ตอนที่ 133 หวนคืน
ชายผู้ที่ชื่อว่ามิสเตอร์เหลียวคนนี้ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักวิทยาศาสตร์ผู้คิดค้นเทคโนโลยีจัมป์เมื่อสามสิบปีก่อน
เขาได้ทำการข่มขู่คุกคามเก้าตระกูลใหญ่ หมายมั่นที่จะตั้งตนให้ขึ้นเป็นจ้าวมณฑลคนที่สิบ สุดท้ายก็ถูกเทพธิดากงเจิ้งลอบวางเพลิงเผาทำลายเทคโนโลยีจัมป์ของเขา ตามติดมาด้วยการถูกเก้าตระกูลใหญ่ลอบสังหาร
ทว่าตัวตนที่ถูกลอบสังหารไปนั้น แท้จริงแล้วคือร่างโคลนของเขา ส่วนตัวจริงอาศัยอยู่นอกอวกาศมาเป็นเวลากว่าสามสิบปีแล้ว
ในชีวิตก่อนหน้า จวบจนกระทั่งถึงวันสิ้นโลก เขาจึงได้เปิดเผยตัวขึ้นอีกครั้ง ริเริ่มทำการโจมตีรัฐบาลกลาง ใช้สุดยอดเทคโนโลยีจัมป์ขนาดยักษ์ส่งมอนสเตอร์เอกภพลงมา โดยตั้งพิกัดปลายทางไว้ที่รัฐบาลกลาง!
การกระทำอันคลุ้มคลั่งนี้คือการแก้แค้น! การแก้แค้นที่เขาเฝ้าวางแผนมันมากว่าสามทศวรรษ! และนั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้กู่ฉิงซานได้รับรู้ถึงที่ซ่อนตัวของเขา
หลังจากกู่ฉิงซานเอ่ยจบ อีกฝ่ายก็เงียบไปสักพัก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยปากออกมาอีกครั้ง “แล้วถ้าฉันตอบปฏิเสธล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?”
กู่ฉิงซานผายมือออกและกล่าว “ผมได้รู้มาว่าคุณได้ทำการติดตั้งกับดักในเครื่องจัมป์เอาไว้มากมาย เพื่อใช้ส่งพวกมันโจมตีไปยังสถานที่ต่างๆ”
“แต่คุณเคยสงสัยไหมว่า ด้วยแผนการอันน่าสังเวชนี้ของคุณ มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะใช้เผชิญหน้ากับรัฐบาลกลาง ไม่เพียงพอที่จะทำให้ทั่วทั้งรัฐบาลกลางหันมาสนใจด้วยซ้ำ”
“ทว่า…หากคุณอยากจะให้ทุกผู้คนในรัฐบาลกลางต้องตื่นตะลึงแล้วล่ะก็ ผมสามารถช่วยคุณได้”
“หืม? นี่แกกำลังจะบอกว่าตัวเองสามารถเป็นตัวแทนของรัฐบาลกลางได้อย่างงั้นเหรอ?” ปลายสายเอ่ยเย้ยหยัน
“เขาสามารถเป็นตัวแทนของรัฐบาลกลางได้” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว
“นั่นเสียงเทพธิดากงเจิ้ง? เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าที่จริงแล้วแกจะเป็นประธานาธิบดี!? ” ปลายสายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ แม้กระทั่งประโยคต่อมาทั้งน้ำเสียงและคำสรรพนามที่เขาใช้เรียกอีกฝ่ายก็ยังแตกต่างไปจากเดิม “น้ำเสียงยังฟังดูหนุ่มอยู่เลย รัฐบาลกลางไม่มีทางเลือกคนอายุเท่านี้มาเป็นประธานาธิบดีแน่ แต่น่าแปลก ตามตรรกะของเทพธิดากงเจิ้ง ผู้ที่จะสามารถเป็นตัวแทนของรัฐบาลกลางได้มีเพียงประธานาธิบดีเท่านั้น”
“นี่มันช่างฟังดูขัดแย้งโดยสิ้นเชิง”
และน้ำเสียงจากปลายสายก็เงียบไป เห็นได้ชัดว่าเขากำลังครุ่นคิดอยู่
“กล่าวได้ว่าตัวเธอคงไม่ใช่ประธานาธิบดี แต่ได้รับอำนาจสูงสุดจากรัฐบาลกลางมาครอบครองใช่หรือไม่?”
นี่คือข้อสรุปที่ถูกต้องที่สุดที่เขาคิดได้
“วิเศษไปเลย!” น้ำเสียงจากปลายสายเผยถึงความตื่นเต้น “ในอดีตที่ผ่านมา ฉันได้เคยพยายามที่จะเป็นเหมือนกับเธอมาแล้วทุกวิถีทาง แต่ในตอนนั้นดูเหมือนว่าฉันจะใช้วิธีที่มันรุนแรงเกินไป ข่มขู่วางระเบิดเอย พยายามแฮคเทพธิดาเอย แต่น่าเสียดายที่ระบบไฟร์วอลล์ของเทพธิดากงเจิ้งมีมากถึงสามสิบชั้น ประจวบกับเวลาที่มีไม่มากพอ ฉันเลยไม่สามารถเจาะเข้าไปได้”
“น่าประทับใจอย่างแท้จริง! นี่เธอทำแบบนี้ได้อย่างไร” น้ำเสียงแข็งกร้าวของเขาแผ่วเบาลงและดูสนิทสนมยิ่งขึ้น
“คุณไม่จำเป็นต้องสนใจเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก ตอนนี้พวกเรามาพูดคุยเรื่องธุรกิจกันจะดีกว่า” กู่ฉิงซานกล่าว
“ก็ได้ๆ เธอต้องการเทคโนโลยีจัมป์ของฉันเพื่อนำไปรับมือกับผีดิบนักฆ่าและอสูรแห่งท้องทะเลใช่ไหม?”
“ใช่แล้ว”
“พวกอาวุธร้อนมันไม่ได้ผลงั้นหรือ?”
*อาวุธร้อนหมายถึงอาวุธสมัยใหม่ อาวุธเย็นหมายถึงอาวุธสมัยเก่า
“ดูเหมือนว่าคุณจะคอยติดตามข่าวสารอยู่เสมอเลยสินะ”
ปลายสายไม่ตอบ แต่เอ่ยถามออกมาแทน “ฉันคงต้องขอย้ำเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง...เจ้าหนู เธอคงไม่ใช่คนจากเก้าตระกูลใหญ่ใช่ไหม”
“แล้วคุณคิดว่าอย่างไรล่ะ”
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นมิสเตอร์เหลียว คำตอบของคุณคืออะไร?”
“ฉันคงต้องขอดูความจริงใจของเธอก่อนเป็นอันดับแรก”
“ความจริงใจของผม?” กู่ฉิงซานยิ้มและกล่าว “ผมสามารถใช้อาวุธชีวภาพเพื่อล้างบางทุกสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนยานอวกาศลำน้อยของคุณ จากนั้นค่อยไปค้นหาผลงานวิจัยของทางวิทยาศาสตร์ของคุณเลยโดยตรงก็ได้”
“แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น ผมกลับเลือกที่จะมาพูดกับคุณก่อน นี่เพียงพอจะแสดงถึงความจริงใจหรือเปล่า?”
“นับว่าโชคยังดีที่เธอไม่ทำเช่นนั้น” ปลายสายกล่าว “เพราะฉันได้ทำการติดตั้งเครื่องไบโอเซนเซอร์ไว้ใกล้กับหัวใจ นั่นหมายความว่าถ้าฉันตายลงเมื่อไหร่ ยานอวกาศทั้งลำก็จะระเบิด”
“ความจริงใจอื่นๆ ก็คงจะเป็น” กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ผมได้รู้มาว่าคุณกำลังจะทำการสกัดมอนสเตอร์เอกภพและส่งพวกมันลงมายังรัฐบาลกลางผ่านเทคโนโลยีจัมป์ระหว่างดวงดาว แต่ก็ยังไม่คิดจะเข้าไปยุ่มย่ามอะไร”
“ให้ตายเถอะ! นี่เธอรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน!” อีกฝ่ายกรีดร้องด้วยความตกใจ
“ความจริงใจของผมยังมีอีกนะ ถ้าหากข่าวที่ว่าคุณยังคงมีชีวิตอยู่ได้รับการเผยแพร่ออกไป คิดว่าคุณจะเหลือเวลาใช้ชีวิตอยู่อีกสักเท่าไหร่กัน”
“โอเคๆ ฉันยอมแพ้ ให้ตายสิ ฉันสัญญาว่าจะช่วยก็ได้ แต่มีเงื่อนไข…”
“เชิญกล่าว”
“ฉันอยากที่จะกลับไป”
กู่ฉิงซานได้ฟังก็ชะงักงัน
นี่เขาคิดบ้าอะไรอยู่ ทำไมจู่ๆ ถึงคิดอยากกลับมาอย่างกะทันหัน?
ถ้าหากถูกเก้าตระกูลใหญ่พบเจอ เขาจะไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะหลบหนีด้วยซ้ำ
ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกล่าวโดยไม่รีรอฟังคำตอบของกู่ฉิงซานด้วยความกังวลเล็กน้อย
“เจ้าหนู เธอเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดไม่ใช่หรือ เธอต้องช่วยฉันนะ”
“ภายนอกอวกาศบัดซบนี้ มันไม่สบายเอาเสียเลย ยา อุปกรณ์ ฯลฯ ที่ใช้คุมกำเนิดหรืออะไรทำนองนั้นก็ไม่มี เธอต้องช่วยฉันนะ ตอนนี้ประชากรบนยานอวกาศของฉันมีจำนวนเยอะจนแทบจะล้นอยู่แล้ว ระบบหมุนเวียนสิ่งยังชีพภายในยานเริ่มจะรองรับการทำงานได้ไม่เพียงพอแล้ว”
ทันทีที่คำกล่าวนี้หลุดออกมา เรื่องร้องเรียนอีกมากมายก็ถูกร่ายยาวเป็นกระพรวน
“เรื่องอะไรเทือกนี้น่ะคนหนุ่มๆ อย่างเธอไม่มีทางเข้าใจหรอก ประชากรยิ่งเยอะ พลังงานสำรองในยานอวกาศก็ยิ่งถูกใช้มากขึ้น แรงกดดันที่ฉันได้รับมันค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนเกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว”
“บ้าที่สุด! เธอต้องให้ฉันกลับไป จากนั้นก็เอาเงินมา เอาเด็กสาวๆ มาด้วย ผู้หญิงที่นี่แก่หง่อมกันหมดแล้ว ฉันอยากจะจิบไวน์รสเลิศพลางพูดคุยแล้วก็จ้ำจี้กับพวกเด็กสาวๆ!”
กู่ฉิงซานตกตะลึงอยู่นาน ก่อนจะกล่าวออกไปอย่างแข็งทื่อว่า “ส่งมอบงานวิจัยเทคโนโลยีทั้งหมดของคุณมา หลังจากนั้นคุณก็สามารถกลับมาได้”
“ได้! ส่วนทางเธอก็ต้องส่งเรือรบไร้คนขับขนาดเล็ก ไม่ได้สิ อย่างน้อยก็ต้องระดับกลางเพราะทางฝั่งฉันมีคนตั้งมากมาย”
“มิสเตอร์เหลียว ผมจะจัดการให้คุณในทันที โปรดอดทนรอก่อน”
กู่ฉิงซานยกเลิกการเชื่อมต่อ
“ฉันมีหนึ่งคำถาม” เขากล่าว
“ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติเชิญกล่าว” เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดูเหมือนจะแฝงไว้ซึ่งร่องรอยแห่งความสุข
“สรุปว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องจริงๆ ใช่ไหม วันเวลาล่วงเลยผ่านมาจนกระทั่งถึงตอนนี้แล้ว เขาก็ยังคงใฝ่ฝันว่าตนนั้นเป็นจ้าวโลก และครอบครองผู้หญิงทุกคนเพื่อที่จะได้เล่นจ้ำจี้กับพวกเธอ”
“แม้แต่เก้าตระกูลใหญ่ก็ยังเกรงกลัวงานวิจัยเทคโนโลยีและความบ้าของเขา”
“ฟังนะเทพธิดากงเจิ้ง ทันทีที่เขาถูกส่งตัวกลับมา อย่าปล่อยให้เขาสัมผัส หรือได้รับการติดต่อกับเทคโนโลยีหลักใดๆ เป็นอันขาด จับตัวเขาแล้วทำการปลูกฝังระเบิดนาโนทันที จากนั้นก็ทำการเปลี่ยนแปลงลักษณะในระดับพันธุกรรมเชิงลึกให้เขาอีกครั้ง”
“ให้เขามีตัวตนใหม่ สถานะใหม่ และต้องปฏิบัติตามฉัน พบเจอกับฉันได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องผู้หญิงและเด็กๆ ของเขา จะไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับใครก็ตามที่เคยรู้จัก แต่ต้องไม่กีดกันสิทธิเสรีภาพจนเกินไป ให้พวกเขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี”
“ทำการบันทึกคำสั่งเรียบร้อยแล้ว”
กู่ฉิงซานถอนหายใจและกล่าว “นี่มันเหมือนกับกำลังคว้าจับระเบิดเวลาเอาไว้กับตัวแท้ๆ ถ้าสถานการณ์มันไม่เลวร้ายขนาดนี้ ฉันคงไม่มีทางที่จะคิดร้องขอให้เขาช่วย”
กู่ฉิงซานออกจากห้อง ก่อนจะอธิบายกับนายทหารและเหล่ามืออาชีพว่าจำเป็นต้องทำภารกิจเก็บรวบรวมซากผีดิบอีกวัน
เหล่ามืออาชีพแน่นอนว่าย่อมต้องตอบรับ
หลังจากที่กู่ฉิงซานได้จากไป หวังหยานก็หันไปมองจ้าวโหยวบาง
จ้าวโหยวบางกล่าวอย่างขมขื่น “ฉันมันงี่เง่าจริงๆ ที่เคยคิดว่าเพียงคนตัวฉันก็เพียงพอที่จะสามารถเอาชนะเขาได้”
“ซุนหมิงก็โง่เง่าไม่ต่างกัน ถูกช่วยชีวิตเอาไว้ยังไม่รู้ตัวอีก มันยังโกรธจนแทบบ้าอยู่เลยในห้องขัง ไว้เดี๋ยวฉันจะไปเตะตูดมันพร้อมกับเล่าสถานการณ์ให้ฟังเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อเร็วๆ นี้”
เหล่ามืออาชีพและนายทหารหันมามองหน้ากัน
หวังหยานส่ายหัว บ่นพึมพำ “ฉันเองพึ่งจะรู้เหมือนกัน ไม่คาดคิดเลยว่านักวิทยาศาสตร์ที่ทางรัฐบาลกลางส่งมาจะร้ายกาจขนาดนี้”
กู่ฉิงซานกลับมาที่ห้อง
เมื่อประตูปิดลง เทพธิดากงเจิ้งก็กล่าวทันทีว่า “การต่อสู้ระหว่างเทพนักสู้กับผีดิบนักฆ่าที่เราพึ่งเจอในครั้งก่อนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติต้องการใช้งานดาวเทียมเพื่อรับชมการต่อสู้หรือไม่”
“ไม่ล่ะ ฉันมีสิ่งสำคัญยิ่งกว่าที่ต้องทำในตอนนี้”
กู่ฉิงซานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “เริ่มจากทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสติปัญญาของผีดิบนักฆ่า จากนั้นก็แบ่งระดับความอันตรายของพวกมัน”
“รับทราบแล้ว หากจำแนกตามระดับความอันตราย ผีดิบนักฆ่าที่หลบหนีไปครั้งก่อน ขณะนี้จัดว่าอยู่ในระดับสูงสุด”
“ตามข้อมูลการวิเคราะห์ที่ได้รวบรวมมา ผีดิบนักฆ่าที่นับว่าเป็นภัยคุกคามใกล้เคียงกับเขา โดยสิ้นเชิงแล้วมีทั้งหมดสามตน”
ภาพบนจอม่านแสงได้ปรากฏขึ้น
ภายในเมือง ภูเขาเนื้อยักษ์กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ
คิ้วของกู่ฉิงซานขมวดมุ่น จับจ้องไปยังภูเขาเนื้อยักษ์
บนภูเขา เห็นแค่เพียงซากศพของมนุษย์ที่ถูกยัดๆ และซ้อนทับกันแน่น ร่างของพวกเขาถูกบิดเป็นเกลียววางเรียงๆ กันเป็นขั้นบันได
ขั้นบันไดที่ถูกสร้างขึ้นโดยร่างกายของมนุษย์นี้ ปูพรมตรงไปยังส่วนบนของภูเขาเนื้อ
ตรงส่วนบน ปรากฏผีดิบนักฆ่าตัวอ้วนกำลังนั่งอยู่บนปลายยอด สองมือของมันกำลังฉีกซากมนุษย์ป้อนเป็นอาหารให้แก่ผีดิบกินคนสองตน
และผีดิบกินคนทั้งสองตนที่ว่านี้ พวกมันเป็นถึงผีดิบชั้นยอด!
ทว่าบัดนี้ พวกมันกลับมีสถานะเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงของผีดิบนักฆ่าตัวอ้วนเท่านั้น
และที่สำคัญก็คือ ทั่วทั้งบนภูเขาก้อนเนื้อ กลับเต็มไปด้วย ‘สัตว์เลี้ยง’ ของมันปรากฏตัวอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
“ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ ผีดิบกินคนที่กระจัดกระจายตัวอยู่ทั่วบริเวณส่วนบนของภูเขาเนื้อลูกนี้ แต่ละตัวมีลักษณะแตกต่างกันไปค่อนข้างชัดเจน คุณคิดว่าผีดิบกินคนพวกนี้จะสามารถกลายพันธุ์ได้หรือไม่?” เทพธิดากงเจิ้งเอ่ยถาม
“ไม่หรอก” กู่ฉิงซานกล่าว “สิ่งมีชีวิตที่ถูกเปลี่ยนเป็นผีดิบกินคนจะไม่มีทางกลายพันธุ์ได้ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงสามารถเติบโตขึ้นได้ แข็งแกร่งขึ้นได้เช่นเดียวกันกับมนุษย์ ประมาณว่าจากวัยเด็กเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ขึ้นอยู่กับโภชนาการที่ได้รับ”
“เข้าใจแล้ว”
“เจ้าผีนักฆ่าตัวอ้วนนั่นจะต้องมีจิตสำนึก ความรู้สึกของมนุษย์ในด้านการเลี้ยงสัตว์อย่างเช่นสุนัข หลงเหลืออยู่แน่ๆ…” กู่ฉิงซานพึมพำ “แล้วตัวต่อไปล่ะ”
ภาพบนจอม่านแสงถูกสับเปลี่ยนทันที
นี่คือเมือง
เห็นได้ชัดว่าเป็นเมืองที่คึกคักจอแจ บนถนนเต็มไปด้วยร่างกายที่วูบไหว
พวกเขายืนอยู่นิ่งๆ ในสถานที่เดียวกัน ราวกับกำลังเฝ้ารอสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่
ไม่นานนัก
ผีดิบกินคนกว่าสิบตนก็กำลังลากรถเลื่อนเข้ามาอย่างช้าๆ ทุกหนแห่งที่รถเลื่อนเคลื่อนผ่าน ผีดิบนักฆ่าจะรีบคุกเข่าลงอย่างรวดเร็ว โขกหัวลงกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง
บนรถเลื่อนบรรทุกชิ้นเนื้อขนาดใหญ่
ชิ้นเนื้อก้อนนี้ไม่มีแขนขาหรือโครงหน้า แต่มันกลับสามารถยืดหดใบมีดเนื้ออันแหลมคมได้ มันยืดออกไปรวบรวมผีดิบนักฆ่าที่คุกเข่าอยู่โดยรอบแล้วกระชากพวกมันขึ้นมา
ผีดิบนักฆ่าทั้งหมดถูกลากจมหายเข้าไปในก้อนเนื้อ และไม่อาจพบเห็นร่องรอยของพวกมันได้อีกเลย
ตลอดทั้งกระบวนการดังกล่าวนี้ ผีดิบนักฆ่ามิได้กรีดร้องหรือต่อต้านใดๆ
และวิดีโอภาพก็ได้สิ้นสุดลง ณ จุดนี้
“มันคือผีดิบนักฆ่ากลายพันธุ์ขั้นสูง” กู่ฉิงซานกล่าว “ภัยคุกคามของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี หากคุณยังคงปล่อยให้มันเติบโตขึ้น ถึงเวลานั้นมันจะเป็นตัวที่รับมือยากยิ่งกว่าผีดิบนักฆ่าตนอื่นๆ”
“คุณยังต้องการที่จะดูไฟล์ข้อมูลของผีดิบนักฆ่าตัวที่สามหรือไม่?” เทพธิดาเอ่ยถาม
“ดูสิ” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
ในชีวิตก่อนหน้า ผีดิบนักฆ่าได้ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่มีการแจ้งเตือนใดๆ ไม่มีใครรู้ตัว ส่งผลให้ภายใต้การรับมือป้องกันมัน มนุษยชาติจึงได้สูญเสียไปเป็นจำนวนมหาศาล
ผีดิบนักฆ่าไม่เพียงกลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว แต่มันยังทรงพลังมากเกินไปอีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะว่ามนุษย์สามารถเข้าไปในเกมและอัปเลเวลของตัวเองได้อย่างรวดเร็วจนทันกับอัตราการกลายพันธุ์ของผีดิบนักฆ่าแล้วล่ะก็ พวกเราทั้งหมดคงสูญพันธุ์โดยฝีมือของพวกมันไปแล้ว
แต่ในโลกนี้ กู่ฉิงซานได้เร่งแจ้งเตือนแก่เทพธิดากงเจิ้งในทันทีที่รู้ตัว จึงถือได้ว่าจุดเริ่มต้นของวันสิ้นโลกอย่างน้อยก็ดีกว่าในครั้งแรก
ทว่า ในโลกใบนี้ ตัวเกมยังไม่ปรากฏขึ้น สถานการณ์ยังคงอยู่ใช่สภาวะอันตราย และนับจากนี้ไปก็คงจะอันตรายยิ่งขึ้น
ชะตากรรมของมนุษยชาติช่างอยู่ในสภาวะล่อแหลมนัก แท้จริงแล้วพวกเราสมควรจะมุ่งไปยังทิศทางใดกันแน่?
กู่ฉิงซานขบคิดอยู่ท่ามกลางความเงียบ
จอม่านแสงสับเปลี่ยนภาพไปอีกครั้ง
คราวนี้ เป็นร่างของผีดิบที่กำลังลากโครงกระดูกและชิ้นเนื้อที่ติดกันเป็นก้อน เดินกะโผลกกะเผลกหายเข้าไปในป่าทึบที่ไร้ผู้คน
ตามร่างกายของมัน จะส่งหมอกสีเหลืองอ่อนออกมาตลอดเวลา ทุกสถานที่ๆ มันก้าวผ่าน พื้นดินจะกลายเป็นแห้งแล้งและรกร้าง
“ผีดิบนักฆ่าตัวนี้ถูกพบเจอเป็นตัวแรก มันได้รับบาดเจ็บบริเวณส่วนหัว หลังจากที่หลบหนีจากการต่อสู้ไปได้” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว
กู่ฉิงซานจ้องมองไปยังหมอกสีเหลืองบนตัวของมัน เอ่ยเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ “มันคือกาฬโรค”
“ถูกต้อง ทว่านี่มิใช่กาฬโรคธรรมดาๆ เชื้อไวรัสของมันสามารถกลายพันธุ์ได้ตลอดเวลา เมื่อเย็นวานนี้ในช่วงเวลา 7.38 ที่ผ่านมา ยาต้านไวรัสกาฬโรคก็ไม่อาจยับยั้งเชื้อของมันได้อีกต่อไป”
“เหล่ามืออาชีพที่ถูกส่งไปจัดการมัน ไม่สามารถเข้าถึงตัวมันได้ หากก้าวเข้าสู่ในระยะสามสิบพวกเขาจะติดเชื้อถึงตาย”
“แล้วทหารระดับนายพลล่ะ ได้ส่งพวกเขาออกไปหรือยัง?”
“เนื่องเพราะหากเกิดอุบัติเหตุผิดพลาดใดๆ ขึ้นมา มันจะไม่สามารถกู้คืนชีวิตได้ ดังนั้นนายพลของทั้งสามเหล่าทัพจึงยังไม่ได้ถูกส่งมอบภารกิจนี้ให้”
“มณฑลไป่ซานับว่าเป็นหนึ่งในมณฑลที่ตกอยู่ในสภาวะเลวร้ายที่สุดในรัฐบาลกลาง เนื่องจากสองผีดิบนักฆ่าที่ทรงพลังที่สุดถึงสองตน ได้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่”
“ในบรรดาพลเรือนทั้งหมดในมณฑลไป่ซา กว่า 77.91825% เสียชีวิตจากการถูกโรคระบาดของผีดิบนักฆ่ารายนี้”
“หมายเหตุเพิ่มเติม ในการต่อสู้ที่ถูกบันทึกเอาไว้ ผีดิบนักฆ่าที่พวกเราพึ่งต่อสู้กับมันเมื่อครู่ มิได้หวาดกลัวเชื้อโรคระบาดของอีกฝ่าย”
กู่ฉิงซานได้ยินจึงเอ่ยถาม “นอกเหนือไปจากสถานที่ตั้งของสามผีดิบนักฆ่าพวกนี้ แล้วสถานการณ์ในมณฑลอื่นๆ ล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง?”
“สถานการณ์อยู่ในสภาวะค่อนข้างดี หุ่นรบได้กระจายตัวไปตามจุดต่างๆ และพลเรือนจำนวนมากก็ได้รับการช่วยเหลือมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะนี้ทางกองทัพและเหล่ามืออาชีพกำลังทุ่มยืดคืนพื้นที่คืนมาทีละส่วน ทีละส่วนหลังจากเกิดภัยพิบัติ”
“แล้วทางด้านประเทศอื่นๆ ล่ะ?”
“ผลจากการที่คณได้ทำการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้ฉันได้ทำการส่งข้อความแจ้งเตือนไปยังประเทศต่างๆ ได้อย่างฉับไว พวกเขาทุ่มเต็มกำลังเพื่อทำการควบคุมสถานการณ์ และยังไม่มีประเทศใดส่งสัญญาณมาว่าได้สูญเสียการควบคุมไปแล้วโดยสมบูรณ์”
“ทว่าอย่างไรเสีย พวกเขาทั้งหมดต่างก็มีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าจะทำการร้องขอให้รัฐบาลกลาง เป็นผู้นำในการช่วยเหลือและวิเคราะห์กลยุทธ์ที่สอดคล้องและเหมาะสม”
กู่ฉิงซานถูจมูก ฝืนยิ้มออกมา “นี่เป็นข่าวดีที่สุด ที่ฉันเคยได้ยินมาเลย”
.........................................