webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · Fantasy
Not enough ratings
107 Chs

ภาคต่อตอนที่ 18 ชื่อเสียงเลื่องลือ

แม้จะรับรู้ถึงพลังความสามารถของภรรยา แต่เรื่องนี้มันออกจะ...มู่หลิ่งเหวินคิดพลางเหลือบมองร่างเล็กข้างกายอย่างค้นหา แต่สิ่งที่ดวงตาคมทรงเสน่ห์เห็นคือ ความมั่นใจเต็มเปี่ยม สิ่งนั้นทำให้แม่ทัพหนุ่มหายเคลือบแคลงและเชื่อมั่นในตัวนาง

"เรียนท่านแม่ทัพ"

"ว่ามา"กล่าวกับองครักษ์คนสนิท สายตาคมยังคงจับจ้องร่างเล็กที่เดินนำอยู่เบื้องหน้า มีเจ้าสี่มารน้อยวิ่งล้อมหน้าล้อมหลังราวกับแมลงวัน เห็นแล้วรู้สึกขัดหูขัดตาไม่น้อย

"เอ่อ...ชาวบ้านเหล่านี้ พอรู้ว่า ฮูหยินน้อยต้องการกำลังคน ช่วยขุดหาแหล่งน้ำ พวกเขาจึงอาสามาช่วยอีกแรงขอรับ"จิ๋นซื่อรายงาน

"...สมควรแล้ว ในเมื่อเป็นบ้านเกิดของตน หากนิ่งเฉยก็ไม่ควรจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป"หมุนกายมาทางชาวบ้านที่ยืนถือจอบเสียมเตรียมพร้อม กวาดตามองครู่หนึ่งแล้วหมุนกายเดินนำขบวนไปยังทิศทางที่ร่างเล็กบอบบางยืนรออยู่

หนึ่งเค่อต่อมา

"บริเวณนี้แหละเจ้าค่ะ ที่มีตาน้ำขนาดใหญ่อยู่"ชิงหลินชี้ไปยังเนินดินว่างเปล่าไม่มีแม้แต่ต้นหญ้าสักต้น

อา..ที่อย่างนี้หรือ? จะมี...นางเรียกว่าอันใดนะ?...ตาน้ำ?

นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านครุ่นคิด สายตาจับจ้องไปยังเนินดินสีน้ำตาลอมแดง ดวงตาเต็มไปด้วยความดูแคลน เนื่องจากชื่อเสียงของ ธิดาสวรรค์ ยังมาไม่ถึงที่นี่ ดังนั้นการที่ชาวบ้านเหล่านี้จะดูแคลนราวกับนางเป็นตัวประหลาดจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

"จิ๋นซื่อ"

"ขอรับท่านแม่ทัพ ...เอาล่ะ!!..ลงมือขุดได้!!"จิ๋นซื่อตะโกนสั่งทหารและเหล่าชาวบ้าน

และแล้วการขุดสระน้ำที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตก็เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางความเคลือบแคลงใจของชาวบ้าน แต่ไม่มีผู้ใดหาญกล้าพอที่จะคัดค้านคำพูดของนาง อีกอย่างท่านแม่ทัพก็ดูจะทะนุถนอมตามใจฮูหยินน้อยยิ่งนัก

"พี่เหวิน เดินทางต่อเลยได้ไหมเจ้าคะ?"เอ่ยถามสามีดวงตากลมโตมองดูการทำงานของทหารและชาวบ้านไปด้วย ใบหน้าจิ้มลิ้มดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย ใช่..นางรู้สึกผ่อนคลายที่อย่างน้อยหากการขุดสระเสร็จสิ้น ชาวบ้านก็จะได้มีน้ำไว้ดื่มไว้ใช้ ไม่ต้องแย่งชิงกันราวกับเป็นทองคำล้ำค่า อย่างที่ได้ยินมาอีกต่อไป

"...จะไม่รอดูผลงานหน่อยหรือ?"มู่หลิ่งเหวินย้อนถามแล้วยกยิ้มพอใจเพราะความคิดของนางตรงใจของเขาพอดี แต่เห็นนางคล้ายจะกำลังสนุกกับงานเบื้องหน้าจึงไม่ได้เอ่ยปากเกรงว่านางจะเสียใจ

"แจกจ่ายเสบียงเสร็จ ค่อยกลับมาดูก็ได้เจ้าค่ะ ถึงอย่างไรเราก็ต้องกลับทางนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ?"

"อา..นั่นสินะ"

"อา..ลืมไปเลย"

"หือ?..มีอันใดรึ?"

"ที่ตรงนี้เป็นของใครเจ้าคะ?"

"เรียนฮูหยินน้อย เดิมทีเป็นของขุนนางผู้หนึ่งที่กระทำผิดแล้วถูกยึดทรัพย์ ดังนั้นที่ดินกว่ายี่สิบไร่ ผืนนี้จึงเป็นของหลวงขอรับ"คำรายงานของจิ๋นซื่อทำนางดีใจจนเผลอยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายระยับ

"เฮ้อ...ค่อยยังชั่ว พี่เหวิน เช่นนั้นก็ให้ขุดสระนี้เต็มพื้นที่เลยได้ไหมเจ้าคะ?"หันไปถามความเห็นของสามี

"ย่อมได้แน่นอน พี่จะทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทเอง"อนุญาตทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรอง

พื้นที่กว่ายี่สิบไร่นี้อยู่ห่างจากชุมชนมิถึงสองลี้ ไปมาสะดวก คาดว่าจะเป็นแหล่งน้ำสำคัญแห่งใหม่ของเมืองชานตงในภายหน้าเป็นแน่

"แต่น่าเสียดายอยู่อย่าง..."

"เสียดาย?"

"หากสามารถขุดลอกรอบเมืองได้ นอกจากใช้ดื่มใช้กินแล้ว คูคลองนี้ยังสามารถช่วยปกป้องเมืองหรือถ่วงเวลาจากศัตรูที่คิดจะโจมตีได้ด้วยเจ้าค่ะ"

ได้ฟังคำนางแล้วมู่หลิ่งเหวินอึ้งไปเล็กน้อย ดวงตาคมทรงเสน่ห์เป็นประกายภูมิใจยามที่จับจ้องร่างเล็กบอบบางที่ยืนอยู่ข้างกาย

"..เป็นอะไรไปเจ้าคะ? หลินเอ๋อร์พูดอะไรผิดหรือ?"เอ่ยถามเมื่อเห็นสามีเงียบไป

"....อา..คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะรู้เรื่องกลยุทธ์ หากเป็นบุรุษพี่คงมอบตำแหน่งกุนซือให้เจ้าเป็นแน่"คำกล่าวทีเล่นทีจริงของแม่ทัพหนุ่ม เป็นเหตุให้ถูกคนงามค้อนให้อย่างจัง แทนที่จะรำคาญ กลับชอบใจกับอาการแสนงอนของนางจนเผลอหยิกแก้มนุ่มนิ่มของนางเล่นท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่ชำเลืองมองอย่างสอดรู้

"อะแฮ่ม..เอ่อ..ท่านแม่ทัพ"จิ๋นซื่อกระแอมเตือนมู่หลิ่งจึงรู้ตัวทำเป็นตีหน้าขรึมตวัดสายตาใส่พวกชอบสอดรู้สอดเห็น

ฝ่ายชิงหลินคลำแก้มที่ถูกหยิกป้อยๆค้อนให้คนใจร้ายทีหนึ่งแล้วสะบัดหน้าเดินหนีไปหาสี่สหายน้อยที่ยืนมองชาวบ้านขุดดิน หัวทั้งสี่ยกขึ้นลงตามจังหวะการขุดของทหารนายหนึ่ง ทำเอาความขุ่นเคืองจางไปกลายเป็นอารมณ์ดีจนหลุดขำออกมากับความน่ารักของพวกทัน

"หลินหลิน...ขุดดินทำไม?"ฟานฟานน้อยหูกระดิกเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคุ้นหู มันหมุนตัวเก้าสิบองศาส่งเสียงถามอย่างสงสัยใคร่รู้

"ขุดหาน้ำใต้ดินไงล่ะ"ย่อตัวลงนั่งยองอมยิ้มน้อยตอบคำถามของฟานฟานน้อย

"น้ำไม่เพียงพอหรือขอรับ?"ฟงฟงน้อยส่งเสียงถามบ้าง

"ใช่"พยักหน้าตอบ

"เป่าเปาไม่ชอบที่นี่เลยขอรับ"เป่าเปาน้อยส่งเสียงขึ้นบ้าง

"หมั่นโถวก็ไม่ชอบที่ร้อนๆอย่างนี้เหมือนกันเจ้าค่ะ เราไปที่อื่นได้ไหมเจ้าคะ?"หมั่นโถวน้อยจอมขี้แยส่งเสียงถามอย่างออดอ้อน

"อดทนหน่อยเถิดนะ อีกไม่นานก็จะออกเดินทางแล้ว"มือเรียวลูบหัวหมั่นโถวน้อย

"หลินเอ๋อร์..."เสียงเรียกของสามีทำให้รู้ได้ว่าคงถึงเวลาต้องเดินทางต่อแล้ว แล้วทันใดนั้นเอง.....

"โอ...นั่น!..ดูนั่น!...บนท้องฟ้านั่น!...."เสียงอุทานอย่างตื่นตระหนกของชายชราคนหนึ่งที่มาช่วยขุดสระ พร้อมกับชี้ไปบนท้องฟ้า ทำเอาทุกคนหันมามองและไล่สายตามองขึ้นฟ้าด้วยความประหลาดใจ

"อา...นั่นมัน...ฝูงนก?"

"ฝูงนกพิราบ?"

"พวกมันกำลังทำอันใด?"

"เกิดอาเพศอันใดกันเนี่ย? เหตุใดฝูงนกพิราบจึงมากมายถึงเพียงนี้?"

มู่หลิ่งเหวินรีบเอาตัวบังร่างเล็กไว้ เงยหน้าขึ้นมองฝูงนกพันที่บินวนอยู่เหนือศีรษะขึ้นไปราวสองคนต่อ เกิดเป็นร่มเงาขนาดใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ที่แผ่ความร้อนแผดเผาผู้คนและผืนดินจนแทบจะมอดไหม้ไว้

แต่เนื่องจากบริเวณโดยรอบโล่งเตียนจึงไร้ที่หลบซ่อนตัว ดังนั้นสิ่งที่ทำได้คือ หลบออกมาให้พ้นรัศมีของฝูงนก และจ้องมองดูความเคลื่อนไหวของพวกมันไม่ให้คลาดสายตา พร้อมเครื่องมือทางการเกษตร อันได้แก่ จอบ เสียม และมีดพร้าเป็นต้น

ดังนั้นยามนี้ผู้ที่อยู่ใต้วงล้อมของฝูงนกพิราบขาว จึงมีเพียง ท่านแม่ทัพกับฮูหยินท่านแม่ทัพ ทหารอีกสิบเอ็ดนาย และสัตว์เลี้ยงของฮูหยินท่านแม่ทัพอีกสี่ตัว

สายตาทุกคู่จ้องมองดูเหตุการณ์ภายในใจมีทั้งความประหลาดใจ หวาดระแวงและสุดท้ายก็คือหวาดกลัว ด้วยไม่เคยประสบพบเห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน เป็นลางดีหรือลางร้ายก็สุดรู้ ดังนั้นอยู่ให้ห่างไว้ก่อนย่อมดีที่สุด นั่นคือสิ่งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่คิด ในขณะที่ชาวบ้านกำลังอกสั่นขวัญแขวนและสับสน ช่อลดากลับแย้มยิ้มอย่างดีใจ

"พี่เหวิน หลบมาก่อนเถิดเจ้าค่ะ นกพิราบเหล่านี้ คือสหายของหลินเอ๋อร์เอง"

"หือ?...นกเหล่านี้คือสหายของเจ้า?"ดวงตาคมทรงเสน่ห์กระตุกวาบแล้วหายไป ผิดกับ จิ๋นซื่อและกองกำลังหลิ่งหลินทั้งสิบเหลือบมองด้วยความตื่นตะลึง แม้แต่นกก็เป็นสหายของฮูหยินน้อย?...อา..หรือฮูหยินน้อยจะเป็นธิดาสวรรค์จริงดังที่ผู้คนล่ำลือหาใช่ข่าวลือไม่

"ไม่เชื่อหรือเจ้าคะ?"ทำเสียงแง่งอน จากนั้นเงยหน้ามองไปยังฝูงนกพิราบขาว ที่บินวนอยู่เหนือศีรษะอย่างขอบคุณที่ช่วยบังแดดให้

แคว้ก....แคว้ก พั่บๆๆๆ

"อา....."ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ยกเว้นแม่ทัพหนุ่มและสี่สหายน้อยตะลึงอ้าปากค้าง ตาโตเป็นไข่ห่าน มองภาพเบื้องหน้าราวกับมองเห็นสิ่งมหัศจรรย์เหนือธรรมชาติ

เมื่อฝูงนกพิราบขาวนับพันตัว พากันบินลงสู่พื้นดินอย่างพร้อมเพรียงด้วยอาการสงบไม่ส่งเสียงร้องให้ระคายหูผิดวิสัยนกทั่วไป ครั้นเพ่งมองดูอย่างถี่ถ้วน พวกเขาสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างในปากเล็กๆของนกเหล่านั้น

"เจ้าเห็นเหมือนที่ข้าเห็นหรือไม่?"

"อา..เห็นสิ..แต่ว่าข้าเห็นไม่ใคร่ถนัด เจ้าว่าพวกมันคาบอันใดอยู่?"

"อืม...อาหาร?หรือไม่ก็เมล็ดพันธุ์กระมัง?"

"อา..ฟังดูมีเหตุผล...แล้วผู้ใดกันที่สามารถสั่งนกเหล่านั้นให้ทำเช่นนั้นได้? ท่านแม่ทัพ?หรือ ฮูหยินน้อย?"

"ย่อมต้องเป็น ฮูหยินน้อยธิดาสวรรค์ อยู่แล้ว"น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเทิดทูนของชายฉกรรจ์ เรียกสายตาแห่งความอยากรู้ของผู้คนได้เป็นอย่างดี

"เจ้าเรียกฮูหยินท่านแม่ทัพว่าอันใดนะ?"

"ฮูหยินน้อยธิดาสวรรค์"ชายฉกรรจ์คนเดิมย้ำชัดเจนด้วยใบหน้าจริงจัง

"...ฮูหยินน้อยธิดาสวรรค์"หลายคนพึมพำ ทุกสายตาเบนกลับไปทางเก่า ชักจะเริ่มเชื่อในคำกล่าวอ้างของชายผู้นั้นเพราะเห็นพิราบขาวตัวใหญ่บินลงเกาะที่ไหล่ของฮูหยินน้อย

ภาพต่อมา พิราบขาวตัวนั้นคายบางอย่างลงที่มือเรียวขาวที่แบรอรับอยู่ พวกเขาแทบจะกระโจนเข้าไปดูใกล้ๆเหลือเกินว่ามันคือสิ่งใด แต่ก็กลัวเกินกว่าจะก้าวเท้าออกไป

"จิ๋นซื่อ"

"ขอรับฮูหยินน้อย"

"หาอะไรก็ได้ มาใส่เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ที"ชิงหลินหันไปสั่งองครักษ์หนุ่ม

"หลินเอ๋อร์...เจ้าสั่งให้พิราบเหล่านี้ นำเมล็ดพันธุ์มาให้หรือ?"มู่หลิ่งเหวินกระซิบถาม

"เปล่าเจ้าค่ะ"

"...เจ้ากำลังจะบอกว่า พิราบเหล่านี้พร้อมใจกัน นำเมล็ดพันธุ์มาให้เอง?"

"จะว่าอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะ อีกอย่างเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ ล้วนเป็นเมล็ดพันธุ์หายาก และมีราคาแพงทั้งสิ้น"พูดตามที่พิราบขาวบอก

"ฮูหยินน้อย ใช้สิ่งนี้ได้หรือไม่ขอรับ?"จิ๋นซื่อรับตะกร้าสานคล้ายกระจาดจากทหารนายหนึ่งส่งให้นางดู

"ได้..นำไปวางเรียงข้างหน้าทีเถิด"

"...ขอรับ"จิ๋นซื่อพยักหน้าให้สัญญาณ ตะกร้าสานทั้งสิบใบก็ถูกวางลงเรียงกัน เบื้องหน้าของฮูหยินน้อยโดยทหารทั้งห้า

ทันทีที่ตะกร้าถูกวางลง บรรดาพิราบขาวที่ยืนอยู่บนพื้นดินเบื้องหน้า ก็เริ่มกางปีกบินขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะค่อยร่อนถลามายังตะกร้าตรงหน้าของนาง แล้วคายเมล็ดพันธุ์ลงในตะกร้าทั้งสิบอย่างแม่นยำ จากนั้นก็บินขึ้นไปเหนือศีรษะของนางเพื่อบังแดดให้อีกครั้ง ปิดท้ายด้วยพิราบตัวใหญ่ที่เกาะบ่านาง ก่อนจะพากันบินจากไป

สิ่งที่เกิดขึ้นช่างเป็นอะไรที่มหัศจรรย์เหนือธรรมชาติอย่างแท้จริง มนุษย์ปุถุชนเดินดิน ไหนเลยจะทำเยี่ยงนั้นได้ หรือฮูหยินท่านแม่ทัพจะเป็นเทพเซียนจำแลงมา? เพื่อช่วยชาวเมืองชานตง? ไม่ผิดแน่.. นางต้องเป็นธิดาสวรรค์ดังที่ชายผู้นั้นพูด

"โอ....อา..."

"ธิดาสวรรค์! ท่านคือธิดาสวรรค์! ท่านคือธิดาสวรรค์!"ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึง พลันมีเสียงหญิงชราตะโกนออกมาเสียงดัง เป็นเหตุให้ทุกสายตาพากันจับจ้องไปยังร่างของเจ้าของเสียง ที่เดินตรงไปหาฮูหยินของท่านแม่ทัพ ปากก็พร่ำพูด ท่านคือธิดาสวรรค์ จากนั้นหญิงชราผู้นั้นก็คุกเข่าเบื้องหน้าแล้วโขกศีรษะให้นาง

"ท่านยาย โปรดหยุดเถิด อย่าทำเช่นนี้เลย"ชิงหลินที่มัวแต่ตกใจ พอตั้งสติได้ก็รีบเข้ามาประคองหญิงชราให้ลุกขึ้น แต่นางกลับขืนตัวไม่ยอมขณะที่ละล้าละลังไม่รู้จะทำอย่างไรกับหญิงชราดี พรึ่บ!สึบ! ชาวบ้านที่เหลือต่างพากันคุกเข่าให้นางซะนี่ แล้วดวงตายังเต็มไปด้วยความหวังและความเลื่อมใสศรัทธา อา....ไม่เอา ข้าไม่อยากเป็นธิดาสวรรค์ ข้าแค่อยากช่วยเท่านั้น ชิงหลินได้แต่ร่ำร้องในใจ

"ธิดาสวรรรค์ ท่านมาช่วยพวกเราแล้ว ขอบคุณธิดาสวรรค์! ขอบคุณธิดาสวรรค์!....."

"ข้าไม่ใช่ พวกท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่ธิดาสวรรค์ ข้าไม่ใช่ธิดาสวรรค์...."ขณะที่ตะโกนบอกแข่งกับเสียงของชาวบ้าน ชิงหลินทั้งโบกมือทั้งส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวันแต่ดูเหมือนยิ่งพูดก็ยิ่งเสียแรงเปล่า

"...โธ่...พี่เหวิน..ช่วยหน่อยสิเจ้าคะ เอาแต่อมยิ้มอยู่ได้"หันไปพาลสามีเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรกับคลื่นศรัทธาอันรุนแรงของพวกชาวบ้าน

"หึๆย่อมได้...แลกกับเจ้าต้องอาบน้ำกับพี่...ตกลงหรือไม่?" "ก้มลงกระซิบต่อรองข้างหูเล็ก

"ตะ...ตกลงเจ้าค่ะ"ตอบไปแล้วก็ให้รู้สึกอายจนอยากจะมุดดินหนี ยิ่งพอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่น้ำตกเมื่อสิบกว่าวันก่อน ก็ยิ่งรู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งตัว

"ลุกขึ้น!"เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจของแม่ทัพหนุ่มผู้เกรียงไกรและยังรูปงามเป็นอันดับหนึ่งของแคว้น ทำให้ชาวบ้านทุกเพศทุกวัยหยุดส่งเสียงแล้วลุกขึ้นตามคำสั่งทันที

ชิงหลินถึงกับอึ้ง มุมปากกระตุกไม่ชอบใจ หน้าตาบูดบี้งขึ้นมาทันที พลางคิดในใจ สองมาตรฐาน! สองมาตรฐานชัดๆ! ทีนางบอกไม่เห็นจะทำตามเลย แต่พอเขาพูดแค่สองคำ ดูสิ....รีบทำตามเชียว ฮึ่ย!คิดแล้วมันน่าน้อยใจนัก

"เอาล่ะ แยกย้ายกันทำงานได้!!"จิ๋นซื่อ ตะโกนสั่งอีกครั้ง หลังจากสั่งให้เก็บเมล็ดพันธุ์ออกมาจากพื้นที่เรียบร้อยแล้ว

"โอ้ออออ"เสียงตะโกนรับของชาวบ้านดังกึกก้องไปทั่ว ชิงหลินอดทึ่งไม่ได้เมื่อเห็นชาวบ้านจากสี่สิบห้าสิบคนกลายเป็นสี่ร้อยห้าร้อยคนและดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุดในเวลาไม่ถึงชั่วยาม

"เป็นผลงานของชาวบ้านที่ร่วมเดินทางมากับเรา ช่วยป่าวประกาศให้"

"อย่างนี้นี่เอง หากเป็นเช่นนี้ เห็นทีไม่นานคงแล้วเสร็จ"

"แดดแรงนัก สวมหมวกเสียหน่อยเถิด"กล่าวพลางรับหมวกสานปีกกว้าง จากหมายเลขหนึ่งสวมลงบนศีรษะเล็ก

"ขอบคุณเจ้าค่ะ"

"จิ๋นซื่อ"

"ขอรับท่านแม่ทัพ"

"เราจะพักกันที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยเดินทาง ไปแจ้งให้ทหารและชาวบ้านทราบตามนี้"

"ขอรับ"

"ทำไมถึงไม่เดินทางต่อเล่าเจ้าคะ?"เอ่ยถามเมื่อคล้อยหลังจิ๋นซื่อ

"เพราะชาวบ้านที่ร่วมเดินทางมากับเรา คงเหน็ดเหนื่อยจากการช่วยทำงานนี้"กล่าวพร้อมกับชี้ให้นางดูกลุ่มชาวบ้านที่ลงไปช่วยชาวเมืองชานตงขุดดิน ชิงหลินพยักหน้าเข้าใจ ดีเหมือนกัน การทำงานหนักอาจช่วยพวกเขาหายเครียดลงได้บ้าง

-----------

ยามอิ่ววันเดียวกัน

"ท่านแม่ทัพ ใต้เท้าจิน ขอเข้าพบขอรับ"จิ๋นอี้รายงานหน้ากระโจมของแม่ทัพหนุ่ม

"ใต้เท้าจินเฉวียน? มีเรื่องด่วนอันใด?"เสียงเย็นชาที่ตอบกลับมา ทำเอาจินเฉวียน ที่ยืนอยู่ด้านหนังองครักษ์หนุ่มลอบกลืนน้ำลาย

"เอ่อ...ท่านแม่ทัพมู่ ข้าจินเฉวียน อยากจะขอเชิญท่านและฮูหยิน ให้เกียรติไปพักที่เรือนรับรองของข้าสักคืนจะได้หรือไม่ขอรับ?"จินเฉวียน เป็นนายอำเภออำเภอเฟิ่งกู่ เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าเมืองแต่ถูกปฏิเสธ และกำลังจะกลับอำเภอเฟิ่งกู่ แต่เผอิญได้ยินข่าวเกี่ยวกับคลังเสบียงหลวงกำลังมา ทำให้จินเฉวียนยินดีปรีดายิ่งนัก จึงรั้งรอเพื่อจะขอคำปรึกษาและเดินทางกลับอำเฟิ่งกู่พร้อมกับขบวนหากเป็นไปได้

"จิ๋นอี้ มีอะไรหรือ?"ชิงหลินเอ่ยถามองครักษ์หนุ่ม หลังจากพาเจ้าสี่สหายน้อยไปเดินเล่นรอบๆ พร้อมกองกำลังหลิ่งหลินทั้งสิบ

"เอ่อ...ฮูหยินน้อ-"จิ๋นอี้ยังไม่ทันตอบก็ปรากฏเงาสายหนึ่งวูบผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว

"หลินเอ๋อร์...กลับมาแล้วหรือ?"

อา...ท่านเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นนะ เหตุใดจึงทำตัวเป็นเด็กเล็กๆอย่างนี้เล่า จิ๋นอี้ มองเจ้านายหนุ่มที่กำลังส่งยิ้มอ่อนหวานให้ฮูหยินน้อย มือข้างหนึ่งก็ลูบศีรษะของนางไปด้วย บรรยากาศรอบตัวอบอวลไปด้วยกลิ่นไอแห่งเสน่หา

"กลับมาแล้วเจ้าค่ะ มีอะไรกันหรือ? แล้วท่านผู้นี้คือ...."ไปยิ้มให้สามีแล้วหันกลับมาทางชายวัยกลางคน กะด้วยสายตาน่าจะห้าสิบสี่ห้าสิบห้า ค่อนข้างผอมสูงราวร้อยหกสิบ สวมใส่อาภรณ์สีเทาดำสภาพกลางเก่ากลางใหม่ ไม่ค่อยแตกต่างจากอาภรณ์ที่ชาวบ้านสวมใส่เท่าใดนักด้วยความแปลกใจ

ใบหน้าที่ดูใจดีมีเมตตานั้น ดำคล้ำเหมือนกับคนที่ไม่ได้ปลดทุกข์มาเป็นเดือน ยืนกระสับกระส่ายคล้ายมีเรื่องจะพูดแต่ก็ไม่พูด

"เขาก็คือนายอำเภอเฟิ่งกู่ นามจินเฉวียน.. ส่วนนางคือฮูหยินของข้า"แม่ทัพหนุ่มลดมือลงข้างตัวแนะนำบุรุษเบื้องหน้า

"คารวะใต้เท้าจินเจ้าค่ะ"ชิงหลินยอบกายทักทายไม่สนใจยศตำแหน่งที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมา

"อะอา...ผู้น้อยมิกล้าๆ"จินเฉวียนประสานมือโค้งคำนับนางกลับถี่ยิบไม่คิดว่าฮูหยินท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่จะอ่อนน้อมถ่อมตนถึงเพียงนี้จึงรู้สึกชื่นชมอยู่ไม่น้อย

"หลินเอ๋อร์ ใต้เท้าจินเชิญเราไปพักที่เรือนรับรอง เจ้าจะว่าเยี่ยงไร?"เอ่ยถามความเห็นของภรรยา

จากสายข่าวรายงานว่า จินเฉวียน เข้ารับตำแหน่งนายอำเภอ เมื่อครึ่งเดือนก่อน แทนนายอำเภอที่ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย เพราะความเครียดที่ไร้สามารถ แก้ปัญหาภัยแล้งไม่ได้ แม้จะพึ่งเข้ารับตำแหน่งแต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ถวายฎีการ้องเรียนไปยังเมืองหลวง ส่วนตัวเองก็เร่งเดินทางมาขอความช่วยเหลือจากท่านเจ้าเมืองชานตงอีกทางหนึ่ง แต่ดูเหมือนจะถูกปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นทัศนคติของแม่ทัพหนุ่มที่มีต่อ นายอำเภอจินเฉวียน จึงนับว่าไม่เลวนัก ส่วนเรื่องนี้ ก็ให้นางตัดสินก็แล้วกัน

"...ขอเป็นอาหารค่ำหนึ่งมื้อแทนได้ไหมเจ้าคะ?"

"หือ?.."คิ้วเข้มเลิกขึ้น

"ข้าไม่อยากสุขสบายคนเดียว ในขณะที่คนอื่นๆต้องนอนกลางดินกินกลางทราย หวังว่าใต้เท้าจะไม่ถือสาในความเอาแต่ใจของข้านะเจ้าคะ"

"โอ..ท่านช่างละเอียดรอบคอบ แลยังเห็นอกเห็นใจผู้อื่นยิ่งนัก จินเฉวียนขอคารวะ"จินเฉวียนประสานมือคำนับนางอย่างจริงใจ

"พอเถิด อย่าคารวะข้าอีกเลย"ที่ข้าไม่อยากไปนอนที่เรือนรับรอง ก็เพราะ ข้าอยากลองนอนกระโจมดูบ้างก็เท่านั้นเอง ต่อเองในใจ

"เป็นอันตกลงตามนี้ อีกหนึ่งชั่วยามเราจะไป"แม่ทัพหนุ่มตัดบท ด้วยเริ่มหงุดหงิดที่เห็นนางยิ้มหวานราวกับพอใจกับสรรเสริญเยินยอเหล่านั้น

"เช่นนั้น ผู้น้อยขอตัวก่อน"

"อาบน้ำหน่อยไหมเจ้าคะ?"เอ่ยถามหลังจากเข้ามาภายในกระโจม

สี่สหายน้อยกระโดดขึ้นไปบนเตียงไม้สูงจากพื้นราวหนึ่งไม้บรรทัดทันที เมื่อสองสาวใช้ล้างอุ้งเท้าเช็ดคราบฝุ่นตามตัวให้เสร็จ ก่อนจะเดินออกไปรอด้านนอกกระโจมปล่อยให้เจ้านายทั้งสองได้มีเวลาส่วนตัว

"..ดีเหมือนกัน เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว..."แม่ทัพหนุ่มหายหงุดหงิดแทบจะทันที เมื่อนึกถึงสัญญาก่อนหน้า

"..ยิ้มอะไรเจ้าคะ?"

"หึๆ..หวังว่าเจ้าจะยังจำสัญญาได้"ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แล้วกล่าว

"...สะสัญญาอะไร? หลินเอ๋อร์ไม่เห็นจะจำได้?"แสร้งเดินหนีไปนั่งบนเตียงที่มีสี่สหายน้อยเล่นหยอกกันอยู่ ใบหน้าจิ้มลิ้มก้มต่ำไม่กล้าสบสายตา

"...จริงรึ?"พูดไปถอดอาภรณ์ไปพลาง ช้าๆทีละชิ้นๆต่อหน้านาง เล่นเอานางตาโตลุกพรวดเตรียมหนี

"จะยอมอาบน้ำกับพี่ดีๆ หรือ...จะให้พี่ กิน เจ้า"ไม่พูดเปล่ากลับรวบตัวนางเข้ามาหาอกแกร่งที่เปลือยเปล่าอย่างรวดเร็ว ท่อนแขนแข็งแรงกอดกระชับร่างเล็กบอบบางไว้แน่น

ชิงหลินที่คิดจะดิ้นมีอันตัวแข็งไปเลยราวกับโดนแช่แข็ง ลอบกลืนน้ำลาย เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าสามีด้วยความหวาดหวั่น

"..หลินเอ๋อร์ยอมอาบด้วยก็ได้ แต่..ห้ามรังแกหลินเอ๋อร์ ระหว่างอาบน้ำเด็ดขาด ตกลงไหมเจ้าคะ?"

"อา..นั่นสินะ"

"นั่นสินะ?ของท่าน หมายถึงตกลงใช่ไหมเจ้าคะ?"

"..."แม่ทัพหนุ่มยักไหล่ไม่ยอมตอบออกมาให้ชัดเจน

"...ถ้างั้นก็ต่างคนต่างอาบแล้วกันเจ้าค่ะ!"

"หึๆ ที่แท้เจ้าก็อยากกินพี่นี่เอง"

"ห่ะ?...ข้าพูดเมื่อไหร่ว่าอยากกินท่าน?"

"ก็เจ้าเลือกที่จะไม่อาบน้ำกับพี่?"

".....?"

"เรียนท่านทัพ"เสียงขัดจังหวะของจิ๋นอี้ดังเข้ามา

"...ว่ามา"

"เอ่อ..เจ้าเมืองชานตงมาขอพบขอรับ"

"...ข่าวไวจริง...เดี๋ยวข้าออกไป"ตลอดเวลาชิงหลินยังอยู่ในอ้อมกอดของสามี ก่อนที่จะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ใบหน้าสามีเปลี่ยนไปเคร่งขรึมจริงจัง ไม่มีเค้าความขี้เล่น เจ้าเล่ห์หลงเหลืออยู่เลย

"รออยู่ในนี้ เดี๋ยวพี่กลับมา"กล่าวพร้อมกับสวมอาภรณ์กลับไปดังเดิมโดยมีนางช่วยจุมพิตที่หน้าผากกลมมนขอบคุณ แล้วสาวเท้าออกไปนอกกระโจม

"ดีเลย อาบน้ำดีกว่า"ชิงหลินเห็นเป็นโอกาส รีบถอดชุดแล้วลงไปแช่ในถังน้ำอาบ จัดการขัดสีฉวีวรรณอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าเขาจะกลับมาทวงสัญญาเมื่อตอนกลางวัน

เมื่ออาบน้ำเสร็จก็ถึงเวลาแต่งตัว โดยมีสองสาวใช้ เสี่ยวอี้ เสี่ยวสุย เข้ามาช่วยแต่งตัวเตรียมไปงานเลี้ยง

แต่งานเลี้ยงจำต้องยกเลิกไป ทำให้คนแต่งตัวสวยรอเก้อแถมยังอดกินของอร่อย ชิงหลินรู้ทีหลังว่า สาเหตุเป็นเพราะ เจ้าเมืองชานตง หานซือเฉิง ได้ส่งคนมาสืบ แล้วใช้อำนาจบีบบังคับทางอ้อมทำให้นายอำเภอจินเฉวียนยกเลิกงานเลี้ยง

มู่หลิ่งเหวินเห็นว่าหากปล่อยไว้ จินเฉวียนอาจตกอยู่ในอันตราย จึงให้ละทิ้งเตียงนอนอุ่นมาพักในกระโจมแทน ซึ่งจินเฉวียนเห็นด้วยและทำตามแต่โดยดี

---------------

ยามเฉินวันต่อมา

ขบวนคลังเสบียงหลวงก็ได้ฤกษ์เดินทางอีกครั้ง จุดหมายยังคงเป็นอำเภอเฟิ่งกู่ คราวนี้มีชาวบ้าน อำเภอเฟิ่งกู่ที่หนีภัยแล้งมาหางานทำที่เมืองชานตงขอร่วมเดินทางไปด้วยทำให้ขบวนที่ใหญ่อยู่แล้วยิ่งใหญ่โตมากขึ้นไปอีก

มีทหารห้านายรั้งอยู่ที่นี่เพื่อคอยควบคุมดูแลการขุดสระให้เป็นไปอย่างราบรื่น และยังทำหน้าที่ปกป้องคุ้มกันชาวบ้านที่มาช่วยขุดสระให้ปลอดภัย จากพวกที่สูญเสียผลประโยชน์ที่ตนพึงได้

"ท่านแม่ทัพจงเจริญ! ธิดาสวรรค์จงเจริญ!"

"ท่านแม่ทัพจงเจริญ! ธิดาสวรรค์จงเจริญ!"

"ท่านแม่ทัพจงเจริญ! ธิดาสวรรค์จงเจริญ!"

เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังขึ้นตลอดเส้นทาง ที่ขบวนคลังเสบียงหลวงผ่าน มีการโปรยดอกไม้เท่าที่หาได้จากชั้นสองลงมายังรถม้าของชิงหลินอยู่ไม่ขาดสาย ชิงหลินจำต้องทำตัวประหนึ่งว่าเป็นนางงามครองมงกุฎ โบกมือส่งยิ้มให้ชาวบ้านที่มาส่งตามคำเรียกร้องของชาวบ้าน

"หลินหลิน ทำอันใดหรือ?"ฟานฟานน้อยเงยหัวกลมๆเล็กๆถาม

"อา...โบกมือลาชาวบ้านน่ะ"ปิดม่านหน้าต่างลง หันมายิ้มตอบ

".....?"ฟานฟานน้อยเอียงคอน่ารักมองนาง

ชิงหลินอมยิ้มอุ้มฟานฟานน้อยมาวางบนตัก อีกสามสหายน้อยนอนหมอบอยู่ข้างๆ ฟังเสียงกู่ตะโกนของชาวบ้านแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจ ธิดาสวรรค์งั้นหรือ? หากสิ่งนี้จะช่วยให้ชาวบ้านมีความหวังก็เอาเถิด นางจะยอมสวมบทบาทเป็นธิดาสวรรค์เพื่อพวกเขาไปสักพัก

ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยน้า^_^

SARABIYA_1501creators' thoughts