webnovel

เห็นงานเป็นลม เห็น..สู้จนเกือบตาย

วันที่ยี่สิบธันวาคม ชีฟพาครอบครัวของตัวเองมารับประทานอาหารในห้างดังของเขตเชียงราย ตั้งแต่เกิดมาพวกเขายังไม่เคยรับประทานอาหารหรู ๆ ที่เคยเห็นในโฆษณาเลยสักครั้ง เมื่อพวกเขามีเงินมีทองแล้ว วันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเขาสามแม่ลูกจะได้เปิดหูเปิดตา

ทั้งสามคนพากันเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีสิ่งที่เรียกว่าซูชิไหลมาตามสายพาน พวกเขาพากันนั่งรับประทานอาหารเหล่านั้นอย่างเอร็ดอร่อย โดยในร้านนั้นก็ได้เปิดโทรทัศน์ที่กำลังรายงานข่าวเกี่ยวกับการเกษตรอยู่ด้วย

นักข่าวสาวคนที่นั่งอยู่ทางขวาเปิดประเด็น

"ผลผลิตดีข้าวล้นคลัง"

นักข่าวชายที่นั่งทางซ้ายก็พูดเสริม

"ยังไงครับคุณกลิ่นดี"

"หน่วยงานการเกษตรและการค้าแห่งรัฐไทย ได้รายงานออกมาว่า ปีนี้ผลผลิตข้าวหอมมะลิของไทยเรานั้นมีเป็นจำนวนมาก"

"ก็ดีสิครับแบบนี้แปลว่าชาวนาไทยของเราเก่งมาก"

"มันจะดีได้ยังไงละคะคุณพจ"

"อ้าวทำไมละครับ"

"ก็ผลผลิตมันมีมากเกินความต้องการของตลาดโลกน่ะสิคะ"

"อ้าว งั้นอย่างนี้ก็แย่เลยสิครับ"

"ใช่ค่ะ เพราะทางหน่วยงานได้รายงานว่า หากปีนี้ไม่สามารถระบายข้าวพวกนี้ออกไปได้หมด ก็อาจจะจำเป็นต้องขอให้ชาวนางดทำข้าวนาปรังบางส่วน ด้วยรัฐไม่สามารถที่จะรับซื้อข้าวเพิ่มได้อีกค่ะ"

"แล้วชาวนาจะทำยังไงละทีนี้"

"ก็นั่นแหละค่ะ ทางหน่วยงานก็กำลังเร่งแก้ปัญหากันอย่างหนัก เห็นว่าปริมาณที่ได้มากที่สุดก็มาจากทางภาคเหนือเขตเชียงราย...."

ในขณะที่ชีฟกำลังนั่งกินซูชิอย่างเอร็ดอร่อย อยู่ดีดีเหงื่อเม็ดโตก็ผุดออกมาไหลอาบเต็มใบหน้า ทั้ง ๆ ที่บรรยากาศในร้านก็เย็นสบายชุ่มปอด แต่เหงื่อเม็ดโตก็ผุดออกมาไม่หยุด ชีฟเงยหน้าคุยกับแม่ด้วยน้ำเสียงที่เบาหวิว

"เอ่อแม่ ปีหน้าเรางดทำนากันสักปีสองปีดีกว่าเน๊าะ"

ไพรินพยักหน้าเห็นด้วยกับลูกชาย เพราะสิ่งที่พวกเขาทำกำลังจะทำให้ราคาข้าวในตลาดมันต่ำลง

หลังจากที่พวกเขารับประทานอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญ สามแม่ลูกก็พากันจับจ่ายซื้อของใช้อีกหลายอย่างแล้วพากันกลับบ้านไร่ของตัวเอง

ตกเย็นชีฟนอนเปิดดูเมนูสกิลของตัวเองอยู่บนโซฟา ก่อนจะพบว่าขีดค่าประสบการณ์ของเขามันพุ่งสูงขึ้นมาก มากจนต้องปัดลงไปอีกสองบรรทัดจนกลายเป็นสามขีด ชีฟที่กำลังงัวเงียเพราะง่วงนอน ก็ถึงกับสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที

"ถ้าจะยาวขนาดนี้นะ สกิลทอง!"

ชีฟรีบเปิดดูเมนูสกิลแล้วเลื่อนดูสกิลทองต่าง ๆ ที่ยังเป็นสีเทาอยู่ เขาลองใช้ระบบทดสอบการปลดล็อกดูว่าเขาจะปลดล็อกสกิลทองได้กี่สกิล ก่อนจะพบว่าเขาสามารถปลดล็อกได้ถึงสองสกิลเป็นอย่างมาก และหนึ่งสกิลเป็นอย่างน้อย

ชีฟไล่อ่านชื่อของแต่ละสกิลที่เขาจะสามารถปลดล็อกได้ในตอนนี้

"เมล็ดพันธุ์ ปรับสภาพดิน เจริญเติบโตเฉียบพลัน แปรสภาพ เก็บรักษา อืม มีแค่แปรสภาพกับเก็บรักษาสินะ ที่เราจะสามารถปลดล็อกพร้อมกันได้ในตอนนี้"

ชีฟนั่งคิดหนัก

"จะอันไหนก็ดูจะมีประโยชน์ทั้งนั้นแหะ"

เมื่อคิดไม่ออกชีฟก็หันไปเรียกสาวน้อยที่นั่งเล่นคอมพิวเตอร์ตัวใหม่สีชมพูอยู่กลางบ้าน

"อีฟ มานี่หน่อยเร็ว"

อีฟเดินมาหาพี่ชายด้วยใบหน้าที่ร่าเริง เพราะเธอนั้นติดพี่ชายมาก ทำให้เธอมีความสุขทุกครั้งที่พี่ชายเรียกหา

"มีอาราย"

"เห็นรูปเทา ๆ ที่มีกรอบสีทองพวกนี้มั้ย อยากได้อันไหน"

อีฟนั้นยังอ่านหนังสือไม่ออก เมื่อเธอเห็นรูปดอกไม้จึงจิ้มใส่ทันที

ชีฟก็ไม่รอช้าจิ้มสัมทับลงไปเพื่อดำเนินการปลดล็อกสกิล ก่อนจะหันไปพูดหยอกล้อกับน้องสาว

"ไปไป หมดประโยชน์ละ"

"พี่ชายใจร้าย"

อีฟเอามือเล็ก ๆ ตีแปะลงบนแก้มของพี่ชาย แต่เธอก็ยังคงนั่งอยู่ข้างโซฟาเช่นเดิมเพื่อดูว่าพี่ชายจะทำอะไร

สกิลที่อีฟเลือกคือเมล็ดพันธุ์ เมื่อปลดล็อกแล้วชีฟก็จิ้มเข้าไปอีกครั้งเพื่อดูวิธีใช้งาน แต่เมื่อจิ้มเข้าไปหน้าจอที่ปรากฏขึ้นกลับไม่ได้อธิบายเพียงแค่วิธีใช้งานไว้อย่างเดียว แต่ยังมีไอคอนที่มีรูปพืชพรรณต่าง ๆ มากมายแสดงขึ้นมาอีกด้วย โดยไอคอนที่ไม่เป็นสีเทา ตอนนี้มีเพียงไอคอนที่เป็นกรอบสีขาวและเขียวเท่านั้น

ชีฟอ่านวิธีใช้งานที่บอกว่าแค่นึกถึงเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการเมล็ดนั้นก็จะปรากฏขึ้นมาตรงหน้า และเมื่อรู้วิธีแล้ว เขาก็ไล่ดูเหล่าไอคอนเมล็ดพันธุ์ทั้งหลาย ก่อนที่สายตาจะไปเตะเข้ากับรูปรูปหนึ่งที่มีกรอบสีม่วง

"มักกะลีผล"

เหมือนความคิดของชีฟจะสูญหายไปชั่วคราว เจ้าตัวลองจิ้มใส่ทันทีเพื่อดูว่าค่าประสบการณ์ที่เหลืออยู่ตอนนี้จะพอปลดล็อกเมล็ดพันธุ์นี้ได้หรือเปล่า

แต่ผลที่ได้คือข้อความสีแดงที่บอกว่าเงื่อนไขไม่เพียงพอ โดยปกติแล้วหากค่าประสบการณ์ไม่เพียงพอ ข้อความจะขึ้นว่า ค่าประสบการณ์ไม่เพียงพอ แต่นี่กลับขึ้นเป็นอีกแบบ ชีฟลองหาปุ่มแสดงเงื่อนไขการปลดล็อก ซึ่งก็เจอปุ่มนั้นอยู่บนสุดของเมนูในหน้านี้

วิธีปลดล็อกพืชพรรณเหล่านี้คือ ต้องมีระดับสกิลต่าง ๆ ถึงระดับที่กำหนด

"คล้ายกับการปลดล็อกสกิลเสริมสินะ"

สกิลเสริม เป็นสกิลกรอบสีแดง สกิลพวกนี้นอกจากจะใช้ค่าประสบการณ์แล้ว ยังจำเป็นต้องทำให้สกิลอื่นที่ระบุถึงระดับที่กำหนดอีกด้วย โดยแต่ละสกิลจะมีเลขตามอยู่ด้านหลัง หากเลขยิ่งสูงเท่าไหร่ ยิ่งใช้ได้ชำนาญและมีประสิทธิภาพมากเท่านั้น อย่างสกิลขยายขอบเขตนอกจากจะใช้ค่าประสบการณ์แล้ว ยังมีข้อกำหนดด้วยว่าสกิลเร่งโตจะต้องมีความชำนาญในระดับยี่สิบขึ้นไป ถึงจะปลดล็อกขยายขอบเขตได้

กลางค่ำคืน แม้อีฟจะหลับไม่อยู่เชียร์พี่ชายแล้ว แต่ชีฟก็ยังคงพยายามที่จะฝึกฝนเพิ่มระดับสกิลให้ตรงตามความต้องการของต้นมักกะลีผล โดยถ้าจะปลูกมักกะลีผลได้นั้นเขาจะต้องมีสกิลเพิ่มพูนสารอาหารอยู่ในระดับสามสิบและเร่งโตสี่สิบ การเพิ่มระดับนั้นคือการต้องใช้งานสกิลนั้นบ่อย ๆ ซึ่งจากช่วงเย็นจนถึงเที่ยงคืน เขาพึ่งจะทำให้สกิลเพิ่มพูนสารอาหารถึงระดับที่ต้องการได้เพียงสกิลเดียว ส่วนเร่งโตตอนนี้อยู่ที่ระดับสามสิบเท่านั้น ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ ความยากในการพัฒนาก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

แต่ด้วยแรงฮึดที่เกิดจากความพลุ่งพล่านของฮอโมน ก็ทำให้ชีฟยังคงฝึกฝนต่อไปโดยการเที่ยวไปเร่งโตต้นไม้บ้างต้นหญ้าบ้าง เสกเมล็ดพันธุ์ออกมาเร่งโตเองบ้าง จนในที่สุด

เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านที่ตื่นเช้าต่างพากันมองมายังทุ่งนาที่แสนแปลกประหลาด เพราะในทุ่งนาแห่งนี้นั้นนอกจากจะมีหญ้าขึ้นรกรุงรังแล้ว ยังมีพืชหน้าตาแปลก ๆ งอกขึ้นมาอีกมากมาย ที่กลางทุ่งนานั้นมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังจ้องมองเมล็ดพันธุ์รูปร่างคล้ายคนในมือด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเขานั้นดูซีดเซียวราวกับคนที่โดนบังคับใช้แรงงานมาอย่างหนัก

ชีฟหย่อนเมล็ดลงไปในหลุมเล็ก ๆ ก่อนจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายในการทำให้เจ้าเมล็ดพันธุ์นี้เจริญงอกงามขึ้นมา เมื่อใช้งานสกิลเร่งโต เจ้าเมล็ดน้อยก็ค่อย ๆ งอกใบสีเขียวออกมาจากเมล็ด ก่อนจะค่อย ๆ เติบโตกลายเป็นต้นไม้ต้นเล็ก แล้วขยายใหญ่ขึ้นอย่างช้า ๆ จนกลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่ที่พร้อมผลิดอกออกผล

ตื๊ด ตื๊ด การเติบโตของต้นมักกะลีผลหยุดลง พร้อมกับมีข้อความแจ้งเตือนสีแดงปรากฏขึ้นมาตรงหน้า

[ไม่สามารถออกผลได้ เนื่องจากวัตถุดิบไม่เพียงพอ]

ความหวังความฝันสูญสลายไปในพริบตา เพราะตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะทำอย่างอื่นได้อีกแล้ว และวัตถุดิบที่มันต้องการก็คือพลังชีวิตของสปีชี่ส์ใกล้เคียง เขาจะไปหาที่ไหนยังไงยังไม่รู้เลย

การใช้สกิลอย่างหักโหมทำให้ร่างกายของเขาเหนื่อยล้าจนเกิดขีดจำกัด และได้รับบาดเจ็บจากการใช้พลังที่เกินตัว

"อัก"

ชีฟกระอักเลือดสีแดงสดออกมาจากปาก ก่อนจะสลบไปตรงหน้าต้นไม้ใหญ่ที่ตนปลูกขึ้น

"เอื๊อะ"