webnovel

หญิงสาวผู้มากับวาจาอันศักดิ์สิทธิ์ (ตอน 3)

ทันทีที่เด็กสาวไว้ทรงผมหน้าม้า ปล่อยผมยาว หน้าตาน่ารัก ทำหน้านิ่งๆ เดินเข้าประตูมา ทำให้หวังเสี่ยวเป่าและหยางอันหันมองตามสัญชาตญาณ ก่อนซ่งเฟยเจินจะพูดแทรกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยขึ้นมาว่า "กลับมาแล้วหรอ? เฉออี่"

"กลับมาแล้วค่ะ" ซ่งเฉออี่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยก่อนที่กำลังจะเดินขึ้นห้องไป

ซ่งเฟยเจินมองดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะพูดเสียงเข้มเพื่อให้ซ่งเฉออี่หยุดเดินว่า "เดี๋ยวก่อน! เพิ่ง 3 โมงครึ่งเอง เลิกเรียนแล้วหรอ?"

ซ่งเฉออี่ชะงักอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแต่แอบแฝงความน่ากลัวว่า "...ค่ะ"

"ช่วงนี้ใกล้สอบแล้ว ให้พวกพี่ๆเค้าติวให้สิ เพื่อนพี่ชายแกน่ะ พวกเค้าเรียนเก่งกันนะ" ซ่งเฟยเจินพูดกับซ่งเฉออี่ ก่อนที่จะหันมาพูดด้วยท่าทีแอบร้อนรนนิดๆกับสองหนุ่มที่กำลังนั่งเจียมตัวฟังพวกเขาพูดกันอย่างงงๆว่า "พวกหนู ช่วยติวให้เฉออี่หน่อยนะ เพิ่งย้ายเข้าโรงเรียนมาไม่นาน กลัวจะเรียนไม่ทันเพื่อน"

ชายหนุ่ม 2 คนมองหน้ากันด้วยความงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะตอบตกลงด้วยความเกรงใจไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า "...ครับ"

"เฉออี่ นำทางพวกพี่เค้าไปสิ!" ซ่งเฟยเจินพูดเสียงเข้ม

"ค่ะ" ซ่งเฉออี่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ

ซ่งเฟยเจินทำมือให้ 2 หนุ่มเดินตามซ่งเฉออี่ไปยังสถานที่ติวหนังสือ ซึ่งก็คือห้องนอนของเธอเอง ระหว่างทางเดินของบ้านสุดหรูอันแสนเงียบสงัดที่แฝงความน่าสะพรึงกลัว ชายหนุ่มทั้ง 2 แอบสนทนากันว่า

"ทำไมที่นี่ไม่ค่อยมีคนเลย แม่บ้านก็แทบไม่เห็น รปภ.ก็ไม่ค่อยมี บ้านใหญ่ขนาดนี้ก็น่าจะมีคนดูแลอยู่นะ" หวังเสี่ยวเป่าแอบกระซิบถามหยางอัน

"นั้นสิครับ ปกติที่นี่มีแม่บ้านราวๆ 10 คนเป็นอย่างต่ำนะ" หยางอันกระซิบตอบ ก่อนจะหันไปพูดกับซ่งเฉออี่ว่า "น้องเฉออี่ ป้าเหลียวลาออกแล้วหรอ?" หยางอันถามถึงป้าเหลียว ซึ่งเป็นป้าแม่บ้านที่ทำงานที่นี่นานเกือบ 30 ปี เป็นป้าที่น่ารัก ใจดีและเลี้ยงดูแฝดซ่งรวมถึงซ่งเฉออี่มาตั้งแต่ยังเล็ก

"ไม่รู้ค่ะ น่าจะลาออกไปแล้ว" ซ่งเฉออี่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

ด้วยคำพูดของซ่งเฉออี่ จึงกระตุ้นความสงสัยของหยางอันที่มีขึ้น ทำให้เขาลองพิจารณาเรื่องราวใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มเข้ามาบ้านของแฝดซ่ง

'ปกติบ้านแฝดซ่งมีคนเยอะกว่านี้นะ ทั้งคนสวน รปภ. แม่บ้านรวมทั้งหมดราวๆ 50 กว่าคนได้ แต่นี่แทบไม่มีเลย นับคนได้ แถมแม่แฝดก็ไม่อยู่บ้านด้วย ปกติเห็นตัวติดกับพ่อแฝดตลอด' หยางอันคิด ก่อนจะคิดต่อว่า 'เอ้อ แล้วเจ้าแฝดล่ะ อยู่ไหนกัน ไม่เห็นพ่อแฝดพูดถึงเลย ตั้งแต่มาเนี่ย'

"เจ้าแฝดอยู่ไหนหรอ? ทำไมพี่ไม่เห็นเลย" หยางอันถามซ่งเฉออี่ที่กำลังเดินนำทางอยู่ข้างหน้า ในขณะที่หวังเสี่ยวเป่ากำลังสอดส่องเส้นทาง และสังเกตเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ทุกที่ ตามเส้นทางที่พวกเขากำลังเดิน

"พวกพี่ๆเขาไปเที่ยวภูมิภาคอื่นกับคุณแม่ค่ะ" ซ่งเฉออี่พูด ก่อนจะนำทาง 2 หนุ่มถึงหน้าห้องของตนเองพอดี พร้อมพูดและแอบอมยิ้มชวนขนลุกเล็กน้อยว่า "ถึงแล้วค่ะ"

'แฝดซ่งกับแม่ ไม่อยู่ …เหลืออยู่แต่พ่อกับเฉออี่ และแถมคนในบ้านแทบไม่เหลือ แต่พ่อก็ยังวางใจให้พวกเราติวหนังสือกับลูกสาวถึงในห้องนอนส่วนตัว' หยางอันคิด ก่อนจะคิดต่อว่า 'ถ้านี่เป็นหนังฆ่าสยองขวัญแล้วละก็ …พวกเราติดกับดักแล้วล่ะ'

"...พี่เสี่ยวเป่าคิดเหมือนผมไหมครับ" หยางอันแอบกระซิบกับหวังเสี่ยวเป่าที่กำลังมองรอบๆ ขณะที่ซ่งเฉออี่กำลังเปิดประตูห้อง

"พี่ก็คิดเหมือนกัน ว่ามันแปลกๆ" หวังเสี่ยวเป่ากระซิบบอก

"ปฏิเสธตอนนี้ ยังทันไหมครับพี่" หยางอันกระซิบ

"พี่ว่าไม่น่าทันแล้วล่ะ ทุกที่มีกล้องหมด พวกเราติดกับดักแล้ว ลองดูท่าทีไปก่อน ถ้ามันไม่มีอะไร พวกเราคิดกันไปเองมันก็ดี แต่ถ้ามีล่ะก็…พี่จะรีบส่งแชทขอความช่วยเหลือให้คนอื่นๆรู้" หวังเสี่ยวเป่ากระซิบบอกหยางอันที่แอบพยักหน้ารับฟังอย่างช้าๆ

"ไม่น่าจะขอความช่วยเหลือได้นะคะ เพราะตอนนี้ สถานที่แห่งนี้และบริเวณรอบๆ ไม่มีสัญญาณแล้วล่ะค่ะ" ซ่งเฉออี่พูดพร้อมหันหน้ามองหวังเสี่ยวเป่ากับหยางอันด้วยหน้าตานิ่งชวนขนลุก

. . .

ขณะเดียวกัน ณ โรงเรียนฉางเทียน

เด็กสาวหน้าตาน่ารัก ผมยาว ผิวออกขาว นามว่า เจียวจื่อ อยู่ชั้น ม.5/4 นิสัยร่าเริง เข้ากับเพื่อนได้ดี เรียนดีกีฬาเด่น แม้ว่าจะเพิ่งเข้ามาเรียนโรงเรียนแห่งนี้ได้ไม่นาน ก็เป็นคนฮอตประจำโรงเรียนไปซะแล้ว และอีกอย่างคือ…ยังเป็นหมอดูอีกด้วย!

หลังเลิกเรียน เจียวจื่อ จะใช้เวลาว่าง 1 ชั่วโมง เพื่อทำนายดวงให้เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง รวมทั้งอาจารย์ในโรงเรียน ซึ่งทุกคำที่เจียวจื่อทำนายนั้น เป็นเรื่องจริงทุกประการ

"พิมพ์ลงโน๊ตกลุ่มเลยนะ" กุ้ยฟงพูดกับกู่เฉาเฉา ที่กำลังกินแพนเค้กที่สั่งมานานแล้วไม่ได้กิน มัวแต่สอบถามพนักงานในร้านเรื่อง เจียวจื่อ อยู่

"พิมพ์ไปแบบนี้แหละ" กู่เฉาเฉาพูดขณะกินแพนเค้กอยู่ ก่อนที่กุ้ยฟงจะพูดขึ้นมาว่า "อย่าเพิ่งกินหมดสิ รอก่อน!"

"ก็รีบๆพิมพ์ให้เสร็จเร็วๆดิ" กู่เฉาเฉาพูด พร้อมพูดต่อว่า "และก็อย่าลืมกดส่งนะ"

"คร้าบ~" กุ้ยฟงพูดเชิงประชด

"อ้าว! สัญญาณหายอีกแล้วหรอ?" พนักงานเสิร์ฟในคาเฟ่คนหนึ่งยืนพูดอยู่กับแคชเชียร์ที่กำลังมีปัญหากับเครื่องเก็บเงินที่ลูกค้าต้องการจ่ายด้วยบัตรเครดิต

"ต้องขออภัยด้วยครับ คุณลูกค้า ตอนนี้ไม่มีสัญญาณ เลยไม่สามารถชำระเงินด้วยระบบออนไลน์ได้ …ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าสะดวกชำระเงินด้วยเงินสดไหมครับ" แคชเชียร์พูดขอโทษลูกค้า

"...ก็ได้ค่ะ" ลูกค้าตอบ ก่อนที่จะควักเงินในกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเพื่อจ่ายเงิน ก่อนที่จะออกจากคาเฟ่ไป

"นั้นสิ เป็นแบบนี้ตลอดเลย ทำให้ลำบากตลอด" แคชเชียร์ระบายกับพนักงานเสิร์ฟ

ทันทีที่กู่เฉาเฉาได้ยินเสียงที่พนักงานคุยกัน ทำให้เขานำโทรศัพท์ของตนเองที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู เพื่อเช็คว่า ไม่มีสัญญาณจริง

"ไม่มีจริงๆด้วย" กู่เฉาเฉาพึมพำ ก่อนจะหันมาถามกุ้ยฟงว่า "โทรศัพท์นายมีสัญญาณป่ะ"

"หืม… สัญญาณหรอ?" กุ้ยฟงพูดขณะกำลังพิมพ์ข้อมูลตามสมุดโน๊ตของกู่เฉาเฉา ก่อนที่จะพบว่า โทรศัพท์ของเขาเองก็ไม่มีสัญญาณเหมือนกัน

"อุตส่าห์พิมพ์มาตั้งนาน สรุป ไม่มีสัญญาณ" กุ้ยฟงพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย

"มันจะเกี่ยวกันรึเปล่านะ" กู่เฉาเฉาพึมพำ ก่อนจะเรียกพนักงานเสิร์ฟมา เพื่อสั่งของหวานเพิ่ม

"นี่นาย! จะกินอีกแล้วหรอ อย่างอื่นยังกินไม่หมดเลย" กุ้ยฟงพูด เพราะบนโต๊ะของพวกเขาเต็มไปด้วยน้ำ 3 แก้ว และของหวานอีก 3 อย่างที่ยังทานไม่หมด

"เพื่อสืบ ท่องไว้ …มันเป็นการสืบ!" กู่เฉาเฉาพูด

ทันทีที่พนักงานเสิร์ฟเดินมาถึงโต๊ะ กู่เฉาเฉาจึงพูดว่า "ผมขอสั่ง อิตาลีนูเทลล่าฮันนี่โทสต์เพิ่มกล้วยราดช็อกโกแลต เพิ่มอีก 1 ครับ" ก่อนจะรีบถามแทรกขึ้นมาก่อนที่พนักงานจะรับคำสั่งและเดินจากไปว่า "วันนี้น้องเจียวจื่อ มาประมาณกี่โมงหรอครับ?"

พนักงานเสิร์ฟหันหน้ามองโต๊ะดูดวงประจำ ก่อนจะหันมาพูดว่า "เดี๋ยวก็มาแล้วครับ วันนี้น้องเลิกเรียนเร็ว ใจเย็นๆนะครับคุณลูกค้า"

"...ครับ เอ้อ แล้วอีกอย่าง ผมสงสัยว่า ปกติแถวนี้สัญญาณหายบ่อยหรอครับ" กู่เฉาเฉาถามด้วยความสงสัย

"ใช่ครับ แต่ก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้นะ แต่ช่วงหลังๆที่เขามาทำเสาไฟแถวนี้ สัญญาณก็เลยหายบ่อย" พนักงานเสิร์ฟพูด

"พวกผมก็มาแถวนี้บ่อยๆนะ ไม่ได้สังเกตเลย เขามาซ่อมเสาไฟช่วงเดือนไหนหรอครับ" กู่เฉาเฉาพูด

"ประมาณ 1 เดือนก่อนมั้งนะ พร้อมๆกับที่น้องเจียวจื่อมานี่ล่ะ" พนักงานเสิร์ฟพูด ก่อนจะมีลูกค้าท่านอื่นเรียกพนักงานเสิร์ฟไป

"นายถามตรงประเด็นเกินไปไหม เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอก" กุ้ยฟงเตือน

"ไม่หรอกมั้ง เราว่าคนอื่นๆน่าจะคิดว่า เรามาดูดวงกับน้องเจียวจื่อ ก็คงอยากรู้ประวัติเป็นธรรมดา" กู่เฉาเฉาพูดแก้ตัว

"ยินดีต้อนรับครับ/ค่ะ" เสียงพนักงานในคาเฟ่พูดพร้อมกัน ขณะที่เจียวจื่อเดินเข้ามาในคาเฟ่ ทำให้ 2 หนุ่มช่องหยางอิงที่กำลังรอของหวานเพิ่มหันมองอย่างไม่ละสายตา

. . .

1 ชั่วโมงก่อนหน้า ณ โต๊ะ B7 ศูนย์อาหาร ห้างเซียนหนี

"...จริงๆแล้ว โลกของเรา ต่างจากโลกของนายมากเลย" เหอซู่ชิงพูด ก่อนจะพูดต่อว่า "โลกของเราเป็นโลกที่มีสงครามกับปีศาจ มีการใช้เวทมนตร์ แล้วก็มีประตูโบราณ 7 ประตูขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ทั่วโลก"

"ประตูงั้นหรอ?" หยางจินอุทาน ก่อนครุ่นคิดและถามต่อว่า "แล้วเธอรู้เรื่องประตูบ้างไหม?"

ในหัวของหยางจินนั้นเกิดความสงสัยเรื่องประตู ซึ่งเขากำลังคิดว่า ประตูที่เขาพบเจอนั้น มีความเกี่ยวข้องกับประตูที่เหอซู่ชิงกล่าวขึ้นมารึเปล่า จึงได้คิดถามอาจารย์ว่า 'อาจารย์ครับ ประตูที่เหอซู่ชิงบอกมา กับประตูที่ผมเจอเป็นประตูเดียวกันรึเปล่า'

'ข้อมูลนี้ไม่สามารถบอกท่านได้ เนื่องจากท่านยังไม่ได้เป็นนักเวทระดับปรมาจารย์' อาจารย์ตอบ

'นักเวทระดับปรมาจารย์งั้นหรอ?' หยางจินอุทานในใจ ก่อนจะคิดถามอาจารย์ต่อว่า '...แล้วนักเวทมีระดับไหนบ้างหรอครับ …แล้วตอนนี้ผมอยู่ระดับไหนแล้ว'

'นักเวทมีทั้งหมด 9 ระดับ เริ่มตั้งแต่ นักเวทฝึกหัด, กำเนิดดิน, ก่อสมุทร, สำเร็จวิชาการ, พิสดารล้ำเลิศ, ปรมาจารย์, หลอมรวมฟ้าดิน, ซ่อนลึกไม่เปิดเผย และขั้นสุดท้าย ไม่มีใครสามารถบรรลุถึงขั้นนี้ได้ จึงไม่อาจเอ่ยนาม' อาจารย์ตอบ ก่อนจะตอบอีกว่า 'ขณะนี้ท่านอยู่ระดับนักเวทฝึกหัด'

'โห อีกไกลเลย กว่าผมจะถึงระดับปรมาจารย์' หยางจินคิด ก่อนจะคิดถามต่อว่า '...แล้วตอนนี้อาจารย์อยู่ระดับไหนแล้วหรอครับ'

'ระดับซ่อนลึกไม่เปิดเผย' อาจารย์ตอบ

'อาจารย์ผมนี่เก่งจริงๆ' หยางจินคิด ก่อนอาจารย์จะตอบกลับมาว่า 'ฮึ!'

'แล้วแต่ละขึ้นคือยังไงบ้างหรอครับ' หยางจินคิดถาม

'ขั้นที่ 1 คือ นักเวทฝึกหัด เหมือนที่ท่านเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ คือ สามารถรับรู้ถึงพลังเวทของตนเองได้

ขั้นที่ 2 คือ กำเนิดดิน ขั้นนี้ท่านต้องดึงพลังเวทจากธรรมชาติเข้าสู่ร่างกาย นำมาก่อรวมกันในลักษณะก้อนดินที่อัดแน่นด้วยพลังเวท จากนั้นร่างกายของท่านจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้มีความแข็งแกร่งและทนทานมากขึ้น ซึ่งท่านสามารถรับรู้ได้ด้วยตนเอง เคล็ดลับของขั้นนี้คือ ต้องอัดพลังเวทให้แน่นและทำให้ก้อนพลังเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งเล็กและแน่นจะทำให้ยิ่งเก่ง

ขั้นที่ 3 คือ ก่อสมุทร ขั้นนี้ท่านต้องสร้างมหาสมุทรขึ้นภายในจิตใจ ร่างกายของท่านจะสามารถปลดปล่อยหรือใช้งานพลังเวทที่ดึงมาจากธรรมชาติออกสู่ภายนอกเป็นรูปธรรมได้ เคล็ดลับของขั้นนี้คือ ยิ่งแผ่ขยายให้กว้างไกลสุดประมาณมากเท่าไหร่ ท่านก็จะยิ่งเก่งมากขึ้นเท่านั้น ส่วนขั้นอื่นๆถึงท่านรู้ไป ก็ยังไม่สามารถใช้งานได้ในเร็วๆนี้หรอก' อาจารย์ตอบ ก่อนจะตอบกลับอีกว่า 'การเป็นนักเวทเต็มตัว อย่างน้อยจะต้องทำถึงขั้นที่ 3 คือ ก่อสมุทร ให้ได้อย่างถ่องแท้เสียก่อน หากยังทำไม่ถึงขั้นนี้ ก็ไม่อาจเรียกว่าเป็นนักเวทเต็มตัวได้'

'แล้วผมต้องทำยังไงบ้างหรอครับ ถึงจะเลื่อนขั้นได้' หยางจินคิดถาม

'ท่านสามารถเลื่อนขั้นได้ 2 วิธี คือ 1.เลื่อนขั้นด้วยตนเอง ซึ่งต้องมีอาจารย์คอยชี้แนะอย่างใกล้ชิด 2.เลื่อนขั้นผ่านสมาคมนักเวท' อาจารย์ตอบ

'ของผมน่าจะต้องเลื่อนขั้นด้วยวิธีที่ 1 แหละ ขออาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ' หยางจินคิด

'ได้!' อาจารย์ตอบ

'...แล้วหวังเสี่ยวเป่ากับเหอซู่ชิงเป็นนักเวทระดับไหนหรอครับ' หยางจินคิดถาม

'ทำการตรวจสอบ' อาจารย์ตอบ ก่อนจะตอบกลับมาว่า 'หวังเสี่ยวเป่าและเหอซู่ชิง เป็นนักเวทระดับ ก่อสมุทร เหมือนกัน'

'ผมจะต้องทำยังไง ให้เลื่อนขั้นเร็วๆหรอครับ จะได้ทันเพื่อน' หยางจินคิดถาม

'...ทำตามที่บอกนะ ท่านจะต้องกำหนดลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะเดียวกันกับจังหวะสัญญาณที่บอกตามกระแสจิต' อาจารย์ตอบ

'ครับ!' หยางจินคิดตอบ ก่อนจะทำตามที่อาจารย์บอกอย่างละเอียด โดยพยายามหายใจเข้า-ออกตามสัญญาณที่อาจารย์ส่งมาทางกระแสจิต ซึ่งเขาสามารถรับรู้ได้ด้วยตนเองถึงสัญญาณที่อาจารย์ส่งมา

ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว หยางจินสามารถรวมพลังเวทที่อยู่ภายนอกร่างกายเขารวมเป็นหนึ่งเดียวราวกับเม็ดยาลูกกลอนที่อัดแน่นด้วยพลังเวทได้ ซึ่งทำให้เหอซู่ชิงที่เป็นนักเวทรับรู้ได้ถึงการรวมพลังของเขา ก่อนพูดว่า "นายเป็นนักเวทอย่างงั้นหรอ?"

"พูดได้ไม่เต็มปากหรอกนะ แต่ก็พยายามฝึกอยู่" หยางจินพูด

"ด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ" เหอซู่ชิงพูดด้วยความตกใจ

"...ก็ไม่เชิงหรอก" หยางจินพูด ก่อนจะถามคำถามเดิมต่อว่า "...แล้วเธอรู้เรื่องประตูบ้างไหม?"

"...เราไม่รู้เลย จริงๆเราก็เป็นแค่นักเวทธรรมดาๆคนหนึ่งในโลกนั้น ที่จู่ๆรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในโลกที่ไม่รู้จักแล้ว" เหอซู่ชิงพูด ก่อนจะถามว่า "ถ้า… นายไม่ได้ชื่อหยางหยาง แล้วนายชื่ออะไร"

"เราชื่อ หยางจิน ขอโทษที่แนะนำตัวช้านะ …แต่เราขอเรียกเธอว่า ซู่ชิง ได้รึเปล่า" หยางจินพูด

"ได้ๆ" เหอซู่ชิงพูด ก่อนจะถามต่อว่า "นายสงสัยเรื่องประตูหรอ?"

"ใช่! ถ้าซู่ชิงรู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม บอกเราด้วยนะ" หยางจินพูด ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า "เดี๋ยวเราจะเป็นคนช่วยพาเธอกลับบ้านเอง"

"...ขอบคุณมากๆนะ" เหอซู่ชิงพูดด้วยความโล่งใจที่อย่างน้อยๆ ก็มีอยู่ 1 คนที่รับรู้และคอยช่วยเหลือเธอจากโลก ซึ่งไม่มีใครรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอเลย

'แจ้งเตือน ขณะนี้เกราะป้องกันจากระบบช่วยเหลืออัตโนมัติที่อยู่กับหวังเสี่ยวเป่าและหยางอันได้ถูกทำลายลงแล้ว' เสียงอาจารย์ดังขึ้นในหัวของหยางจิน