ยามเหม่าวันต่อมา
มู่หลิ่งเหวินรู้สึกตัวตื่นขึ้นตามความเคยชิน ทั้งที่หลับไปได้เพียงสองชั่วยามเท่านั้น แต่เป็นสองชั่วยามที่ดีที่สุดในรอบสามสิบห้าวัน ดวงตาคมทรงเสน่ห์หลุบลงมองร่างเล็กในอ้อมกอดที่โหยหาและคิดถึงทุกลมหายใจอย่างเป็นสุข กุมมือเรียวขาวนุ่มนิ่มที่วางอยู่บนอกแกร่งขึ้นจุมพิตหลายครั้งจบด้วยการจรดริมฝีปากลงบนกระหม่อมเล็กหอมกรุ่น
"อือ"เสียงครางคล้ายรำคาญที่ถูกก่อกวน ทำแม่ทัพหนุ่มชะงักการกระทำลงชั่วครู่ โอบกระชับอ้อมแขนแน่นเข้าอย่างหวงแหน ผ่อนลมหายใจโล่งอกแล้วหลับตาลงอีกครั้ง
ผ่านไปครึ่งเค่อร่างหนามีอันต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง เมื่อร่างเล็กที่ซูบลงเล็กน้อยขยับตัวถูไถใบหน้ากับอกซ้ายของตน ประดุจแมวน้อยขี้อ้อนออดอ้อนเจ้านาย มือเรียวที่โอบกอดเริ่มซุกซนสอดนิ้วอุ่นนุ่มนิ่มเข้าสัมผัสผิวกายบริเวณอกแกร่งขวาอย่างอุกอาจ ไม่พอยังลูบไล้สะกิดยอด อกทำร่างหนาสะท้านเฮือกด้วยความเสียวซ่าน มือหนารีบตะครุบดึงมือซุกซนออกมาจากอกเสื้อหอบหายใจแรง ลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก นี่นางถึงกับละเมอลวนลามข้า?
"ฟู่"แม่ทัพหนุ่มพ่นลมออกทางปากโคจรลมปราณที่พลุ่งพล่านให้เป็นปกติ เพราะถ้าขืนปล่อยให้มือซุกซนลวนลามต่อไป เห็นทีแม่ทัพหนุ่มคงอดใจไม่ไหวได้จับนางกินยามเช้าเป็นแน่
"อือ...."เสียงอืออาคล้ายละเมอของร่างเล็กดังขึ้นอีกครั้งทั้งยังดึงมือออกจากการจับกุมซึ่งแม่ทัพหนุ่มก็ยอมปล่อยมือซุกซนโดยดี แต่ต้องมานึกเสียใจทีหลัง เมื่อมืออุ่นนุ่มนิ่มเริ่มต้นลวนลามเขาอีกครั้งและอุกอาจยิ่งกว่าเดิม
เพราะนางดึงสายรัดเอวของเขาออก แม่ทัพหนุ่มยกศีรษะขึ้นมองการกระทำของนางด้วยใจที่เต้นกระหน่ำคึกโครมยิ่งกว่ากองศึก จนเกรงว่านางที่แนบใบหน้ากับอกข้างซ้ายจะได้ยินเสียงเต้นนั้น ต่อมามือซุกซนเริ่มลูบไล้แปะป่ายไปทั่ว จากใบหน้าระเรื่อยมาที่ใบหู ลำคอ ไหปลาร้า หน้าอกขวาเมื่อนิ้วมือสะดุดสิ่งที่นูนออกมา ร่างเล็กก็ใช้นิ้วชี้ไล้วนสิ่งนั้นเบาๆ แล้วส่งเสียงหัวเราะคิกคักชอบใจ
"อ๊ะ!"ไม่รับรู้เลยว่ามันสร้างความเสียวซ่านแก่รางหนา จนทนไม่ได้พลิกตัวนางขึ้นมาบนร่างแกร่งของตน การกระทำของเขาทำให้เจ้าของมือซุกซนตื่นจากฝันหวานที่กำลังฝันว่า เดินไปพบห่อผ้าเมื่อแกะปมออกก็พบเพชรสีชมพูเม็ดใหญ่เท่าผลส้ม มือขาวลูบไล้มันด้วยความตื่นเต้นระคนหลงใหลเพราะเกิดมาไม่เคยเห็นเพชรสีชมพูแบบนี้มาก่อน
"เหตุใดครานี้ เจ้าจึงเป็นโจรราคะเสียเองเล่า?"คนที่งัวเงียตื่นไม่เต็มตา เมื่อได้ยินเสียงกระเซ้าติดจะแหบพร่าที่ดังอยู่เหนือศีรษะจึงลืมตาสลัดความง่วงงุนออกมองไปตามเสียง
"อือ...พี่เหวิน? ขอนอนต่ออีกนิดนะเจ้าคะ?"เมื่อรู้ว่าเป็นเสียงสามีก็ไม่ได้ใส่ใจซบหน้าลงกับอกแกร่งแสนอบอุ่นทำท่าจะนอนต่ออีกครั้ง
"กระทำตนเยี่ยงโจรราคะแล้วทำเป็นไม่รู้เรื่องราว? เจ้าช่างบังอาจนัก"แม่ทัพหนุ่มไม่ยอมให้นางได้นอนต่อสมใจมือแกร่งดันใบหน้าจิ้มลิ้มออกจากตัว
"อื้อ ทำอะไรเจ้าคะ? ข้าจะนอน"บ่นอู้อี้ปัดมือหนาที่จับอยู่ปลายคางมนออก หากเป็นคนอื่นต่อให้มาตะโกนใส่หู อย่าหวังว่านางจะตื่น แต่พอเป็นสามีแค่ได้ยินเสียงจะเบาบางเพียงใด ก็จะสะดุ้งตื่นทุกครั้งไปไม่รู้เพราะอะไร
"คุยกันให้รู้เรื่องก่อน แล้วค่อยนอน...เจ้าโจรราคะน้อย"แม่ทัพหนุ่มยังคงยึดจับปลายคางมนไว้แน่น มือหนาอีกข้างกอดกระชับเอวคอดกิ่วให้แนบกับร่างแกร่ง ตรึงขาเรียวไว้ด้วยท่อนขาแข็งแรงของตนกันนางขยับหนี
ดวงตาคมทรงเสน่ห์มองใบหน้าจิ้มลิ้มที่พริ้มหลับอยู่ตลอดการสนทนา ด้วยความเอ็นดูระคนเหนื่อยใจ ความหมายของแม่ทัพหนุ่มคือ บางสิ่งบางอย่างของเขาที่ตื่นตัวเต็มที่และกำลังดุนดันร่างเล็กของนางอยู่นางยังไม่รู้สึกตัวอีก!
"อือ ใครกันโจรราคะน้อย?"ถามกลับเสียงอู้อี้เปลือกตาคู่งามกะพริบถี่แล้วปิดลงอีกครั้ง
"ย่อมต้องเป็นเจ้า โจรราคะน้อย"คราวนี้โยกปลายคางมนซ้ายทีขวาทีอย่างมันเขี้ยว ยังผลให้ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายไปมาตามแรงนั้น
"อื้อ...ท่านพูดอะไร? ข้าหรือเป็นโจรราคะน้อย?"ด้วยแรงโยกแม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้ชิงหลินลืมตาตื่นเต็มตา ดวงตากลมโตแจ่มใสดุจดวงดาราส่องประกายยามค่ำคืน มองสบนัยน์ตาคมทรงเสน่ห์ของสามีที่มองอยู่ก่อนแล้วด้วยความสงสัย
"ถูกแล้ว โจรราคะน้อย"ดวงตาคมทรงเสน่ห์เป็นประกายวิบวับชอบใจ มุมปากยกขึ้นสูงจนกลายเป็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์น่าหลงใหล มือหนาที่โอบกอดเอวคอดกิ่วลูบไล้สะโพกกลมกลึงหนั่นแน่นอย่างคะนองมือ
"อย่ามากล่าวหากันนะเจ้าคะ ข้าไม่ใช่.....อ๊ะ!"พูดยังไม่ทันจบก็ต้องรีบตะครุบมือหนาเอาวางลงข้างตัวของเขา พลันชะงักวูบตาโตเมื่อร่างกายสัมผัสถึงอะไรบางอย่างดุนดันแถวโคนขาหนีบ
"นั่น...ล้วนเป็นฝีมือเจ้า โจรราคะน้อย"แม่ทัพหนุ่มยิ้มพราย ยกมือขึ้นมากอดเอวคอดกิ่วของนางแล้วเริ่มลูบไล้แผ่นหลังที่มีเพียงอาภรณ์สีขาวเบาบางขวางกั้นปลุกเร้าอารมณ์นาง
"ดะเดี๋ยว ขะข้าไม่ อื้อ.."พูดได้เพียงเท่านั้น ท้ายทอยเล็กก็ถูกมือหนาดึงรั้งลงไป ตามด้วยจุมพิตดูดดื่มร้อนแรงเต็มไปด้วยความโหยหาเรียกร้องเอาแต่ใจ ซึ่งนางก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
แม่ทัพหนุ่มครางออกมาอย่างพอใจ สอดลิ้นหนาเข้าไปสำรวจโพรงปากเล็กหอมหวาน กระหวัดเกี่ยวลิ้นเล็กหยอกเอินยั่วเย้าละเลียดชิมราวกับอาหารชั้นเลิศจากสวรรค์ชั้นฟ้า สองมือหนาลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเล็ก เอื้อมมือปลดสายคาดเอวที่อยู่ด้านหลังดึงแรงๆสายคาดเอวก็หลุดออกไปอย่างง่ายดาย สอดมือดึงรั้งอาภรณ์ตัวบางออกไปข้างหลังจนร่นมากองที่เอวคอดกิ่วรวมถึงเอี๊ยมซับในสีเดียวกันแล้วลูบไล้แผ่นหลังเปลือยเปล่านวลเนียนเรียบลื่น ระเรื่อยลงต่ำก่อนจะสอดมือหนาเข้าไปในกางเกงลูบไล้บั้นท้ายกลมกลึงเล่น
"อื้อ ดะเดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ"ชิงหลินละล่ำละลักบอกเสียงหอบกระเส่า สองมือเรียวขาวยันหน้าอกแกร่งของสามีไว้ จึงได้เห็นคนใต้ร่างถอนใจแรง ใบหน้าบึ้งตึงก็อดที่จะสงสารไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะเล่นจ้ำจี้กับเขา แต่ตอนนี้นางกำลังท้องอยู่เขาลืมไปแล้วหรือ? "อย่างอนสิเจ้าคะ" บอกเขา "ท่านลืมไปแล้วหรือว่าหลินเอ๋อร์กำลังตั้งครรภ์บุตรของท่านอยู่?"รีบบอกเหตุผลเมื่อเขาเบือนหน้าไม่รับฟัง
"พี่ไม่ได้ลืม"
"แล้วทำไมยังจะ....."
"อ้อ...เจ้ากังวลเรื่องนี้?"
"หรือคิดว่าไม่ต้องกังวล?"
"อะแฮ่ม!หากไม่ผาดโผนรุนแรงหรือใช้ท่าพิสดาร ก็ไม่มีอะไรต้องห่วง"
"อะ"คำตอบนั้นทำคนฟังถึงกับใบ้กิน ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
"เมื่อสบายใจแล้วเช่นนั้น..."มือหนาฉวยโอกาสตอนที่นางตกใจดึงมือออกลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่งเหยียดขาตรง จัดให้ร่างเล็กบอบบางนั่งคร่อมบนตักขาเรียวทั้งสองวางอยู่ข้างเอวสอบของตน สรุป...นางอยู่ในท่านั่งคร่อมสามี!!
อา...อกอีแป้นแล่นลึก! ช่างเป็นท่าที่ฟิน...เอ๊ย...หวาดเสียวเกินไปแล้ว!!
แม่ทัพหนุ่มยิ้มพอใจดึงแขนเรียวขาวให้โอบคอตนไว้แล้วประกบริมฝีปากได้รูปกับริมฝีปากอวบอิ่มอีกครั้ง ขยับตัวพิงหัวเตียงเอื้อมมือปลดสายเอี๊ยมตัวจิ๋วออกตามด้วยกางเกงตัวบางรวมถึงของตนเอง สองร่างเปลือยเปล่าโรมรันพันตูไม่มีใครยอมใคร
ร่างหนาถอนริมฝีปากเลื่อนใบหน้าสูดดมความหอมเฉพาะที่ลำคอระหง ขบเม้มอย่างมันเขี้ยว ระเรื่อยลงมายังปทุมถันคู่งาม ดวงตาคมทรงเสน่ห์เป็นประกายพึงพอใจกับความงามที่อยู่เบื้องหน้า ยิ่งได้ยินเสียงครางหวานยิ่งกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายจนเร่าร้อนปวดหนึบ ความแข็งขืนตั้งชันพร้อมบุกทุกเมื่อ
แขนแข็งแรงเลื่อนลงไปที่สะโพกกลมกลึงสอดมือเข้าไปจับความแข็งขืนของตนถูไถกับความนุ่มชื้นของนางขณะที่ปากยังคงครอบครองดูดกลืนดอกบัวคู่งาม เมื่อเห็นร่างบางมีท่าทีผ่อนคลายจึงกดร่างเล็กลงบนความแข็งขืนของตนจนถูกนางกลืนกินจนหมด
"อ๊า..."แล้วเช้าตรู่ที่แสนเร่าร้อนหฤหรรษ์ก็ดำเนินต่อไปจนล่วงเข้ายามเฉินจึงได้ยุติลง พร้อมกับความสุขที่ได้เติมเต็มจนอิ่ม