webnovel

จอมทัพตื๊อรัก(2 เล่มจบ)

“ข้าจะขอยกเลิกการเป็นคู่หมายของท่าน ท่านว่าดีหรือไม่” ถ้อยคำที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มทำให้แม่ทัพหนุ่มชะงัก รอยยิ้มหายไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงและเย็นชาขึ้นจนดูน่ากลัว ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มเขม็งและดุดันยิ่ง น้ำเสียงหนักแน่นและสีหน้าจริงจังจากเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งแววตารักใคร่เทิดทูนที่มีให้ บัดนี้กลับไม่มีให้เห็นแม้สักเสี้ยว ส่วนสิ่งที่สัมผัสได้จากดวงตากลมโตกลับมีเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และว่างเปล่าไร้ระลอกคลื่นแห่งเสน่หา เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิดอารมณ์เสียยิ่งนัก ‘มารดาเจ้าเถิด!’ แม่ทัพหนุ่มสบถในใจ แรงโทสะทำให้เขาเผลอปล่อยจิตสังหารออกมา ทำเอาหญิงสาวรู้สึกหนาวเยือกไปถึงกระดูก ความกล้าที่พกมาเต็มเปี่ยมลดฮวบจนแทบไม่เหลือ

SARABIYA_1501 · Fantasy
Not enough ratings
107 Chs

ตอนที่ 3 บุรุษนามเฟิ่งอิงกับคู่หมายสุดร้าย

ล่วงเข้าวันที่สิบห้าชิงหลินยังคงติดตามบิดาไปคอกสัตว์เช่นเคย แม้ต้องตื่นแต่เช้ามืดและกลับดึกดื่นทุกวัน นางก็ไม่เคยบ่น กลับรู้สึกสนุก ด้วยมีสิงสาราสัตว์มากมายให้นางได้ชื่นชม แต่วันนี้แตกต่างเพราะนางขอขี่ม้าเองแทนการนั่งรถม้าซึ่งชิงหยวนก็ตามใจนาง

"นายท่าน ม้าเตรียมพร้อมแล้วขอรับ" พ่อบ้านฝูพาร่างผอมบางเข้ามารายงานด้วยท่าทางนอบน้อม โดยมีบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำ หน้าตาคมเข้มตามเข้ามาด้วย

ร่างสูงใหญ่ชำเลืองมองนายหญิงและคุณหนูที่นั่งขนาบข้างนายท่าน ก่อนจะเลิกคิ้วมองใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยความสงสัย เหตุใดนางจึงแต่งกายเยี่ยงบุรุษ ด้วยเพิ่งกลับมาถึงเมื่อวานนี้ยามค่ำจากการเป็นตัวแทนนายท่านไปติดต่อค้าขายสัตว์ยังต่างแคว้นเพราะคุณหนูล้มป่วย ทำให้เฟิ่งอิงมิได้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าแต่อย่างใด

ฝ่ายชิงหลินเองก็เลิกคิ้วมองบุรุษที่ยืนนิ่งข้างๆ พ่อบ้านชราด้วยความสนใจ จากความทรงจำ เขาคือเฟิ่งอิง มีวรยุทธ์สูงส่งเทียบเท่าองครักษ์หลวง เป็นคนสนิทคอยคุ้มกันชิงหยวน รับใช้สกุลชิงมาเกือบสิบปี รูปร่างสูงใหญ่ในชุดสีดำสนิท เรือนกายกำยำ หน้าตาคมเข้มดุดันและเย็นชา ที่เอวมีดาบยาวเหน็บอยู่ สายตาระแวดระวังภัยจนไร้ช่องโหว่ บุรุษหน้าตายผู้ไม่ยินดียินร้ายในทุกสิ่ง โดยรวมก็ถือว่าหล่อแบบเถื่อนๆ นางสรุปในใจ

เฟิ่งอิงที่จับสายตาคู่หนึ่งได้ว่ากำลังมองตนอยู่ ยิ่งได้รู้ว่าเป็นผู้ใด ก็อดที่จะแปลกใจไม่ได้ ด้วยนับแต่เริ่มติดตามนายท่านด้วยวัยยี่สิบปี ยามนั้นนางยังเป็นเพียงดรุณีน้อยวัยหกขวบเท่านั้น ใบหน้าจิ้มลิ้มคล้ายตุ๊กตา ผิวขาวผ่องราวหิมะ บริสุทธิ์และไร้เดียงสา ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปจากดรุณีน้อยไร้เดียงสากลับแปรเปลี่ยนเป็นดรุณีแรกรุ่นผู้งดงาม ทว่าแสนเย่อหยิ่ง ถือตัว เอาแต่ใจ ทั้งยังโปรดปรานการทรมานสัตว์และบ่าวไพร่ ช่างเป็นคุณหนูที่ร้ายกาจยิ่งนัก

"ไปกันเถอะเฟิ่งอิง ท่านพ่อรีบตามมานะเจ้าคะ" เมื่อเห็นบิดาไม่รีบร้อน ชิงหลินจึงเดินไปคว้าแขนเฟิ่งอิงที่ยืนนิ่งอยู่ข้างพ่อบ้านฝู กึ่งจูงกึ่งลากออกมา เพราะร่างใหญ่มีอาการขัดขืนกลายๆ ท่ามกลางความตกใจของทุกคนโดยเฉพาะเฟิ่งอิง ด้วยรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ค่อยชอบชิงหลินนัก และชิงหลินเองก็มักจะมองเขาเหมือนตัวอะไรสักอย่าง แต่มีหรือที่นางจะสนใจ

'ข้าจะเปลี่ยนความอคติที่เจ้ามีต่อร่างนี้ให้ได้ คอยดู!'

"คุณหนู" เมื่อเฟิ่งอิงตั้งสติได้จึงหยุดเดินและส่งเสียงเรียก ใบหน้าเรียบนิ่งค่อนไปทางเย็นชา ความประหลาดใจและความสงสัยฉายชัดในดวงตาคมดุคู่นั้น นางเกลียดข้ามากไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดนางจึงทำเช่นนี้เล่า

"หือ? อะไรหรือ" ชิงหลินปล่อยมือ หมุนร่างบอบบางกลับมาเผชิญหน้ากับบุรุษร่างสูงใหญ่ แล้วส่งยิ้มให้

เฟิ่งอิงที่ตอนแรกคิดจะตำหนิกลับเปลี่ยนใจ "ไม่มีอันใดขอรับ"

เมื่อได้ฟังคำตอบ นางก็เอียงคอมองเขา "ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถิด" พูดจบก็คว้าข้อมือเขาอีกครั้ง เพียงแต่ครานี้เฟิ่งอิงยอมโดยดี ไม่คิดจะขัดขืน จนนางยังนึกแปลกใจว่าเหตุใดเขาจึงไม่พูดปฏิเสธ หรือจะเป็นเพราะความใสซื่อจากดวงตาคู่นั้นของนาง?

ความคิดสะดุดลงเมื่อร่างบางหยุดเดินกะทันหัน ทำให้เขาหยุดตามแทบไม่ทัน เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงได้ทราบสาเหตุ แม่ทัพมู่หลิ่งเหวิน? เฟิ่งอิงขมวดคิ้วเมื่อรับรู้ถึงแรงบีบที่ข้อมือจากมือเล็กนุ่มนิ่ม คาดเดาไปว่านางคงตกใจมากทีเดียว เฟิ่งอิ่งลอบถอนใจ สบตากับบุรุษที่จ้องอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเย็นชา กระนั้นยังทันเห็นแววตาคมที่ดำสนิทวูบไหว แม้เพียงครู่เดียวก็กลับมาเย็นชาเช่นเดิม

ฝ่ายชิงหลินยืนตัวแข็งทื่อ ตากลมโตเบิกกว้าง ความคิดแวบแรกคือ...หล่อ ต่อมาก็...หล่อจริงๆ ให้ดิ้นตาย ไม่เคยเห็นใครหล่อถูกใจแบบนี้มาก่อน คิ้ว ตา จมูก ปาก โอ้!...เลือดกำเดาจะไหล

มู่หลิ่งเหวิน บุรุษร่างสูงอยู่ในชุดผ้าไหมเนื้อดีสีขาว คลุมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มราคาแพง ปักลายเมฆาเคลื่อนคล้อย ดูหรูหรา ยิ่งเสริมให้สง่างามขึ้นสองส่วน ผมดำถูกเกล้าสูงเก็บเรียบร้อย บ่งบอกถึงนิสัยมีระเบียบวินัย รูปงามดั่งเทพเซียนบนสวรรค์ สามารถสะกดหญิงสาวให้หลงใหลในคราแรกที่พบและอ่อนระทวยเมื่อสบนัยน์ตาคมกล้าคู่นี้

เขาสูงพอๆ กับเฟิ่งอิงแต่ร่างไม่หนาเท่า ดวงตาคมทรงเสน่ห์จ้องมองสตรีที่ได้ชื่อว่าเป็น 'คู่หมาย' เขม็ง ประหลาดใจกับกิริยาของนางยามนี้ สายตาของนางเหมือนเห็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพานพบกันมาก่อน ไหนจะชุดบุรุษสีดำที่ไร้ลวดลายอีกเล่า นางคิดจะทำอะไร หรือสติเลอะเลือนไปแล้ว

"ไม่ช้า...ข้าคงได้เป็นอิสระ?" ร่างสูงเอ่ยขึ้นลอยๆ เหยียดยิ้มที่มุมปาก สองมือกอดอก หลุบตามองมือเล็กที่ยังจับแขนบุรุษอื่นต่อหน้าเขาไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย ก็ให้นึกดูแคลน นางช่างไม่สำรวมกิริยาและไร้ยางอายยิ่งนัก

"เอ่อ...ท่านแม่ทัพ" จางมู่หลงเอ่ยได้เพียงเท่านั้นด้วยจนคำพูด สกุลจางติดตามรับใช้สกุลมู่มาหลายชั่วอายุคน ภารกิจหลักคือคุ้มครองทายาทสกุลมู่ และจางมู่หลงยังเป็นถึงรองแม่ทัพภายใต้การนำทัพของแม่ทัพหนุ่มผู้นี้อีกด้วย บุรุษหน้าหวานคล้ายสตรีแต่กลับมีรูปร่างสูงใหญ่ องอาจ โผงผาง ตรงไปตรงมา แถมยังค่อนข้างใจร้อน ช่างเป็นความขัดแย้งที่ลงตัวอย่างไม่น่าให้อภัย

"คุณหนู ท่านปล่อยมือก่อนดีหรือไม่" เฟิ่งอิงก้มลงกระซิบข้างหู การกระทำที่ใกล้ชิดเกินงามนี้ทำให้คิ้วเข้มหนาของแม่ทัพหนุ่มกระตุก จงใจหรือ

"อ๊ะ...อา..." ชิงหลินสะดุ้งจึงรีบปล่อยมือทันที แต่ยังคงจ้องมองบุรุษรูปงามตรงหน้าไม่วางตา เมื่อสบตาคมทรงเสน่ห์ชวนหลงใหลกลับทำให้นางรู้สึกโมโห เพราะมันไม่ใช่สายตาเอ็นดูหรือรักใคร่ แต่เป็นสายตาที่ฉายชัดถึงความเย้ยหยัน ดูแคลน และรังเกียจอย่างโจ่งแจ้ง

'เจ้าช่างน่าสงสารเสียจริง' รองแม่ทัพคิดพลางลอบถอนใจ

"คารวะแม่ทัพมู่ รองแม่ทัพจาง" เฟิ่งอิงประสานมือทำความเคารพบุรุษทั้งสอง

จางมู่หลงพยักหน้ารับการทักทายนั้นแล้วถามขึ้นแทนแม่ทัพของตน ซึ่งบัดนี้กำลังทำสงครามทางสายตากับคุณหนูชิงอย่างไม่มีใครคิดจะยอมแพ้ "เอ่อ...ท่านลุงชิงอยู่หรือไม่"

เฟิ่งอิงขยับตัวเตรียมจะตอบ

"เจ้า...ไม่คิดจะทักทายคู่หมายของเจ้าหน่อยหรือ" แม่ทัพหนุ่มแทรกขึ้น โดยเน้นคำว่า 'คู่หมายของเจ้า' กับสตรีตรงหน้า พร้อมทั้งส่งสายตาตำหนิอย่างชัดเจน

"คู่หมายผู้ต่ำต้อยคาราวะท่านแม่ทัพ...เจ้าค่ะ" ใบหน้าจิ้มลิ้มเชิดขึ้นทันทีอย่างเย่อหยิ่งและไว้ตัว หลังจากค้อมกายทักทายร่างสูงอย่างเสียไม่ได้

คู่หมายผู้ต่ำต้อย? คาราวะท่านแม่ทัพ? ไม่ใช่หลินเอ๋อร์คาราวะพี่เหวิน? นางเป็นอะไร สติเลอะเลือนไปแล้ว? จางมู่หลงอึ้งด้วยความประหลาดใจ เขาติดตามท่านแม่ทัพมานานหลายปีจึงพอทราบว่า สตรีนางนี้ผูกใจรักทั้งหมดไว้ที่ท่านแม่ทัพ ถึงขนาดวางอุบายใช้ยาปลุกกำหนัดเพื่อเร่งรัดการแต่งงาน ทว่าท่านแม่ทัพรู้หมดสิ้น ซ้ำยังนำเรื่องนี้มาบังคับให้ยกเลิกการเป็นคู่หมาย ด้วยไม่ปรารถนาฮูหยินที่ร้ายกาจเช่นนาง แต่นางกลับล้มป่วยเสียก่อน และวันนี้ท่านแม่ทัพก็มาเยี่ยมนางตามคำสั่งของนายท่านกับฮูหยิน และมาบีบให้นางบอกกล่าวยกเลิกการเป็นคู่หมายนี้เสีย

เฟิ่งอิงยังคงยืนนิ่งอยู่ข้างหลังนาง แม้จะแปลกใจ แต่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง มีเพียงคิ้วหนาที่เลิกขึ้นมองด้านหลังของนางอย่างพิจารณาและใคร่รู้ว่านางจะทำสิ่งใด

"ท่านคงมาพบท่านพ่อ?" นางไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคนรอบตัว ก่อนจะหันไปเรียกบ่าวรับใช้ชายที่ทำงานอยู่บริเวณนั้น "นำทางแม่ทัพมู่ไปพบท่านพ่อ"

"เชิญเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ" นางผายมือให้อย่างมีจริต ใบหน้าจิ้มลิ้มไร้ซึ่งรอยยิ้ม ผิดไปจากทุกคราวที่ได้พบ นางมองตอบอีกฝ่ายอย่างไม่คิดจะหลบ

'เชอะ...ถ้าคิดว่าจะง้อเหมือนเมื่อก่อนละก็ ฝันไปเถิด นี่ชิงหลินคนใหม่ หาใช่ชิงหลินคนเดิมไม่'

ร่างสูงยืนกอดอกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง แต่ภายในใจกำลังเดือดปุดๆ ด้วยโทสะ นางไล่ข้าหรือ ช่างขวัญกล้า น่าตายนัก! ดวงตาคมทรงเสน่ห์สีรัตติกาลทอประกายวาวโรจน์และดุดัน จนชิงหลินต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาเสียเอง

"อ้าว หลานชาย มาแต่เช้าเช่นนี้มีอันใดหรือ" เสียงทักทายอย่างสนิทสนมของประมุขสกุลชิงทำให้สามบุรุษ หนึ่งสตรี และหนึ่งบ่าวรับใช้หันไปมองแทบจะพร้อมกัน ก่อนที่บ่าวชายจะขอตัวเมื่อเห็นว่าตนไร้ประโยชน์แล้ว

"หลิ่งเหวินคารวะท่านลุงหยวน"

ชิงหยวนชื่นชมกับท่วงท่าที่งามสง่าและความอ่อนน้อมถ่อมตนไม่ถือยศถือตำแหน่งของแม่ทัพหนุ่มอนาคตไกลแห่งกองทัพแคว้นฉี ซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของสหาย มู่หลิ่งฟู่ อดีตแม่ทัพใหญ่ที่ฮ่องเต้ไว้วางพระทัยจนได้รับจวนพระราชทานผู้นี้ยิ่งนัก แต่น่าเสียดาย...ที่แม่ทัพหนุ่มไม่ได้มีใจเสน่หาต่อบุตรีของตน ทว่าด้วยความสงสารบุตรีจึงไม่ได้เอ่ยปากยกเลิก ปล่อยให้เวลาล่วงมาจนถึงบัดนี้

"ข้ายินยอมกระโดดลงกองเพลิงแห่งรักเจ้าค่ะท่านพ่อ" เพราะถ้อยคำหนักแน่นและดื้อรั้นของนางนั่นอย่างไร ทำให้เขาไม่กล้าเอ่ยปากเตือน ต้องมานั่งเจ็บปวดใจทุกคราวยามที่นึกถึง ด้วยนางเป็นบุตรีที่ตนรักและถนอมดั่งแก้วตาดวงใจ

"ตามสบายเถิดหลานชาย ไปคุยกันข้างในดีหรือไม่" ผู้อาวุโสกล่าวอย่างสนิทสนมด้วยคุ้นเคยมานาน และรู้ดีว่าแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ไม่ใช่บุรุษเจ้ายศเจ้าอย่าง โดยมีบุตรียืนทำหน้างอง้ำอยู่ข้างๆ

"เดี๋ยวเจ้าค่ะท่านพ่อ" เสียงใสกังวานทำให้บุรุษทั้งสี่ที่กำลังจะก้าวเท้าชะงักกึก หันมามองราวกับนัดหมายกัน และก็เป็นชิงหยวนที่เอ่ยขึ้น

"มีอันใดหรือ หลินเอ๋อร์"

"ท่านพ่อมีแขก เช่นนั้นวันนี้ให้ลูกไปกับเฟิ่งอิงได้หรือไม่เจ้าคะ" พูดจบก็รู้สึกอึดอัดใจกับสายตาของบุรุษทั้งสี่ โดยเฉพาะสายตาคมกริบคู่นั้นที่มองราวกับจะอ่านความคิดของนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

เป็นอีกคราที่แม่ทัพหนุ่มต้องพยายามอดกลั้นโทสะ ซึ่งนางเป็นผู้สร้างอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด นับแต่จับมือถือแขนบุรุษอื่น ประชดประชันด้วยถ้อยคำห่างเหิน เอ่ยไล่ด้วยไม่อยากสนทนากับตน ซ้ำยามนี้ยังทำกิริยาดั่งกุลสตรีไร้การอบรม นางช่าง...!

"ท่านลุง หากไม่เป็นการรบกวน ข้าขอไปเยี่ยมชมคอกสัตว์อันยิ่งใหญ่ของท่านด้วยได้หรือไม่"

ครานี้ชิงหลินเป็นฝ่ายเม้มปากแน่นพร้อมกับถลึงตาใส่เขา 'หน้าด้าน! เอ่ยปากไล่แล้วยังจะตื๊ออีก'

พอเห็นนางถลึงตาใส่ มู่หลิ่งเหวินกลับไม่ใส่ใจ ทั้งยังเลิกคิ้วและปรายตามองอีกฝ่ายอย่างท้าทาย เล่นเอาชิงหลินหมั่นไส้อยากจะกระโดดข่วนหน้าหล่อเหลานั้นให้เละ

"ฮ่าๆๆ จะเป็นการรบกวนได้อย่างไร เจ้าคงนำม้ามา?" ผู้อาวุโสหัวเราะชอบใจ ก่อนจะถามในท้ายประโยค ทำเป็นไม่เห็นอาการฮึ่มๆ ใส่กันของสองหนุ่มสาว

"ขอรับ" มู่หลิ่งเหวินหันไปตอบอย่างสุภาพ

"แต่ท่านพ่อข้าคิดว่าท่านแม่ทัพคงพูดเอาใจท่านไปอย่างนั้นเอง ความจริงท่านคงมีธุระที่ต้องไปทำใช่หรือไม่"

แม่ทัพหนุ่มสบตากลมโตของนางแล้วให้รู้สึกคันยุบยิบบริเวณอกซ้าย คล้ายมีมดนับพันนับหมื่นไต่อยู่ เขาหรี่ตามองนางอย่างพิจารณาเป็นคราแรก

ใบหน้าจิ้มลิ้มเล็กเพียงฝ่ามือ ริมฝีปากเล็กอวบอิ่มชมพูระเรื่อน่าสัมผัส โดยเฉพาะดวงตากลมโตสีน้ำตาลเปลือกไม้ ยามนี้คล้ายพยัคฆ์ตัวน้อยที่หัดข่มขวัญศัตรู ขณะที่ผิวของนางขาวราวหิมะในฤดูเหมันต์ แต่ไม่ขาวซีดเช่นกาลก่อน รูปร่างบอบบางสมส่วนน่าทะนุถนอม แต่กลับแฝงความเย้ายวนอย่างเป็นธรรมชาติ ยามลมพัดก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ไม่รู้ว่าเป็นกลิ่นของบุปผาใด ไม่ฉุนจนอยากจะอาเจียนเช่นที่ผ่านมา

แม่ทัพหนุ่มสูดดมกลิ่นหอมนั้นเข้าเต็มปอด ใจเต้นแรงจนอดแปลกใจไม่ได้ นี่ข้าเป็นอันใด

"หลินเอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท" ชิงหยวนตำหนิบุตรีอย่างไม่จริงจังนัก

"ขออภัยเจ้าค่ะ" นางกล่าวขอโทษบิดาเสียงอ่อย

"หลินเอ๋อร์ เจ้าน้อยใจใช่หรือไม่ จึงได้เรียกพี่ห่างเหินเช่นนี้" น้ำเสียงคล้ายตัดพ้อฟังรื่นหู สร้างความประหลาดใจให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ยิ่งนัก แต่ไม่ใช่กับชิงหลิน

ตากลมโตมองเขาอย่างหวาดระแวง ด้วยไม่เข้าใจว่าเขาจะมาไม้ไหน 'เฮอะ! เสแสร้งชัดๆ'

"ท่านพ่อ รีบไปกันเถิดเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะสาย" ชิงหลินสะบัดหน้าเมินคำพูดของเขา เข้าไปกอดแขนออดอ้อนบิดาเสียงอ่อนเสียงหวาน ทั้งยังแอบทำปากเบ้ใส่เขาโดยที่บิดาไม่ทันสังเกต

'มารดานางเถิด!' มู่หลิ่งเหวินสบถในใจพลางขบกรามแน่น ด้วยไม่รู้ว่าจะจัดการสตรีจอมยั่วโทสะผู้นี้อย่างไรจึงจะสาสม น่าตายนัก! แม่ทัพหนุ่มพยายามข่มโทสะที่พลุ่งพล่านจวนเจียนจะระเบิดอย่างสุดฤทธิ์

'ฮึ! สมน้ำหน้า เป็นอย่างไรล่ะ รู้หรือยังว่าเวลาโดนเมินนั้นเป็นอย่างไร' ชิงหลินยิ้มพอใจที่สุดท้ายสงครามประสาทครานี้ดูเหมือนนางจะเป็นฝ่ายชนะ

การสร้างสรรค์งานเป็นเรื่องยาก ส่งกําลังใจให้กันด้วยน้า^_^

SARABIYA_1501creators' thoughts