webnovel

ตอนที่10.

หลงจือหยางส่ายศีรษะเมื่อเห็นคนทำอาหารกำลังเหม่อลอย เจ้าตัวสาวเท้าเข้าไปใกล้ โดยยืนซ้อนทางด้านหลังโน้มใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่าย กระซิบเสียงนุ่มทุ้มปลุกคนช่างเหม่อให้คืนสติ

"มีอะไรให้ผมช่วยไหม"

"อุ้ย"เยว่ชิงสะดุ้งสุดตัวก่อนที่วงแขนแกร่งจะโอบรัดรอบเอว คนที่ได้สติคืนมาไม่ทันไร วิญญาณก็ล่องลอยออกจากตัวอีกรอบ หลังจากแผ่นหลังแนบชิดกับหน้าอกแกร่งแถมยังยืนในอ้อมกอดของคนที่ชอบ

อ้อมกอดเชียวนะ หน้าอกแน่นมากเลย ผลบุญทั้งชีวิตของเยว่ชิงได้ใช้แล้ว....

"ระวังหน่อย"เยว่ชิงมุ่ยปาก เพราะใครกันละที่ทำให้ตกใจ แต่ที่ทำได้ก็แค่พยักหน้าแล้วตอบอื้อในลำคอ หลงจือหยางมองใบหูแดงๆของคนตัวเล็กก็คลายอ้อมกอดก่อนจะยกกำปั้นกระแอมเบาๆ

ไม่รู้ว่าเรียกสติของจิ้งจอกน้อยหรือระงับความคิดชั่วๆในหัวตัวเองกันแน่

"ให้ผมช่วยดีกว่า"เยว่ชิงจะหันไปปฏิเสธหากอีกฝ่ายอยู่ตรงนี้เขาอาจจะไม่มีสมาธิเลยก็ได้ แต่พอมองเห็นดวงตาล้ำลึกคล้ายกดดันอยู่หน่อยๆก็พยักหน้าอย่างเผลอไผล

พอหลงจือหยางแย่งทัพพีในมือไปยืนหน้าหม้อต้มจืด เยว่ชิงก็หันหน้าไปอีกทาง ยกมือปิดหน้า เขาเพิ่งจะเผลอไผลไปกับอนุภาพความหล่อ เยว่ชิงกลายเป็นคนใจง่ายทั้งๆที่ตั้งใจจะปฏิเสธแท้ๆ

จบสิ้นแล้ว วิธีคนคลั่งรัก

ระบได้แต่กรอกตามองบน นึกถึงเสือตัวโตที่คำรามคำว่าโฮก!เป็นการปฏิเสธเมื่อเสือและสิงโตตัวอื่นเข้าใกล้ แต่พอเจอพ่อสิงโตคนหล่อ เสือตัวนั้นก็หลบหน้าเอียงอายแล้วคำรามว่าโฮกปิ๊บ! จบสิ้นของจริง

กว่าการทำอาหารสามอย่างจะจบ ใจของเยว่ชิงก็เหมือนไปวิ่งระยะไกลด้วยความเร็วระดับสูง หัวใจดวงน้อยไม่เคยสงบเมื่อได้กลิ่นของอีกคนแถมแก้มยังร้อนผ่าวเมื่อสายตาจ้องไปที่แผ่นหลังหนาของอีกฝ่าย หากเห็นภาพแบบนี้ทุกวันคงมีความสุขไม่น้อย

เจ้าตัวยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่ถือจานข้าวไปวางบนโต๊ะ จากนั้นคนทั้งคู่ก็นั่งทานข้าวเงียบๆ เยว่ชิงนั่งเหงื่อออกใจสั่น ก่อนที่หลงจือหยางจะเลิกคิ้วหนึ่งข้างเมื่อกินเข้าไปคำแรก

"อร่อยมาก"เมื่อได้ยินคำตอบเยว่ชิงก็ผ่อนลมหายใจลดความตรึงเครียดทันที

" ภารกิจที่ 12 เสร็จสิ้น

รางวัลภารกิจ:พุงยุบหน้าท้องแบนราบ "

เยว่ชิงยกมือแตะหน้าท้องของตัวเองที่อุ่นวาบก่อนจะสัมผัสได้ถึงความแบนราบไม่มีส่วนใดที่ยื่นออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่เยว่ชิงสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงที่ระบบมอบให้ก่อนจะรู้สึกทึ่งเพราะมันรวดเร็วมากจริงๆ

ภายใต้เสียงกระทบกันระหว่างช้อนกับจาน ไม่ได้ทำให้ความเงียบในห้องกลายเป็นความเหงาเหมือนอย่างเคย เยว่ชิงที่เคยใช้ชีวิตคนเดียวรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจเมื่อมีเสียงอีกหนึ่งเสียงในห้อง

ทางฝากฝั่งของหลงจือหยางก็เพียงขมวดคิ้ว เมื่อหัวใจที่อุ่นวาบมันว้าวุ่น หลงจือหยางเกิดในตระกูลหลงที่ทั้งบิดามารดาแต่งกันเพราะเหมาะสมไม่ใช่เพราะรัก หลงจือหยางเป็นบุตรชายคนโตที่ถูกต้องตามกฏหมายของตระกูลหลง

มีพี่น้องต่างแม่หลายสิบคน ถึงแม้จะเคยทานอาหารพร้อมๆกันแต่มันไม่เคยอุ่นวาบเลยสักครั้ง มันมีเพียงความเย็นชืดที่สัมผัสได้ เพราะแบบนั้นเขาถึงดิ้นรนที่จะอยู่ข้างนอกมากกว่า เริ่มสร้างรากฐานของตัวเองตั้งแต่สิบขวบจนถึงตอนนี้

จนกระทั่งผ่านมาสิบห้าปี หลงจือหยางวางช้อนแล้วยกแก้วน้ำจ่อปาก มองสำรวจคนด้านหน้าที่กำลังอมข้าวจนแก้มพอง ริมฝีปากจิ้มลิ้มสีแดงขมุบขมิบดูเย้ายวนจนเจ้าตัววางแก้วน้ำลงแล้วใช้ริมฝีปากโลมเลียกลีบปากตัวเองเพื่อดับกระหายและลดอาการที่เป็นอยู่

หลงจือหยางสะบัดหัว ตั้งแต่ที่ได้ฉกชิมริมฝีปากสวยตรงหน้า เขาก็ดูหมกมุ่นกว่าที่เคย

"อิ่มแล้วเหรอครับ"เยว่ชิงที่กินข้าวเสร็จก็ดื่มน้ำตามและเลียริมฝีปากตามความเคยชิน

"ครับ น่าเสียดายที่ผมมีโอกาสได้กินอาหารที่อร่อยแบบนี้แค่ครั้งเดียว จะเป็นการขอมากไปไหม ถ้าผมอยากให้เยว่ชิงทำอาหารให้ผมในทุกๆเช้า"เยว่ชิงตาโตก่อนจะเอียงคอราวกับสิ่งที่ได้ยินนั้นผิด หูเขาคงมีปัญหา

"ผมจะจ้างรายเดือนนะครับรวมทั้งวัตถุดิบและค่าเสียเวลาให้"เยว่ชิงมองคนหล่อที่จ้องมองมา ก่อนจะปฏิเสธในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แค่วันนี้วันเดียวหัวใจก็รับไม่ไหว ถะ...ถ้าเห็นทุกเช้า เขาอาจจะตายได้เลยนะ

"เผอิญผมอยู่คนเดียวนะครับ บางทีก็ลืมกินข้าวทั้งเช้าทั้งกลางวันอีกด้วย"หลงจือหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าๆแววตาเหม่อมองไปที่หน้าต่าง เยว่ชิงฝ่ายดีก็พุดออกมาจากหัว ในชุดเทวดาตัวน้อย

ไม่เห็นเหรอว่าคนที่ชอบใช้ชีวิตลำบากขนาดไหน เขาอดทั้งข้าวเช้าและกลางวัน ดูสิผอมมากเลย

จากนั้นเยว่ชิงฝ่ายชั่วก็เข้ามา ในชุดซาตานตัวร้าย

เห็นสิ เพราะแบบนั้นจงใช้เวลาดังกล่าว เอาเขามาเป็นผัวให้ได้ แปดปีแล้วในที่สุดโอกาสก็มาถึง

[....] ไม่เคยเห็นฝ่ายดีและฝ่ายชั่วเห็นดีเห็นงามในทิศทางเดียวกันขนาดนี้มาก่อน นึกว่ามันจะแย้งกันเสียอีก

"ครับ แน่นอนว่าผมจะทำให้!"และแล้วคนคลั่งรักคนนี้ก็ตกหลุมพรางโดยง่าย พอได้สติก็แทบอยากจะโดนตึกตายไปซะ เยว่ชิงเจ้าคนใจง่าย ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สมองกับใจไม่ตรงกันขนาดนี้

หลงจือหยางยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ในขณะที่เยว่ชิงวิญญาณหลุดออกจากตัวไปแล้ว

เพราะรับปากไปอย่างง่ายดายเป็นเหตุให้เยว่ชิงเก็บของก่อนจะมาโผล่ที่ห้องแฝดของหลงจือหยางในหอหลิงหลง ส่วนเจ้าของห้องมาส่งเสร็จก็ออกไปประชุมกิลด์

"สวยจัง"เจ้าตัววงกระเป๋าลงก่อนจะเดินไปที่กระจกบานใหญ่ที่เป็นพนังห้อง สายตาคู่สวยทอประกายอ่อนโยนมองภาพความงามหลายนาทีก่อนจะทยอยขนเสื้อผ้าใส่ตู้ 

แผ่นหลังกว้างทิ้งตัวลงบนที่นอนก่อนที่หูกับหางจะโผล่จากนั้นก็กลิ้งเล่นจนหนำใจแล้วเดินไปที่ห้องครัว สิ่งแรกที่เยว่ชิงสังเกตคือเครื่องครัวที่ครบครันไม่ว่าจะอาหารคาวหรืออาหารหวาน เพียงแต่ภายในตู้เย็นช่างว่างเปล่า

"ไม่รู้ว่ากลางวันนี้หลงจือหยางจะมากินข้าวด้วยไหม"เยว่ชิงยกมือถือขึ้นมาตั้งใจว่าจะส่งข้อความไปหา แต่ก็สองจิตสองใจ กดพิมพ์กดลบเป็นว่าเล่น

"แค่คุยง่ายๆว่ากินข้าวกลางวันไหม ทำไมมันยากขนาดนี้"เยว่ชิงยกมือทึ้งเส้นผม ก่อนจะเปลี่ยนไปที่อีกแชทหนึ่งแล้วลองพิมพ์แบบเดียวกัน แล้วพบว่ามันไม่ยากอย่างที่คิดหากจะกดส่ง แต่กับคนที่ชอบ....เขาดันลังเล

[โฮสต์ คุณต้องมีความกล้ามากกว่านี้ โปรดลองก่อนอย่าเพิ่งคิดไปไกล] เยว่ชิงหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆจากนั้นก็กดส่ง หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวเมื่ออีกฝ่ายตอบกลับมาอย่างรวดเร็วและเขาจะมากินอาหารเที่ยงพร้อมกับเยว่ชิงอีกด้วย

เจ้าตัวดี้ด้าขึ้นมาทันควันจากนั้นก็เดินออกทางด้านหลังตึกเพื่อไปซื้อของ โดยที่ระบบบอกถึงรายการอาหารเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะไข่ ถั่ว เนื้อวัว หอยนางรม กระเทียม.....

เยว่ชิงเลยเช็กอีกทีกับทางอินเทอร์เน็ต โดยที่พวกมันขึ้นว่า อาหารบำรุงอสุจิให้แข็งแรง เคลื่อนที่รวดเร็ว เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

"นายเป็นแบบนี้เองสินะ ระบบ"เยว่ชิงได้แต่คาดโทษไว้ในใจ ก่อนจะลงมือซื้อวัตถุดิบอาหารทั่วไป ตั้งใจจะทำอาหารง่ายๆอย่างผัดคะน้าหมูกรอบ เจ้าตัวเลยเลือกซื้อผักสดๆกับหมูกรอบในร้านดังเพื่อนำไปทำ

อาหารกลางวันไม่ต่างจากช่วงเช้าที่พวกเขาต่างกูรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ถึงแม้จะไม่ได้พูดคุยกันเพียงแค่นั่งทานอาหารร่วมกันเท่านั้น

"อร่อยมากครับ"คำพูดนี้กลายเป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยที่สุดตลอดหลายวันที่ผ่านมา

กิจวัตรประจำวันของเยว่ชิงมีเพิ่มมากขึ้นเพราะใกล้ช่วงสงครามในอีกไม่กี่วัน ช่วงเช้าตื่นมาทำอาหารและบางส่วนใส่กล่องให้หลงจือหยางนำไปทานในที่ประชุม 

เสร็จจากนั้นก็ไปทำภารกิจที่หกของตัวเองและตามด้วยภารกิจที่สามที่ร้านกาแฟ ส่วนตอนกลางคืนก็พาจิวอิงไปที่หอคอยชั้นที่เก้าฝึกฝนอยู่หลายวัน จนในที่สุดเสียงของระบบก็ดังขึ้นอีกครั้งหลังกลับมาถึงห้อง

" ภารกิจที่ 6 เสร็จสิ้น

รางวัลภารกิจ1:มิติพิเศษยกนะดับจิตวิญญาณจากระดับFไประดับE

รางวัลภารกิจ2:ความยืดหยุ่นของหางจิ้งจอก ปรากฏหางที่สอง ยึดตำนานจิ้งจอกเก้าหาง เพื่อขึ้นระดับศักดิ์สิทธิ์  "

เยว่ชิงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นหน้าประตูมือจับที่ตราประทับที่ร้อนผ่าวก่อนจะปลดกระดุมเสื้อมองหางจิ้งจอกสีขาวอีกหนึ่งหางที่งอกออกมาอย่างช้าๆจากนั้นร่างกายก็ดับวูบเข้าสู่มิติพิเศษเพื่อยกระดับทันที

เยว่ชิงในมิติค่อยๆนอนดูดซับพลังวิญญาณบนก้อนหินขนาดใหญ่ ข่มความเจ็บปวดจากการงอกของหางที่สอง

[ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง เมื่อบำเพ็ญตบะครบหนึ่งพันปีจะงอกหนึ่งหางเสมอ ทุกๆการงอกจะต้องเจอกับทัณฑ์สวรรค์ ทางระบบได้เร่งเวลาหลายร้อยปีโดยที่โฮสต์ดูดซับหินวิญญาณก้อนใหญ่ ได้โปรดทนต่อความเจ็บปวด]

[ยิ่งมีหางจำนวนมากเท่าไหร่โฮสต์ก็ยิ่งผ่านด่านทัณฑ์สวรรค์มากขึ้นเท่านั้น]

ผ่านไปราวๆหนึ่งชั่วโมงเยว่ชิงก็ยกระดับสำเร็จ ตราประทับของเยว่ชิงแผ่พลังวิญญาณสีฟ้าบ่งบอกว่าตอนนี้เขาอยู่ระดับEเรียบร้อยแล้ว

"วันนี้ก็ไม่กลับเหรอ"เจ้าตัวยกมือเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้า มองไปรอบห้องใหญ่ที่เงียบเหงา เมื่อหลงจือหยางไม่ค่อยได้กลับมา เนื่องจากอีกสามวันจะเริ่มประกาศสงครามกับหอคอยในชั้นที่สิบ

ทางฝั่งหลงจือหยางเองก็เคร่งเครียดไม่แพ้กันในเมื่อทางตระกูลกดดันให้เขาเป็นคนนำของตระกูลโดยยกผู้นำทัพของกิลด์ให้กับรองกิลด์ชั่วคราว

"สงครามครั้งใหญ่ต้องการให้ตระกูลหลงโดดเด่นที่สุด เมื่อไหร่จะเข้าใจว่าฉันไม่เคยต้องการตระกูลหลง"น้ำเสียงเย็นเยียบทำให้คนที่ก้าวเท้าเข้ามาหยุดชะงัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องทนฟังคนเป็นพี่ชายแค่เดือนกว่าๆพูดถึงตระกูลที่ยิ่งใหญ่แบบนี้

"พ่อต้องการให้พี่เป็นคนนำทัพเพื่อตระกูล"แม้จะเจ็บใจ แต่ลูกนอกสมรสก็ทำได้แค่อิจฉา

"ตั้งแต่สิบห้าปีก่อนเป็นแบบไหน ตอนนี้ก็เป็นแบบนั้น"หลงจือหยางปฏิเสธไป เขาจะนำทัพในฐานะหัวหน้ากิลด์ ไม่ใช่ในฐานะทายาทตระกูลหลง

ฉากหน้าที่ครอบครัวมักจะแสดงความรักทำให้คนอื่นๆมักจะเข้าใจไปว่า ตระกูลหลงรักหลงจือหยางมากในฐานะทายาทคนเดียวแต่ที่จริงไม่ใช่ เขาไม่ใช่ลูกรักของพ่อแม้แต่แม่ก็ตาม

มีเพียงพลังที่เขาครอบครองเท่านั้น ที่คนในตระกูลใช้โอ้อวด โชคดีที่ตนมีความแข็งแกร่งกว่าคนอื่นเป็นอย่างมากและมันมากพอที่จะแข็งกระด้างและต่อต้านคนในตระกูล

ไม่งั้นหลงจือหยางคงอึดอัดมากไปกว่านี้ เพราะไม่สามารถทำตามที่ใจต้องการได้ บางทีเรื่องของจิ้งจอกน้อยก็คือหนึ่งในนั้น

หวังเพียงว่าตระกูลหลงจะไม่โง่แตะต้องเด็กน้อยของเขา ไม่งั้นคงได้เห็นดีกัน