webnovel

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป... วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม...

เพียนฟางฟาง · History
Not enough ratings
867 Chs

014 ทุกคนต่างตกตะลึง

บทที่ 14 ทุกคนต่างตกตะลึง

หลังจากที่ออกมาจากหอหยกขาว อวี๋เฟิงก็รู้สึกไม่สบอารมณ์นัก

“ห้าสิบตำลึง...เจ้า...เจ้าคิดได้อย่างไรกัน!”

……

“นั่นน่ะสิ ห้าสิบตำลึง ท่านคิดได้อย่างไรกัน!” ณ หอหยกขาว ผู้จัดการร้านกำลังพร่ำบ่นคุณหนูไป๋เป็นการใหญ่ “เกลือบรรณาการยังไม่แพงเช่นนี้!”

คุณหนูไป๋ถลึงตาใส่เขาด้วยความเดือดดาล “เช่นนั้นเจ้าก็ไปซื้อมาให้ข้าสิ!”

ผู้จัดการร้านถึงกับผงะ

‘เกลือบรรณาการ’ หมายถึงสิ่งที่มีเพียงคนจากวังหลวงและวังอ๋องเท่านั้นที่กินได้ พ่อค้าวาณิชอย่างพวกเขา อย่าว่าแต่ซื้อเลย แม้แต่ได้เห็นยังไม่มีทาง

อวี๋หวั่นแวะซื้อผ้าขาวบางและเมล็ดถั่วเหลืองห้าจินที่ตลาด จากนั้นเธอกับอวี๋เฟิงจึงแบกเกลือถังใหญ่สองถังกลับหมู่บ้าน

เมื่อถึงบ้าน อวี๋หวั่นก็ง่วนอยู่ในห้องครัว

อวี๋เฟิงเข้าใจแล้วว่า เหตุใดเธอจึงให้เขาหาบน้ำและจัดฟืนไว้มากเช่นนี้

อวี๋หวั่นต้มน้ำหม้อใหญ่ และนำเกลือถังแรกเทลงไปจนหมด “พี่ใหญ่ ที่บ้านเดิมน่าจะมีโม่หินสินะ ท่านช่วยนำเมล็ดถั่วเหลืองนี้ไปบดเป็นน้ำเต้าหู้ได้หรือไม่”

อวี๋เฟิงมิได้เอ่ยถามว่าเพราะเหตุใด เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงและเดินออกไป

เกลือในสมัยโบราณนั้นรสชาติแย่ เพราะมีสิ่งเจือปนอยู่เป็นจำนวนมาก ขอเพียงแค่นำสิ่งเจือปนเหล่านี้ออก รสสัมผัสก็จะดีขึ้นมาก กล่าวลอยๆ นั้นง่าย แต่เมื่อลงมือทำกลับเป็นเรื่องที่ทั้งต้องใช้แรงและใช้เวลามาก

หลังจากที่อวี๋หวั่นนำเกลือลงไปต้มแล้ว จึงใช้ผ้าขาวบางกรองหนึ่งครั้ง สิ่งที่ถูกกรองออกไปในครั้งนี้คือสิ่งเจือปนที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แต่สิ่งเจือปนที่มีอนุภาคเล็กกว่านั้น ต้องใช้วิธีอื่นกำจัดออกไป

อวี๋หวั่นนำน้ำเกลือที่กรองแล้ว เทลงไปในหม้ออีกครั้งหนึ่ง

“น้ำเต้าหู้มาแล้ว!” อวี๋เฟิงหาบน้ำเต้าหู้ถังใหญ่สองถังเข้ามา

อวี๋หวั่นนำน้ำเต้าหู้เทลงในน้ำเกลือ ครู่หนึ่งก็มีเศษเล็กเศษน้อยลอยขึ้นมา

อวี๋หวั่นค่อยๆ ช้อนเศษเล็กเศษน้อยที่ลอยฟ่องเหล่านั้นขึ้นมา และเทน้ำเต้าหู้ลงไปอีก ทำเช่นนี้ไปจนครบสามครั้ง จนไม่มีสิ่งสกปรกลอยขึ้นมาจากน้ำเกลืออีก ในตอนนี้ น้ำเกลือเปลี่ยนเป็นใสแจ๋ว และปริมาณก็ลดลงไปครึ่งหนึ่ง

เมื่ออวี๋เฟิงเห็นน้ำเกลือในหม้อ ก็รู้สึกตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสามารถใช้น้ำเต้าหู้ทำเช่นนี้ได้

อวี๋หวั่นสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง “รอให้น้ำในหม้อเดือดจนแห้ง ก็จะได้เกลือแล้ว”

อากาศหนาวจับใจ ทว่าบนหน้าผากของเธอกลับมีเม็ดเหงื่อใสผุดขึ้นมา

สีหน้าของอวี๋เฟิงในตอนนี้ค่อนข้างซับซ้อน เขาอยากหาอะไรมาเช็ดเหงื่อให้นาง แต่เขาก็มิใช่แม่นางน้อยแสนอ่อนโยนที่พกผ้าเช็ดหน้าไว้กับตัว

เขาปัดแขนเสื้อของตนเอง ก็ ก็นับว่าสะอาดพอใช้ได้…

ทว่ายังไม่ทันขยับตัว อวี๋หวั่นก็วางฝาหม้อลง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ใหญ่ช่วยข้าดูหน่อย ข้าจะไปรับเถี่ยตั้นกลับ”

เขารีบคลายท่อนแขนแกร่งลง “เข้าใจแล้ว เจ้าไปเถอะ”

อวี๋หวั่นไปรับเถี่ยตั้นผู้ซึ่งวิ่งเล่นจนเหงือซ่กกลับมาบ้าน อาบน้ำให้เขา ทั้งยังเช็ดตัวให้นางเจียง หลังจากที่เถี่ยตั้นน้อยเข้าสู่นิทราไปแล้ว อวี๋หวั่นจึงกลับไปทำงานที่หน้าเตาต่อ

เกลือที่คุณหนูไป๋ให้มานั้นมีมากเหลือเกิน มิอาจต้มเสร็จในหม้อเดียว

อวี๋เฟิงอยู่ช่วยเธอ สองพี่น้องก้มหน้าก้มตาต้มเกลือจนฟ้าสาง ในที่สุดก็สามารถทำให้เกลือทั้งหมดกลายเป็นเกลือบริสุทธิ์ได้สำเร็จ

ทั้งสองคนไม่ทันได้หยุดพัก ก็เช่าเกวียนจากหมู่บ้านเพื่อบรรทุกเกลือไปยังหอหยกขาว

ไป๋ถังมารอพวกเขาที่ห้องโถงตั้งแต่เช้าตรู่

ห้าสิบตำลึงมิใช่เงินจำนวนน้อยๆ เป็นเพราะเมื่อวานท่านพ่อไม่อยู่ นางจึงตัดสินใจไปโดยพลการ แต่วันนี้ท่านพ่อของนางกำลังเดินทางกลับมา หากวันนี้รู้ว่านางนำเงินห้าสิบตำลึงไปซื้อเกลือที่ไม่รู้ว่าได้แต่ใดมาละก็…

ไป๋ถังไม่กล้าคิดต่อเสียแล้ว

หลังจากที่เกลือผ่านกระบวนการทำให้บริสุทธิ์แล้ว จากเดิมที่เป็นก้อนเกลือตะปุ่มตะป่ำสีเทาอมเขียว ก็แปรเปลี่ยนเป็นเม็ดเกลือใสวาววับ ปริมาณลดลงไปมากทีเดียว

ผู้จัดการร้านก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เหตุใดจึงน้อยนัก นี่คือเกลือรึ?”

พ่อครัวของคุณหนูไป๋ต่างมามุงรอบวง หนึ่งในนั้นมีพ่อครัวลู่ ผู้ซึ่งเคยพบกับอวี๋หวั่นที่ตลาดมาแล้ว

พ่อครัวลู่ก็ไม่เคยเห็นเกลือเช่นนี้

ทว่า เขาจำอวี๋หวั่นได้ เด็กที่เคยทำน้ำแกงปลาแบบผิดๆ คนนั้น

คนเช่นนี้ จะรู้ว่าทำเกลืออย่างไรด้วยรึ?

เขาแค่นหัวเราะ

พ่อครัวที่เหลือต่างก็หัวเราะเช่นกัน

มีเพียงไป๋ถังผู้เดียวที่ไม่หัวเราะ

ไป๋ถังมิเคยพบเห็นวาณิชที่เป็นสตรีมาก่อน ทุกคนต่างรู้ว่าบิดาของนางเป็นพ่อค้า แต่กลับไม่รู้ว่ามารดาของนางเป็นนางกำนัลในวังหลวง ในตอนที่นางไปเยี่ยมมารดา เม็ดเกลือที่ขาวประหนึ่งเกล็ดหิมะเช่นนี้ นางเคยเห็น และเคยชิมด้วยตนเอง

เมื่ออวี๋หวั่นนำเกลือมาวางเบื้องหน้านางนั้น นางก็รู้สึกตกตะลึงจนกล่าวอะไรไม่ออก

มิอาจรู้ได้ว่า นางตกตะลึงที่ได้เห็นเกล็ดเกลือสีหิมะซึ่งในชีวิตนี้ไม่รู้จะได้เห็นอีกเมื่อไร หรือตกตะลึงที่สตรีชาวบ้านคนหนึ่งสามารถผลิตเกลือเช่นนี้ออกมาได้กันแน่

แต่ไม่แน่ว่าเป็นเพียงของที่ลักษณะคล้ายกัน รสชาติอาจต่างกันหนึ่งแสนแปดพันหลี่[footnoteRef:1]ก็เป็นได้! [1: หนึ่งแสนแปดพันหลี่ ใช้เปรียบเทียบว่าแตกต่างกันมาก ระยะทางไกลกันมาก]

ไป๋ถังมองอวี๋หวั่นด้วยความเย่อหยิ่ง “ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน ถ้าหากรสชาติไม่เป็นที่พึงพอใจ แม้แต่เหรียญเดียวข้าก็ไม่ให้!”

อวี๋หวั่นยิ้มน้อยๆ “ได้”

“ได้อะไรกันเล่า ระวังนางไม่จ่ายเงิน” อวี๋เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ไป๋ถังตวัดสายตาคมกริบ “ใครไม่จ่ายเงิน?!”

อวี๋เฟิงคร้านจะเสวนากับนาง

ไป๋ถังโมโหจนกัดฟันกรอด หากไม่ใช่เพราะสายตาจับจ้องอยู่ที่เกลือ ป่านนี้นางคงไล่ตะเพิดคนน่ารำคาญอย่างเขาไปแล้ว

พ่อครัวหอหยกขาวใช้เกลือของอวี๋หวั่นทำอาหารง่ายๆ มาหนึ่งจาน ซึ่งก็คือ หมูสามชั้นน้ำแดงผักกาดขาว

แต่เดิม พวกเขาต้องใส่ซีอิ๊วมากสักหน่อย และใช้น้ำตาลอีกเล็กน้อยตัดรสเค็ม เพื่อที่จะกดรสฝาดของเกลือเอาไว้ มาวันนี้ พวกเขาต้องการแกล้งอวี๋หวั่น จึงใส่เพียงเกลืออย่างเดียว แต่ใครจะรู้ว่า ผักกาดขาวที่ผัดออกมานั้น รสชาติดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา รสชาติหวานอ่อนๆ ซึมเข้าไปในเนื้อหมูสามชั้น ตัดความมันของมันหมูได้อย่างดีเยี่ยม เนื้อส่วนที่ไม่ติดมันนั้นก็นุ่ม ไม่แห้งแม้แต่น้อย ละมุนลิ้น ละลายทันทีที่เข้าปาก

ในตอนแรก ไป๋ถังคิดไว้ว่า ถึงแม้รสชาติจะดี แต่นางก็ต้องแสร้งทำเป็นกลืนลงคออย่างยากลำบาก ไหนเลยจะรู้ว่า เมื่อลองกินไปแล้ว นางกลับหยุดกินไม่ได้…

“คุณหนูไป๋พอใจใช่หรือไม่” อวี๋หวั่นมองตามไปยังจานซึ่งไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย เธอยิ้มร่าพลางเอ่ยถาม

ไป๋ถังลูบท้อง เรอออกมาหนึ่งที

เอ้อ...หากตอนนี้พูดว่าไม่พอใจ ก็คงไม่ทันแล้วกระมัง

……

ทั้งสองพี่น้องนำตั๋วแลกเงินไปที่ร้านยา

เสมียนร้านยาไม่คาดคิดว่าทั้งคู่จะมีเงินมาคืนจริงๆ เขาเองก็เพิ่งส่งคนไปร้องเรียนที่ที่ว่าการ จึงกระวีกระวาดเรียกคนไปตามกลับมา

“ข้าว่า ตั๋วเงินของพวกเจ้าคงไม่ใช่ไม่มีที่มาที่ไปหรอกนะ?” เขาถามอย่างหวาดระแวง

อวี๋หวั่นหัวเราะ “พี่ชายโปรดวางใจ เงินนี้พวกเราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรง เป็นเงินสะอาด”

เธอกล่าวด้วยความดีอกดีใจเช่นนี้ ทำให้เสมียนผู้นี้รู้สึกกระดากใจขึ้นมา

เขาจึงกระแอมเบาๆ “พวกเจ้ารอก่อน ข้าจะนำสัญญามาคืนให้”

...........................................