้ให้เทพนักสู้คอยเฝ้าดูอยู่ใกล้ๆ ก็ได้” 

เทพธิดากงเจิ้งกล่าว “ตามการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้นับว่าเป็นอันตรายมาก ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซานยังยินดีที่จะติดต่อกับเขาจริงๆ หรือ?” 

“ก็ถ้าหากก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ยินบทสนทนาทางอุปกรณ์สื่อสารของเขาแล้วล่ะก็ ฉันก็คงจะออกคำสั่งให้กองกำลังใหญ่ตรงเข้าไปล้อมกรอบเขาแล้ว” กู่ฉิงซานหัวเราะ และกล่าว “แต่มีบางสิ่งบางอย่าง ที่ทำให้ฉันรับรู้ได้ว่าฉันไม่สมควรจะทำเช่นนั้น” 

“ฉันไม่เข้าใจ” 

“อย่างไรก็เถอะ ฉันก็กลัวตายเหมือนกัน ตอนนี้เรามาเริ่มจัดวางกลยุทธ์รับมือที่ดีที่สุดกันก่อนเถอะ” 

“กลยุทธ์การรับมือได้ถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว และสามารถเริ่มดำเนินการได้ตลอดเวลา” 

เทพธิดากงเจิ้งยังคงกล่าวต่อ “การติดต่อในครั้งนี้ถูกกำหนดให้เป็นความลับสุดยอดระดับเอสนอกเหนือจากฉัน และคุณที่เป็นใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ และท่านประธานาธิบดีเพียงเท่านั้นที่สามารถรับรู้ได้ ส่วนคนอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์อำนาจที่จะเข้ามาเกี่ยวข้อง” 

“ต้องอย่างนั้นสิ! ของคุณที่ลำบากนะ!” 

กู่ฉิงซานพยักหน้า 

ที่เหลือก็มีเพียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังคงต้องพิจารณาวางแผนกันต่อไป

แต่ไอ้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละที่น่าเป็นห่วง เพราะมันอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดกันได้ ดังนั้น เขาจึงต้องใส่ใจกับทุกการกระทำและคำพูด 

ขณะที่เขากำลังขบคิด ทันใดนั้นสมองควอนตัมก็สาดแสงออกมา พร้อมกับเสียงจักรกลของเทพธิดากงเจิ้งดังขึ้น “มีบางคนกำลังมาเยี่ยมคุณ” 

“ใครกัน?” กู่ฉิงซานที่ถูกขัดจังหวะความคิด เอ่ยถามออกมาอย่างไม่ค่อยจะพอใจ 

“หุ้นส่วนของคุณ” 

“เขามาที่นี่ได้อย่างไร...” กู่ฉิงซานพึมพำ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและออกจากห้องเพื่อไปทักทาย 

บนหลังคาอาคารฐานที่มั่น ปรากฏรถเหินเวหาขนาดเล็กกำลังร่อนลงจอดอย่างช้าๆ 

ประตูถูกเปิดออก พร้อมกับชายคนหนึ่งที่เดินลงมาทีละก้าว ทีละก้าว 

เขาสวมเสื้อโค้ตสีดำ ถุงมือหนังที่สวมใส่ก็มีสีดำเช่นกันทั้งคนทั้งร่างเปล่งประกายของความสุขุมและมั่นคง 

แต่อย่างไรก็ตาม กู่ฉิงซานรู้ดีว่าทั้งหมดนั่นเป็นเพียงภาพลวงตา! 

แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา ซางหยิงฮ่าวก็ยื่นมือออกมาทักทาย ใบหน้าเปื้อนยิ้มหัวเราะลั่น “หุ้นส่วนที่รัก นายช่วยชีวิตน้องสาวฉันไว้ บอกมาทีซิว่าฉันสมควรจะตอบแทนนายอย่างไรดี?” 

กู่ฉิงซานถอนหายใจและกล่าว “ตราบใดที่สิ่งตอบแทนของนายไม่นำพาปัญหาใดๆ เข้ามาหาฉัน ฉันยินดีรับทั้งนั้นแหละ!”

........................................