webnovel

ดวงใจอสุรา

เพราะเหตุพลิกผันทำให้ มู่หรงชีชีต้องย้อนอดีตมาเป็นนางซินในยุคโบราณที่เจ้าของร่างคนเดิมถูกลงโทษด้วยกฎบ้านจนตาย แต่คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อโชคชะตานี้ แม้จะถูกพี่สาวร่วมตระกูลแย่งคู่หมั้น มิหนำซ้ำยังถูกบิดาจับคลุมถุงชนเพื่อแต่งงานแก้เคล็ด แต่ดูเถอะว่ามู่หรงชีชีคนนี้จะไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน! เนื่องด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้ ทำให้มู่หรงชีชีต้องยอมอภิเษกกับ เฟิ่งชาง หนานหลินอ๋องแห่งแคว้นเป่ยโจว บุรุษที่ได้สมญานามว่า ‘อ๋องปีศาจ’ ผู้ที่มีดวงพิฆาตภรรยาอย่างไม่มีทางเลือก ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าหนานหลินอ๋องที่นางเคยได้ยินคำล่ำลือมาว่าแสนร้ายกาจนั้นจะไม่เหมือนบุรุษตรงหน้าที่นางได้พบเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนางได้รู้จัก นางก็ยิ่งจะหลงรักเขามากขึ้นเสียแล้ว

ล่าหมี่ทู่ · History
Not enough ratings
156 Chs

ตอนที่ 007

ตอนที่ 7 ผู้หญิงสี่คนดั่งละครหนึ่งเรื่อง

แต่ในเมื่อที่นี่คือตระกูลมู่หรง เขาจะสั่งสอนบุตรสาวของตนเองเช่นไร หลี่อวิ๋นชิงก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามาก้าวก่าย

คิดได้เช่นนั้น มู่หรงไท้ก็หันไปมองมู่หรงชีชีอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าไม่เจอกันห้าปี นางจะรู้จักการฟ้องคนอื่นเสียแล้ว ที่หลี่อวิ๋นชิงพูดเช่นนี้ หรือจะเป็นเพราะนางไปพูดอะไรต่อหน้าคนในตระกูลหลี่กัน?

มู่หรงชีชียังคงแสดงท่าทางเป็นคนหัวอ่อนขี้กลัว มู่หรงไท้ยิ่งมองก็ยิ่งโกรธ หากไม่ใช่เพราะหลี่อวิ๋นชิงยังยืนอยู่ตรงนี้ เขาก็คงอดไม่ได้ที่จะถีบคนไร้ประโยชน์อย่างนางให้คว่ำ

นอกจากจะไร้รูปลักษณ์อันงดงามแล้ว นางยังไร้ซึ่งความสามารถอีกด้วย คนอย่างเขาจะมีบุตรสาวเช่นนี้ได้อย่างไร มันช่างน่าอับอายขายหน้าจริงๆ

ในตอนแรกที่มู่หรงซินเหลียนได้ฟังคำพูดของหลี่อวิ๋นชิงนั้น นางก็มีความหวั่นเกรงอยู่บ้าง นึกว่าเรื่องที่นางสั่งให้เฟ่ยชุ่ยทำจะโดนจับได้เสียแล้ว แต่เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่อวิ๋นชิงกลับไม่ได้พูดอะไรออกมา มู่หรงไท้ก็ไม่มีการซักถาม นางถึงได้โล่งอกไปเปราะหนึ่ง

ดูแล้วท่านพ่อก็ไม่ได้ใส่ใจมู่หรงชีชีเสียเท่าไหร่นัก เห็นไหมเล่า คนไร้ประโยชน์ก็ยังเป็นคนไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำ ทำประโยชน์ให้แก่ตระกูลไม่ได้ ก็ไม่แปลกที่ท่านพ่อจะไม่สนใจใยดี

สิ่งที่หลี่อวิ๋นชิงพูดมา มู่หรงไท้ยังไม่ทันได้แสดงจุดยืนของตนเอง ก็ได้ยินเสียงร้องห่มร้องไห้ลอยเข้ามาเสียแล้ว สตรีแต่งกายสวยหยาดเยิ้มสองนางร่ำไห้รำพัน “บุตรสาวข้า” บุกเข้ามาในสวนชุ่ยจู่

“ชิงเอ๋อร์ เหตุใดใบหน้าลูกถึงได้เป็นเช่นนี้” หลิวเยียนจือส่ายหัวที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับเงินทอง มือของนางก็ช้อนใบหน้าของมู่หรงชิงเหลียนมาไว้ตรงหน้า “ใครกันที่มันใจดำอำมหิตลงมือกับลูกอย่างโหดร้ายขนาดนี้ ต้องการจะทำให้เจ้าเสียโฉมเชียวหรือ”

หลิวเยียนจือเพิ่งจะเริ่มร่ำไห้คร่ำครวญ เจิ้งหมิ่นที่อยู่อีกข้างก็โอบกอดมู่หรงซินเหลียนเริ่มร่ำรำพันขึ้นมาบ้างเช่นกัน “ซินเอ๋อร์ ซินเอ๋อร์ของข้า เหตุใดลูกถึงบาดเจ็บขนาดนี้เล่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของสตรีก็คือใบหน้า เป็นผู้ใดที่มันอิจฉาริษยาในรูปลักษณ์งดงามของเจ้า ใครกันที่มันโหดร้ายขนาดนี้ คิดจะทำให้เจ้าเสียโฉม โธ่! ซินเอ๋อร์ของข้าช่างน่าสงสารนัก ”

เพราะนางสองคน สวนชุ่ยจู๋จึงได้ครึกครื้นขึ้นมา

หลิวเยียนจือโอบไหล่ของมู่หรงชิงเหลียนพามาอยู่ตรงหน้ามู่หรงไท้ ให้เขาได้เห็นรอยแส้บนใบหน้าของมู่หรงชิงเหลียน “ท่านพี่ ดูหน้าของชิงเอ๋อร์สิเจ้าคะ นางจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันของสำนักนะเจ้าคะ แล้วนางโดนทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้ ถึงเวลาจะมีหน้าออกไปพบปะผู้คนได้เช่นไร”

หลิวเยียนจือเป็นสตรีที่งดงามมีเสน่ห์ ถึงแม้จะมีลูกมาแล้วสองคน อายุของนางก็สามสิบหกแล้ว แต่ผิวพรรณของนางก็ยังอ่อนเยาว์ ใบหน้างดงามชวนหลงใหล มือของนางใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา แต่สายตากลับมองไปยังมู่หรงซินเหลียนอย่างโกรธแค้น

“ท่านพี่ ถ้าชิงเอ๋อร์เป็นอะไรขึ้นมา น้องก็คงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”

เมื่อเห็นหลิวเยียนจือ “คนทำผิดรีบฟ้องก่อน” เจิ้งหมิ่นก็ไม่ยอมน้อยหน้า ลากตัวของมู่หรงซินเหลียนเข้าไปให้มู่หรงไท้ได้ดูใบหน้าที่มีรอยแผลจากดาบอ่อนของนาง

เมื่อเทียบกับหลิวเยียนจือที่สวยสง่าแล้ว รูปร่างแบบบางของเจิ้งหมิ่นก็เปรียบดั่งหยกงามในครอบครัวเล็กๆ ดูน่าทะนุถนอม ยิ่งนัยน์ตาดอกท้อของนางที่กำลังน้ำตาคลอเบ้า เพียงแต่สบตา ก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้น

“ท่านพี่ ซินเอ๋อร์เป็นถึงสาวงามที่สุดของเมืองหลวง มีคุณชายตระกูลขุนนางตั้งเท่าไหร่ที่ชื่นชอบบุตรสาวของเรา แล้วยังมีบุรุษจากตระกูลเศรษฐีอีกตั้งเท่าไหร่ที่อยากตบแต่งนางเข้าตระกูล แต่ตอนนี้กลับต้องมาเสียโฉม สวรรค์ช่างใจร้ายกับซินเอ๋อร์ยิ่งนัก ต่อไปนางจะมีชีวิตอยู่ได้เยี่ยงไร ท่านพี่! ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับพวกเรานะเจ้าคะ”

บุตรสาวสองคน ภรรยาอีกสองคน พวกนางสี่คนร้องไห้รำพันจนแยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร มันช่างหนวกหูเสียจนมู่หรงชีชีต้องขมวดคิ้ว หากรู้ว่ามันจะทำให้พวกนางคร่ำครวญเสียงดังหนวกหูขนาดนี้ เธอคงไม่ยุแยงให้นางสองคนตีกันหรอก

ท่าทางรำคาญของมู่หรงชีชีตกอยู่ในสายตาของหลี่อวิ๋นชิง กลับรู้สึกว่ายิ่งน่าสนใจ นางเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ด้วย

ภรรยาสองคนร่ำไห้จะเป็นจะตาย ขอให้เขาคืนความยุติธรรมให้กับพวกนาง ทำให้เขายิ่งปวดหัว จะหน้ามือหลังมือมันก็เนื้อทั้งนั้น บุตรสาวสองคน คนหนึ่งก็ความสามารถสูงส่ง อีกคนก็งดงามเป็นหนึ่ง ยามปกติแล้วความสัมพันธ์ของพวกนางก็ไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนี้ แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงได้ลงมือกันรุนแรงเช่นนี้

ไม่ว่ามู่หรงไท้จะครุ่นคิดเท่าไหร่เขาก็คิดไม่ออกว่าเป็นเพราะเหตุใด อีกทั้งเสียงร่ำรำพันอันหนวกหูของพวกนาง แล้วยังมีหลี่อวิ๋นชิงยืนกอดอกดูเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ ยิ่งทำให้ไฟโทสะในใจเขาโหมกระหน่ำ “พอได้แล้ว! เลิกคร่ำครวญเสียที ไม่ขายหน้าแขกหรืออย่างไร กลับไปให้หมด! ”

หลิวเยียนจือกับเจิ้งหมิ่นสะดุ้งตกใจเพราะเสียงตะโกนของมู่หรงไท้ เมื่อดูออกว่าเขากำลังโกรธจัด นางสองคนซึ่งอยู่กับมู่หรงไท้มานานก็เริ่มสงบเสงี่ยมกันอย่างทันที เช็ดน้ำตาแล้วลากบุตรสาวของตนเองให้ออกจากสวนชุ่นจู๋ไป

ขณะที่เจิ้งหมิ่นเดินออกไปนั้น นางก็ใช้สายตาน้อยอกน้อยใจมองไปยังมู่หรงไท้ แต่หลิวเยียนจือกลับเลิกทวงความเป็นธรรมให้แก่บุตรสาว ส่งสายตาออดอ้อนไปให้มู่หรงไท้ “ท่านพี่ วันนี้น้องตุ๋นซุปไก่ดำไว้ให้ท่านพี่ด้วยนะเจ้าคะ ค่ำนี้ท่านพี่ต้องมาหาน้องนะเจ้าคะ”

หากไม่ติดว่ายังมีคนอื่นอยู่ด้วย มู่หรงชีชีคงจะกอดกระโถนอ้วกไปแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่ในจวนอำมาตย์แห่งนี้ หลิวเยียนจือจะเป็นรองแค่ฮูหยินใหญ่ สตรีเช่นนี้นี่ “จัดจ้าน”จริงๆ

รอเมื่อทุกคนเดินออกไปหมดแล้ว มู่หรงไท้ก็มองมู่หรงชีชีด้วยสายตาเย็นเยียบ “เจ้าอยู่ให้มันสงบเสงี่ยมเสียหน่อย แค่เพิ่งกลับมาก็สร้างปัญหามากมายเสียแล้ว กักบริเวณให้เจ้าสำนึกผิดเป็นเวลาหนึ่งเดือน ไม่ว่าที่ไหนก็ห้ามไป อย่าทำให้ข้าต้องอับอายผู้คน หึ!”

มู่หรงไท้ไม่สนใจว่าหลี่อวิ๋นชิงจะยังอยู่หรือไม่ เขาสะบัดแขนเสื้อ ก้าวยาวๆ เดินออกจากสวนชุ่ยจู๋ตรงไปทางที่เรือนโอ่วเซียงตั้งอยู่ ตอนนี้สิ่งที่เขากังวลที่สุดคือใบหน้าของมู่หรงซินเหลียนจะเสียโฉมหรือไม่

บุตรสาวคนนี้เป็นถึงหญิงงามที่สุดในเมืองหลวง เขายังคาดหวังให้นางได้เข้าวัง ถึงเวลานั้นเขาจะมีบุตรสาวที่เป็นชายาของฮ่องเต้ถึงสองคน นี่มันยิ่งกว่ามีเกียรติยศเสียอีก

ท่าทางรีบร้อนจากไปของมู่หรงไท้ ทำให้มู่หรงชีชีสิ้นหวังกับบ้านหลังนี้อย่างสิ้นเชิง ดูเหมือนว่ามู่หรงไท้จะไม่มีความรู้สึกใดใดให้กับบุตรสาวคนที่สามคนนี้เสียเลย หากไม่ใช่เพราะว่าเธอรับปากท่านพ่อบุญธรรมไว้แล้วว่าจะคอยดูแลเขาคนนั้นไม่ให้เป็นอะไรไป ป่านนี้เธอคงออกไปท่องยุทธภพ คงไม่มาจมปลักเป็นคุณหนูสามอยู่ที่นี่หรอก

“ซูเหมย ซู่เยว่ ลำบากพวกเจ้าจัดการเก็บกวาดที่นี่ให้เรียบร้อย อะไรที่ใช้ไม่ได้ก็ทิ้งเสียให้หมด แต่ไม่ต้องไปหาอะไรมาเพิ่มเติมอีก ถ้าครั้งหน้าโดนพังอีกจะได้ไม่ต้องมาลำบากทิ้งอีก” ต้องมารับมือกับสตรีสี่คนนั้น มู่หรงชีชีก็เริ่มที่จะเหนื่อยเสียแล้ว หันกลับไปมองหลี่อวิ๋นชิง เธอก็ขี้เกียจแสดงแล้ว “ท่านพี่ ท่านก็ตามสบายเลยนะ ข้าขอไปนอนพักหน่อย”

“ไม่แสดงต่อแล้วหรือ” หลี่อวิ๋นชิงแปลกใจในความตรงไปตรงมาของนาง สาวน้อยคนนี้เมื่อครู่ในแววตามีแต่ความขี้กลัว แต่ยามนี้กลับมีความเกียจคร้านเหมือนแมวน้อย บางครั้งถึงจะมีแววตาแพรวพราว แสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้วนางเป็นคนเช่นไร นี่คงจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของนาง

“ท่านพี่เป็นคนฉลาด ให้ข้าไปเสแสร้งแสดงต่อหน้าคนฉลาดอย่างท่าน มันออกจะน่าขำไปเสียหน่อย”

บนโลกนี้มีคนอยู่ประเภทหนึ่ง คนพวกนี้ราวกับว่าได้รับความโปรดปรานจากเบื้องบน พวกเขามีชาติกำเนิดที่สูงส่ง ฉลาดหลักแหลม ไม่ว่าใครจะเสแสร้งแสดงได้ดีเพียงใด พวกเขาก็รู้อยู่ดีว่าภายใต้หน้ากากนั้นแท้จริงเป็นเช่นไร

หลี่อวิ๋นชิงก็จัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทนี้พอดี

ในเมื่อเขาดูออกแล้ว เธอก็เปิดเผยตัวตนเสียดีกว่า จะได้ไม่เป็นตัวตลก ถูกเขามองมาอย่างขบขัน ยังหลงตัวเองคิดว่าเก่งนักหนา

“หากท่านอาได้มาเห็นความเปลี่ยนแปลงของน้องหญิง คงจะดีใจมาก” หลี่อวิ๋นชิงเผยรอยยิ้มออกมา เข้ามองไม่ผิดจริงๆ แววตาของสาวน้อยคนนี้เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ดูเกียจคร้านดั่งแมวน้อย ไม่สิ เหมือนเสือดาวที่ดื้อรั้นไม่เชื่อฟังใครต่างหาก

ดูเหมือว่าชีวิตเขาจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไปแล้ว