3 ปีก่อนนั้น
ชายแดนตึงเครียด กองทัพจากแคว้นอื่นนอกเหนือจากพันธมิตร 3 แคว้น หมายหมั่นจะจัดการตีเหมิงจูให้ราบคาบ หากกำจัดเหมิงจูที่แข็งแกร่งที่สุดไปได้ แคว้นอื่นเมืองอื่นก็ไม่คณนามือ
บรรยากาศล้วนอยู่ในความตึงเครียด ปีนั้นลู่หวังเฟยยังมีชีวิตอยู่ แม้จะเป็นสตรีที่อยู่แต่บ้านมาตลอดชีวิตก็ลุกขึ้นจับดาบทำประโยชน์ด้วยเช่นกัน เมื่อไม่เป็นวรยุทธก็ออกแรงตั้งโรงครัวส่งเสบียงให้กองทัพและชาวบ้านที่หลบหลี้จากสงคราม แต่เพราะขุนนางกังฉินทำให้อาหารขาดมือ ลู่หวังเฟยเคร่งเครียดอาศัยเส้นสายจากตระกูลเดิมของตนก็ไม่เพียงพอสำหรับปากท้องของกองทัพ
ไม่นานก็ล้มป่วยและสิ้นใจในที่สุด
ลู่ซีอยู่เคียงข้างมารดาในช่วงเวลาสุดท้าย นางกอดมารดาไว้แน่น ฟังเสียงลมหายใจของนาง จนกระทั่งลมหายใจของมารดาของนางแผ่วเบาไปในที่สุด หญิงสาวไม่มีแม้กระทั่งน้ำตา ความเสียใจมันจุกแน่น แต่ทำอย่างไรนางก็ไม่ร้องไห้
เพราะภาระที่เหลือทำให้นางต้องเข้มแข็ง นางยังมีท่านพ่อ พี่ชาย ประชาชนและเขา...อู๋ซื่อหยวน
หญิงสาวสวมเกราะออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับทหารหลายหมื่นนาย ลู่จวิ้นอ๋องเป็นผู้ฝึกสอนวรยุทธให้กับนางด้วยตัวเองมาตั้งแต่ยังเล็ก ทำให้ลู่ซีได้รับถ่ายทอดทุกอย่างมาจากผู้เป็นบิดา นางต่อสู้ฟาดฟันฝ่าวงล้อมศัตรูจนกระทั่งพวกมันพ่ายแพ้ล่าถอย
เหล่าพลทหารต่างตะโกนกู่ร้องด้วยความดีใจ
"พวกมันถอยไปแล้ว เย้"
"พวกมันแพ้แล้ว"
ด้วยกลยุทธ์ของลู่จวิ้นอ๋องที่อาศัยการหลอกล่อฝ่ายตรงข้ามด้วยข่าวลือปั่นหัวพวกมันอยู่เป็นเดือน ๆ ซ้ำยังตัดกำลังด้วยการแอบขโมยเสบียงมายังทัพตัวเอง
กลองมโหระทึกถูกตีดังลั่นไปทั่วทั้งบริเวณ ชาวบ้านที่อยู่หลังกำแพงเมืองได้ยินต่างก็ดีใจไปพร้อมกัน ทหารอีกสามแคว้นที่มาร่วมสมทบในครั้งนี้ต่างก็ปลื้มปีติ
"ท่านแม่ทัพ!!!" พลทหารคนหนึ่งวิ่งมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
"มีอะไรงั้นหรือ" ลู่จวิ้นอ๋องสอบถาม
พลทหารนายนั้นน้ำท่วมปาก ไม่รู้จะตอบอย่างไร จึงได้แต่เชิญลู่จวิ้นอ๋องไปเห็นด้วยตาตัวเอง ซ้ำยังหันไปทางท่านหญิงลู่ซีอีกด้วย
"ชะ...เชิญท่านหญิงด้วยขอรับ"
นางพยักหน้าเดินตามเขาไป พูดก็พูดกระทั่งตอนนี้นางก็ยังไม่เห็นพี่ซื่อหยวนของนาง ไม่รู้ว่าเขาไปแอบอยู่ที่ไหน
ท่ามกลางแสงแดดยามเย็น ท่ามกลางซากศพของทหารทั้งฝ่ายตรงข้ามและพวกเดียวกันเอง กลิ่นควันไฟตลบอบอวล ปรากฏร่างของคนผู้หนึ่ง นอนสงบนิ่ง ชุดเกราะสีเงินสะท้อนกับแสงแดด ใบหน้าอาบคราบโลหิตแห้งกรัง
ลู่ซีรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
หญิงสาวทิ้งทุกอย่างในมือกึ่งวิ่งกึ่งเดินล้มลุกคลุกคลาน ไปยังสถานที่ที่เขานอนสงบอยู่ ทหารที่รายล้อมรอบล้วนแหวกทางให้นาง ความดีใจจากชัยชนะเมื่อครู่เปลี่ยนไปทันที
มือของนางสั่นเทา
"พี่ซื่อหยวน" ลู่ซีตระกองกอดร่างของอู๋ซื่อหยวนที่อาบไปด้วยโลหิตสีแดง "ท่านลุกขึ้นมาสิ" นางพยายามปลุกเขา
"เหตุใดท่านจึงมานอนตรงนี้" ลู่ซีเช็ดทำความสะอาดใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา "พี่ซื่อหยวน ข้าเรียกท่าน ท่านไม่ได้ยินหรือ" นางเขย่าตัวปลุกเขาเผื่อว่าเขาจะลืมตาขึ้นมาพูดคุยกันกับนาง
"ตรงนี้สกปรกข้าจะประคองท่านไปนอนที่อื่นนะ" ลู่พยายามแบกเขาขึ้นหลัง
"ท่านพ่อ ท่านตามหมอซิเจ้าคะ พี่ซื่อหยวนไม่สบาย ข้าเรียกเขาอย่างไรก็ไม่ตื่น" นางตะโกนบอกผู้
เป็นพ่อ ดวงตาคู่สวยของนางคลอครองไปด้วยหยาดอัสสุชล
ลู่จวิ้นอ๋องรั้งหญิงสาวมากอดเอาไว้แน่น ส่วนร่างของอู๋ซื่อหยวนถูกลู่ฉีหลานมารับเอาไว้
"พี่ใหญ่"
"พาพี่ซื่อหยวนไปหาหมอ"
"เขาตัวเย็นหมดแล้ว เป็นเพราะที่นี่อากาศเย็น รีบหาผ้ามาห่มให้เขาเร็วสิ"
"พี่ใหญ่ท่านเป็นสหายเขา"
"เหตุใดจึงไม่รีบตามหมอมารักษาเขา"
ทุกประโยคของนางบาดลึกลงไปในจิตใจของคนฟัง พลทหารหลายคนที่ได้ยินต่างก็คุกเข่าร้องไห้
หยาดน้ำตาแห่งความอดทนของนางสุดแสนจะกลั้น นางอ่อนแอสิ้นหวัง หญิงสาวทรุดตัวลงร้องไห้อย่างน่าเวทนา เสียงร้องไห้ของนางดังไปทั่วทั้งบริเวณ ใครได้ยินก็อดร้องไห้ตามไปด้วย
ในกองทหารมีใครไม่รู้ว่าพวกเขารักกันขนาดไหน ท่านหญิงแม้จะไม่งดงาม แต่เฉลียวฉลาดเก่งกล้า คุณชายอู๋ซื่อหยวนถึงจะเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกชุบเลี้ยงโดยลู่จวิ้นอ๋อง แต่ก็องอาจผ่าเผยเก่งทั้งบุ๋นทั้งบู๊รูปงามเป็นหนึ่ง ทั้งสองผูกสมัครรักใคร่กันมาแต่เด็ก ความแตกต่างในชาติกำเนิดก็มิอาจขวางกันความรักของพวกเขาได้ แต่สิ่งที่ขัดขวางพวกเขากลับเป็นความตาย
ได้ยินว่าหากจบศึกครั้งนี้และได้รับชัยชนะ ลู่จวิ้นอ๋องจะขอพระราชทานสมรสให้แก่เด็กทั้งสอง
ชัยชนะนั้นได้มา.....แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเสียก่อน....
ผ้าแพรสีขาวถูกประดับตกแต่งทั่วทั้งเหมิงจู
ศพของรองแม่ทัพอู๋ซื่อหยวนถูกแห่ไปทั่วเมืองประกาศเกียรติคุณชื่อเสียงสืบไป
เพื่อต่อสู้รักษาปกป้องดินแดนจึงสละชีพอย่างองอาจสง่างาม
ปีนั้นจากที่ต้องฉลองชัยชนะ กลับต้องส่งศพถึงสองศพ
ความสูญเสียนั้นยากจะรับได้ หัวใจของลู่ซีแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
_______________________________
เสี่ยวจูรู้ว่าคุณหนูของตนเกลียดเลือดเป็นที่สุด หากนางเห็นเลือดจะทำให้นึกถึงเหตุการณ์ที่ไม่ควรคิดถึง ของมีคมทุกอย่างเสี่ยวจูจึงเก็บไว้อย่างมิดชิด เผื่อไม่ให้นางได้รับอันตรายจากสิ่งของเหล่านั้น
แต่เจ้าเด็กนรกนั่น ทำให้นางได้รับบาดเจ็บ
"คุณหนู" เสี่ยวจูร้องไห้สะอึกสะอื้นจนดูเหมือนเป็นผู้บาดเจ็บเสียเอง
"เจ้าบาดเจ็บหรือข้าบาดเจ็บกันแน่" นางเอียงคอถาม
"ฮื้อ คุณหนู เจ้าเด็กนั่นทำคุณหนูบาดเจ็บ" เสี่ยวจูใส่ยาไปร้องไห้ไป แม้เขาจะซุ่มซ่ามแต่เรื่องอะไรแบบนี้เขามือเบาเป็นที่สุด ขันทีตัวใหญ่บรรจงใส่ยาให้นางอย่างดี
"เขาเป็นองค์ชายเชียวนะ เรียกเจ้าเด็กนั่นเลยเหรอ" นางแกล้งแซว
"ลูกของนางปีศาจข้าไม่นับถือหรอก"
"นี่" นางปรามบ่าว
พอลู่ซีเอ็ด เสี่ยวจูจึงหยุด แต่ปากก็ขมุบขมิบไม่หยุด ซ้ำยังเบ้ปากหัวสั่นหัวคลอน
"วันนี้หัวใจท่านเต้นแรงเจ็บปวดไหมเจ้าคะ"
"ตอนเห็นเลือดก็รู้สึกปวดนิดหน่อย ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว" นางตอบตามความจริง
"ท่านมีแผนในใจแล้วใช่ไหมเจ้าคะ" เขาถามนายหญิงของตน
ลู่ซียิ้มพรายเจ้าเล่ห์ แน่นอนว่านางยอมมีแผนดัดนิสัยเด็กคนนั้น ได้รับบาดเจ็บครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี
ซวนผิงอี้ได้ยินว่าลู่ซีบาดเจ็บก็วิ่งน้ำหูน้ำตาไหลมาหา
"ท่านพี่ซีซี บาดเจ็บหนักหรือไม่" นางประคองมือพี่สาวขึ้นมาดู
"นิดหน่อยเอง ผิงเอ๋อ ข้าไม่เจ็บเลย" นางตอบ ซ้ำยังกำมือข้างที่เป็นแผลให้ดู แต่เพราะกำแรงไปเลือดที่หยุดแล้วจึงไหลอีกรอบ
"เนี่ยท่านกลัวเลือดจนหน้าซีดเป็นไก่ต้มแล้ว ข้าจะไปต่อว่าเขาแทนท่านเอง"
ซวนผิงอี้โมโห นางรักพี่ซีซีของนางที่สุด พี่ซีซีแสนดีขนาดนี้ ใครกล้ารังแกนางต้องเป็นศัตรูกับนาง แม้จะเป็นชายในฝันของนางก็เถอะ
เด็กสาววิ่งออกไปในทันที
เสี่ยวจูเห็นใบหน้าเคลือบยิ้มของนายหญิง จึงรู้ว่าองค์หญิงผิงอี้ก็เป็นหนึ่งในแผนการของนาง ด้วยรู้ว่าองค์หญิงผิงอี้ รักหวงแหนนางแค่ไหน แกล้งให้บ่าวไพร่ไปพูดลอย ๆ ให้นางได้ยิน ไม่นานนางต้องวิ่งโร่มาหานายหญิงของตน และไปเอาเรื่องกับเจิ้นหลินเฟิงเป็นแน่
แผนการยืมมือหญิงงามดัดนิสัยคน ของคุณหนูตนนั้นแยบยลนัก
"ดูเหมือนว่าแผนการของท่านจะคืบหน้าไปมาก"
เห็นนางยิ้มเจ้าเล่ห์ เสี่ยวจูจึงรู้ว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เขารินน้ำชาให้นางดื่ม
นางใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บรับมาดื่ม ส่วนเลือดที่ไหลเมื่อครู่ก็ส่งให้เขาเปลี่ยนผ้าพันเสียใหม่อีกครั้ง