webnovel

วีอาร์วีใจ

วันนี้เธอมีนัด เป็นนัดครั้งที่สองในรอบสองปีตั้งแต่รู้จักกับเพื่อนกลุ่มนี้มา แซค หนึ่งในกลุ่มเพื่อน เป็นฝ่ายติดต่อเธอมาก่อนโดยอ้างว่ามี "เรื่องสำคัญ" อยากบอก เธอเองก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบออกจากบ้านมากนัก แต่ด้วยความที่คิดไตร่ตรองมาอย่างดีแล้วว่านานมากแล้วเหมือนกันที่เธอไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนกลุ่มนี้ เธอจึงยอมไป

แซคเป็นเพื่อนออนไลน์ที่เธอพบได้จากการเล่นวีอาร์ครั้งแรกของเธอในฐานะ 'ผู้เล่นอันดับหนึ่ง' ใช่แล้ว… ต่อให้มันจะเป็นการเล่นวีอาร์ครั้งแรกของเธอ แต่ด้วยชีวิตช่วง ม.ปลายปีแรกของเธอนั้นช่างน่าเบื่อ เป็นช่วงที่ต้องเริ่มนึกถึงอนาคตของตัวเองอย่างจริงจัง เธอผู้ซึ่งไม่มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจนจึงติดอยู่ในบ่วงของการ 'ไม่รู้ว่าอยากทำหรือเป็นอะไรในอนาคต' มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้เธอสัมผัสถึงความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ซึ่งก็คือการเล่นเกม

เธอรู้จักกับวีอาร์ได้ไม่นาน ครั้งแรกที่ลองเล่นคือตอนที่เดินเปื่อยๆ อยู่ในห้างแถวๆโรงเรียน ในขณะที่รอรถกลับบ้าน เธอดันไปเจอร้านวีอาร์ที่ตั้งอยู่จึงหลวมตัวเข้าไปลอง เคยไหม ที่เหมือนเวลาจะผ่านไปได้ไม่นานทั้งๆ ที่มันก็ผ่านไปชั่วยาม เวลาที่จดจ่อกับอะไรสักอย่างมากๆ หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้มีชุดเครื่องเล่นวีอาร์ของตัวเองมาครอบครอง และด้วยการที่อดหลับอดนอนเล่นเกมอันดับจึงสูงขึ้นไปโดยปริยายนั่นเอง

สถานที่นัดเจอคือคาเฟ่ในเมือง แซคบอกว่าจะชวนเพื่อนทุกคนที่ติดต่อกันผ่านออนไลน์มาให้ได้ ไม่รู้อะไรเข้าแซคเหมือนกันถึงได้ดูกระตือร้นอยากเจอทุกคนขนาดนั้น เพราะการเป็นเพื่อนออนไลน์น่ะ บางทีแค่เจอกันผ่านจอก็มากพอแล้ว

หลังจากที่นั่งรถไฟฟ้ามาได้เจ็ดสถานีเพื่อมาถึงสถานีจุดหมาย เดินลงมาเลาะไปยังซอยๆหนึ่งก็จะถึงร้านคาเฟ่ที่ว่า ในขณะที่กำลังเดินผ่านซอยซึ่งเป็นตลาดนัด และแล้วเธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อพบว่ามีร้านขายหินตั้งอยู่

"สวัสดีค่า สอบถามได้นะคะ" แม่ค้าเอ่ยทักเมื่อเธอกวาดตามองร้านขณะที่กำลังจะเดินผ่านร้านไป ภายในร้านร้านประกอบไปด้วยโต๊ะสี่ตัวล้อมไว้เป็นสี่เหลี่ยม บนโต๊ะแต่ละโต๊ะมีทั้งเครื่องประดับที่ทำจากหิน เครื่องประดับที่ทำจากแสตนเลทคุณภาพดี กันน้ำ กันเหงื่อ ตั้งอยู่เรียงรายละลานตา การตกแต่งร้านจะแยกโต๊ะเป็นโซนชัดเจน ถ้าเป็นโต๊ะที่วางขายหินเป็นหลักก็จะตกแต่งไปด้วยชั้นไม้ ให้ความรู้สึกขลังและเปี่ยมไปด้วยพลังงานธรรมชาติ โต๊ะที่ขายกำไลแสตนเลทสีต่างๆ จะปูด้วยพรมขนสีขาว ดูไฮโซ เพิ่มราคาให้กับสินค้าเป็นอย่างยิ่ง โต๊ะอีกด้านจะเป็นโซนเครื่องประดับที่ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้ามาในโลกแฟรี่ มีทั้งเครื่องประดับเรซิ่นรูปดอกไม้ใบไม้แห้ง และแหวนรูปร่างแปลกๆ ทั้งมังกรและเพรชแปลกตามากมาย ซึ่งโต๊ะตัวสุดท้ายนั้นก็คือโต๊ะสำหรับแม่ค้านั่งคิดเงินและแพ็คของนั่นเอง

"เอ่อ… พอจะมีหินสีเขียวไหมคะ" ใจจริงเธอก็หวังอย่างมากว่าแม่ค้าจะไม่เรียกตัวเธอไว้ แต่ไหนๆก็โดนแล้วจึงลองหยุดดูสักครู่

"มีจ้าา เอ… เดี๋ยวขอหาก่อนนะ นี่! กรีนอะเวนเจอรีน ช่วยเสริมเรื่องโชค และความรุ่งเรืองจ้ะ" เธอรับกำไลข้อมือหินสีเขียวขุ่นที่แม่ค้ายื่นให้มาไว้ในมือ แล้วยกดูกำไลหินพลิกซ้ายขวาพร้อมพิจารณาไปในตัว

"...พอจะมีแบบจี้ห้อยคอไหมคะ" นั่นเป็นสิ่งที่เธอต้องการอย่างแท้จริง แต่บ้ารึเปล่านะ ทำแบบนี้ก็เหมือนยึดติดอยู่คนเดียวยังไงไม่รู้ เธอได้แต่คิดกับตัวเอง

ไม่นานนักแม่ค้าก็กลับมาพร้อมสร้อยคอหินในมือ เธอรับไปดูอีกรอบ สร้อยคอกรีนอะเวนเจอรีนขนาดเล็กขัดธรรมชาติ ร้อยเป็นจี้ด้วยลวดเงิน พร้อมสร้อยเชือกสีดำ ซึ่งสามารถถอดจี้ไปใส่กับสร้อยเงินได้ ที่จริงแล้ว เธอเป็นคนที่ไม่ค่อยสวมเครื่องประดับเท่าไหร่ แค่กำไลชิ้นเดียวก็เกินพอ แต่มันดีแล้วจริงๆใช่ไหมที่จะลงทุนกับอะไรแบบนี้ หากมองว่ามันเป็นการเลือกซื้อเครื่องประดับปกติ ก็พอได้ แต่ถ้ามันเป็นการสร้างความผูกมัดอีกแบบแทนล่ะ หากมันกลายเป็นว่าคือเธอเองที่ไม่ปล่อยวางกับเรื่องที่ผ่านมาเป็นปีแล้ว เธอจะทำอย่างไร

"ซุปเปอร์ 7 ไหมแก" เธอหันไปมองตามเสียง

"พลังงานดีมากเลยนะตัวนี้ เหมาะกับอินโทรเวิร์ตแบบแกที่สุดเลย" เจ้าของเป็นเสียงลูกค้าหญิงสองคนที่มาเยือนร้านข้างๆเธอ พร้อมพูดคุยเจื้อยแจ้วดังมา

ความเชื่อที่ว่า "หินมีพลังงาน" ถ้าตามความเชื่อแล้วกรีนอะเวนเจอรีน หรือหินที่เธอคาดว่าเป็นหินที่ครูใหญ่มอบให้เธอตอนนั้น เป็นหินแห่งการเชื่อมความสัมพันธ์ ทุกความสัมพันธ์ ทุกการสูญเสีย จะถูกเยียวยาและประกอบใหม่อีกครั้งด้วยความสัมพันธ์ที่ดีกว่าเดิม แล้วทำไมครูใหญ่ต้องมอบหินนี้ให้เธอด้วย? มันเป็นเรื่องบังเอิญสินะที่หลังจากสวมสร้อยคอหินนั้นไป เธอก็ได้พรากจากแอนโทนีทันที "มันจะปกป้องเธอ…" คำพูดในตอนนั้นของครูเล่นวนอยู่ในหัวของเธอชั่วหนึ่งก่อนที่เธอจะตัดสินใจ …สุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่เกม ไม่ว่าเธอจะใช้เวลาไปกับมันมากเท่าไหร่ จะผูกพันอย่างไร แต่สุดท้ายแล้วพอถอดเครื่องวีอาร์ออก โลกแห่งความเป็นจริงก็จะตระหง่านขึ้น

"ขอบคุณนะคะ" เธอถอดใจ หมุนตัวไปจากร้าน กลับเข้าเส้นทางเดิมของเธอ เดินตรงต่อไปอีกสักพักก็ถึงจุดหมายที่นัดกันไว้

กริ๊ง กริ๊ง

เสียงกระดิ่งกระทบเข้ากับประตูกระจกทันทีที่เธอเข้ามาในร้าน ร้านคาเฟ่ตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูแพง เน้นสีขาวดูสะอาดเป็นหลัก บนเพดานแขวนด้วยโคมไฟสีขาวนวลลายสานกันเหมือนสับประรด พื้นปูด้วยกระเบื้องลายไม้สีเทาอ่อน กำแพงเองก็เป็นลายไม้แต่สีอ่อน ให้ความรู้สึกมินิมอล เป็นคาเฟ่ที่เห็นได้ทั่วไป

"เรเวน!" แซค ที่นั่งอยู่บนโต๊ะไม้ด้านในสุดของร้านพร้อมกลุ่มเพื่อนอีกโขยง โบกมือพร้อมส่งรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นถึงความดีใจสุดขีดมาทางเธอ แว๊บนึงเธอก็คิดว่าตัวเองได้เห็นภาพของแซคซ้อนกับหมาโกลเด้นขึ้นมานิดนึง แต่แล้วก็ต้องปัดความคิดนั้นออกไป

"เรเวน" นั่นเป็นชื่อของเธอ ด้วยผมสีดำสนิทที่เหมือนอีกานี้ นอกจากนั้นผมดำของเธอก็เงาตรงพร้อมส่องประกายนิดๆ สง่างามเหมือนดั่งอีกา เหมือนที่เขาพูดกันว่า "คนสวยผมดำ" (Raven-haired beauty)

"แล้วเรื่องสำคัญที่จะบอกคืออะไร?" หลังจากที่โดนลากไปนั่งคุยเอื่อยๆ อย่างมีแต่น้ำไม่มีเนื้อมาได้สักพักแล้วเรเวนจึงตัดสินใจถามแซคขึ้นมา

"คือว่านะ…" แซคทำหน้าอึกอัก

"...?"

"ขอร้องล่ะนะ! ช่วยมาร่วมทีมกับฉันชนะเกมหนึ่งให้ได้ที>□<!" แซคโพล่งออกมา

"อย่าทำท่าเหมือนจะไปขอเขาแต่งงานแบบนั้นสิ" โนอิก ที่โผล่มาจากห้องน้ำด้านหลังพูดขึ้น

"สวัสดีเรเวน" โนอิกหันมาทักทาย เธอยิ้มตอบกลับ โนอิกเป็นเพื่อนออนไลน์ของเธอที่บังเอิญไปรู้จักกับแซคด้วย

"เกมวีอาร์ใหม่น่ะ" โนอิกอธิบายต่อ

"ไม่" เรเวนพูดสวนขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับวีอาร์

"อย่าปฏิเสธเร็วแบบนั้นสิT□T~" แซคโอดครวญ

"ทัวร์นาเมนต์โปรโมทเกมแนววีอาร์ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ของค่ายหน้าใหม่ รางวัลอินเทิร์นกับทางบริษัทแล้วเผลอๆ ได้เข้าไปเป็นผู้เล่นเบต้า ได้เป็นผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเกมวีอาร์ต่อไป นอกจากเงินรางวัลแล้วโอกาสตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่น่าลองดูสักตั้งเพื่อให้ได้มานะ!!!" แซคสาธยายถึงผลประโยชน์ของการชนะเกมครั้งนี้ให้เธอฟัง พร้อมกับท่าทีที่ตื่นเต้นง่ายกับทุกสิ่ง ที่ดูจะกลายเป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของแซคไปแล้วอีกครั้ง

"เรเวน… สิ่งที่เธอเจอตอนนั้นมันก็อาจจะเป็นแค่บัคของเกมก็ได้ ฉันไม่อยากให้เธอจมกับตรงนี้นานนะ" เสียงที่กระตือรือร้นของแซคหงอยลงมาทันทีเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ในฐานะเพื่อน แซคเองก็อยากให้เรเวนคลายข้อกังขาที่สั่งสมมาทั้งหมดเหมือนกัน

"มาทางนี้หน่อยสิ…" โนอิกทำท่าเหนื่อยใจเล็กน้อยหลังจากที่เห็นท่าทางของทั้งสองคนก่อนกล่าว พร้อมเลื่อนรูปภาพใบหนึ่งมาข้างหน้าเธอ

"นี่มัน-" ภาพตรงหน้าทำให้เธอตะลึงไปชั่วขณะ เหมือนทั้งโลกได้หยุดเคลื่อนไหวไปครู่หนึ่ง

"ใช่คนที่เธอตามหาจากเกมรึเปล่า?" โนอิกถามต่อ

"เหมือนมาก…" ภาพของแอนโทนี อย่างน้อยเธอก็คิดว่านี่คือเขาแน่ๆ

โนอิกยื่นกล่องเกมมาให้ 'If You Get To Choose' เธอพินิจชื่อพร้อมฟังแซคเล่าต่อไป

"ตอนแรกก็คิดว่าเป็นรูปหลุดของเกมที่กระจายไปในโลกออนไลน์ปกติ… มันแปลกดี เพราะลักษณะของเขาคล้ายที่เธอบอกมากเลย"

"อย่างน้อยเราก็คิดว่าเราควรมาบอกเธอ"

ทุกๆเรื่องที่เธอได้สัมผัสในวันนั้น ไม่มีเรื่องใดเลยที่ไม่ผิดปกติ หลังจากที่เธอตั้งสติได้แล้วพยายามล็อกอินเข้าอีกรอบ เกมนั้นที่เคยเล่นอยู่นานสองนานก็ได้หายไป เหมือนไม่เคยมีมาก่อน และมากไปกว่านั้น นั่นน่ะเป็นการ "บังคับออกจากเกม" ทั้งๆ ที่ระบบไฟฟ้าของบ้านเธอเองก็ไม่ได้มีปัญหาในช่วงนั้นเลย ปกติแล้วระบบเกมวีอาร์ถ้าไม่ได้มีการอัพเดทอะไร (ซึ่งจะมีการแจ้งเข้ามาก่อนอยู่แล้วตอนล็อกอินเข้าเกมอยู่แล้ว) ก็จะไม่มีทางบังคับให้ผู้เล่นล็อกออกจากเกมกลางคัน

ตกเย็นแล้ว สรุปได้ว่านัดที่มาในวันนี้ก็คือเป็นการมาขายข้อมูลให้กันและกัน โดยเฉพาะกับเธอ อดีตผู้เล่นอันดับหนึ่งที่ขาดการติดต่อไปเป็นปีจนแซคต้องตามแกะจากเบอร์โทรที่เคยส่งของทางไปรษณีย์ให้กันและกัน วันนี้เป็นวันที่มีเรื่องเหนือความคาดหมายมากมาย หากแต่ภายใต้ความสับสนกับที่เกิดขึ้นทั้งหมดมีสิ่งหนึ่งที่เธอตัดสินใจแล้วว่าต้องทำก่อนกลับบ้านในวันนี้

"สวัสดีอีกครั้งค่า" แม่ค่าเสียงที่คุ้นเคยกล่าวทัก

"มารับน้องที่มาดูไว้ก่อนหน้านี้กลับค่ะ"

"ได้จ้า"

เธอตัดสินใจวนกลับไปร้านหินร้านเดิมและในขณะที่รอแม่ค้านำหินใส่ถุงกลับบ้านให้นั้น เรเวนไม่รู้เลยว่าในถุงที่แม่ค้ามอบให้เธอ ได้แอบใส่ เคลียร์ควอตซ์ หินใสขนาดเล็กแถมมาให้ด้วย

เธอไม่รู้เลยว่าเพราะการตัดสินใจนี้จะทำให้เธอต้องเจอเรื่องอะไรบ้าง

และเธอก็ไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เธอหันหลังกลับไป แม่ค้าขายหินคนนั้นก็ได้ทำการพูดตามหลังเธอไปว่า "มันจะต้องมีประโยชน์กับเธอแน่นอน" พร้อมกับยิ้มให้กับเธอที่เดินจากร้านไปเรื่อยๆ

อย่างน้อยความจริงก็ค่อยๆ เริ่มกระจ่างขึ้นมาบ้างแล้ว