webnovel

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป... วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม...

เพียนฟางฟาง · History
Not enough ratings
867 Chs

021 กลิ่นเนื้อหอมกรุ่น

บทที่ 21 กลิ่นเนื้อหอมกรุ่น

เรือนหลังนี้ตั้งอยู่ในป่าลึกบนเขา ปราศจากผู้คน ทว่าทางเดินประดับด้วยหยก ทางเดินนั้นคดเคี้ยวไปถึงทางเข้าของเขตเรือน เพียงแต่มีการออกแบบเพื่ออำพรางทางเข้าเอาไว้ คนทั่วไปไม่สามารถเข้ามาได้

เมื่อรถม้าของเยี่ยนจิ่วเฉามาถึง บุรุษวัยกลางคนกำลังวางสัตว์ที่ได้จากการล่าลงจนเต็มโต๊ะ ทั้งหมดนี้ล้วนได้จากการส่งองครักษ์ไปล่าจากในป่า

ขนาดของสัตว์เหล่านี้เทียบกับไก่ป่าและกระต่ายป่าที่เลี้ยงไว้มิได้ เนื้อก็ไม่นุ่มมากพอ ที่สำคัญคือทั้งไก่ป่าและกระต่ายนั้น ไม่รู้ว่าต้องใช้ความสามารถมากเพียงใด จึงจะเลี้ยงออกมาได้ดีเช่นนี้ กินไปเพียงหนึ่งชาม ก็สามารถบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี

เมื่อนึกถึงกระต่ายและไก่เหล่านั้นซึ่งไม่รู้ว่าหนีไปที่ใด บุรุษวัยกลางคนก็รู้สึกเจ็บใจขึ้นมา

แต่กระนั้นคุณชายก็มิได้รังเกียจรังงอน เขาไม่ยี่หระต่อชะตาชีวิตเช่นนี้ อีกทั้งกินแล้วก็ไม่รับรู้รสชาติ

“ท่านลุงวั่น จะให้ผัดสมุนไพรป่าหรือไม่” พ่อครัวถาม

“สมุนไพรอันใด” บุรุษวัยกลางคนซึ่งถูกเรียกว่า ‘ท่านลุงวั่น’ ถาม

พ่อครัวจึงตอบว่า “มีผักจี้[footnoteRef:1] ต้นหอมป่า เห็ดหอมและหน่อไม้” [1: ผักจี้ ผักชนิดหนึ่ง วงศ์เดียวกับผักกาด]

ลุงวั่นใคร่ครวญครู่หนึ่ง และกล่าวว่า “เมื่อวานกินหน่อไม้ไปแล้ว เจ้าผัดผักจี้ ต้นหอมป่ากับเห็ดหอม เนื้อรมควันผัด แล้วก็ทำน้ำแกงเปรี้ยวเรียกน้ำย่อยมาสักหน่อย”

“น้ำแกงปลาเปรี้ยวหรือ?” พ่อครัวถาม

“ทำน้ำแกงปลาเปรี้ยวด้วยก็ได้” ลุงวั่นพยักหน้า

“ได้ขอรับ!” พ่อครัวตอบรับด้วยความนบนอบ และเข้าไปผัดกับข้าวในครัว

ลุงวั่นนำสำรับเข้าไปจัดวางในห้องอาหาร

เยี่ยนจิ่วเฉากินเข้าไปสองคำโดยมิได้รับรู้รสชาติใดๆ แล้ววางตะเกียบลง

ลุงวั่นมองข้าวในชามของเขาซึ่งแทบจะไม่พร่องลงเลย ขมวดคิ้วเล็กน้อย และกล่าวด้วยความหวังดีว่า “กินอีกสักหน่อยเถิด ข้าวเช้าและข้าวกลางวันกินไปน้อยเหลือเกิน”

เยี่ยนจิ่วเฉาพูดอย่างหมดความอดทนว่า “ไม่กิน!”

บ่าวทั้งในและนอกเรือนรีบก้มหน้างุดทันที

ลุงวั่นถอนหายใจ แม้ว่าจะกินแล้วไม่รู้รส แต่ก่อนหน้านี้ก็ยังกล้ำกลืนฝืนกินได้สองสามคำ ทุกวันนี้เริ่มไม่ค่อยมีเหตุผล อ้อนวอนให้คุณชายท่านนี้กินข้าวนั้นยากกว่าการสอบจ้วงหยวน[footnoteRef:2]เสียอีก [2: จ้วงหยวน (จอหงวน) การสอบเข้าเป็นขุนนางในสมัยโบราณของจีน]

ลุงวั่นถูหน้าผาก “ไอหยา ไฉนตอนนั้นข้าไม่ไปสอบจ้วงหยวนนะ...”

……

ขณะที่เยี่ยนจิ่วเฉากำลังกินข้าวอยู่ในห้องอาหาร ลูกจิ้งจอกน้อยก็เริ่มจัดการอาหารค่ำของมัน

มันกระโดดเข้าไปในห้องนอนของเยี่ยนจิ่วเฉา คาบถุงผ้าที่ซ่อนไว้ใต้เตียงออกมา และกระโดดขึ้นไปวางไว้บนโต๊ะ

บนโต๊ะมีผลไม้และขนมจัดวางอยู่สองสามจาน ลูกสุนัขจิ้งจอกคะเนขนาดของห่อผ้า และเลือกจานใส่ผลไม้ใบใหญ่ที่สุดซึ่งทำจากหยกขาว มันใช้กรงเล็บน้อยๆ เขี่ยผลไม้ในจานออกไป ใช้ปากแกะห่อผ้า และดันซาลาเปาลูกใหญ่หอมๆ สองลูกใส่จาน

จากนั้น มันก็คาบชายผ้าสีขาวขึ้นมาพันรอบคอตัวเอง

มันกำลังจะเริ่มแผนการแล้ว

จิ้งจอกหิมะดมกลิ่นของซาลาเปาไส้เนื้อจนพอใจ ซาลาเปานั้นหอมจนต้องหรี่ตา จากนั้นก็อ้าปากงาบเข้าไปเต็มปาก ทั้งเนื้อแป้งทั้งไส้ล้วนกินเข้าไปในคำเดียว

ลูกจิ้งจอกชะงักไปครู่หนึ่ง

ตึง!

มันล้มลง!

และกลิ้งหลุนๆ ไปบนพื้น โก่งคออาเจียนจนหน้ามืด…

……

ในตอนที่เยี่ยนจิ่วเฉาเข้ามาในห้อง จิ้งจอกหิมะก็นอนตาเหลือกอยู่บนพื้น มันกอดซาลาเปาเนื้อที่ไม่รู้ว่าได้มาแต่ที่ใด ซาลาเปาลูกนั้นใหญ่มาก ใหญ่กว่าหน้าคนอีกกระมัง เมื่อมาอยู่ในอ้อมอกของจิ้งจอกน้อย ก็ดูเหมือนว่าจะโอบไม่มิดเสียด้วยซ้ำ

ชั่วชีวิตคุณชายแสนหรูหราของเยี่ยนจิ่วเฉา เขาไม่เคยเห็นซาลาเปาขนาดมหึมาเช่นนี้ มองแล้วคิ้วก็กระตุกเล็กน้อย

แต่มิได้พูดอะไร แล้วก็ไม่ได้กินด้วย!

เยี่ยนจิ่วเฉาแช่น้ำแร่โอสถสักพักแล้วจึงเข้านอน

เขาไม่ใช่คนหลับลึก หากถูกปลุกก็จะอารมณ์ไม่ดี ไม่มีผู้ใดใจกล้าลิ้มลองโทสะของคุณชายเยี่ยน เมื่อเขาเข้านอน ทุกคนในเรือนก็จะ ‘เข้านอน’ ด้วยเช่นกัน จากเดิมที่ทุกคนต่างวุ่นวายทำงานต่างๆ ก็กลายเป็นเงียบเชียบประหนึ่งตายไปก็มิปาน

……

เยี่ยนจิ่วเฉาเบื่ออาหาร แต่นั่นมิได้หมายความว่าเขาไม่กินอะไรเลย เขาก็รู้สึกหิวบ้าง ที่จริงแล้ว ในตอนกลางวันเขากินน้อยเสียเหลือเกิน ทว่าตกดึก ท้องกลับร้องจ๊อกๆ ขึ้นมา

บนโต๊ะมีของว่างจัดวางไว้อยู่แล้ว มีขนมโก๋ไส้พุทราที่ทั้งนุ่มทั้งหอม มีขนมกุ้ยฮวาชิ้นใสหวานละมุน ขนมฝูหรงที่แสนกรุบกรอบจากอำเภอจินไจ้[footnoteRef:3] ขนมเปี๊ยะไส้ไข่ปูที่หอมอร่อยหนึ่งกล่อง ทั้งยังมีผลไม้สดซึ่งล้างสะอาดแล้วอีกหนึ่งจาน [3: จินไจ้ อำเภอหนึ่งในเมืองลู่อัน มณฑลอันฮุย]

อาหารว่างทั้งหมดล้วนจัดวางไว้บนภาชนะมีราคา

ในบรรดาภาชนะและอาหารเหล่านี้ สิ่งเดียวที่ดูไม่เข้าพวกเห็นจะเป็นซาลาเปาลูกใหญ่ซึ่งวางอยู่บนจานใสฝัง หยกแดงลายดอกไม้

ประหนึ่งดอกบัวผุด ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม แต่กลับปะปนอยู่ในมวลหมู่ดอกชบาดอกน้อยๆ ซึ่งดูอ่อนหวานงดงาม

ความรู้สึกรังเกียจปรากฏขึ้นในดวงตาของเยี่ยนจิ่วเฉา

หลังจากนั้น เยี่ยวจิ่วเฉาก็มองไปยังอาหารบนโต๊ะ ทำเสียดูหรูหรา ทว่ารสชาติล้วนเหมือนกัน ก็คือไร้รสชาติ

เยี่ยนจิ่วเฉายกแขนขึ้น นิ้วเรียวดุจหยกชี้ไปยังขนมซึ่งทำอย่างวิจิตรบรรจง ไม่ว่าจะเป็นขนมโก๋ไส้พุทรา ขนมกุ้ยฮวา ขนมฝูหรงของอำเภอจินไจ้...นิ้วชี้ของเขาลากผ่านไป จนไปหยุดอยู่ที่ซาลาเปาเนื้อลูกใหญ่ซึ่งเย็นชืดและดูไม่น่ากิน

เยี่ยนจิ่วเฉาไม่เคยกินซาลาเปาที่อัปลักษณ์เช่นนี้มาก่อน

ราวกับมีผีสางเทวดามาดลใจ เขาหยิบมันขึ้นมา

“ต้องรสชาติแย่มากเป็นแน่!”

“แต่อย่างไรเสียข้าก็ไม่รู้รสอยู่ดี”

เขาดึงซาลาเปาออกมาซีกหนึ่ง ใส่เข้าปากเคี้ยว แป้งของซาลาเปาแข็งเสียแล้ว เคี้ยวไปเสียงดังกร้วมๆ

“ไม่มีรสชาติอยู่ดี...”

กล่าวได้เพียงครึ่งเดียว เขาก็หยุดชะงัก

รสชาติหนึ่งแล่นปราดผ่านปลายลิ้น เพียงประเดี๋ยวเดียวก็หายไป

เขามองไส้ซาลาเปาอย่างงุนงง ไส้นั้นสีดำจนดูไม่ออกว่าเป็นเนื้อ ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็เคี้ยวต่อ

“หืม?” เขารู้สึกตกตะลึง

แต่แล้ว เขาก็ถือซาลาเปาเนื้อที่ทั้งเย็นทั้งแข็งไว้ในมือ กินทีละคำ ทีละคำ แล้วก็อีกคำ…

ลุงวั่นกลับห้องไปอย่างเงียบเชียบ หลังจากที่เยี่ยนจิ่วเฉาเข้านอนไปแล้ว เขาไม่กล้าส่งเสียงดัง แต่ก็ไม่กล้าปล่อย

ให้ตัวเองหลับสนิท

ตอนกลางวันคุณชายกินไปน้อยเหลือเกิน กลางดึกต้องหิวเป็นแน่ แม้จะจัดเตรียมอาหารไว้ในห้องแล้ว แต่กระนั้นหากได้กินอาหารร้อนให้ท้องอบอุ่นย่อมดีกว่า

เขาได้ยินเสียงจากในห้องของเยี่ยนจิ่วเฉา ก็รู้ว่าคุณชายตื่นแล้ว จึงเร่งรุดไปสั่งพ่อครัวให้เติมไฟให้เตา ตัวเขาเองก็เดินไปยังห้องของคุณชาย เพื่อถามว่าอยากกินอะไร

ไม่คิดว่าเมื่อเดินมาถึงระเบียง ก็ได้ยินเสียงคล้ายกับว่าคุณชายกำลังตวาดใครอยู่

ในห้องไม่มีคนอื่น!

หัวใจชราของลุงวั่นเต้นตึกตัก คิดว่าอาการของคุณชายกำเริบ หรือไม่ก็มีนักฆ่า เขากระวีกระวาดวิ่งไป!

ทันทีที่เปิดประตูออก ไหนเลยจะมีนักฆ่า มีเพียงสุนัขจิ้งจอกหิมะตัวน้อยที่ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาเขย่าให้ตื่น

ลูกจิ้งจอกหิมะตื่นขึ้น ถึงขนของมันจะยังยุ่งเหยิง ดูงัวเงีย ทว่าสติสัมปชัญญะของมันกลับมาแล้ว

เห็นเพียงว่ามันกำลังกอดซาลาเปาลูกใหญ่กว่าตนเอง ทั้งยังถูกกัดไปแล้วหนึ่งคำ และจ้องเยี่ยนจิ่วเฉาด้วยความโกรธ!

เยี่ยนจิ่วเฉานั่งลงกับพื้นอย่างสมถะ ปลายนิ้วเรียวสวยบีบที่แป้งซาลาเปา และกล่าวอย่างเอาแต่ใจว่า

“ให้ข้า”

“ให้ไม่ให้?”

“ถ้าไม่ให้ ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”

ลุงวั่น “...”

.........................................