webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · Fantasy
Not enough ratings
107 Chs

ภาคต่อตอนที่ 6 ดาบนั้นคืนสนอง

ยามโฉ่วเรือนพักรับรองในลานฝึกทหารจวนแม่ทัพไร้พ่าย

"เรียนท่านแม่ทัพ รองแม่ทัพมู่กลับมาแล้วขอรับ"กองกำลังปีศาจมู่นายหนึ่งเดินเข้ามารายงาน

"อืม..ให้มู่หลงเข้ามาพบข้า"มู่หลิ่งเหวินหมุนตัวกลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงาน ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยยากจะคาดเดาถึงสิ่งที่กำลังคิดอยู่

"ท่านแม่ทัพ"จางมู่หลงประสานมือคำนับทันทีที่เข้ามาใกล้ ด้านหลังเป็นกองกำลังปีศาจมู่ พร้อมด้วยครอบครัวคนแซ่ ชง อีกเจ็ดชีวิต

"ลุกขึ้น..."พยักหน้าให้กองกำลังปีศาจมู่ทั้งยี่สิบ พริบตากองกำลังปีศาจมู่ก็หายไปจากตรงนั้นทันทียามนี้จึงเหลือเพียงจางมู่หลงและครอบครัวคนแซ่ ชง

"ชงซื่อ.."

"ขอรับท่านแม่ทัพ"

"พาบิดามารดาของเจ้าไปพักก่อน"

"ขอบคุณท่านแม่ทัพ"ชงซื่อเป็นตัวแทนกล่าวขอบคุณแทนทุกคน แล้วช่วยกันประคองบิดามารดาที่บาดเจ็บเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบสกปรกและคราบเลือด แม้จะไม่เห็นถึงบาดแผลภายใต้อาภรณ์สีเทาขมุกขมัว แต่ใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือดทรงตัวแทบไม่อยู่ก็พอจะเดาออกว่า ช่วงเวลาหลายวันที่ถูกขัง บิดามารดาคงถูกทุบตีทรมานอย่างไร้ความปรานีเป็นแน่

"ท่านแม่ทัพ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านคาดการไว้ไม่ผิด"จางมู่หลงรายงานผลทันทีเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้แต่ไม่กล่าวสิง่ใดจึงถอยออกมายืนด้านข้าง

สองเค่อผ่านไป...มู่หลิ่งเหวินยังคงนั่งกอดอกหลังพิงพนักเก้าอี้หลับตานิ่ง จางมู่หลง ได้แต่เหลือบมองท่านแม่ทัพเป็นระยะๆ ไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนตัวไปที่ใด ด้วยรู้ดีว่าแม่ทัพหนุ่มกำลังรอสิ่งใดอยู่

จู่ๆแม่ทัพหนุ่มก็ลืมตาขึ้น สายตาแน่วแน่จับอยู่ตรงประตูทางเข้ายกยิ้มเมื่อเห็นร่างบุรุษชุดดำสวมหน้ากากปีศาจนายหนึ่งเดินเข้ามาเร็วๆ

"ท่านแม่ทัพ"ประสานมือคำนับอย่างเข้มแข็ง

"ว่ามา"

"ทุกอย่างเป็นไปตามที่ท่านคาดการไว้ขอรับ"

"ข้ารู้แล้ว สั่งคนของเราจับตาดูต่อไป"

"ขอรับ!!"สิ้นคำบุรุษชุดดำสวมหน้ากากปีศาจก็หายไปจากสายตาทันที

"ผงนิทราจะหมดฤทธิ์ยามใด?"ถามจางมู่หลง

"อา..น่าจะราวยามซวีวันพรุ่ง เพราะนางถูกลักพาตัวและถูกผงนิทราราวยามนั้นขอรับ"

"ระหว่างทางก็ได้เปลี่ยนชุดและสวมหน้ากากหนังมนุษย์ให้นาง แล้วพานางไปไว้ในกระท่อม รอแลกเปลี่ยนตัว"จางมู่หลงรายงานเฉพาะเหตุการณ์สำคัญๆ

"เหตุใดท่านจึงปล่อยมัน ไม่สังหารมันทิ้งเสียที่กลางป่านั่น?"หากเป็นตนเอง จางมู่หลงจะสังหารมันทิ้งเสีย! แต่ท่านแม่ทัพกลับปล่อยมัน เรื่องที่ให้สตรีผู้นั้นสวมหน้ากากหนังมนุษย์ยังพอเข้าใจได้ แต่เรื่องที่ปล่อยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ จางมู่หลงยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จางมู่หลงจะติดใจสงสัย ด้วยแม่ทัพหนุ่มไม่ได้บอกถึงแผนการหลังจากนั้นให้จางมู่หลงฟัง

"หึๆข้าอยากเห็นมัน อยู่ไม่สู้ตาย มากว่า"จางมู่หลงถึงกับสะท้านไปทั้งร่าง อา..อยู่ไม่สู้ตาย? ท่านแม่ทัพ...ท่านทำอันใดกันอยู่กันแน่?

ยามเฉินจวนเสนาบดีหาน

หานหนิงเฉิงที่อาการเจ็บปวดทุเลาลงมากแล้วพร้อมด้วยฮูหยินใหญ่และบุตรชาย หาน หนิงหลง กำลังอยู่ที่โต๊ะอาหารส่วนภรรยารองอนุทั้งหลายไม่ได้รับอนุญาตให้มาร่วมโต๊ะอาหาร

"อันเอ๋อร์เล่า?"หานหนิงอันถามหาบุตรีคนโปรด

"ข้าให้บ่าวไปตามแล้วเจ้าค่ะ"ฮูหยินใหญ่ตอบผู้เป็นสามี

"ท่านพ่อ อาการป่วยของท่านเป็นเช่นใดบ้างขอรับ?"หานหนิงหลงเอ่ยถามบิดาด้วยความเป็นห่วง

หานหนิงหลงวัยยี่สิบ จัดว่าเป็นหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งเลยทีเดียว แม้ร่างกายจะไม่สูงใหญ่บึกบึนเท่าแม่ทัพหนุ่มหรือรูปงามเท่าก็ตามที แต่ก็เป็นบัณฑิตผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมเฉลียวฉลาดทันคนยึดมั่นในคุณธรรม ผิดว่าไปตามผิดไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด ผิดกับผู้เป็นบิดายิ่งนัก

"ฮึ!..เจ้าลูกอกตัญญู รู้จักห่วงข้าด้วยรึ!?"หานหนิงเฉิงชี้นิ้วใส่บุตรชายพ่นถ้อยคำที่คนฟังปวดใจยิ่งนัก

"โธ่...ท่านพี่ เหตุใดจึงพูดเช่นนี้กับหลงเอ๋อร์เล่าเจ้าคะ?"ฮูหยินใหญ่รีบกางปีกปกป้องบุตรชาย

"อย่าสอด!...ข้าอุตส่าห์ปูทางไว้ให้เสียดิบดี หวังจะให้เป็นขุนนาง เชิดหน้าชูตาให้แก่วงศ์ตระกูล แต่เจ้ากลับ...ฮึ่ย!..."

"ขออภัยที่ลูกอกตัญญู ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง แต่ถึงอย่างไรลูกก็ยังยืนยันคำเดิม ว่าจะไม่ยอมเป็นขุนนางเด็ดขาดขอรับ!"

"เจ้า!..เจ้า!...เจ้า!..."หานหนิงเฉิงโกรธจนหน้ามืด ฉวยถ้วยชาหยกอย่างดีที่มีน้ำชาร้อนๆอยู่เต็มถ้วย ขว้างใส่บุตรชายที่นั่งอยู่ห่างสองช่วงแขนสุดแรง

ปึก! เพล้ง! ว้าย!

ปึก! คือเสียงของถ้วยชากระทบกับหน้าผากของหานหนิงหลง

เพล้ง!ต่อมาคือเสียงถ้วยชาหยก ตกกระทบพื้นแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ว้าย! คือ อาการตกใจจากฮูหยินใหญ่ที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์

"นายท่าน!...แย่แล้ว!...เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!"เสียงตะโกนของพ่อบ้านชราทำเอา หานหนิงเฉิง สะบัดหน้าอวบอ้วนแดงก่ำเพราะอารมณ์โกรธมาทางพ่อบ้านชราทันที

"มีเรื่องอันใด!!!?"ดวงตาจิ้งจอกแดงก่ำด้วยแรงโทสะที่ถูกกระตุ้นโดยไม่ตั้งใจของหาน หนิงหลงผู้เป็นบุตรชายสายตรง

"เอ่อ....นะนี่..นะนี่..ขอรับ"น้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างหวาดหวั่น มือที่สั่นเทาราวกับถูกผีเข้ายื่นจดหมายที่อยู่ในมือให้นายเหนือหัวอย่างยากเย็น

หานหนิงเฉิง รับจดหมายมาถือไว้ในมือ พลิกดูซองสีขาวขุ่นเพื่อหาร่องรอยของผู้ที่ส่งจดหมาย แต่กลับไร้ซึ่งที่มา สิ่งที่ทำต่อมาคือเปิดจดหมายออกอ่าน

"ฟันไม่ขาด ดาบนั้นคืนสนอง"

"...ใครเป็นผู้ส่งจดหมายนี้?"หานหนิงเฉิงเอ่ยปากถามพ่อบ้าน

"เรียนนายท่าน...จดหมายนี้อยู่บนเตียงนอนของคุณหนูขอรับ"

"เจ้าว่าอันใดนะ!? พบจดหมายปริศนานี้ อยู่บนเตียงนอนของอันเอ๋อร์รึ?"เสียงของหานหนิงเฉิงดังขึ้นจนแทบจะกลายเป็นตะโกน

"ขะขอรับ..นายท่าน"

"แล้วอันเอ๋อร์ลูกข้าอยู่ที่ใด? อยู่ในห้องใช่หรือไม่!?"หานหนิงเฉิงจับต้นแขนของพ่อบ้าน เขย่าเต็มแรงหวังจะได้ยินคำตอบดีๆจากพ่อบ้านชรา

"ระระเรียนนายท่าน...ข้าได้ให้บ่าวช่วยกันออกตามหาคุณหนูแล้ว แต่ไม่มีผู้ใดพบเห็นคุณหนูเลยขอรับ"

"แล้วอันเอ๋อร์หายไปตั้งแต่เมื่อใด?!!"

"มะมะไม่ทราบแน่ชัดขอรับ..."

"ไม่ทราบรึ!! เจ้าพวกไม่ได้เรื่อง! เลี้ยงเสียข้าวสุก!! ไป!สั่งบ่าวในจวนทั้งหมดออกตามหาลูกข้าให้พบ! หากลูกข้ามีแม้แต่รอยขีดข่วน ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!!"พ่อบ้านชราพาร่างอันบอบช้ำเพราะถูกเตะถูกกระทืบหลายครั้งออกไปทันที ไม่กล้าแม้แต่จะร้องโอดครวญ

หานหนิงเฉิงตวัดสายตามองฮูหยินใหญ่และบุตรชาย สูดลมหายใจเข้าแรงระงับโทสะ สะบัดแขนเสื้อเสียงดัง กลับห้องทำงานไม่แม้แต่จะถามไถ่อาการ ช่างเป็นบิดาที่ใจดำยิ่งนัก

"หลงเอ๋อร์ เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง?"ฮูหยินใหญ่ถามบุตรชายด้วยความเป็นห่วง

"ข้าไม่เป็นไรขอรับ ท่านแม่อย่าห่วงเลย"หานหนิงหลงใช้ผ้าเช็ดเลือดที่หน้าผาก แม้จะรู้สึกเจ็บแปลบที่บาดแผล แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉยราวกับกำลังเช็ดเหงื่อ ดวงตาเฉลียวฉลาดมองตามหลังผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าบิดา ก่อนจะถอนหายใจอย่างเจ็บปวด

--------------

ในเวลาเดียวกัน ณ จวนแม่ทัพไร้พ่าย

"หลินเอ๋อร์ รีบไปเตรียมตัวเถิด พี่จะพาเจ้าไปเยี่ยมคนๆหนึ่ง"มู่หลิ่งเหวินกล่าว วางถ้วยชาเงยหน้ามองใบหน้าจิ้มลิ้มของภรรยาด้วยสายตารักใคร่ลึกซึ้ง

"คนป่วยหรือเจ้าคะ?"หลบสายตาแก้เขินแล้วถาม

"อา.อาจใช่หรืออาจไม่ใช่คนตอบเผยรอยยิ้มร้ายประกายดำมืดวาบผ่านดวงตาคมทรงเสน่ห์แล้วหายไปอย่างรวดเร็ว

"หลินหลินจะไปเที่ยวหรือ?"เจ้าพยัคฆ์น้อยเดินเข้ามาหานางแล้วส่งเสียงถามอย่างสนใจ ยามที่พูดคุยกับหลินหลิน สามสหายน้อยจะส่งเสียงออกมาเป็นเสียงร้องของพยัคฆ์และเสียงจิ้งจอก ซึ่งมู่หลิ่งเหวินไม่สามารถเข้าใจได้ แต่ยามที่เจ้าพยัคฆ์น้อยต้องการพูดคุยกับเขามันจะส่งกระแสจิตแทน

"ไม่รู้เหมือนกัน"ชิงหลินตอบทางจิตอุ้มเจ้าพยัคฆ์น้อยขึ้นมาแนบอกอวบอิ่ม

"หมั่นโถวขอไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ?"จิ้งจอกน้อยตัวน้องแหงนมองหลินหลินตาแป๋ว กิริยาท่าทางของมันดูน่ารักน่าเอ็นดูเสียจนอดใจไม่ไหวอุ้มมันขึ้นมาแนบอกอีกตัว

"ได้สิ..เป่าเปา..เจ้าอยากไปด้วยไหม?"ก้มถามจิ้งจอกน้อยอีกตัวที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าใครเพื่อน

"ได้หรือขอรับ?"

"แล้วทำไมถึงจะไม่ได้เล่า"ส่งยิ้มเอ็นดู ก้มลงไปจะอุ้มมันขึ้นมาอีกตัว ทว่า....

"พี่จะช่วยเจ้าเอง"เป็นสามีรูปงามที่อุ้มจิ้งจอกน้อย ไม่พอยังฉวยอีกสองตัวในอ้อมแขนนางไปอย่างรวดเร็ว แล้วส่งเจ้าพยัคฆ์น้อยให้จิ๋นซาน จิ๋นซื่อรับผิดชอบสองจิ้งจอกน้อย ส่วนตนเองนั้นหรือ จับจูงมือเรียวเล็กนุ่มนิ่มพากันเดินออกจากเรือนไป

------------

กลับมาที่จวนเสนาบดีหานอีกครั้ง

หลังจากสั่งให้บ่าวไพร่ออกตามหาบุตรีคนโปรด หานหนิงเฉิงก็ถือจดหมายปริศนากลับมายังห้องทำงานของตน หน้านิ่วคิ้วขมวดกับข้อความในจดหมายที่กางอยู่ตรงหน้า

"ฟันไม่ขาด ดาบนั้นคืนสนอง...มันเป็นใครกัน? มีจุดประสงค์อันใดกันแน่?"พึมพำกับตนเอง มันเข้ามาในจวนข้าได้ ฝีมือย่อมไม่ธรรมดาแน่ หรือจะเป็นฝีมือของเจ้าแม่ทัพอ่อนหัดนั่น?! อา...เป็นไปไม่ได้ นี่ก็ผ่านมาหลายชั่วยามแล้ว เหตุใดจึงไร้วี่แววข่าวคราวการเคลื่อนไหวของมัน รวมถึงนักฆ่ากลุ่มนั้นด้วย

ยิ่งคิด หานหนิงเฉิง ก็ยิ่งไม่เข้าใจ ขณะกำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดจนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว

"เรียนนายท่าน แม่ทัพมู่มาขอพบขอรับ"พ่อบ้านชราส่งเสียงรายงานเข้าไปในห้องทำงานที่ปิดประตูลงกลอนจากด้านใน

"แม่ทัพมู่รึ?..มันบอกรึไม่ว่ามาทำไม?"หานหนิงเฉิงมีอาการชะงักเล็กน้อย ใบหน้าอวบอูมเพราะไขมันดำมืดและเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่ชอบใจ

"เอ่อ...แม่ทัพมู่แจ้งว่า พาฮูหยินน้อยมาเยี่ยมคารวะนายท่านขอรับ"

"เจ้าว่าอันใดนะ!!!?"หานหนิงเฉิงลุกพรวด เปิดประตูออกส่งเสียงถามอย่างไม่อยากเชื่อถึงสิ่งที่ตนได้ยิน พาฮูหยินน้อยมาเยี่ยมคารวะ? จะเป็นไปได้เช่นไร?..ในเมื่อ..นางเด็กสารเลวนั่นยังอยู่ในห้องใต้ดิน!!

"พูดชัดๆอีกครั้งหนึ่งซิ!!"หานหนิงเฉิงตะคอกพ่อบ้านชราเสียงดัง ใบหน้าอวบอูมถมึงทึง น่าเกลียดน่ากลัว ราวกับปีศาจจากขุมนรก

"อะเอ่อ..มะแม่ทัพมู่พาฮูหยินน้อยมาเยี่ยมคารวะนายท่าน บัดนี้รออยู่ที่โถงรับแขกขอรับ"พ่อบ้านชราก้มหน้าต่ำเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

"เป็นไปไม่ได้...ในเมื่อ..."หานหนิงเฉิงชะงักคำพูด เหลือบตามองพ่อบ้านชราแวบหนึ่ง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเสียงดังผลุนผลันไปยังโถงรับรองเพื่อให้เห็นกับตาตนเอง

-------

เมื่อมาถึงโถงรับแขก หานหนิงเฉิงถึงกับตะลึงลาน นัยน์ตาเบิกกว้างจนแทบถลนออกมานอกเบ้า ยืนแข็งทื่ออยู่ตรงทางเข้า ใบหน้าอวบอูมซีดเผือดราวกับกระดาษและมีเหงื่อผุดออกมามากมายมือไม้เย็นเฉียบและเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ

"มู่หลงเหวิน คารวะท่านเสนาบดี"ผูมาเยือนลุกขึ้นประสานมือคารวะทักทายตามมารยาท มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยราวกับยินดีที่ได้พบอีกฝ่าย

"...."หานหนิงเฉิงยังคงยืนแข็งท่ออยู่กับที่ไม่ได้ตอบรับหรือขยับเขยื้อนร่างกาย

"มู่หลิน คารวะท่านเสนาบดีเจ้าค่ะ"ชิงหลินลุกขึ้นยอบกายคารวะบ้าง นึกแปลกใจที่อีกฝ่ายเอาแต่จ้องนางราวกับเห็นภูติผีปีศาจ

"...ปะปะเป็นไปไม่ได้...จะเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?..ในเมื่อ..."หานหนิงเฉิงถึงกับปากคอสั่นพูดติดๆขัดราวกับคนติดอ่าง นิ้วที่ชี้ไปทางสตรีสั่นเทาเผลอก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว

"โอ..ดูเหมือนท่านจะยังไม่หายดี เช่นนั้นข้าและฮูหยิน คงต้องขอตัวก่อน ขอให้ท่านหายป่วยโดยเร็ว"เน้นคำว่า ฮูหยิน ยามที่กล่าวกับอีกฝ่าย

"หากท่านยังมีใจเมตตาและรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่บ้าง มันคงไม่เลวร้ายถึงเพียงนี้"แม่ทัพหนุ่มเดินเข้ามากระซิบให้ได้ยินแค่สองคน ยืดกายเต็มความสูง ประสานมือคารวะให้อีกครั้ง ก่อนจะจับจูงมือเรียวเล็กนุ่มนิ่มของภรรยา นำหน้าสององครักษ์ที่อุ้มสามสหายน้อยอยู่ตลอดเมื่อก้าวเข้ามาในจวนเสนาบดี ออกไปไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมาดู

ซึ่งกว่าหานหนิงเฉิงจะกลับมาเป็นตัวเองได้ ก็ต่อเมื่อ "แขกไม่รับเชิญ"กลับไปแล้ว

"ไม่..เป็นไปไม่ได้..เป็นไปไม่ได้...เป็นไปไม่ได้..."หานหนิงเฉิงพึมพำราวกับคนเสียสติ เหตุการณ์เมื่อสักครู่คล้ายถูกฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อม สองขาก้าวไปยังห้องใต้ดินอย่างเหม่อลอย

เมื่อเข้ามาในห้องใต้ดิน กลิ่นคาวเลือดผสมกลิ่นเหม็นอันไม่พึงประสงค์ก็ลอยเข้ามาแตะจมูก จนต้องเบือนหน้าหนีทำให้สติที่หลุดลอยกลับมาอีกครั้ง

ภายในห้องขัง ยังคงมีนักฆ่าเล่นสนุกกับร่างขาวผ่องอวบอิ่มอยู่ ทั้งที่ผ่านมาแล้วหลายชั่วยามอย่างไม่รู้จักอิ่มจักพอ ราวกับอดอยากมานาน

"นะนายท่าน"หนึ่งในนักฆ่าที่ออกมานั่งพักเหนื่อยหลังเสร็จกิจกามแล้ว ลุกพรวดประสานมือเคารพนายเหนือหัว

"..ออกไป!!"ตวาดเสียงดังทำเอาเหล่านักฆ่ารีบหลบไปยืนด้านข้างอย่างรวดเร็ว

ส่วนอีกสี่ห้าคนที่กำลังเล่นสนุกกับร่างเปลือยอวบอิ่มสลบไสล ตกใจรีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างลนลานแล้วยืนก้มหน้าอยู่ข้างเตียง

"เจ้า!..ตรวจดูซิว่า ใช่นางเด็กสารเลวผู้นั้นจริงรึไม่?"คำสั่งของนายเหนือหัว ไหนเลยจะมีใครกล้าคัดค้าน

"ขอรับ"นักฆ่าที่ถูกสั่งรีบขึ้นไปนั่งยองๆบนเตียงข้างร่างเปลือยที่ไร้อาภรณ์ปกปิดกาย หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเป็นสัญญาณบ่งบอกให้รู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่

นักฆ่าใช้สายตาสำรวจอย่างถี่ถ้วน เริ่มจากใบหน้าจิ้มลิ้ม ก่อนที่นิ้วจะสะดุดรอยบางอย่างใต้คางมน เขาจับคางของนางให้เอียงไปอีกข้าง จึงได้เห็นความผิดปกติตรงบริเวณนั้น

ความสงสัยก่อเกิดขึ้น พร้อมกับคำถามในใจ คงไม่ใช่...

"เหวออออ...คะคะคุณหนู!!"มันร้องออกมาเสียงดัง กระถดกายถอยหนีไปจนติดกำแพง ดวงตาเบิกโพลงราวกับถูกผีหลอก เมื่อใบหน้าแท้จริงที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากเผยออกมาให้เห็น คุณหนู..หานหนิงอัน!!

".....!!"หานหนิงเฉิงรู้สึกชาไปทั้งตัว พาร่างอ้วนท้วมหนักอึ้งของตนมายืนข้างเตียง เพ่ง มองใบหน้าที่นอนหายใจรวยรินด้วยหัวใจที่แตกสลาย หลับตาลงพร้อมกับภาวนาขอให้สิ่งที่เห็นเป็นเพียงภาพลวงตาหาใช่เรื่องจริงไม่ แล้วลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง แต่ใบหน้างดงามนั่นก็ยังคงเป็นบุตรีคนโปรดของตน

"อันเอ๋อร์....อันเอ๋อร์ลูกพ่อ...อันเอ๋อร์...อันเอ๋อร์.."หานหนิงเฉิงดึงร่างสลบไสลของบุตรีคนโปรดมาไว้แนบอกแล้วร่ำไห้ออกมาอย่างไม่อายสายตากลุ่มนักฆ่า ที่เริ่มได้สติต่างพากันหนีเอาตัวรอดจนไม่เหลือแม้แต่คนเดียว

ปล่อยให้หานหนิงเฉิงร้องไห้คร่ำครวญ ปริ่มว่าใจจะขาด ดังก้องไปทั่วห้องใต้ดิน

การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยนะ^_^

SARABIYA_1501creators' thoughts