webnovel

คือฉัน

เราเป็นคนยุให้น้าลินไปหาน้าก้องเองแหละ!

ก็เมื่อเดือนที่แล้วน้าลินเค้าบอกพวกเราเรื่องลาออกจากงานกลางวงอาหารเย็น มีน้ากี้เพื่อนสนิทของน้าลินนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย และน้ากี้ก็เป็นคนแรกที่ให้ความเห็นขึ้นมา

"นี่กี้ไม่นึกเลยจริงๆนะลินว่าวันนี้จะมาถึง หล่อนทำงานถวายหัวให้บริษัทนี้มาขนาดนี้ จู่ๆก็ลาออกซะงั้น แถมงานใหม่ก็ยังไม่มี"

"แหมวิสกี้ ยัยลินเค้าอาจจะมารับช่วงต่อร้านเสื้อของชั้นก็ได้" ดูคุณยายไม่แปลกใจเลยที่น้าลินลาออก สงสัยคุณยายกับน้าลินคงคุยๆกันมาบ้างแล้ว

ส่วนเราเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ก็น้าลินทำงานที่นี่มานานแล้ว เปลี่ยนไปทำงานที่ใหม่บ้างก็ดี

"จริงเหรอลิน แกจะมาทำร้านเสื้อลาลาน่าจริงอะ" น้ากี้หันไปหาน้าลินพร้อมด้วยอาการคิ้วขมวด คราวนี้เราเองก็หันไปหาน้าลินแล้วก็คิ้วขมวดตามน้ากี้ด้วย เราไม่เคยเห็นน้าลินเขาจะสนใจร้านเสื้อของคุณยายอย่างจริงจังมาก่อน

"ก็ยังไม่รู้อนาคต รู้แค่ตอนนี้อยากพักก่อน" น้าลินทำหน้าตาเนือยๆ

"ท่าทางแกหมดไฟจริงๆว่ะ แล้วคุณเซนเค้าว่าไงบ้าง" แต่น้ากี้ทำหน้าตากระตือรือร้น

"ก็ไม่ว่าไง" น้าลินตอบด้วยหน้าตาเฉยๆ

อือม์ เราเคยได้ยินจากทั้งน้าลินและทั้งเรนมาบ้างแล้วว่า น้าเซนเขาตั้งแผนกออกแบบใหม่ขึ้นมาซึ่งเป็นคนละแนวทางกับน้าลิน เราเคยเห็นผลงานพวกนั้นแล้วแหละจากงานบ้านและสวนที่บริษัทน้าลินไปออกบูธ โซฟาพวกนั้นก็สวยเรียบๆดี คนละสไตล์กับของน้าลิน แต่ท่าทางจะขายดีกว่า วันนั้นที่งานเราเห็นฝั่งนั้นคนแน่นเชียว แต่ฝั่งของน้าลินเงียบเหงามาก

ก็น่าเห็นใจน้าเซนนะ ทางนั้นก็งาน ทางนี้ก็ผู้หญิงที่ตัวเองชอบ

ใช่ เรารู้ว่าน้าเซนชอบน้าลิน และก็รู้ว่าน้าลินก็ชอบน้าเซน ทำไมจะไม่รู้ ก็เราฉลาดจะตาย เห็นสายตาที่คนทั้งคู่เค้ามองกันก็รู้แล้ว เค้าชอบกันตั้งแต่ก่อนไปบาหลีแล้ว ชอบกันตั้งแต่ตอนที่หัวหินโน่นแล้ว

แต่เราไม่เคยคิดจะคุยเรื่องนี้กับน้าลิน และน้าลินก็ไม่เห็นเคยคิดจะคุยเรื่องนี้กับเรา ปกติบ้านเราคุยกันแทบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้ เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะเรารู้ไงว่าน้าลินเขาก็ชอบน้าก้องด้วย เขาคงไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาเป็นผู้หญิงสองใจ โดยเฉพาะเรา น้าลินเค้าคงพยายามอยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเรามั้ง แต่เราก็เข้าใจน้าลินอยู่บ้างนะ เพราะเห็นน้าก้องอุตส่าห์ขับรถทางไกลมาหาน้าลินบ่อยๆ

และใจจริงแล้ว เราก็เชียร์น้าก้องมากกว่าน้าเซน!

คือเมื่อเทียบกันตรงๆแล้ว เราว่าน้าเซนมาดเท่กว่าน้าก้อง น้าเซนเค้าสไตล์โอปป้า ตัวขาวๆเพรียวๆหน้านิ่งๆตาเรียวๆ ซึ่งเราว่าน่าจะเป็นสเปคสำหรับสาวๆสมัยนี้นะ แต่เราก็ยังอยู่ทีมน้าก้อง เพราะเราเห็นด้วยกับน้ากี้ว่าถ้าน้าลินเป็นแฟนกับน้าเซน น้าลินก็ต้องคอยสู้รบกับผู้หญิงสวยๆในกรุงเทพอีกมากมาย ส่วนน้าก้องเขาอยู่ที่ไร่ คงไม่ค่อยจะได้เจอผู้หญิง แถมน้าก้องก็อายุมากแล้ว สาวๆน่าจะชอบหนุ่มๆอย่างน้าเซนมากกว่า แล้วอีกอย่าง น้าเซนก็ไม่ค่อยมีเวลาด้วย เรนเล่าว่าพ่อทำงานกลับค่ำทุกวัน เราว่าน้าเซนไม่มีเวลาดูแลเอาใจใส่น้าลินเท่าน้าก้องหรอก ถึงจะทำงานที่เดียวกันก็เถอะ

ที่สำคัญ น้าก้องไม่มีลูกติดเหมือนน้าเซน น้าก้องคงรักเราได้มากกว่าน้าเซนแน่ๆ ก็น้าเซนเค้ามีเรนอยู่ เค้าก็ต้องรักเรนมากกว่าเราอยู่แล้ว ส่วนน้าลินก็รักทุกคน ถึงเราจะรู้ว่าน้าลินรักเรา ถ้าน้าลินแต่งงานกับน้าเซน น้าลินก็ต้องแบ่งไปรักเรนด้วย แต่ถ้าน้าลินแต่งงานกับน้าก้อง เราก็ไม่ต้องแบ่งน้าลินให้กับใคร และที่ผ่านมา น้าก้องเค้าก็ดูแลเราสม่ำเสมอดีมากด้วย มากกว่าน้าเซน

"ช่วงนี้ว่างแล้ว น้าลินไม่ไปเยี่ยมน้าก้องเค้าที่ไร่บ้างหรือคะ" เมื่อหาจังหวะได้ เราจึงถือโอกาสนำเสนอน้าลิน "เห็นน้าลินเคยบอกว่าอยากลองไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดดู แบบใช้ชีวิตพอเพียงอยู่กับธรรมชาติน่ะค่ะ"

เราเคยได้ยินน้าลินกับน้ากี้เขาคุยกันเรื่องนี้ เข้าใจว่าคนวัยสามสิบกว่าๆจะสี่สิบ เขาจะถึงวิกฤตวัยกลางคนกัน

"ลิสาเคยเห็นผ่านๆจากพวกเพจในเฟซบุ๊คน่ะค่ะ ลิสาว่านะคะ ที่น้าลินลาออกจากงาน น้าลินอาจจะเป็นอย่างที่เค้าเรียกกันว่าสภาวะ Midlife-Crisis น่ะค่ะ คนในวัยนี้บางคนเขาเริ่มจะคิดทบทวนหรือประเมินชีวิตของตัวเองอย่างจริงจัง แล้วก็ตัดสินใจทำอะไรฉับพลัน ตัวอย่างเช่น มีหลายคนที่คิดว่างานที่เขาทำอยู่ช่างไม่มีความสุขเอาซะเลย จู่ๆเค้าก็ลาออกจากงานประจำมาเปิดร้านกาแฟหน้าตาเฉย ส่วนบางคนอยู่ๆก็คิดว่าคู่ชีวิตนั้นไม่ใช่คู่แท้ เค้าก็ลุกขึ้นมาหย่ากัน"

เราลองวิเคราะห์ไปยาวเหยียด แล้วก็เห็นทั้งคุณยาย น้าลิน แล้วก็น้ากี้ทำหน้าอึ้งไปตามๆกัน

งั้นก็แสดงว่าพวกเค้าเห็นด้วยกับเรา

"สาววัยกลางคนอย่างน้าลินก็น่าจะทดลองหาอะไรใหม่ๆในชีวิตดูไหมคะ อย่างเช่นการไปเป็นชาวไร่กับน้าก้อง" เราพุ่งตรงเข้าประเด็นทันที เพราะเราอยากให้น้าลินได้ลงเอยกับน้าก้องเสียที

เราไม่เหงาหรอกนะถ้าน้าลินเขาจะไปอยู่ไร่กับน้าก้อง ปกติตอนอยู่กรุงเทพนี่น้าลินก็ไม่ค่อยจะได้อยู่บ้านอยู่แล้ว แล้วเราก็จะได้ถือโอกาสไปเยี่ยมน้าลินที่ไร่บ่อยๆ เราอยากไปขี่ม้า เราชอบขี่ม้า

"อย่างคุณลลินเนี่ยนะจะไปเป็นชาวไร่ชาวสวน ชั้นล่ะนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ" แต่เหมือนคุณยายจะไม่เห็นด้วย

"โอว ความคิดดีค่ะลิซ่า น้ากี้อยากมีเพื่อนเป็นคุณนายเจ้าของไร่เก๋ๆสวยๆ นั่งจิบไวน์ชมพระอาทิตย์ตกดิน" แต่น้ากี้เหมือนจะเห็นด้วย

"คุณนายชาวไร่นั่งเฉยๆจิบไวน์น่ะหรือจ๊ะวิสกี้ ไม่มีทางเสียหรอก เธอก็น่าจะรู้จักเพื่อนของเธอดีว่าเป็นพวกไฮเปอร์ขนาดไหน ถ้ายัยลินเค้าไปอยู่ที่นั่นจริงๆ ก็คร้านจะรีบไปช่วยเขาทำไร่ แล้วก็ลงเอยด้วยการทำไม่เป็น ไม่ชอบ" เหมือนคุณยายจะรู้จักน้าลินเป็นอย่างดี

"ของอย่างนี้มันต้องลองฮ่ะคุณแม่ ไม่แน่ ใครจะไปรู้ ลินเขาอาจจะติดใจวิถีชาวไร่ชาวสวนปลูกผักไฮโดรเปอร์นิกส์อย่างพอเพียง" เหมือนน้ากี้จะยังให้โอกาสน้าลิน

"ชั้นท้าได้เลย ว่ายัยลินไปอยู่ที่ไร่ได้ไม่เกินสองอาทิตย์" คุณยายส่งคำท้าทายมาในที่สุด

"ว่าไงคะน้าลิน ลิสาว่าน่าสนใจดีออกนะคะ ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้วค่ะ น้าลินก็ว่างงานอยู่ แล้วน้าก้องก็มาชวนบ่อยมาก" เราหันไปทางน้าลินซึ่งยังคงนั่งเงียบๆ ดูท่าทางหน้าตาครุ่นคิด

เราว่าระยะหลังๆนี่น้าลินดูท่าทางไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเมื่อก่อนเลยแฮะ น้าลินเปลี่ยนไปอ่า ดูซึมๆเครียดๆยังไงไม่รู้ ไม่ใช่น้าลินคนเก่าของเรา

งั้นต้องรีบส่งน้าลินไปอยู่ที่ไร่โดยด่วน ไปรับอากาศบริสุทธิ์บำบัดจิตใจ เราอยากได้น้าลินคนเก่าของเรากลับคืนมา

"ได้ลองทำอะไรแปลกๆที่ยังไม่เคยลอง น่าตื่นเต้นน่าสนุกจะตายค่ะ" ต้องหยอดไปเรื่อยๆ ชัยชนะของเราอยู่แค่เอื้อม "เป็นชีวิตที่ใครๆก็ใฝ่ฝันเลยนะคะ ลิสาเห็นดาราเขาโพสต์ภาพชีวิตกับธรรมชาติในอินสตราแกรมกัน ดูแล้วมีความสุขดีมากๆ หน้าตาพวกเค้ายิ้มแย้มแจ่มใสอิ่มเอิบกันทุกคนเลยค่ะ ลิสาเคยได้ยินมาว่าธรรมชาติจะช่วยเยียวยาทุกสิ่ง"

และแล้วเราก็เห็นประกายแห่งความหวังวูบวาบขึ้นมาให้ดวงตาโตๆคู่นั้นของน้าลิน

สำเร็จ!

และแล้วในที่สุดเราก็ได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ไร่ของน้าก้องหลังจากน้าลินมาอยู่ที่นี่ได้สองอาทิตย์ เราขึ้นเครื่องบินมากับคุณยายและน้ากี้แต่เช้า และน้าก้องกับน้าลินก็ขับรถจากไร่ที่ภูเรือไปรับพวกเราที่สนามบินจังหวัดเลย

ก่อนจะกลับเข้ามาที่ไร่ เราขอให้น้าก้องพาไปเที่ยวอำเภอเชียงคานอันแสนจะโด่งดัง เราอยากไปถ่ายรูปกับบ้านไม้เก่าๆเหมือนกับที่เห็นในอินสตราแกรม อยากไปเห็นแม่น้ำโขงตัวจริงหลังจากที่ได้ยินชื่อเสียงมานานจากในหนังสือเรียน

นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้มาภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ตื่นเต้นที่สุดเลย! อากาศก็ร้อนมากด้วย!

แต่เหมือนว่าจะมีเราตื่นเต้นอยู่คนเดียว น้าลินดูเฉยๆทั้งๆที่น้าลินก็เพิ่งเคยมาที่เชียงคานเป็นครั้งแรก ขณะที่เราเดินแวบไปถ่ายรูปตรงโน้นตรงนี้ และซักถามน้าก้องถึงประวัติความสัมพันธ์ไทยลาวและประวัติความเป็นมาของอำเภอเชียงคาน คุณยายก็ขอนั่งรอในร้านกาแฟที่แอร์เย็นๆ คุณยายเขาพกไอแพดมาด้วย เขาบอกว่าระหว่างนั่งรอจะได้ดูแฟชั่นโชว์ที่ปารีสไปพลางๆ ส่วนน้าลินกับน้ากี้เค้าเดินคุยเอื่อยๆไปด้วยกัน และดูจะคุยกันซีเรียสเชียว

นี่หน้าตาน้าลินดูเนือยๆไม่ต่างจากตอนออกจากงานใหม่ๆเลยนะ เค้าเปลี่ยนบรรยากาศมาอยู่ที่นี่ตั้งสองอาทิตย์แล้ว แต่ทำไมดูสีหน้าไม่สดใสขึ้นเลย กลับดูครุ่นคิดหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ

น้าลินไม่ชอบที่นี่เหมือนที่เราวาดหวังไว้หรือ?

"ไงครับลิสา ชอบน้องคริสติน่าใช่มั้ยครับ น้าก้องรู้ว่าลิสาต้องชอบ น้องคริสติน่าเค้าวิ่งนุ่มที่สุดแล้วนะครับ" น้าก้องยิ้มแย้มขณะพาพี่อัศนีควบเข้ามาใกล้ๆเรา น้าก้องตอนขี่ม้านี่เท่สุดๆไปเลย

เช้าวันนี้หลังอาหารเช้า เรากับน้าก้องพากันขี่ม้าออกมาที่ด้านหลังของไร่ซึ่งเป็นบริเวณทุ่งหญ้าเนินเขาเตี้ยๆ เราชอบขี่ม้ามากๆ มันเป็นความฝันของเรามานานแล้วที่จะได้ออกมาขี่ม้ากลางที่โล่งแจ้งอย่างนี้ เราเรียนขี่ม้ามาได้หลายปีแล้วล่ะ สนามขี่ม้าในกรุงเทพส่วนใหญ่จะอยู่ในสปอร์ตคลับ ซึ่งเราว่ามันก็ยังแคบไป ขี่ไม่ค่อยสนุก

"น้องคริสติน่าน่ารักที่สุดเลยค่ะน้าก้อง ฉลาดมากด้วย ไม่ดื้อเลย" เราลูบแผงคอของน้องคริสตี้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะดึงสายบังเหียนเบาๆให้น้องเริ่มออกเดินกลับไปที่ไร่อย่างช้าๆ ส่วนน้าก้องก็บังคับสายบังเหียนของพี่อัศนีให้มาเดินเคียงคู่ไปกับเรา เรากับน้าก้องออกมาขี่ม้ากันได้เกือบชั่วโมงแล้ว ถึงเวลากลับไปที่ไร่เสียที แม้อากาศจะร้อน แต่เราก็สนุกมาก และชอบมาก

"ลิสาอยากให้น้าลินมาอยู่ที่นี่เลยค่ะ ลิสาจะได้มาเยี่ยมน้าลินบ่อยๆ จะได้มาขี่ม้าบ่อยๆ" เราหันไปบอกน้าก้องอย่างจริงใจ แล้วก็เห็นใบหน้าคล้ำแดดที่กำลังหันมาทางเรานั้นชะงักไปนิดนึง

"ลิสาพูดจริงหรือ" แววตานั้นดูเป็นประกายขึ้นหนึ่งแวบ ก่อนจะดูหม่นลงไปอีก แล้วน้าก้องก็หน้ากลับไปเหม่อมองเส้นทางข้างหน้าเหมือนเดิม "แต่น้าก้องดูแล้วน้าลินเค้าไม่น่าจะชอบที่นี่นะครับ เนี่ย อย่างน้าก้องพาน้าลินมาขี่ม้า น้าลินเค้าก็ดูไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่"

"ทำไมพูดยังงั้นล่ะคะน้าก้อง น้าลินเค้าชอบธรรมชาติ เค้ารักสัตว์ เค้าอยากอยู่กับธรรมชาติค่ะ" เราพูดออกไปทั้งๆที่ความจริงแล้วก็เห็นด้วยกับน้าก้องนิดๆ เอ่อ เราว่าน้าลินน่าจะชอบเดินสำเพ็งมากกว่าชอบขี่ม้า

"น้าก้องว่าน้าลินเค้าดูๆยังคิดถึงกรุงเทพมาก แล้วก็อยากอยู่กรุงเทพมากกว่าที่นี่นะ" น้ำเสียงน้าก้องดูเศร้าๆยังไงไม่รู้ "น้าลินเค้าดูไม่ค่อยแฮปปี้ที่จะอยู่ที่นี่"

"น้าลินเค้าคงคิดถึงคุณยายกับลิสามั้งคะ" เรารีบพยายามปลอบใจน้าก้อง

คุณยายเคยท้าไว้ว่าน้าลินไม่น่าจะอยู่ที่ไร่นี่ได้เกินสองอาทิตย์ ตอนนั้นเราไม่เชื่อ เพราะรู้ว่าน้าลินเป็นคนปรับตัวเก่ง แต่ฟังจากน้ำเสียงน้าก้องแล้ว หรือที่คุณยายท้าทายไว้จะถูกต้อง ไร่นี้อาจจะไม่เหมาะกับน้าลินจริงๆก็ได้

แต่ยังไงเราก็ยังเชียร์น้าก้อง

"อีกอย่างน้าลินเค้าอาจยังไม่ชินกับที่นี่ก็ได้ค่ะน้าก้อง" เราปลอบใจน้าก้องต่อไปเรื่อยๆ "แต่อยู่ไปนานๆเค้าต้องชอบมากขึ้นแน่ๆ มีผักสดๆกินทุกวัน ไม่มีรถติด อากาศก็ดี ไม่มีฝุ่น PM 2.5 มีแต่เสียงนกร้อง บรรยากาศตอนพระอาทิตย์ขึ้นก็สวยงามมาก ดีต่อใจอย่างที่สุด"

ได้ผล แววตาของน้าก้องเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกแล้ว

"น้าลินเค้าเล่าให้ลิสาฟังว่ายังไงบ้างครับ เค้าชอบที่นี่ไหม เค้าอยากจะอยู่ที่นี่ไปนานๆหรือเปล่า" และน้ำเสียงของน้าก้องก็ดูกระตือรือร้นขึ้นมา

เอ หรือว่าเราจะพูดมากไปแล้ว เอาไงดี เราควรจะเชียร์น้าก้อง ให้ความหวังกับน้าก้องต่อไปดีหรือเปล่า นี่ชักสงสารน้าก้องขึ้นมาแล้วนะเนี่ย

และขณะที่เรากำลังคิดหนักพร้อมกับพาน้องคริสติน่าเดินไปเรื่อยๆนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของน้าก้องก็ดังขึ้น

"อ้อ มากันแล้วหรือ ได้ ได้ พี่กำลังจะกลับไปเดี๋ยวนี้" น้าก้องคุยกับคนที่ปลายสายสั้นๆ ก่อนจะหันมาทางเรา

"ไปกันเถอะครับลิสา คณะทัวร์เค้ามากันถึงแล้ว" พูดจบน้าก้องก็ให้สัญญาณพี่อัศนีเริ่มออกวิ่งช้าๆกลับไปที่ไร่

เราบังคับสายบังเหียนพร้อมกับใช้เท้าดันเข้าข้างในเบาๆให้น้องคริสติน่าเค้าเริ่มวิ่งเหยาะๆบ้าง ช่วงเช้านี้น้าก้องวางโปรแกรมไว้ให้เรากับคุณยายแล้วก็น้ากี้ไปเยี่ยมชมไร่ไวน์พร้อมกับคณะทัวร์กลุ่มเล็ก ไร่ของน้าก้องเค้าเปิดให้คนข้างนอกเข้าเยี่ยมชมทั่วๆบริเวนได้เฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ น้าก้องไม่ได้มีแค่ไร่ไวน์ แต่ยังมีฟาร์มเลี้ยงสัตว์และปลูกผักเกษตรอินทรีย์อีก เลยมีคนขอเข้าเยี่ยมชมมาเรื่อยๆ น้าก้องเป็นคนขยันมากๆ เป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคสุดๆ เหมาะสมกับน้าลินของเรา

เราต้องพยายามเชียร์ให้น้าลินเป็นแฟนกับน้าก้องให้ได้ อายุน้าลินก็ไม่น้อยแล้ว ถ้าน้าก้องหลุดมือไปล่ะก็แย่เลย เราอยากเห็นน้าลินมีความสุข มีคนคอยดูแลเอาใจใส่ เพราะอีกหน่อยเราก็ต้องเข้ามหาวิทยาลัย ต้องมีอะไรทำในชีวิตอีกเยอะแยะ เราคงจะคอยอยู่ดูแลน้าลินตลอดไปไม่ได้ เราคงจะมีเวลาให้น้าลินกับคุณยายน้อยลง คือถ้าน้าลินแต่งงานกับน้าก้องแล้วมาอยู่ที่นี่ เราจะได้หมดห่วง บางทีคุณยายก็อาจจะมาอยู่ที่นี่ด้วย เราว่าสถานที่อากาศดีๆบริสุทธิ์แบบนี้เหมาะกับคนอายุเยอะๆอย่างคุณยายแล้วก็น้าลิน

ในที่สุดเราก็ตัดสินใจตะโกนออกไป ขณะควบน้องคริสติน่าไปเคียงข้างกับพี่อัศวินของน้าก้อง

"น้าก้องไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ลิสาอยู่ทีมน้าก้องค่ะ ลิสาจะเชียร์น้าก้องเอง"

เราไม่แน่ใจว่าน้าก้องได้ยินเราชัดหรือเปล่า เพราะน้าก้องไม่ได้หันหน้ามาตอบรับ น้าคงจะกำลังรีบกลับไปที่ไร่เพื่อไปต้อนรับชาวคณะทัวร์

เราไม่รู้ว่าน้าก้องเค้าจะเริ่มถอดใจแล้วหรือยัง

แต่ถ้าน้าก้องรักน้าลินจริง น้าก้องก็ต้องรอได้ …ใช่ไหม

เรากับน้าก้องใช้เวลาไม่นานก็ขี่ม้ากลับกันมาถึงที่บริเวณประตูทางเข้าไร่ ที่ตรงนี้น้าก้องเขาจัดเป็นพื้นที่สำหรับแผนกต้อนรับ เป็นโรงไม้เล็กๆโปร่งๆเปิดโล่งมีหลังคา มีม้านั่งไม้ยาวๆเป็นแถวๆ

นั่นไง คุณยายกับน้ากี้นั่งรออยู่แล้ว และกลุ่มคณะผู้เข้าเยี่ยมชมประมาณห้าหกคนก็กำลังนั่งบ้างยืนบ้างดื่มน้ำที่พนักงานของทางไร่จัดมาให้

หลังลงจากม้าและส่งพี่อัศวินและน้องคริสติน่าให้กับคนงานในไร่ที่มารับไปแล้ว น้าก้องก็เดินไปทักทายกับชาวคณะทัวร์ ส่วนเราก็เดินไปรับแก้วน้ำที่น้ากี้ยื่นมาให้ดื่ม แล้วก็คุยกับคุณยายนิดหน่อย ก่อนจะเดินเข้าไปหาน้าลินที่กำลังยืนคุยอยู่กับผู้หญิงท่าทางเท่ๆคนนึงไม่ไกลจากกลุ่มของคณะทัวร์ เราอยากรู้ว่าน้าลินกำลังคุยอยู่กับใคร

"อ้าว ลิสามาแล้ว นี่มารู้จักพี่มินตราเค้าสิจ๊ะ"

พี่มินตรา? ชื่อนี้คุ้นมาก เคยได้ยินจากที่ไหนนะ

"พี่มินตราจากทีมออกแบบทีมใหม่ของบริษัทน้าเซนไงจ๊ะ นี่ลิสาหลานสาวพี่เอง เค้าเป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับเจ้าเรนลูกชายคุณเซน" น้าลินแนะนำเราทั้งสองคนให้แก่กันและกันอย่างยิ้มแย้ม

ว้าว นี่หรือพี่มินตรา คู่แข่งคนสำคัญของน้าลิน! เราเคยได้ยินเรนพูดถึงอยู่เหมือนกัน เราพิจารณาดูพี่มินตราที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว อือม์ ถึงจะทำงานออกแบบเหมือนกัน แต่หน้าตาท่าทางพี่เค้าก็ดูเป็นคนละสไตล์กับน้าลินนะ คือยังไงดีล่ะ พี่เค้าดูเป็นวัยรุ่นกว่าเยอะ

"สวัสดีค่ะ" เรายกมือไหว้ ไม่แน่ใจว่าพี่เค้าอายุมากกว่าเราเท่าไหร่ แต่ก็ไหว้ไว้ก่อนละกัน

"อุ้ย ไม่ต้องไหว้ค่ะ พี่ยังไม่สามสิบเลย ไม่ได้แก่ขนาดนั้น พี่ไม่ถือ เราคือเพื่อนกัน"

พี่มินตราพูดนิ่งๆ แต่ว้าว พูดจาตรงไปตรงมาดี ชอบจัง

"พี่มินตรามาเที่ยวแถวนี้หรือคะ ไปอำเภอเชียงคานมาหรือยังคะ ถึงที่นั่นจะอากาศร้อนมาก แต่โดยรวมก็น่าสนใจนะคะ แล้วกลุ่มผู้เยี่ยมชมนี่เป็นเพื่อนๆของพี่หรือคะ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วค่ะที่พี่มินตรามาเยี่ยมชมไร่นี้" เราทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านที่ดี ชวนพี่เค้าคุยสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับไร่ของน้าก้อง

"จ้า พี่มากับเพื่อนๆ มีเพื่อนคนนึงเค้าเป็นคนแถวนี้ พรุ่งนี้กะจะเดินขึ้นภูเรือไปกางเต็นท์นอนกัน นี่ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอพี่ลินที่นี่"

ว้าว เท่จัง ดูเป็นคนรุ่นใหม่เป๊ะๆเลย มานอนเต็นท์บนภูเขากันด้วย อยากไปบ้างจังเลย

"ทุกท่านคะเชิญค่ะ ขึ้นรถได้เลยนะคะ ได้เวลาออกทัวร์ไร่ไวน์กับฟาร์มเกษตรอินทรีย์ของเรากันแล้วค่ะ" เสียงพนักงานแผนกต้อนรับของทางไร่ประกาศผ่านไมค์ลอย ตอนนี้คณะทัวร์เพื่อนๆของพี่มินต่างพากันเดินไปที่รถกอล์ฟขนาดยาวที่จอดรออยู่ข้างๆแล้ว

"โอเคค่ะ มินคงต้องไปแล้ว พี่ลินไม่ไปด้วยกันแน่หรือคะ" พี่มินตราเขาหันไปทางน้าลิน

"ไม่ล่ะจ้า ตามสบายเลย พี่ทัวร์มาหลายรอบแล้วจ้า รอบนี้ให้คุณแม่กับเพื่อนพี่กับหลานเค้าไปกันเถอะจ้า"

เราหันไปก็เห็นคุณยายกับน้ากี้กำลังกวักมือเรียกให้เราไปขึ้นรถ แต่ก่อนที่เราจะเดินไป เราก็ได้ยินเสียงพี่มินตราย้ำอย่างเร็วๆกับน้าลิน

"งั้นมินไปก่อนนะคะ แต่อย่าลืมที่เราคุยกันไว้นะคะ ถ้าพี่สนใจที่มินเสนอ พี่ติดต่อมินมาได้เลย เดี๋ยวมินพาพี่เข้าไปเอง มินว่าพี่ลินเหมาะกับงานนี้นะคะ"

เราหันกลับมามองที่น้าลิน ก็เห็นน้าลินพยักหน้ากับพี่มินตรายิ้มๆ ดูหน้าตาน้าลินสดใสขึ้นแฮะ

พี่มินตราเค้าเสนออะไรให้น้าลินรึ? เรื่องงานหรือเปล่า อยากรู้จังเลย

วันนี้เราเข้านอนเร็วกว่าปกติ เพราะรู้สึกเหนื่อยมากจากการตื่นแต่เช้าตรู่มาดูพระอาทิตย์ขึ้น ต่อด้วยการออกไปขี่ม้า แล้วก็มาทัวร์ไร่ไวน์ และในตอนบ่ายเราก็เข้าฟาร์มตามน้าก้องไปทำงานที่คอกวัว เล้าไก่ แปลงผัก สนุกมากๆเลย ส่วนน้ากี้กับคุณยายเขาไม่อินอะไรกับพวกการเกษตรเท่าไหร่ เขาแค่อยากมาพักผ่อนมีฟีลบรรยากาศต่างจังหวัดแค่นั้น คุณยายเลยขอตัวไปเอนหลังนอนทั้งบ่าย และน้าลินก็เลยพาน้ากี้ไปเดินๆดูตรงนั้นตรงนี้แวบๆ แล้วก็กลับไปนั่งคุยกันที่บ้านพัก สองคนนั่นเขาเหมือนมีอะไรจะคุยกันเยอะแยะไปหมด

บ้านพักรับรองของไร่นี้เป็นไม้สักติดแอร์ทั้งหลัง มีสองชั้น ชั้นล่างถูกจัดเป็นห้องรับแขก และมีครัวเปิดขนาดเล็กอยู่ติดกับประตูด้านข้าง ซึ่งเปิดออกไปจะเป็นชานระเบียงกว้างและมีโซฟาสำหรับนั่งเล่น ส่วนชั้นบนเป็นห้องพักขนาดกว้างขวางสองห้อง เรากับคุณยายพักห้องเดียวกัน น้ากี้พักห้องเดียวกับน้าลิน

เมื่อตอนหัวค่ำที่เราเข้านอน คุณยายยังนั่งคุยกับน้าลินและน้ากี้ที่ระเบียงข้างนอก ที่นี่อากาศตอนกลางคืนเย็นสบายและไม่มียุง ความจริงเราอยากอยู่คุยกับพวกเค้ามาก แต่เราก็เหนื่อยมากและง่วงมากจริงๆ เราจึงเข้าไปนอนก่อน

เราตื่นขึ้นมาอีกทีกลางดึกเพื่อลุกมาเข้าห้องน้ำ มองไปก็แปลกใจที่เห็นเตียงคุณยายยังว่าง เราเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาดูนาฬิกา ห้าทุ่มกว่าแล้ว นี่คุณยายยังไม่มาเข้านอนอีกรึ

เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จ เรารู้สึกคอแห้ง จึงลงมาในครัวชั้นล่างเพื่อจะเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่ม เรามองผ่านหน้าต่างครัวออกไปที่ระเบียงก็เห็นคุณยาย น้าลิน และน้ากี้ยังคงนั่งคุยกันอยู่ท่ามกลางแสงดาว เค้าคุยอะไรกัน?

และขณะเรายืนดื่มน้ำเราก็ได้ยินเสียงคุณยายดังชัดเจน

"ก็อย่างที่เคยคุยกัน เรื่องของงานศิลปะมันไม่ง่าย ถึงแกจะคิดว่างานของแกมันดีเลิศ แต่ก็ใช่ว่าลูกค้าเค้าจะซื้อตลอดไป รสนิยมคนเรามันเปลี่ยนกันได้"

อ่อ คุยเรื่องงานของน้าลินกัน

"ดูท่าทางยังเด้กเด็กนะ ยัยน้องมินตราอะไรนั่น ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเป็นหัวหน้าแผนกออกแบบแทนที่หล่อน" น้ากี้เสียงดังไม่แพ้คุณยาย

"ใช่ปะกี้ วันนี้แกได้เห็นตัวจริงซะที เค้าดูเด็กมากเลยใช่ป่ะ" เสียงน้าลินดูจะค่อยที่สุด

"ก็อย่างว่า บริษัทนี้ก็ไม่ใช่ของแก มันก็ต้องแต่แล้วแต่เจ้าของบริษัทเค้า ที่ผ่านมาแกแค่โชคดีเฉยๆที่ได้ทำอย่างที่แกอยากจะทำ ก็ตอนนั้นคุณราเชนทร์เค้าไม่มีใคร เค้าเลยตามใจแก แต่ตอนนี้ลูกชายเค้ากลับมาแล้ว แกก็บอกอยู่ว่าคุณเซนเค้าก็มีแนวทางของตัวเองชัดเจน" คุณยายเสริมขึ้นมา

"ก็หนูรู้ตัวไงคะแม่ ว่าหนูไม่เหมาะกับที่นั่นแล้ว ก็ถึงได้ลาออก" น้าลินยอมรับเสียงอ่อยๆ

"ก็ดีแล้วล่ะลิน อยู่ไปก็ช้ำใจป่าวๆ หล่อนก็บอกเองว่าโปรดักต์ของยัยน้องมินตราเค้าขายดิบขายดี ส่วนลายดอกไม้ขอหล่อนก็ขายไม่ออกแล้ว" เหมือนน้ากี้จะปลอบใจและทับถมน้าลินไปพร้อมๆกัน

"ช่างเถอะ ไหนๆก็ลาออกมาแล้ว ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องมินตรงมินตราอะไรนั่นแล้ว มาเรื่องตาก้องดีกว่า แกจะว่าไง แกมาอยู่กับเค้าสองอาทิตย์นี่ ก้องเค้าก็มีความหวังไปไหนต่อไหนแล้ว" คุณยายกำลังเริ่มประเด็นที่น่าสนใจที่สุด

"ก็คงไม่ได้ไปต่อแล้วล่ะค่ะแม่" คราวนี้น้าลินเสียงอ่อยยิ่งกว่าเดิม

หา! ไม่นะ! น้าลินจะเทน้าก้องแล้วเหรอ

"นั่นยังไง แกเชื่อชั้นแล้วรึยังว่าแกน่ะไม่เหมาะกับที่นี่ ชั้นก็บอกแกแล้ว แกทิ้งตัวตันของเแกไม่ได้หรอก งั้นก็กลับกรุงเทพพร้อมกันเลยละกัน"

คุณยาย! อย่าฟันธงอย่างนั้นสิคะ!

เราต้องรีบออกไปยับยั้งคุณยายไว้ก่อนดีกว่า

แต่เดี๋ยวนะ! เราควรจะแอบอยู่ตรงนี้รอฟังความรู้สึกของลินก่อนดีไหม เพราะถ้ามีเราอยู่ร่วมวงด้วย น้าลินอาจจะไม่ยอมพูดเรื่องความรู้สึกออกมาตรงๆก็ได้

"ค่ะ ก็คงจะกลับกรุงเทพไปพร้อมกัน"

หา! ไม่นะ! นี่น้าลินตัดสินใจแล้วเหรอ

"กี้ว่านะฮะแม่ ที่ลินมันอยากกลับกรุงเทพแล้ว คงไม่ใช่เพราะเรื่องทำงานหนักที่ไร่นี่หรอก แต่เพราะลินมันไม่ได้รักก้องแล้วมากกว่า ถ่านไฟเก่าจุดไม่ติดแล้วฮ่ะแม่ ถ่านมันชื้นไปแล้ว ขึ้นราแล้วด้วยซ้ำมั้งเนี่ย"

"งั้นก็ดี ตัดสินใจได้แล้วก็ดี ผู้ชายน่ะถึงแม้เค้าจะเป็นคนดี แต่ถ้าเราไม่รักเค้ามันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ก็ถ้าเราไม่คิดจะพึ่งพาใคร แกก็ไม่เห็นจะต้องกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียว ดูอย่างชั้นสิ ตั้งแต่พ่อแกตาย ชั้นก็ไม่เห็นจะต้องมีใครใหม่ ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่ากับตัวเราเองหรอก"

ในที่สุดคุณยายก็เป็นคนที่รู้จักน้าลินดีที่สุด คุณยายมองขาดมากทั้งเรื่องความรักและเรื่องการงาน

ว้า เสียดายจัง น้าลินเค้าคิดอะไรของเค้า เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องตัดสินใจยาก

นี่น้าลินยอมเสียผู้ชายดีๆเพอร์เฟคอย่างน้าก้องได้จริงๆเหรอ

เราก็แค่ต้องเลือกผู้ชายที่ดีที่สุดที่รักเราจริงไม่ใช่เหรอ

ใครๆก็รักผู้ชายดีๆกันไม่ใช่เหรอ

ทำไมความรักของผู้ใหญ่มันช่างซับซ้อนจัง…