webnovel

0089 ผสมสุรา

ตอนที่ 89 ผสมสุรา

 หลังจากที่ยื่นจอกคารวะทักทายจนครบทั้งสามรอบแล้ว บรรยากาศก็เริ่มที่จะมีชีวิตชีวา

 ทันใดนั้นกู่ฉิงซานก็ยกสุราสองสามขวดขึ้นมาและเอ่ยปากว่า “แม้รสชาติจะไม่ยอดเยี่ยมเทียบเท่า แต่ครั้งหนึ่งข้าก็เคยดื่มสุราเหล่านี้มาก่อน และไหนๆ พวกมันได้มาวางเรียงรายกันอยู่พร้อมหน้าแบบนี้แล้ว เช่นนี้ก็สมควร… ”

 มือของเขาเริ่มวูบไหวอย่างรวดเร็ว ผสมผสานสุราหลายชนิดเข้าด้วยกันและรินเป็นสามจอก

 กู่ฉิงซานกระดกจอกของตนเพื่อลิ้มรสของมันเบาๆ

 “พรวด! รสชาติแปลกไปนิด ดูเหมือนว่ายังขาดอะไรไปอีกอย่าง”

 ระหว่างกล่าว เขาก็หยิบสุราขึ้นมาอีกขวด และเทมันลงไป จากนั้นก็แกว่งจอกไปมาเบาๆ เพื่อผสานให้มันกลมกลืนกับสุราอื่นๆ ในจอก

 กู่ฉิงซานยกมันขึ้นมาจิบอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าและเตรียมทำแบบเดียวกันกับอีกสองจอก

 “ศิษย์พี่ท่านลองลิ้มมันดูสิ” เขากล่าวแนะนำ

 ฉินเซี่ยวโหลวชะงักไป ก่อนหน้านี้เขาก็เฝ้ามองกู่ฉิงซานอยู่ทุกกระบวนการ  “ศิษย์น้อง เจ้าผสานสุราหลากชนิดเข้าด้วยกัน รสชาติมันจะไม่ตีกันจนยุ่งเหยิงหรอกหรือ?”

 “บางครั้งรสที่ยุ่งเหยิงก็อาจจะออกมาดีก็ได้นะ” กู่ฉิงซานพยักหน้าและยื่นจอกไปให้อีกฝ่าย “เชิญลิ้มรสมัน”

 ฉินเซี่ยวโหลวเหล่สายตาลงบนจอก เขาลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าว “ศิษย์น้องก่อนหน้านี้เจ้า”

 “ก่อนหน้านี้ข้าเคยทำสุรามาก่อน” กู่ฉิงซานกล่าว

 ในที่สุดฉินเซี่ยวโหลวก็รวบรวมความกล้าและรับจอกนั้นมาจิบไปอึกหนึ่ง

 ทว่าหลังจากนั้น เขาก็ไม่รีรอ รีบยกกระดกมันจนหมดแก้ว

 “ศิษย์น้อง ดูเหมือนว่าเราสองจะเป็นคนประเภทเดียวกันสินะ ประเภทที่ไม่ว่าปรุงสิ่งใดก็เลิศรสน่ะ”

 ฉินเซี่ยวโหลวมองไปยังกู่ฉิงซานด้วยแววตาอบอุ่นขึ้นหนึ่งส่วน

 เขายื่นมือออกไปยังอีกจอกที่ยังเหลือ

 “ตบมือแตก!” ห่านขาวเหยียดปีกออก ตบลงบนหลังมืออีกฝ่าย “จอกนี้ของข้า”

 ห่านขาวอ้าปากและเทสุราทั้งหมดลงในปากของมัน

 “เอิ๊ก รสสัมผัสไม่เลว มา ข้าขออีกจอก” มันตะโกน

 “ข้าก็ขอด้วยคน” ฉินเซี่ยวโหลวรีบกล่าว

 กู่ฉิงซานเริ่มผสมมันอีกครั้ง ทั้งสามจอกจะยกขึ้นชนกัน และยกจนหมดจอก

 “อีกแก้ว” ห่านขาวกล่าว

 “งั้นคราวนี้ข้าจะลองผสมมันด้วยสูตรอื่น โปรดรอสักครู่” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 บาร์เทนเดอร์ต่างโลกได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!

 ห่านขาวและฉินเซี่ยวโหลวเฝ้ามองดูอย่างใจจดใจจ่อ

 ส่วนซิวซิวก็เอาแต่ก้มหน้าจิกน่องไก่ของเธอต่อไป ไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมีส่วมร่วม

 หนึ่งส่วนสี่ชั่วยามต่อมา

 ดวงตาของฉินเซี่ยวโหลวพร่ามัวด้วยฤทธิ์สุรา เขากอดคอกู่ฉิงซานพลางกล่าวด้วยเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว “ศิษย์น้อง ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้นะ ความจริงแล้วน่ะ ในช่วงหลายปีมานี้ ท่านอาจารย์ได้ทำสิ่งที่พลาดพลั้งมามากมาย แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้ การที่นางเลือกจะรับเจ้าเข้ามาจะไม่ใช่ความคิดที่ผิด”

 ห่านขาวได้ฟัง สองตาของมันก็หรี่ลง แต่ก็ยังคงเลือกที่จะดื่มสุราต่อไปอย่างสงบ

 กู่ฉิงซาน ทำได้เพียงรู้สึกเห็นใจฉินเซี่ยวโหลวอย่างเงียบๆ…ก็เล่นนินทาต่อหน้าซะขนาดนี้อะนะ

 “ข้ามีเทคนิคเต๋าที่จะมอบให้แก่เจ้า เป็นของขวัญแแห่งการพบพานกันครั้งแรก” ฉินเซี่ยวโหลวกล่าว เขาหยิบเอาแผ่นหยกออกมามอบให้กู่ฉิงซาน

 กู่ฉิงซานรับมันมา ขณะเดียวกัน เส้นแสงตัวอักษรก็เด้งขึ้นมาบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม

 “ค้นพบเทคนิคหล่อเลี้ยงพลังวิญญาณจากสุญญากาศ ต้องการหนึ่งแต้มพลังวิญญาณในการเรียนรู้ ท่านต้องการเรียนรู้หรือไม่?”

 “เรียนรู้”

 “จ่ายหนึ่งแต้มพลังวิญญาณ เทคนิคหล่อเลี้ยงพลังวิญญาณจากสุญญากาศ ถูกเรียนรู้แล้ว”

 “แต้มพลังวิญญาณปัจจุบัน หกร้อยห้าสิบส่วนเจ็ด”

 ทว่าในวินาทีต่อมา จู่ๆ แผ่นหยกก็ถูกฉกชิงไปโดยห่านขาว

 “เจ้าไม่สมควรที่จะฝึกฝนมัน” ห่านขาวเก็บปีกไปพร้อมๆ กับแผ่นหยก

 ฉินเซี่ยวโหลวเหลือบสายตาไปมองและกล่าว “แต่นี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในวิธีฝึกฝนพลังวิญญาณ ทำไมเขาถึงไม่สมควรฝึกมันกันล่ะ?”

 ปรากฏรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าของห่านข่าว มันกล่าว “ฝึกฝนพลังวิญญาณ? เจ้าแน่ใจหรือ?”

 เมื่อถูกสายตาเช่นนี้จับจ้อง ฉินเซี่ยวโหลวก็มิกล้าเอ่ยปากออกมาอีก

 กู่ฉิงซานก็ไม่ได้เอ่ยอะไรเช่นกัน เขาเลือกที่จะเงียบ เพราะอย่างไรก็ได้เรียนรู้เทคนิคมนตรานี้ไปเรียบร้อยแล้ว

 แต่เขารู้สึกแปลกใจมาก

 เนื่องเพราะมันเป็นดั่งที่ฉินเซี่ยวโหลวกล่าวจริงๆ นี่เป็นแค่เพียงการเทคนิคฝึกฝนพลังวิญญาณจากภายนอก มันจะแทรกซึมเข้าไปในส่วนต่างๆ ของร่างกายผู้ใช้หรือเป้าหมาย จากนั้นก็จะช่วยเหลือปัดเป่าสิ่งรบกวนต่างๆ ที่จะทำให้เสียสมาธิ ที่สำคัญเทคนิคมนตรานี้ยังช่วยบำรุงร่างกายและให้ความรู้สึกอบอุ่นอีกด้วย

 เทคนิคมนตราที่แม้จะดูสามัญยิ่ง แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับเป็นเลิศ นี่มันไม่ใช่เทคนิคที่คนทั่วไปอาจจินตนาการได้เลย

 หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ไป ทั้งหมดก็เริ่มกลับมาดื่มกันอีกครั้ง

 ในระหว่างที่ทุกคนมัวแต่สนใจอยู่กับการดื่มกิน ความมึนเมาค่อยทยอยพุ่งสูงขึ้น ทันใดนั้นเสียงที่ฟังดูเหนียมอายก็เอ่ยถามออกมา “ข้าสามารถดื่มมันด้วยได้ไหม?”

 ในแววตาของซิวซิวเปล่งประกายด้วยความคาดหวังและอยากรู้อยากเห็น “ข้าอยากจะลองชนจอกให้มีเสียงกริ๊กๆ เหมือนกับพวกศิษย์พี่บ้าง”

 กู่ฉิงซานกับฉินเซี่ยวโหลว หันไปมองห่านขาวอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย

 “ศิษย์พี่ใหญ่ท่านคิดเห็นเช่นไร?” เซี่ยวโหลวถาม

 ห่านขาวส่ายหัว และเอ่ยกับทั้งสอง “ไม่ นางยังไม่สมควรที่จะดื่มมัน แม้บาดแผลภายในจิตวิญญาณเทวะจะถูกฟื้นฟูจนสมบูรณ์แล้ว ทว่าสำหรับเรื้อรังบนกายหยาบยังคงไม่หายดี หากมึนเมาแล้ว เกรงว่าจะเกิดปัญหา”

 ซิวซิวเมื่อเห็นศิษย์พี่ใหญ่ส่ายหัว เธอก็ก้มหน้างุด

 เมื่อเห็นฉากนี้ สองคน หนึ่งห่าน ก็เริ่มบังเกิดความรู้สึกยากจะอธิบายเล็กน้อย

 กู่ฉิงซานขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ซิวซิว ข้าว่าข้ามีบางอย่างที่เจ้าก็พอจะสามารถดื่มมันได้นะ”

 เขาคว้าผลไม้วิญญาณที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะโยนพวกมันขึ้นกลางอากาศแล้วเอ่ยคำหนึ่ง “เทคนิคลับ!”

 พอได้ยินคำว่าเทคนิคลับ ห่านขาวกับฉินเซี่ยวโหลวก็สาดสายตาจับจ้องอย่างเคร่งเครียด พวกเขาถึงขั้นปลดปล่อยจิตสัมผัสเทวะ เพื่อจับสังเกตทุกๆ การกระทำของกู่ฉิงซาน

 เห็นแค่เพียงนิ้วของกู่ฉิงซานผันออกด้วยเทคนิคลับ ตามด้วยปากที่ขยับเปล่งเสียง “น้ำผลไม้คั้น!”

 พลังวิญญาณถูกส่งออกจากร่างกาย ก่อนที่ผลไม้หลากประเภทจะถูกปอกเปลือกออกและเนื้อในถูกบดเป็นมวลยู่ยี่

 น้ำผลไม้คั้นสดๆ พร้อมเสิร์ฟแล้ว

 ในโลกก่อนหน้า นี่คือทักษะขั้นพื้นฐานในชีวิตประจำวันของผู้เล่น พวกเขามักจะใช้มันฝึกฝนเพื่อหัดใช้งานพลังวิญญาณให้คล่อง

 “หากเมื่อครู่กล่าวว่ามันคือการผสมผสานสุรา ปัจจุบันนี้มันคือการผสมผสานระหว่างผลไม้” กู่ฉิงซานยกจอกไปวางลงเบื้องหน้าของซิวซิว “ข้าพอจะจดจำมาได้ว่า หากนำผลไม้เหล่านี้มาคั้นรวมกัน รสชาติมันจะออกมาไม่เลวเลย เจ้าลองชิมดูสิ”

 แววตาของซิวซิวพลันเปล่งประกาย สองมือเล็กๆ คว้าประคองจอก และยกขึ้นจิบ

 และจากนั้นจอกดังกล่าวก็ถูกยกขึ้นจนบดบังใบหน้าของเด็กสาว พร้อมกับเสียงแจ๊บๆ ดังลอดออกมาจากหลังจอก

 เพียงลมหายใจเดียวซิวซิวก็ซดน้ำผลไม้คั้นจนหมด เธอวางจอกลงและกล่าวเสียงดัง “ศิษย์พี่สาม ข้าต้องการจะดื่มมันอีก!”

 กู่ฉิงซานยิ้ม “ไว้ข้าจะสอนเจ้าเอง เจ้าจะได้ปรับแต่งรสชาติของมันได้ดั่งใจนึก”

 อีกด้านหนึ่ง ห่านขาวกับฉินเซี่ยวโหลวก็เริ่มลงมือคั้นน้ำผลไม้ในส่วนของตนเองลงในจอกแล้ว

 นี่มันเป็นแค่เทคนิคมนตราอันแสนง่ายดาย เพียงแค่เห็นพวกเขาก็สามารถทำตามได้ทันที

 ในโลกใบนี้ แม้ทุกผู้คนจะกินผลไม้เป็นชีวิตประจำวัน แต่พวกเขาไม่เคยคั้นมันออกมาเป็นน้ำเพื่อดื่มกินเลย

 ซิวซิวเริ่มเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เธอได้ลองปรับแต่งรสชาติน้ำผลไม้ด้วยตัวเองไปแก้วหนึ่ง ก่อนจะยกจอกยื่นไปยังห่านขาว

 “ข้าประสงค์ขออวยพรให้ศิษย์พี่ใหญ่ครอบครองพลังมนตราอันไร้ขอบเขต”

 ต่อมา เธอก็หันไปมองฉินเซี่ยวโหลว และยื่นจอกไปชนส่งเสียงดังกริ๊ก “ข้าประสงค์ขออวยพรให้ศิษย์พี่สอง เปลี่ยนแปลงเป็นคนที่มีเหตุผล และดูน่าเชื่อถือมากขึ้นในไม่ช้า”

 “นี่ๆ เจ้ากล่าวแบบนี้มันไม่น่าฟังเลยนา” ฉินเซี่ยวโหลวกล่าวอย่างไม่สบายใจ

 ห่านขาวมองไปยังท่าทีตื่นเต้นของซิวซิว มันก็ผงกหัวให้กู่ฉิงซาน ในแววตาเผยให้เห็นรอยยิ้มแห่งความสุข

 ซิวซิวยกจอกไปยังคนสุดท้าย เอ่ยเสียงหวาน “ศิษย์พี่สาม ขอบคุณท่านที่ช่วยสอนเทคนิคมนตราอันยอดเยี่ยมนี้ให้แก่ข้า ยามใดที่ว่างเว้น ขอเชิญท่านมาเล่นกับข้าได้ทุกเมื่อที่วังฉงฮั่วของข้า”

 “ตกลง” กู่ฉิงซานชูจอกรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะชนมันกับจอกของซิวซิวจนเกิดเสียงดังกริ๊ก

 ณ เวลานี้ กู่ฉิงซานรู้สึกดีมากเป็นพิเศษ

 ทั้งอาหาร ผู้มาเยือน และเจ้าภาพ ล้วนตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความสุข

 ฉินเซี่ยวโหลว เรียนรู้วิธีการทำค็อกเทล จากนั้นก็ดื่มทดสอบมันจนเมามายและผล็อยหลับไป

 ด้วยพื้นฐานวรยุทธของเขาที่ไม่สูงมากนัก การดื่มสุราวิญญาณมากเกินไป ทำให้ไม่สามารถบังคับปราณลดฤทธิ์สุราได้จนล้มฟุบไปในที่สุด

 กู่ฉิงซานจำต้องแบกอีกฝ่ายไปโยนลงบนเตียง และเตรียมที่จะกลับไปยังวังของตนเพื่อหาที่ว่างๆนอนเช่นกัน

 ห่านขาวนำซิวซิวที่มีท่าทีว่าจะผล็อยหลับลงได้ทุกเมื่อเดินออกไป ทว่าก่อนออกมันก็เอ่ยออกมา “ศิษย์น้องสาม ค่ำนี้จงพักผ่อนเสีย วันพรุ่งนี้จะนำพาเจ้าไปฝึกฝนวรยุทธ”

 “ขอบคุณท่านมาก ศิษย์พี่ใหญ่” กู่ฉิงซานกล่าว

 เขาไม่ได้เอ่ยถามออกไปว่า แล้วเหตุใดท่านอาจารย์จึงไม่พาเขาไปฝึกฝนด้วยตัวเอง หรือเอ่ยถามเรื่องที่ว่าจะฝึกฝนอะไรออกมาเลย

 ท่าทีและการกระทำเช่นนี้ ส่งผลให้ห่านข่าวค่อนข้างรู้สึกพอใจอีกครั้ง

 “การที่ท่านอาจารย์รับเจ้าเข้ามา...เอิ๊ก” ห่านขาวเรอ “นับว่าเป็นเรื่องที่ไม่ผิดพลาดจริงๆ”

 ว่าจบ ห่านขาวก็นำตัวซิวซิวจากไป

 กู่ฉิงซานยิ้ม เขาเดินกลับไปยังวังหลานเฉาของตนอย่างสงบ คิดตริตรองถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้

 เมื่อรับประทานอาหารมื้อนี้จบลง ก็นับได้ว่าเขาประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมกับนิกายร้อยบุปผาอย่างเป็นทางการแล้ว

 เขาเดินกลับเข้าไปยังวังหลานเฉา และนั่งทิ้งตัวลงเงียบๆ บนฟูก เปิดหน้าต่างสถานะเฝ้าดูนาฬิกาทรายที่เกือบจะร่วงหล่นลงจนหมด เพื่อออกจากเกม

 และไฟหน้าต่างสถานะก็ดับลง พร้อมกับร่างของกู่ฉิงซานได้หายวับไปจากห้องโถงไม่อาจค้นพบร่องรอยใดๆของเขาได้อีกเลย

........................................