webnovel

ดวงใจอสุรา

เพราะเหตุพลิกผันทำให้ มู่หรงชีชีต้องย้อนอดีตมาเป็นนางซินในยุคโบราณที่เจ้าของร่างคนเดิมถูกลงโทษด้วยกฎบ้านจนตาย แต่คิดหรือว่านางจะยอมแพ้ต่อโชคชะตานี้ แม้จะถูกพี่สาวร่วมตระกูลแย่งคู่หมั้น มิหนำซ้ำยังถูกบิดาจับคลุมถุงชนเพื่อแต่งงานแก้เคล็ด แต่ดูเถอะว่ามู่หรงชีชีคนนี้จะไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน! เนื่องด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้ ทำให้มู่หรงชีชีต้องยอมอภิเษกกับ เฟิ่งชาง หนานหลินอ๋องแห่งแคว้นเป่ยโจว บุรุษที่ได้สมญานามว่า ‘อ๋องปีศาจ’ ผู้ที่มีดวงพิฆาตภรรยาอย่างไม่มีทางเลือก ทว่าใครเล่าจะรู้ว่าหนานหลินอ๋องที่นางเคยได้ยินคำล่ำลือมาว่าแสนร้ายกาจนั้นจะไม่เหมือนบุรุษตรงหน้าที่นางได้พบเลยแม้แต่น้อย ยิ่งนางได้รู้จัก นางก็ยิ่งจะหลงรักเขามากขึ้นเสียแล้ว

ล่าหมี่ทู่ · History
Not enough ratings
156 Chs

ตอนที่ 006

ตอนที่ 6 ลูกพี่ลูกน้องครอบครัวสุขสันต์

เมื่อเห็นท่าทางลำพองใจของมู่หรงซินเหลียน มุมปากของมู่หรงชีชีก็พลันกระตุกขึ้น นางนี่ช่างเหมาะสมกับที่เป็นคนเจ้าบทบาทจริงๆ หากมู่หรงชิงเหลียนยังคงเลือดร้อนเช่นนี้ สักวันก็คงจะพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของมู่หรงซินเหลียนแน่

มู่หรงชีชีเอามือกุมหน้าอก แต่ดวงตาของเธอกลับมองเหตุการณ์สนุกตรงหน้า ทันใดนั้นเธอก็รับรู้ได้ถึงสายตาหนึ่งที่มองมาที่เธออย่างค้นหา เช่นนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้นไปมอง จึงเห็นว่าเขาคือหลี่อวิ๋นชิง

ชายหนุ่มผู้นี้ งดงามมากจริงๆ!

ผมดำสลวยถูกทัดไว้ที่หลังหูอย่างลวกๆ เส้นผมด้านหลังถูกรวบไว้และปักด้วยปิ่นไผ่อย่างง่ายๆ ชุดสีเขียวขนนกกระเต็นยิ่งทำให้ร่างสูงดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ดวงตาของเขาคู่นั้นช่างอ่อนโยนดุจสายลมในฤดูใบไม้ผลิเดือนห้า แค่เพียงได้มองผ่าน ก็อบอุ่นไปถึงหัวใจ

แต่ความอ่อนโยนนั้นก็เปรียบเสมือนใบมีดแหลมคม ในสายตาอ่อนโยนดุจสายน้ำของเขา เธอมองเห็นความเย็นชาที่ซ่อนอยู่ บุรุษเช่นนี้ ภายนอกดูเหมือนอ่อนโยนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น แต่ความจริงแล้วเขาช่างเย็นชาไร้หัวใจ และเป็นคนที่ไม่ควรไปยุ่งด้วยมากที่สุด

สบตาแค่เพียงครั้งเดียว หลี่อวิ๋นชิงก็ถูกมู่หรงชีชีจัดไว้ในกลุ่มคนที่ไม่มีทางจะคบค้าสมาคมด้วย สำหรับบุรุษที่ภายนอกดูอ่อนโยนแต่จิตใจเย็นชาเช่นนี้ เธอไม่ค่อยจะถูกชะตาเสียเท่าไหร่

เมื่อรับรู้ถึงสายตาของหลี่อวิ๋นชิงที่มองมาอย่างสำรวจ มู่หรงชีชีก็หลบสายตาของเขา มือกุมหน้าอก ไอออกมาเบาๆ ราวกับว่าแรงถีบนั้นหนักหนาเสียจนเธอจะเป็นอะไรเอาได้ และเสียงไอของเธอยังส่งผลให้เหตุการณ์กระอักกระอ่วนตรงหน้าถูกทำลายลง มู่หรงไท้ถึงได้มองเห็นเธอที่หน้าซีดเผือด

สำหรับมู่หรงไท้แล้ว บุตรสาวอย่างมู่หรงชีชีเขาไม่ได้มีความรักหรือความรู้สึกอะไรให้มากมาย ชีวิตเขาไม่ได้มีอะไรให้เสียดายเป็นพิเศษ

เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เส้นทางการเป็นอำมาตย์ของเขาก็ได้รับการเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็สมรสกับคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลี่ หนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของอณาจักรยศถาบรรดาศักดิ์ของเขาก็ยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี ตอนนี้ฐานันดรของเขาสูงส่ง บุตรสาวคนโตก็เป็นถึงกุ้ยเฟย สำหรับเขาเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

หากจะมีสิ่งใดที่เป็นดั่งเม็ดทรายในดวงตาของเขา ขัดตาขัดใจเขา ก็คงจะเป็นบุตรสาวคนที่สาม มู่หรงชีชี

แผ่นดินซีฉียกย่องผู้มีวรยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี ผู้ใหญ่หรือเด็ก สูงส่งเช่นราชวงศ์หรือต่ำต้อยเช่นชาวบ้านธรรมดา ต่างก็ฝึกวรยุทธ์กันทั้งนั้น อีกทั้งยังภาคภูมิใจในวรยุทธ์ของตน บรรพบุรุษของฮ่องเต้ที่เป็นผู้สร้างอาณาจักรแห่งนี้ก็ใช้การต่อสู้สยบใต้หล้า สามารถเรียกได้เลยว่าวรยุทธ์คือจิตวิญญาณของราษฎรในดินแดนซีฉี

แผ่นดินซีฉีแห่งนี้ไม่ว่าจะยากดีมีจนเช่นไร หากมีวรยุทธ์สูงส่งก็จะได้รับความเคารพจากผู้อื่น และจะเจริญก้าวหน้าได้อย่างง่ายดาย

มู่หรงไท้ถึงแม้จะเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น แต่เขาก็ยังพอมีวรยุทธ์อยู่บ้าง ภรรยาทุกคนก็มีความสามารถ บุตรทุกคนต่างก็มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้

เดิมทีชีวิตของเขาควรจะสมบูรณ์แบบเช่นนี้ต่อไป แต่สวรรค์เล่นตลก กลับมีมู่หรงชีชีที่เกิดมาผิดพ่อผิดแม่

ถ้าจะพูดให้ถูกต้อง มู่หรงชีชีเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ตั้งแต่การทดสอบเมื่อนางอายุได้หนึ่งขวบ มีพระสงฆ์ตรวจออกมาว่านางไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ มู่หรงไท้เองก็ไม่คาดหวังอะไรในตัวบุตรสาวคนนี้แล้ว

ต่อให้เป็นสตรี หากไม่สามารถฝึกวรยุทธ์ได้ ก็เป็นได้แค่เครื่องมือที่ใช้ตอบสนองต่อความต้องการของบุรุษ เป็นได้เพียงสตรีที่ไร้ค่าไร้ประโยชน์เท่านั้น

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หรงไท้ก็ทิ้งให้มู่หรงชีชีใช้ชีวิตอยู่บนเรือนอันห่างไกล ไม่สนใจใยดี ต่อให้รู้ดีแก่ใจว่านางไม่ได้เป็นคนขโมย มันจะต้องมีอะไรมากกว่าที่เห็น ถึงแม้นางจะเป็นบุตรสาวสายตรงก็ไร้ประโยชน์

สำหรับมู่หรงไท้แล้ว เลี้ยงสุนัขยังสามารถใช้ให้เฝ้าบ้านได้ แต่มู่หรงชีชีกลับไม่สามารถทำประโยชน์อันใดให้แก่ตระกูลได้เลย แม้แต่สุนัขยังมีประโยชน์กว่านางเสียอีก

ตอนนี้มู่หรงชีชีที่ถูกเขาส่งไปอยู่สำนักแม่ชีมาห้าปีได้กลับมาจวนอำมาตย์เป็นเวลากว่าสามวันแล้ว ตั้งแต่นางกลับมาจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่เคยเห็นนางเลยสักครั้ง

เมื่อมีโอกาสเช่นนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะสำรวจบุตรสาวคนนี้อย่างละเอียดสักครั้ง

ผิวพรรณขาวผ่อง คิ้วเรียวยาว ดวงตาไม่ได้กลมโต สันจมูกก็ไม่ได้โด่ง รูปปากไม่หนาไม่บาง ริมฝีปากซีดไปเสียหน่อย ไม่นับว่าเป็นสาวงามอะไร แค่พอดูได้ก็เพียงเท่านั้น

เมื่อพูดเรื่องรูปร่างหน้าตา มู่หรงไท้ก็หล่อเหลามิใช่น้อย ฮูหยินหลี่ชิวสุ่ยเมื่อก่อนก็เป็นถึงหนึ่งในสองสาวงามที่สุดของเมืองหลวง

มู่หรงเสวี่ยเหลียนบุตรสาวคนโตของเขา ตอนนี้ก็เป็นถึงกุ้ยเฟย ก่อนหน้าที่นางจะเข้าวัง นางก็มีสมญานามเป็นถึง “หญิงสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง” ตอนนี้มู่หรงซินเหลียนบุตรสาวคนรองของเขา ก็ได้รับสมญานี้อีกคน ส่วนมู่หรงชิงเหลียนบุตรสาวคนเล็กของเขา ถึงแม้จะยังเยาว์วัยแต่ก็งดงามมิใช่น้อย แม้กระทั่งบุตรชายคนเดียวของเขาอย่างมู่หรงจวิ้น ก็หล่อเหลาพอควร

จะมีก็เพียงแต่มู่หรงชีชีที่เหมือนกับว่าไม่ได้รับกรรมพันธุ์ดีๆ มากจากพวกเขาเลย ในตระกูลที่มีแต่คนที่รูปร่างหน้าตางดงาม นางก็เปรียบเสมือนต้นหญ้าธรรมดาในหมู่ดอกไม้งาม

แต่เดิมมู่หรงไท้คิดว่าห้าปีมานี้นางจะมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่เมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ของนางแล้ว ความไม่ชอบใจก็พลันผุดขึ้นมาอีกครั้ง

สำหรับเขานั้น บุตรสาวคนที่สามที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ บางครั้งก็เป็นดั่งไฝที่อยู่บนจมูกของสาวงาม ทำลายรูปลักษณ์อันสวยงามลงเสียหมด บางครั้งก็เปรียบดั่งก้างปลาที่ติดอยู่ที่คอ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ช่างทำให้คนรำคาญเสียจริง

“เจ้ามายืนซื่อบื้ออยู่ตรงนี้ทำไม” ไฟโทสะภายในใจของมู่หรงไท้ไม่รู้จะไปลงที่ใคร เขาก็หันไปเห็นมู่หรงชีชีพอดี เช่นนั้นก็เอาความโกรธแค้นทุกอย่างมาลงที่นาง “เพิ่งจะกลับมา ข้างนอกก็มีแต่คนพูดถึงข่าวลือเสียๆ หายๆ เสียแล้ว ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเจ้าทั้งนั้น!”

มู่หรงไท้ไม่คิดจะซักถามว่าใครถูกใครผิดก็ตำหนิมู่หรงชีชีทันที ทำให้นางรู้สึกว่า “ช่างไม่ยุติธรรม” ซู่เยว่พยุงนางขึ้นมา นางก็ยืนอย่างระมัดระวัง ก้มหน้าลงจนชิดหน้าอก ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียว แสดงราวกับว่านางคือลูกแกะน้อยที่ไร้เดียงสา

“ท่านอาเขย นี่คือเรือนของนาง นางก็ควรจะอยู่ที่นี่ถึงจะถูก”

มู่หรงชีชีกำลังคิดว่าจะยืนเป็นใบ้ไม่พูดอะไร แต่ก็มีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านข้าง พูดช่วยเธอขึ้นมา เมื่อเธอเงี่ยหูฟัง ก็พบว่าเขาคือหลี่อวิ๋นชิง คิดไม่ถึงเลยว่าคนๆ นี้จะพูดช่วยเธอ ช่างน่าแปลกใจเสียจริง ถึงแม้เธอกับเขาจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน เขามีศักดิ์เป็นพี่ชาย แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก็ธรรมดามาก ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ

เมื่อเห็นว่าหลี่อวิ๋นชิงพูดขึ้นมา มู่หรงไท้ก็ทำได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ “อ้อ ใช่แล้ว ที่นี่คือสวนชุ่ยจู่ของลูกสาม”

ถึงแม้ว่าหลี่อวิ๋นชิงจะเป็นบุตรของพี่ชายของหลี่ชิวสุ่ย ถือเป็นรุ่นลูกเขาเสียด้วยซ้ำ แต่หลี่อวิ๋นชิงก็คือบุตรชายคนโตของหลี่ขุยประมุขตระกูลหลี่คนปัจจุบัน เป็นผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นในบรรดาหนุ่มสาวรุ่นใหม่ และเป็นว่าที่ประมุขคนต่อไปของตระกูลหลี่ เมื่อเขาพูดออกมาแล้ว มู่หรงไท้ก็จำเป็นต้องไว้หน้าเขา

“ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าอย่างน้องสาวของข้าจะอาศัยอยู่ในสถานที่เช่นนี้” หลี่อวิ๋นชิงมองไปรอบๆ สวนชุ่ยจู๋ สภาพเก่าๆ โทรมๆ ของที่นี่ แสดงให้เห็นว่าได้ว่ามู่หรงชีชีนั้นไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนอำมาตย์แห่งนี้เพียงใด

หากเป็นยามปกติ หลี่อวิ๋นชิงไม่มีทางที่จะพูดช่วยเหลือมู่หรงชีชีแน่ แต่เมื่อครู่ที่เขาได้สบตากับนาง เขากลับเห็นสายตาของนางที่แฝงไปด้วย “ความสนุก” ราวกับว่าน้องสาวของเขาคนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยเหลือ

“เท่าที่ข้ารู้มา เหมือนว่าน้องหญิงเพิ่งจะได้กลับมาที่นี่ นางแค่เพิ่งกลับมา ข้างนอกกลับมีข่าวลือมากมาย ข้าคิดว่าคงมีคนอิจฉาริษยานางที่กำลังจะเสกสมรสเป็นชายาของจิ้งอ๋อง ถึงได้ปล่อยข่าวเหล่านั้นออกมา ท่านอาเขย ข่าวลือน่าจะเป็นคนในจวนอำมาตย์เองที่ปล่อยออกไป ข้าคิดว่าท่านน่าจะตรวจสอบเสียหน่อยว่า ใครหน้าไหนกันแน่ที่มันกล้ามารังแกน้องสาวของข้า”

คำพูดของหลี่อวิ๋นชิงมีความนัยอยู่หลายชั้น ชั้นแรกคือมู่หรงชีชีเพิ่งจะกลับมา ยังไม่มีโอกาสออกไปข้างนอกด้วยซ้ำ ข่าวลือทั้งหลายนั้นมีคนตระเตรียมไว้ใส่ร้ายนางอย่างแน่นอน ส่วนชั้นที่สองคือคนที่ปล่อยข่าวลือนั้นอิจฉามู่หรงชีชีที่เป็นว่าที่พระชายาของจิ้งอ๋อง นี่มันคือการทำลายชื่อเสียงนางอย่างชัดเจน ชั้นที่สามคือ ต่อให้มู่หรงชีชีจะไม่ดีเช่นไร มารดาของนางก็ยังเป็นฮูหยินใหญ่ เป็นบุตรสาวคนโตแห่งตระกูลหลี่ เบื้องหลังของนางยังมีตระกูลหลี่

ความนัยที่หลีอวิ๋นชิงต้องการจะสื่อ มู่หรงไท้นั้นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง เขาแค่นึกไม่ถึงว่ามู่หรงชีชีจะไปเข้าตาหลี่อวิ๋นชิง ทำให้เขามาปกป้องนางถึงเพียงนี้