พัฒน์กับลินเลือกที่จะไปสำรวจ ที่พักและแล็บที่ถูกปิดของซิกที่ถูกทำเป็นแอนแทร็กซ์เนื่องจากเชื้อแบคทีเรีย พัฒน์กับลินต้องใส่ชุดกันเชื้อโรค เข้าไปในที่วิจัยแห่งนั้น ที่นี่เหมือนที่ที่พัฒน์ เคยทำงาน เหมือนบนเรือ เหมือนในแล็บคอนเทนเนอร์ เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่จะช่วยชีวิต แต่ที่นี่แค่ตรงกันข้าม ที่นี่ทำบางอย่างเพื่อหาทางคร่าชีวิต และสร้างเงินที่นี่เป็นโศกนาฏกรรม ของการเป็นมนุษย์ รอยยิ้มและความหวังของที่นี่คือการปรับพันธุกรรม พัฒน์เสียใจกับการเห็นมนุษย์ใช้ความรู้เพียงเพื่อเติมเต็มตัวเลขในบัญชี เพื่อความมั่งคั่งชั่วคราว มันน่าลำบากใจในการสำรวจที่นี่ พัฒน์ไม่สามารถหาคำจำกัดได้ในพจนานุกรม เขากำลังสงสัยว่ามนุษย์ทำเรื่องต่าง ๆ ไปทำไม
"กริ๊ง ๆ กริ๊ง ๆ" คริสโตเฟอร์ ลูท์โทรมาเข้าโทรศัทพ์มือถือ พัฒน์กดรับ เขาได้ยินแต่เสียงโวยวาย ลินก็ได้ยินไกล ๆ
"โอเค ผมเข้าใจแล้ว ผลเป็นไงจะติดต่ออีกที" พัฒน์ตอบและกดวาง
"ปัญหาใหญ่เหรอ" ลินถามด้วยความเป็นห่วง
พัฒน์ส่ายหน้าตอบ "เขาบอกว่าถ้าโดนฟ้องจากยูเอ็นอีกรอบมันเกินไป ผมต้องทำให้เขารับสารภาพให้ได้" พัฒน์หลับตาครู่หนึ่งหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปในเรือนจำกลาง พัฒน์แง้มเปิดแฟ้มในมือตัวเองก่อนเดินเข้าไป คนข้างในชื่อ 'ซิก' พัฒน์กำลังเดินตรงทางยาว รายล้อมด้วยซี่ลูกกรงส่วนลินอยู่ข้างนอก
ในคุกกรุงปักกิ่ง พัฒน์เดินเข้ามา ในโต๊ะพูดคุย บรรยากาศรอบตัวเขาสงบนิ่ง ถูกควบคุมผ่านผู้ก่อเหตุตรงหน้า
"สวัสดี อิชิอิ ในที่สุดคุณก็มาหาผม"
พัฒน์ตกใจชะงักนิ่งไปครู่ "นายเป็นใคร" เขาถามอย่างใจเย็น
"มันไม่สำคัญว่าเราเป็นใคร สิ่งที่สำคัญคือแผนการของเรา ไม่มีใครสนใจว่าฉันเป็นใครจนกระทั่งฉันใส่หน้ากาก"
"ดูเหมือนนายจะเรียนได้ดีเลยนะ" พัฒน์นึกถึงข้อมูลเอกสารของซิกตรงหน้า
"สำหรับแกหน่ะ"
"นายวางแผนให้ตัวเองถูกจับเหรอ?"
"ถูกต้อง ฉันไม่ได้แคร์เรื่องเงินเสียด้วยซ้ำ ทั้งหมดเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ มนุษย์จะรุ่งเรืองหลังล้มตาย"
"งั้นดีใจด้วยที่นายถูกจับ แผนถัดไปของนายคืออะไร" พัฒน์ถาม
"ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ นี่คือแผนของเรา พวกเราทำงานด้วยกันได้ดีจะตาย ฉันหาตัวโน๊ตแรกของสมการนั้นตั้งนาน พอแกโผล่มาทุกอย่างก็ง่ายขึ้น แกเติมเต็มฉัน แกทำให้ฉันบริบูรณ์" สมการโครงสร้างโปรตีนคือสิ่งที่ซิกตามหา
"ไอ้หัวขวด!! พูดมันสักทีสิวะ!" พัฒน์ระเบิดความไม่พอใจกับคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไร
"สมัยนี้ถ้าอยากให้ผู้คนรับฟัง แค่เดินไปสะกิดไหล่คงไม่พอแล้วต้องเอาค้อนปอนด์ทุบหัว แล้วทีนี้พวกเขาก็จะหันมาสนใจเต็มที่ นี่คือผลงานของเราเพราะเรามีจุดประสงค์เดียวกัน"
"เราไม่มีจุดประสงค์เดียวกัน ฉันไม่อยากคบหานาย"
"ให้ตายสิ ระเบิดอีกสักครั้งสิ ฉันจะบอกแก ไม่มีใครรอดได้หรอก"
พัฒน์สงสัยกับเรื่องที่ทั้งหมดนี้ที่ซิกทำ พัฒน์รู้ว่าการทำเรื่องพวกนี้ยากเกินไปกว่าจะทำคนเดียว
"ไฟนั้นติดแล้ว แกไม่รู้หรอกการเป็นเด็กกำพร้ามันเป็นยังไง กำพร้าที่โตมาบนกองเงินกองทอง จะไปเข้าใจคนแบบพวกฉันได้ยังไง ความโกรธแค้นเข้ากระดูก เราไม่ได้เล่นเบสบอลที่บ้านเด็กกำพร้า ทุกฤดูหนาวมีเด็กตาย ใครอายุถึงวัยอวัยวะจะถูกขาย เงินจะเข้ากองทุนแล้วรัฐจะเข้ามารุมทึ่ง" ซิกส่ายหน้า "แกไม่เคยเข้าใจเลยว่ามันเป็นยังไง โลกนี้ไม่ได้ดีขึ้น มันแค่แสดงให้เห็นด้านที่แย่มากขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือแบบที่เราเคยอยู่ เราอยู่บนความตายและยืนหยัดได้ เราเหมือนกัน"
"ฉันไม่เหมือนนาย" พัฒน์ตะคอกใส่ ตำรวจรีบเข้ามาห้ามพัฒน์ในทันทีพร้อมกันกับที่เขากระชากคอเสื้อซิก ขณะชั่วพริบตานั้นเองซิกเห็นโอกาสปืนที่แนบติดเข็มขัดตำรวจ ซิกรีบหยิบกลับมาไว้กับตัว ปลายปืนชี้มาทางพัฒน์และตำรวจส่ายไปมา ตำรวจอีกคนรีบเตือนซิกให้วางอาวุธด้วยปืนอีกกระบอกที่ชื้ไปทางซิก ซิกตื่นตูมเอียงตัวเข้ากับมุมหลังชิดกำแพง มือประสานกำมือคือลูกศรของท่อรังเพลิงปืนจ่อปลายคางตัวเองใต้ใบหน้าซิก เขากดลั่นไก "ปัง!!!" เสียงกระสุนทะลุใต้ใบหน้าผ่านสมองส่วนหน้า ซิกหลบหนีจากสิ่งที่ตัวเองก่อได้อย่างสมบูรณ์ เขาทิ้งพัฒน์ไว้กับความรู้สึกผิดที่มากขึ้น พัฒน์รู้ว่าสิ่งที่ซิกทำเห็นแก่ตัวอย่างน่าสงสาร โลกไม่เคยให้โอกาสคนแบบเราเติบโตครั้งที่สอง ไม่อยู่ในระบบก็ต้องนอนหลับเหมือนคนหนีปัญหา พัฒน์เข้าใจซิกว่าคนแบบนี้ไม่เคยหนีปัญหา โลกแค่เทความน่าผิดหวังให้พวกเราเยอะเกินไป จนตั้งคำถามว่าเราจะอยู่ที่นี่ไปทำไม ในหลุมลึกของมนุษย์ และการเป็นมนุษย์ที่ไร้ทิศทาง โลกของซิกเหมือนหลุมใต้น้ำที่แสงเข้าไม่ถึง เขาไม่สามารถเข้าใจคนแบบซิกได้ พัฒน์ละทิ้งความเข้าใจออกมาพร้อมเศษเลือดที่กระเซ็นมาที่รองเท้าโดยที่แม้แต่พัฒน์ก็ไม่ได้สังเกต
พัฒน์เดินออกมาจากพื้นที่ห้องสอบปากคำ เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ต่อให้เรารู้ว่าเขาเป็นใครจริง ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนผิดกันแน่ในเรื่องนี้กลุ่มคนที่ทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นหรือคนที่ลงมือทำให้มันเกิด เราไม่เคยขับอาชญกรก่อนที่จะลงมือ แต่เราจับวันหลังจากที่ลงมือ โดยไม่เคยพูดถึงว่าใครบ้างที่สร้างพวกเขา บางทีในเหตุการณ์นี้พัฒน์ก็เลือกที่จะโทษตัวเอง เขาไม่รู้จะรับผิดชอบการกระทำของตัวเองได้ยังไง พัฒน์เคยเห็นแววตาแบบนั้นบนใบหน้าของตัวเอง ในห้องน้ำที่กำลังล้างเลือดของชาติสายตาของคนที่สู้เพื่อทุกอย่างอย่างโดดเดี่ยวคือแววตานั้น รายละเอียดของเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เขาอยากลืม เรื่องนี้ยึดพื้นที่ความทรงจำ เป็นความทรมานต่อการขุดค้นตัวตน
พัฒน์อยู่บริเวณประตูทางออก ลินที่ยืนรออยู่ข้างนอกหลังจากรู้สถานการณ์และเรื่องของพัฒน์ ลินรับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้แต่จะเป็นส่วนน้อยในเหตุการณ์วันนี้ของพัฒน์
"ผมทำอะไรลงไป" พัฒน์สงสัยในตัวเอง
"แกพยายามทำเรื่องดี มันแค่มีผลกระทบ" ลินสังเกตหน้าพัฒน์ "แกเป็นคนดีกว่านั้น" ลินพูด
"ขอโทษที่ทำพี่ผิดหวังอยู่เรื่อย" พัฒน์บอกลิน
"ไปเดินเล่นกันมั้ย" ลินชวนก่อนนิ่งคิด "แกไม่ได้เป็นหนี้คนพวกนี้ แกให้พวกเขาทุกอย่างแล้ว"
"ยังไม่ทุกอย่าง ยังไม่ใช่" พัฒน์ตอบลินและหันหลังขึ้นรถยนต์
พัฒน์เลือกที่จะขึ้นรถยนต์คนละคนกับลินให้เธอกลับก่อน พัฒน์กำลังนั่งรถที่เรียกรถยนต์จ้างส่วนตัว และกลับโรงแรม เขานึกถึงซิก ซิกเป็นตัวแทนของเลือดเนื้อและคนด้อยโอกาสกว่าตัวพัฒน์เอง
เครื่องยนต์ทำให้ล้อหมุน เป้าหมายทำให้คนขับรู้ทิศทาง พัฒน์บอกตำแหน่งที่จะไปเป็นภาษาจีน คนขับเหยียบคันเร่งและปรับพวงมาลัยทุกครั้งที่เจอแยก แต่พฤติกรรมของคนขับเกิดขึ้นจากแรงจูงใจจากเงิน และความคาดหวังในเงินที่พัฒน์มีอยู่ในกระเป๋า พัฒน์อยู่ระหว่างการไปถึงเป้าหมาย เขารับรู้มาตลอดว่าเงินทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้นได้ โลกของซิกอาจจะไม่เคยพูดถึงเงินเสียด้วยซ้ำเกิดและโตจากนรกบนดิน เขาคิดเรื่องพวกนี้ระหว่างมองเมฆสีครึ้ม กับฝนตกที่เกาะหน้าต่าง กระจกสะท้อนภาพบนถนนในปักกิ่งกับเมืองที่กำลังเปียกจากการร้องไห้ของท้องฟ้าพัฒน์ยังชอบสังเกตวัฏจักรของชั้นบรรยากาศ
"มาท่องเที่ยวเหรอ พ่อหนุ่ม" ชายแก่คนขับคิดว่าพัฒน์เป็นคนจีน
"งานวิชาการมากกว่า น้ามีที่เที่ยวแนะนำมั้ยครับ"
"มี มี มีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หรือสนามกีฬาอยู่ คุณอยากเที่ยวแบบไหนหล่ะ"
"มีห้องสมุดมั้ย?" พัฒน์ถาม
ชายขับแท็กซี่พยักหน้าที่จะตอบ และกำลังจะเอ่ยถึงที่จะพาพัฒน์ไป แต่ประกายสีเหลืองส้มถูกจุดขึ้นจากเหนือเพลาล้อหลังด้านขวาในขณะที่รถยนต์พุ่งไปข้างหน้า "บรึ้ม!!" กล่องเหล็กกำลังเอียงจากแรงระเบิดและกำลังคว่ำ ท้องรถยนต์หงายขึ้นชี้ฟ้า พัฒน์เอียงตัวถ่ายเทน้ำหนัก พัฒน์ผิวหนังเหนือกะโหลกแตกเกิดแผลฉีกบริเวณหนังศีรษะภายในสมองกระทบกระเทือนหลายจุด เขาค่อยเขยิบตัวจากเบาะเพื่อออกจากรถยนต์ในอีกด้านของหน้าต่าง เศษกระจกและเหล็กครูดของรถยนต์ที่ลากกับพื้นถนนต้อนรับเขาข้างนอก พอถึงจุดหนึ่งพัฒน์รู้ดีว่าจุดแวะของความเจ็บปวดแต่ละครั้งเป็นความผิดพลาดตัวเองในวัยเยาวน์หลังเห็นเลือดออกจากศีรษะ เขากำลังทำใจและค่อย ๆ คลานตัวเองออกมาจากตัวรถ แต่การระเบิดครั้งที่สองเกิดขึ้นเครื่องยนต์ที่อยู่ด้านบนทำให้พัฒน์ได้รับแรงกระแทกจากเสียงและความร้อน เขาหมดสติลงทั้ง ๆ ที่ติดอยู่ในรถและไฟไหม้กำลังจะตะคอกกับผิวหนังพัฒน์
ทันใดนั้นเสียงเท้าก้าวลงมาจากรถตู้ลงมาเสียงหนักแน่นที่เบาสำหรับพัฒน์ ได้นำผ้าสีดำมาคลุมศีรษะพัฒน์ และลากตัวพัฒน์ขึ้นมาในรถตู้ ราวกับทุกอย่างเป็นเรื่องตลกของคนที่กำลังจะสิ้นสติ ความสับสนครอบครองการมองเห็น เขาหลับด้วยบาดแผลและลิ่มเลือด สีแดงเปื้อนแปะเอียงแอ่งบนใบหน้า แผลกระซิบเลือดเรียกร้องให้ช่วยต่อการถูกลิดรอน เลือดที่คั่งในสมองศีรษะเจ็บแปลบและทำให้เขาหน้ามืดได้ตลอดมันยากที่จะรับรู้ แค่รู้สึกว่าตัวเองอยู่บนรถและโครงเหล็กของรถตู้ก็ขับเคลื่อนไปที่ที่ทั้งไม่รู้จักและไม่ต้องการ มันเกิดขึ้นแล้วการควบคุมไม่ได้และถูกควบคุม มันมืดบอดเหลือเกิน ถ้าเปรียบพระเจ้าเสมือนแสงตอนนี้ไม่มีความหวังที่จะเห็นพระเจ้านั้นเลย ที่นี่ไม่มีอะไรเลย เหมือนหลังจากนี้จะไม่มีคนรู้ว่าพัฒน์เคยอยู่ที่นี่