webnovel

ระบบตกหนอนหนังสือไปเปิดไฟท์ที่ต่างโลก

เรื่องที่ 2 ฉันปิดด่านเทินดาร์กมาตบพระเอกแทนได้ไหม

ตอนที่ 1

การพยายามขุดตนเองออกมาจากหลุมที่ตกลงมาจากการท่องกระบี่ใช่ง่าย เซลล์ทั้งร่างร้องไห้งอแงจากความเจ็บทั้งแรงกระแทกทั้งโดนฟ้าผ่า จินตกชในร่างเสี่ยวผานนั่งหมดสภาพต่อให้พลังแม็กซ์แค่ไหนโดนเข้าไปขนาดนี้กว่าจะฟื้นตัวได้คงอีกพักใหญ่

"ว่าแต่แถวนี้มันที่ไหนกันหว่า?" เพิ่งได้มองสำรวจสถานที่ ป่าไม้ใบหญ้าทว่ายามนี้โก๋นเป็นวงกว้างคาดว่าคงโดนสายฟ้าด้วยนั่นแหละ กวาดตามองได้แวบเดียวก็ต้องเผ่นหน้าตั้ง

สายฟ้าเจ้าเก่าแต่เส้นใหม่ดิ่งลงมาเหมือนจินตกชมีสายล่อฟ้าส่วนตัวติดตั้งไว้ คนทั้งแท่งกับความเร็วแสงมันจะหลบพ้นได้อย่างไร ตูมที่สองต้อนรับคนขี้ริ้วมาเยือนนิยายแนวเทพเซียน ชาดิกไหม้เกรียมควันกรุ่นรอบสอง จินตกชไม่ได้แหกปากส่งเสียงสักแอะ ไม่ใช่อะไรเจ็บชาจนร้องไม่ออกน้ำตาไหลไม่รู้ตัว เจ้าตัวแทบลงไปชักดิ้นชักงอที่พื้นถ้าไม่กลัวกลิ้งแล้วเจ็บกว่าเดิม แต่บางทีเจ็บจนชาแบบนั้นอาจไม่รู้สึกแล้วก็ได้

"บ้าเอ๊ย มันอะไรกันถึงเคยอ่านบทความของนักวิทย์ว่าถ้ามีเมฆฝนในระยะสามสิบกิโลเมตรถึงทางนี้แดดเปรี้ยงๆ สายฟ้าก็พุ่งมาถึงได้ แต่ที่นี่ไม่น่าเป็นแบบนั้น หรือมีใครผ่านด่านเคราะห์และนี่คือทัณฑ์สายฟ้า... แล้วมันพุ่งมาหาฉันได้ไง!" บ่นพลางสปริงตัวขึ้นจากฟื้นแล้วตวัดมือขึ้นฟ้าแบบครึ่งวงกลม

"สะบั้นสุญญากาศ!"

คมดาบสุญญากาศระดับเริ่มต้นชนกับสายฟ้าอีกเส้นพอดีเกิดเสียงดังสนั่นแก้วหูแทบดับ สะเก็ดไฟเล็กๆ น้อยๆ กระจายไปทั่ว ใช่ว่าจินตกชรู้ว่าสายฟ้ากำลังผ่าลงมาเขาแค่สัมผัสได้ถึงอันตรายจึงตวัดมือออกไป จากนั้นก็ได้โต้กับสายฟ้าอีกหลายครั้ง บริเวณรอบตัวเปลี่ยนสภาพจนไม่เหลือเค้าเดิม

"ทำไมในทุกเรื่องผู้บำเพ็ญต้องผ่านด่านเคราะห์ด้วยฟะ แล้วยังบอกว่าทัณฑ์สวรรค์มีเพราะสวรรค์อิจฉา ตลกชะมัด ถ้าสวรรค์มีความนึกคิดแบบนั้นจริงแสดงว่าจิตวิญญาณแห่งสวรรค์ใจแคบหรือ ไม่มีทางเลย สวรรค์คือแดนที่รองรับผู้มีพลังแบบมนุษย์จินตนาการไม่ถึงจิตวิญญาณแห่งแดนนั้นยิ่งครองพลังคนละมิติกับผู้อาศัยเลยด้วยซ้ำแล้วจะมาอิจฉาเนี่ยนะ คิดได้นะเว้ยชาวมนุษย์ ถ้าบอกว่ามันคือด่านทดสอบความแน่วแน่ทั้งจิตและกายนั่นน่าเชื่อถือมากกว่า แต่ไม่ว่าท่านผู้เขียนจัดมาแบบไหน มันก็ไม่ควรดิ่งมาซบอกแบนๆ ของฉันไม่ใช่เหรอ ไอ้ฟ้าผ่ากลางแจ้งเนี่ย!!" จินตกชของประท้วง แต่ก่อนหน้านั้นมือเป็นระวิงกับการสะบั้นสายฟ้าอยู่เนี่ย ทักษะที่มีแค่ขั้นเริ่มต้นฉะนั้นไม่สามารถลบล้างได้ทั้งหมด หักล้างได้แค่ครึ่งเดียวอีกครึ่งรับไปเต็มๆ จากที่ขี้ริ้วอยู่แล้วยามนี้อัปลักษณ์จนสวรรค์หลับหูหลับตาแล้วล่ะ

สายสุดท้ายผ่าโครมลงมาพอดีทักษะหมดเช่นกันจินตกชเลยไหม้เกรียมส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายสัตว์อสูรแถวนั้นได้อย่างร้ายกาจ ทว่าเจ้าตัวไร้แรงขยับแม้แต่ปลายนิ้ว คาดว่าภารกิจที่รับมาในเรื่องนี้ล้มเหลวเสียกระมัง ทั้งโมโหทั้งเจ็บใจในความไม่ได้เรื่องของตน

โฮรก!

สัตว์อสูรร่างเหมือนหมาป่าทว่ามีใบหน้ายาวคล้ายงูพิษสิบกว่าตัวพุ่งเข้าใส่ก่อนถึงตัวคนขี้ริ้ว สายพลังทำลายสีทองอร่ามฟาดโครมกำจัดพวกมันได้ทั้งหมดในครั้งเดียว จินตกชมองไปทางที่สายพลังพุ่งมา

'คุณพบพระเอก ลู่เยวี่ยสือ ผู้บำเพ็ญเพียรระดับจินตานขั้นปลาย'

อย่าบอกนะว่าสายฟ้าเมื่อครู่มาจากพ่อคุณผ่านด่านเคราะห์ ไม่น่าใช่นะ สภาพพ่อคุณเรี่ยมเชี่ยมเกินไป เยินนิดฝุ่นเกาะหน่อยก็ไม่มี แต่หน้าตาที่สุดของคุณภาพเหมือนพระเอกทุกเรื่อง

ผมดำดุจขนนกกาน้ำยาวตรงสวมกว้านหยกแดงไว้อย่างเรียบร้อย รูปร่างสูงโปร่งเอวสอบขายาวน่าอิจฉา ดวงตาสีดำมีประกายราวท้องฟ้ายาวค่ำอันเต็มไปด้วยประกายแสงดวงดาว ฮั่นฝูที่สวมอยู่สีชาว ส่งให้เขาดูบริสุทธิ์และสูงส่งประดุจเซียนบนสวรรค์แล้วคนแบบนี้จะเทินดาร์กเพื่อทำลายโลก... ไม่เห็นเหตุผลให้เขาทำแบบนั้นได้เลยครับอินจัน

"เจ้า ผานเฉียงเต้าใช่ไหม?"

จำไม่ได้ไม่แปลกครับ สภาพเกรียมขนาดนี้แผนกพิสูจน์หลักฐานยังร้องหาแม่เลยนะ ไม่ได้โม้

"ก็ข้านะสิ มีใครในโลกหน้าตาแบบนี้อีกเล่า เจ้าศิษย์น้องความจำสั้น" ใช่แล้วครับ พระเอกเป็นศิษย์น้องเพราะเข้าสำนักทีหลังแต่พรสวรรค์เหนือกว่าอาจารย์ในสำนักทุกท่านเสียอีก นี่แหละลูกรักนักเขียนส่วนฉันก็ตัวประกอบใช้แล้วทิ้งทั่วไป

ลู่เยวี่ยสือขมวดคิ้วสายตาบ่งบอกความไม่ชอบใจที่ถูกศิษย์พี่ผู้เกือบถูกมองว่าเป็นสวะพูดใส่แบบนั้น "ความจำเจ้าต่างหากกระมังที่สั้น ถึงลืมไปว่าต้องเรียกข้าอย่างไร"

ฉิบเป๋งเลี้ยว เนื้อเรื่องเว้ยพระเอกตอนนี้อยู่ในฐานะอะไร

'เนื้อเรื่องผ่านตาด้วยความเร็วสูง เปิดใช้ทักษะวิสัยทัศน์ระยะไกลขั้นต้นทำให้เนื้อหาทั้งหมดเข้าสู่ความทรงจำ'

การแต่งกายยามนี้บวกกับหยกพกห้อยข้างเอวทำให้ทั้งยุทธภพรู้ว่าตอนนี้พระเอกรักษาการณ์รองเจ้าสำนัก ไม่ว่าศิษย์คนไหนยกเว้นแค่ผู้อาวุโสรุ่นเดียวกับเจ้าสำนักเขาฮู่ซานเท่านั้นต้องทำความเคารพและเรียกเขาว่ารองเจ้าสำนัก

"ท่านรองเจ้าสำนักขอบคุณที่เมตตาช่วยเหลือข้าน้อย" จินตกชเปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงนอบน้อมสุดชีวิตหวังว่าคุณท่านจะใจกว้างไม่ถือสาหาความ ถ้าตอนนี้มีรอยบาทาเพิ่มเขาคงกลับดาวหนังสืออย่างไม่ลังเล

ชายหนุ่มปรายตาใส่อย่างเหยียดหยาม แล้วหันหลังเดินจากไปเสียง่ายๆ ปล่อยคนขี้ริ้วหาทางพาสภาพสุดอนาถกลับสำนักเอง ซึ่งจินตกชไม่ว่าไรอยู่แล้ว เขาชินกับการดูแลตนเองทำอะไรทุกอย่างด้วยตนเองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เจ็บเองก็หายเองสิรอใครเมตตาทำไม

จินตกชค่อยๆ เดินลากขาไปตามความทรงจำว่าอีกสองลี้มีเมืองใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ ไปหายากินยาทาเอาที่นั่นละกัน กำลังจะเดินไปสายตาเหลือบไปเห็นกระบี่เล่มที่เอามาแว้นจนร่วงวางนิ่งอยู่ไม่ไกล จึงยื่นมือออกไปด้านหน้า

"มา" สั่งเสียงหนักแน่นเลียนแบบนิยายบางเรื่อง ไม่รู้หรอกว่าเรียกมาได้หรือเปล่าเพราะในเรื่องนี้ไม่มีบอกไว้ ทว่าได้ผลกระบี่เล่มนั้นลอยลิ่วมาสู่มือ "เรียกได้ด้วยแฮะพลังเสี่ยวผานใช่เล่นนี่หว่า" เอ่ยชมร่างที่อาศัยแบบหารู้ว่านั่นพลังขั้นแม็กซ์ของตนต่างหาก เหมือนเรื่องก่อน ถ้าพลังของเสี่ยวผานท่องกระบี่ได้เร็วกว่าเดินนิดหน่อย จินตกชก็ท่องกระบี่ได้แบบเอฟวันนั่นแหละ สายฟ้าที่โดนนั่นด้วย เสี่ยวผานตัวจริงโดนเข้าไปคงกลายเป็นผงตั้งแต่เปรี้ยงแรกแล้ว ไม่มีโอกาสมาไหม้เกรียมแบบจินตกชหรอก

"ว่าแต่คมกระบี่บิ่นหมดเลย สายฟ้านั่นโหดเอาเรื่องจริงๆ ซ่อมได้ไหมหว่า" ลองสะบัดๆ แล้วเก็บด้วยวงแหวนมิติ ซึ่งมีความกว้างห้าลูกบาศก์เมตรเลยทีเดียว เก็บของได้มากมาย "ในเมืองมีร้านนี่นาเอาไปให้ดูสักหน่อยดีกว่า" ว่าแล้วลากขากระโผลกกระเผลกไปตามทางกว่าจะถึงเมืองเล่นเองหอบลิ้นยาว

มองหาร้านหมอก่อนเป็นอันดับแรก ทว่าสายตาดันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มหญิงสาวกับเด็กชายตัวน้อยกำลังพูดบางอย่างกับชายกลุ่มหนึ่ง ถ้าแค่คุยธรรมดาจินตกชคงไม่ยืนฟัง

"ทั้งตัวเล็กทั้งผอมเจ้ายังเรียกตั้งสามสิบเหรียญ ข้าไปซื้อที่ดูดีกว่านี้น่าจะคุ้มค่ากว่า" ชายร่างสูงใหญ่หนวดดกจ้องเจ้าตัวเล็กแล้วส่ายหน้า

"เห็นแบบนี้มันใช้งานได้มากกว่าที่ท่านเห็นนะ สามสิบเหรียญสมค่าของมันแล้ว" ชายหนุ่มที่จับไหล่เด็กชายพูดพลางผลักไปให้กลุ่มชายหนวดดกดูชัดๆ

คนในกลุ่มสองคนนั่งลงพิจารณาท่ามกลางสายตาหวาดกลัวของเด็กคนนั้น "พอใช้ได้อยู่เหมือนกัน นายท่านซื้อไว้เถอะ"

หนุ่มสาวสองคนได้ยินอย่างนั้นยิ้มหน้าบานทันที ครู่เดียวเหรียญทองสามสิบเหรียญก็ส่งให้สองคนนั้น

"แล้วพวกข้าจะเอามาขายใหม่ในท้องครั้งนี้น่าจะแฝดด้วย" สาวเจ้าลูบท้องซึ่งนูนออกมาเล็กน้อย

"เออ เอาที่ดีๆหน่อยล่ะ"

"ได้สินายท่าน"

มันเป็นการค้าขายคน ในเรื่องบอกว่าพ่อแม่ขายลูกกินเป็นเรื่องปกติ แทบหาไม่เจอแล้วด้วยซ้ำครอบครัวที่ไม่เคยขายลูก มันเป็นการหาเงินได้ง่ายที่สุด ซ้ำการคลอดลูกของเรื่องนี้มีความปลอดภัยแบบสองร้อยคนจะมีเสียชีวิตสักคนเท่านั้น ขายง่ายราคาดีไม่ต้องสนใจว่าเด็กที่ขายไปเจออะไรบ้างในอนาคต สามสิบเหรียญทองเมื่อครู่พอให้ทั้งสองใช้ชีวิตได้สบายถึงสามปี แต่คนแบบนั้นหรือไม่กี่เดือนก็หมดแล้ว

จินตกชยืนอึ้งรู้ว่านี่คือนิยายและตนไม่มีทางเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ พระเอกเองก็โดนขายทว่ายังโชคดีหลังจากโดนใช้แรงงานหนักมาสี่ปีท่านอาจารย์ไปเจอเข้าเห็นพรสวรรค์เลยซื้อตัวมา เลี้ยงดูสั่งสอนให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไปโดยไร้ความรัก แค่เอามาใช้งานเท่านั้น พอพระเอกขึ้นเป็นเจ้าสำนักก็จะกลายเป็นมือเท้าที่ซื่อสัตย์ต่ออดีตเจ้าสำนัก ที่ฮู่ซานก็ซื้อคนมาใช้แล้วทิ้งมากมายเช่นกัน

ที่จริงมันก็ทุกสำนักทั้งธรรมและอธรรมต่างใช้แล้วทิ้งทั้งนั้นมันกลายเป็นเรื่องปกติก็ในเมื่อเรื่องมันกำหนดมาแบบนี้นี่นา ซึ่งแบบนี้มันเป็นแนวที่จินตกชไม่ชอบอ่านเลย ถ้าหลงอ่านไปไม่กี่ตอนก็เลิกอ่าน ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมพระเอกต้องทำลายโลกนี้แล้วสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ ระหว่างที่โดนใช้แรงงานหนักน้องชายน้องสาวที่โดนขายมาด้วยกันโดนทารุณกรรมจนตาย พวกนั้นทำราวน้องทั้งสองของเขาไม่ใช่คน ส่วนตัวเขาโดนหักแขนสองข้างต้องใช้ปากคาบของใช้แรงงาน ส่วนพ่อแม่ไม่ต้องถามถึงไม่เคยใส่ใจแล้วยังมีบางครั้งเอาเด็กมาขายอีกด้วย

พลังฝ่ายเซียนช่วยให้กวาดล้างผู้ทรงอำนาจทั้งโลกได้ก็จริงอยู่แต่ต้องใช้เวลานับร้อยๆ ปี ความเหนื่อยยากนั้นทำคนอ่านทั้งหลายท้อใจแทนพระเอก ระบบจึงส่งเขามาช่วยเร่งความสำเร็จให้พระเอกได้พลังทำลายที่รุนแรงมากขึ้นในเวลาสั้น พระเอกถึงจะทำลายทุกอย่างแล้วเริ่มใหม่ได้ไวทันใจนักอ่านทั้งหลาย และวิธีนั้นก็คือเข้าไปปิดด่านให้ธาตุไฟเข้าแทรกแล้วเทินดาร์กออกมาถล่มโลกนั่นเอง

"ที่เจอวันนี้สภาพจิตใจพระเอกเสถียรมากปิดด่านตอนนี้ก็ไม่โดนธาตุไฟเข้าแทรกหรอก ต้องทำยังไงพ่อคุณถึงจะสติแตกได้นะ" จินตกชมองเด็กคนนั้นอีกครู่หนึ่งแล้วเดินจากไป ทำใจให้ยอมรับว่าเป็นแค่คนอ่านเท่านั้น ไม่ใช่นักบุญ ตามทางเดินมีทาสใช้แรงงานมากมาย ถูกด่าทอถูกเฆี่ยนตี ถูกทุบตีทำร้ายมีตลอดทาง "โลกแบบนี้พังไปเลยก็ดีนะ"

"อะไรพัง?"

"ลู่เยวี่ยสือ!" จินตกชไม่รู้เลยว่าพระเอกมายืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ พอเขาส่งเสียงเข้มๆ เลยทำทางนี้ผงะเลิ่กลั่กแล้ว "เจ้า เอ๊ยท่านรองเจ้าสำนักอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่"

ลู่เยวี่ยสือจ้องคนขี้ริ้วนิ่งๆ "มันแปลกที่เจ้าไม่โวยวายไม่อาละวาดพาลใส่คนอื่น ทั้งที่ปกติเจ้าคงดิ้นพล่านไม่หยุดแล้ว"

นิสัยผานเฉียงเต้าคือปากเสียนิสัยเสียอารมณ์รุนแรง ทำร้ายคนอ่อนแอกว่าระบายอารมณ์เสมอเมื่อไม่ได้ดั่งใจ ฉะนั้นเมื่อมาถึงเมืองอย่างแรกที่เจ้าตัวประกอบคนนี้ควรทำคืออาละวาดทำร้ายคนพังร้านค้า เพราะงั้นยามนี้ร้านค้าต่างๆ ถึงมองมาอย่างหวั่นใจปนรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง ถ้าไม่ให้ผิดปกติเขาต้องทำแบบนั้นทว่าเขาไม่ใช่ผานเฉียงเต้านี่นา

"ข้าเบื่อที่จะทำแบบนั้นแล้ว" จินตกชโคลงหัวแล้วมองหาร้านขายยา ในวงแหวนเก็บของมีเหรียญให้ใช้จ่ายได้มากโข ซื้อยากินยาทาชั้นดีได้แน่นอน

"เหอะ สันดานมันเบื่อแล้วเลิกได้ด้วยหรือไง" ลู่เยวี่ยสือแค่นเสียงทั้งดูถูกทั้งรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง

จินตกชจงใจมองพระเอกตรงๆ แล้วกวาดตาไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วไล่ตั้งแต่เท้าจรดหัวจากนั้นยักไหล่ แล้วเดินจากมา เขาเห็นร้านขายยาแล้ว ไม่เสียเวลาต่อปากต่อคำอย่างหาประโยชน์ไม่ได้แล้วล่ะ

สีหน้าลู่เยวี่ยสือนิ่งเย็นลงอีกระดับเขาจ้องตามแผ่นหลังของคนขี้ริ้วที่เดินผละไปแบบไม่สนใจเขาสักนิด ผลุบหายเข้าร้านขายยา ชั่งใจครู่หนึ่งแล้วก้าวตามไป ความแปลกไปที่อธิบายไม่ได้ของผานเฉียงเต้าทำเขารู้สึกไม่เข้าใจตนเองที่ทำไมยังไม่กลับสำนักแต่มาตามดูพฤติกรรมเสียอย่างนั้น เขามาเพราะเห็นสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ผ่าลงมาในเขตสำนักฮู่ซานทั้งที่บนฟ้าไร้เมฆ นั่นทำให้เขารู้ว่ามีใครบางคนกำลังผ่านด่านเคราะห์และใช้ใครสักคนบริเวณนั้นเป็นตัวตายตัวแทนในการรับสายฟ้า ลู่เยวี่ยสือจึงออกไปดูบริเวณสายฟ้าฟาดลงมาแต่ใครจะคิดว่าคนที่โดนเวทตัวตายตัวแทนคือศิษย์สวะของสำนัก

"สายฟ้าระดับนั้นไม่ได้เบาเลย เหตุใดเจ้าสวะนั่นถึงไม่เป็นไรเลย"

ถ้าจินตกชได้ยินคงสวนกลับไปด้วยเสียงร้อยแปดสิบหลอดแล้วว่าเป็นเว้ย เกรียมจนแผนกชันสูตรร้องไห้อยู่เนี่ย

ภายในร้านขายยาเถ้าแก่เจ้าของร้านแม้รังเกียจแต่ก็แสดงออกตรงๆ ไม่ได้ ทำได้แค่พินอบพิเทาให้คนขี้ริ้ว

"ท่านเซียนต้องการสิ่งใดหรือขอรับ?" กัดฟันถามเลยนั่นแหละ

ยิ้มแค่ปากไม่ถึงตาของเถ้าแก่ทำจินตกชไม่อ้อมค้อมเพื่อจะได้ไม่ต้องอึดอัดใจนานนักทั้งสองฝ่าย

"ข้าต้องการยาฟื้นฟูดีที่สุดเดี๋ยวนี้"

เถ้าแก่หน้าเจื่อนอึ้งไปครู่หนึ่งกว่าจะเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก "ท่านเซียนยานั้นมีทว่ามันแพงมากนะขอรับ ถ้าท่านต้องการมันเอ่อ..."

"เท่าไหร่?" ทองคำแท่งวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเถ้าแก่ ทำเจ้าของร้านผงะ "ถ้าไม่พออีกแท่งก็ได้" จินตกชหยิบออกมาจากวงแหวนมิติแล้ววางทับลงไปอีกสองแท่ง

"พอ พอขอรับ ข้าจะรีบไปเอามาเดี๋ยวนี้!" เถ้าแก่รีบคว้าแท่งทองคำแล้วรีบเข้าไปหลังร้านราวกลัวว่าคนขี้ริ้วจะเอามันกลับคืน

ครู่เดียวดังที่บอกเถ้าแก่เอาขวดหยกขนาดเล็กจิ๋วมีลวดลายเมฆาสีขาวมาส่งให้จินตกชอย่างนอบน้อม "ยาขวดนี้เป็นยาฟื้นฟูสภาพดีที่สุดเท่าที่ร้านข้ามี นอกจากทำให้บาดแผลหายทั้งหมดแล้วยังทำให้พลังทิพย์ฟื้นคืนได้ถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียวขอรับ"

"ดีขนาดนั้นเลยหรือ?" ถามพลางหยิบขวดมาเปิดแล้วเทลงปากทันที

"อ๊ะ แต่มัน...!"

เถ้าแก่ยังพูดไม่ทันจบเจ้าคนขี้ริ้วก็แหกปากสนั่นร้าน

"อ้าก! เผ็ด!!เผ็ดอะไรขนาดนี้ โฮก!" จินตกชกำลังจะพ่นไฟได้แล้ว

ปกติยาในโลกเซียนมันต้องขมทะลุไส้ไม่ใช่เหรอ เผ็ดเหมือนกินพริกปีศาจครึ่งกิโลแบบนี้ คนกินเผ็ดน้อยอย่างฉันก็ตายสิฟะ!

จินตกชชักดิ้นชักงอให้ชาวบ้านสายตาพังอีกครั้งแถมครั้งนี้มีส่วนเสริมปากเจ่อเป็นปากเป็ดให้แสลงตามากขึ้นอีกเท่าตัวทำเถ้าแก่กับเด็กรับใช้ในร้านแหกปากสนั่นเพราะโดนพลังหลอนแรงสูง ส่วนคนนอกร้านกำลังทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นสภาพคนด้านใน

"ท่านเซียนเป็นอย่างไรบ้างขอรับ แย่แล้วเจ้าไปเอาน้ำตาลมาเร็ว!" เถ้าแก่สั่งเด็กในร้าน

"ไม่เอาน้ำตาล เอานม เอานมมาให้ข้าถ้วยหนึ่ง!" นอกจากน้ำแข็งแล้วจินตกชพอคิดออกได้ว่าอะไรช่วยให้ความเผ็ดลดลง

นมถ้วยใหญ่ส่งให้จินตกชรับมาดื่มเข้าไปสองสามอึกแล้วอมไว้ในปากจนแก้มป่องครู่หนึ่งถึงกลืนลงไป จากนั้นก็ดื่มจนหมดถ้วย "ขอบใจ" เงยหน้าขึ้นยิ้มให้แล้วต้องหุบยิ้มอย่างไว ในเมื่ออีกฝ่ายเบ้หน้าเลยนี่นา

นมถ้วยนี้พระเอกเอามาให้หรอกหรือ มีน้ำใจผิดปกติจนน่าขนลุกเลยวุ้ย ว่าแต่ทำไมพ่อคุณมาอยู่ตรงนี้อีกล่ะ?

"ท่านเซียนเป็นอย่างไรบ้าง?" เถ้าแก่คงกำลังกลัวว่าผานเฉียงเต้าจะเอาเรื่อง เจ้าตัวประกอบคนนี้ยิ่งอารมณ์ร้ายอยู่ด้วย

"คราวหน้าช่วยบอกก่อนด้วยว่ายาของท่านรสเป็นอย่างไร อย่าให้ข้าแหกปากเป็นเจ๊กตื่นไฟอีกล่ะ" อายนะขอบอก ถึงทั้งหนาทั้งด้าน หน้าเขาน่ะแต่ยังอายเป็นนะ

"ข้าต้องขออภัยจริงๆ ยาส่วนใหญ่ไม่รสแรงแบบนี้หรอกขอรับ ทว่ายาขวดนี้ปรุงไว้อย่างพิเศษนอกจากให้ผลรวดเร็วยังไม่มีผลตกค้างใดอีกด้วยขอรับ" เถ้าแก่รีบบรรยายถึงความพิเศษเพื่อเบี่ยงความสนใจของผานเฉียงเต้า

ผู้บำเพ็ญเพียรหนุ่มขี้ริ้วพยักหน้าอย่างเข้าใจ ในเมื่อยามนี้สภาพยับเยินเกินผ้าขี้ริ้วกำลังฟื้นคืนรวดเร็วแบบมองเห็นด้วยตาเปล่า อึดใจเดียวบาดแผลหายพลังฟื้นครึ่งหนึ่งดังที่เถ้าแก่ว่า

"นี่มันยอดเยี่ยมมากเลยเถ้าแก่ ท่านมีอีกสักสองสามขวดไหม ข้าซื้อ" จินตกชไม่ขี้เหนียวกับตัวช่วยชั้นเลิศแบบนี้แน่นอน เพราะหลังจากนี้รับรองได้ว่ามียับเยินเกินกระดาษชำระใช้แล้วทิ้งแน่นอน ฉะนั้นของตัวช่วยพลังแรงสูงติดเป๋าให้อุ่นใจไว้ก่อนละกัน

"ท่านเซียนจะเอายานี้อีกหรือขอรับ"

"แน่นอนสิ ทำไมหรือท่านไม่อยากขาย?"

เถ้าแก่มีสีหน้าลังเลอย่างน่าแปลก ก่อนท่านพระเอกจะไขข้อข้องใจให้คนขี้ริ้ว

"เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเพียรนอกจากบาดแผลจากสายฟ้าด่านเคราะห์บาดแผลอื่นย่อมหายได้ด้วยพลังทิพย์ หรือเจ้าลืมไปแล้วว่าตนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่ง"

"ข้าไม่ลืมแต่อยากได้ของวิเศษไว้เผื่อบ้างไม่ได้หรือไง อีกอย่างข้าซื้อไม่ได้ปล้นชิงสักหน่อย"

ขอบใจที่ช่วยอธิบายหรอกนะแต่ไอ้น้ำเสียงเย่อหยิ่งใช้กดหัวคนอื่นแบบนั้นขัดใจเว้ย เดี๋ยวฉันก็เทินดาร์กมาตบให้เสียเองหรอก

ลู่เยวี่ยสือแค่นเสียงขึ้นจมูกเสียครั้งแล้วสะบัดหน้าเดินออกจากร้านไป พริบตาก็หายไปกับฝูงชน คนขี้ริ้วมองตามไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า

"หน้าตาดี แต่นิสัยน่าบูรณะเป็นบ้า"

"ท่านมากกว่าเขา"

"เมื่อกี้เถ้าแก่ว่าไงนะ" สะบัดหน้าฉับมาทางคนบ่นเบาๆ

"ข้าแค่ถามว่าท่านจะเอายาอีกกี่ขวดขอรับ" เถ้าแก่เหงื่อแตกซิก

"มีกี่ขวดล่ะข้าเหมา" พร้อมโปรยทองคำแท่งแบบฉันรวยเห็นไหม