บทที่ 68 เธอหมดโอกาสแล้ว
เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งมาถึงสวนจิ่นหยวนก็ถูกขังเสียแล้ว
“คลิก” เสียงล็อคโซ่ทำให้หัวใจของเธอสั่นเทา กำกระชับถุงยาในมือไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งเดือน เธอก็ต้องกลับมาที่นี่อีกครั้ง
แม้ว่าทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุม แต่ว่าเมื่อถูกขังอยู่ในห้องนอนอันหรูหราและคุ้นเคยแห่งนี้ ความหวาดกลัวที่ฝังอยู่ในจิตวิญญาณแต่แรกก็ครอบงำร่างกายของเธอจนไม่อาจควบคุมได้
เพราะว่าเจ็ดปีของการถูกคุมขังนั้น เธอหวาดกลัวความมืดเป็นที่สุด หวาดกลัวความเงียบ และมาถึงตอนสุดท้าย เนื่องจากเคยชินกับความมืดมิด เคยชินกับความเงียบสงัด เธอจึงเริ่มหวาดกลัวแสงสว่าง หวาดกลัวผู้คน
สิ่งที่เธอกลัวที่สุด ไม่ใช่การถูกคุมขัง แต่เป็นสักวันหนึ่ง ต่อให้มอบอิสรภาพให้กับเธอแล้ว เธอก็ไม่อาจเดินออกจากกรงขังแห่งนั้นที่อยู่ในใจของตัวเองได้อีก
แม้จะเป็นการเกิดใหม่อีกครั้ง ได้ย้อนเวลากลับไปก่อนที่โศกนาฏกรรมทั้งหมดจะเกิดขึ้น เธอยังคงเสียใจมากจนไม่อาจหลีกหนีความทรงจำและเงาของชีวิตในอดีตได้
ด้านนอกประตู เสียงฝีเท้าอันคุ้นเคยขยับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก้าวแล้วก้าวเล่า ท่ามกลางพื้นที่อันเงียบสงัด มันดังชัดน่าหวาดกลัวอย่างแปลกประหลาด
“เอี๊ยด” เสียงประตูถูกผลักเปิดเข้ามา
ได้เห็นเงาร่างน่าสะพรึงกลัวราวกับภูตผีทางหน้าประตู รูม่านตาของเยี่ยหวันหวั่นพลันหดลงทันที
เพียงเสี้ยววินาที ภาพตรงหน้าเหมือนกับความทรงจำในชาติอดีตก็ได้ฉายภาพซ้ำขึ้นอีกครั้ง...
การแสดงออกของหญิงสาวหวาดผวาราวกับยาพิษที่สามารถกัดกร่อนใจคนได้ สติสัมปชัญญะและการยับยั้งชั่งใจทั้งหมดของซือเยี่ยหานสลายกลายเป็นหมอกควันภายในชั่วพริบตา
วินาทีต่อมา เยี่ยหวันหวั่นถูกกำลังขนาดใหญ่โยนขึ้นมาบนเตียง ถุงยาที่กำแน่นไว้ในมือตกกระจายลงบนพื้น
วินาทีที่อยากจะกรีดร้อง ลำคออันบอบบางก็ถูกบีบเอาไว้ แม้แต่จะหายใจก็ยังยากลำบาก พลังชีวิตถูกสูบออกจากร่างกายไปทีละนิดๆ
ในที่สุดลมหายใจก็ฟื้นกลับคืนมา ริมฝีปากและลิ้นถูกกัดกระชากอย่างรุนแรง ช่องปากมีกลิ่นคาวเลือดฟุ้งกระจายอย่างรวดเร็ว...
“เธอหมดโอกาสแล้ว...”
มาพร้อมกับคำตัดสินประโยคนี้ เสียงฝีเท้าของชายหนุ่มค่อยๆ ห่างออกไป เสียงล็อคโซ่ดังขึ้นอีกครั้ง
เพิ่งจะถูกคลายตัว เยี่ยหวันหวั่นสำลักหายใจรุนแรงขึ้นมาในทันที ไม่หลงเหลือร่องรองความหวาดกลัวในสายตาเลยสักนิด เหลือเพียงสายตาอันหม่นหมองและเย็นชา
ภายในห้องหนังสือรกกระจัดกระจาย
พื้นที่อันกว้างใหญ่ราวกับถูกแช่แข็ง หนาวเหน็บเสียดแทงกระดูก
ชายหนุ่มนั่งลงหน้าโต๊ะราวกับประติมากรรมที่สึกกร่อนไปตามกาลเวลา ความรุนแรงและความซาดิสม์ได้ค่อยๆ กัดกร่อนร่องรอยความอบอุ่นสุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างคิ้วของเขาไป
ท่ามกลางความเงียบจนน่าขนลุก เสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อนก็ดังขึ้น
“ไสหัวไป”
น้ำเสียงโหดเหี้ยมน่าสยองขวัญทำเอาเสียงเคาะประตูหยุดชะงักลง
แต่ไม่นาน เสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงตอบรับอยู่นาน คนที่เคาะประตูจึงผลักประตูเข้ามา
สถานการณ์ภายในห้องน่ากลัวยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้อีก ได้เห็นใบหน้าอันน่าสะพรึงกลัวสุดขีด อีกทั้งดวงตาแดงกร่ำดั่งสัตว์ป่า สวี่อี้ตกใจจนหน้าซีดไม่มีสี
ครั้งก่อนตอนที่เยี่ยหวันหวั่นหนีไป นายท่านยังไม่โกรธมากถึงเพียงนี้
แต่ว่าเรื่องต่อไปนี้สำคัญมากเหลือเกิน จำเป็นต้องบอกให้นายท่านได้ทราบ!
สวี่อี้บังคับตัวเองให้สงบสติใจเย็นลง เค้นพลังที่มีทั้งหมดจนในที่สุดก็หาเสียงของตนเองเจอ เอ่ยพูดออกไปอย่างรวดเร็ว “คุณชายเก้า ผมไปตรวจสอบด้วยตัวเองมาแล้ว คุณหนูเยี่ยไม่ได้ไปโรงเรียน แต่ระหว่างทางได้แวะไปที่โรงพยาบาลเหรินอ้าย...”
สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงอากาศรอบด้านที่เย็นลงไปอีก สวี่อี้ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ “แต่ว่า จากกล้องวงจรปิด หลังจากที่คุณหนูเยี่ยมาที่โรงพยาบาลแล้วเธอไม่เคยไปที่ห้องฉุกเฉินเลย แต่ไปลงทะเบียนที่ห้องแพทย์แผนจีนอาวุโสผู้ชำนาญการ แผนกผู้ป่วยนอก...”
กลัวว่าซือเยี่ยหานจะยังไม่เข้าใจประเด็นสำคัญ สวี่อี้จึงตั้งใจเสริมเข้าไปอีกประโยค “ตั้งแต่ต้นจนจบคุณหนูเยี่ยไม่ได้ไปพบกู้เยว่เจ๋อเลยครับ!”
..........................................................