ห้องหนังสือของแม่ทัพหนุ่ม
"ไม่มีขอรับ ข้าแค่เป็นห่วงว่าแม่นางฟ่งจะไม่สบายขึ้นมาเท่านั้น" เข่อลั่วตอบหน้าตาซื่ออย่างฉะฉาน
"เจ้านี่ช่างใจดีซะเหลือเกินนะเข่อลั่ว ข้าให้เจ้าพาคนออกไปตรวจตราลาดตระเวน ดูแลความสงบเรียบร้อยภายในเมืองหลวง แต่เจ้ากลับมีเวลาว่างเที่ยวไปซื้อหาสุราและไก่ย่างและของกินพวกนี้กลับมาฝากแม่นางฟ่งของเจ้าอีก"
เสียงทุ้มห้าวเย็นเยียบแฝงโทสะขึ้งเครียด จากการข่มใจเอาไว้ของหลง-อี้หลิง ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นเริ่มชวนอึดอัดและหายใจไม่โล่งปอดขึ้นมาในบัดดล
แต่ดูเหมือนมีเพียงเข่อลั่วที่ยังไม่รู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ของตน เพราะแม้แต่จางเก่อก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่พวยพุ่งออกมาจากสายตาคมกริบคู่นั้นของเจ้านาย เขาพยายามกะพริบตาถี่หลายครั้งเพื่อส่งสัญญาณให้สหายนายกองผู้นี้รับรู้
ฮ่าฮ่าฮ่า...นายกองหนุ่มร่างเจ้าเนื้อยังคงหัวเราะร่าเสียงดังขึ้นมาอย่างมีความสุขอีกครั้ง เพราะเข้าใจว่ากำลังถูกผู้เป็นนายกล่าวชื่นชมในความคิดและการกระทำอันชาญฉลาดของตน
เข่อลั่วคิดเช่นนั้น
"นายน้อยไม่ต้องกล่าวชื่นชมถึงเพียงนี้ข้าก็ได้ พอดีช่วงนี้ข้าเห็นแม่นางฟ่งมักแอบย่องเข้าไปในห้องครัวยามดึกดื่นมาหลายค่ำคืนแล้ว วันนี้ข้าเลยคิดว่า หากมีของกินติดไม้ติดมือมาฝากนางสักเล็กน้อย แม่นางฟ่งก็คงจะดีใจมากเลยทีเดียว"
เขายังคงตอบนายน้อยด้วยน้ำเสียงเริงร่าและยิ้มกระหยิ่มชอบใจ แต่พอจังหวะที่ได้สบตาตรง ๆ กับแม่ทัพหนุ่ม นางกองหนุ่มก็พลันหน้าเปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว
แววตาเย็นเยียบคมปลาบของผู้เป็นนายที่จ้องถมึงทึงอยู่ ทำให้เข่อลั่วต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาเจ้านายของเขาอย่างฉับไว และหันไปมองสหาย พร้อมทำหน้าตาสงสัย เชิงคำถามว่า ตนนั้นกำลังทำอะไรผิดพลาดไปงั้นหรือ
จางเก่อได้แต่ส่ายหน้าอย่างละเหี่ยใจ ในความหัวทึ่มและทำอะไรไม่ชอบไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ของสหายผู้นี้
หลงอี้หลิงออกคำสั่งเสียงเข้มดังแทรกขึ้นมากับเข่อลั่ว "เข่อลั่ว เจ้าจงไปรับโทษโบยหลังสิบไม้ จากนายกองผู้กุมกฎของกองทัพซะ" คำสั่งของแม่ทัพหนุ่ม แฝงไว้ด้วยบารมีน่าเกรงขามเฉกผู้มีอำนาจที่เหนือกว่า
เข่อลั่วยืนก้มหน้าและขานรับเสียงกร่อย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรผิดไป "ขอรับนายน้อย" และทำหน้าเศร้า เดินคอตกตรงไปหาสหายรัก พร้อมกับยื่นของในมือส่งให้จางเก่อถือต่อ
ในจังหวะนั้นเอง
หลังจากที่ฟ่งหลันหลั่นได้เข้าสู่นั่งเข้าฌานไปครู่ใหญ่ นางก็สะดุ้งตัว ลืมตาตื่นขึ้นเพราะได้ยินเสียงสนทนาของบุรุษทั้งสามคน
สตรีน้อยวางพัดใบใหญ่ที่ถืออยู่ลงบนพื้น นางสะบัดข้อมือไปมาและบิดขี้เกียจ และอ้าปากกว้างหาวเสียงดังขึ้นอย่างผ่อนคลาย โดยไม่ได้สนใจเลยว่าในห้องนั้นจะมีใครอยู่ไหม
ฮ้าว...
"เมื่อยตัวชะมัดเลย อีตาแม่ทัพหนุ่มนั่นช่างใจร้ายกับสตรีน้อยผู้งดงามและบอบบางเช่นเราเสียจริง สั่งให้เราคอยพัดวีให้ตั้งแต่หัวค่ำ ไม่สงสารเห็นใจกันสักนิด"
ริมฝีปากบางเริ่มขยับมากขึ้น นางบ่นให้กับแม่ทัพหนุ่มอย่างเมามัน
บุรุษทั้งสามหันไปมองสตรีน้อยอย่างพร้อมเพรียงกัน ด้วยอารมณ์และความคิดเกี่ยวกับตัวนางที่ต่างกัน
พอฟ่งหลันหลั่นสร่างนอนและสติกลับมาสมบูรณ์ ปลายประสาทสัมผัสในการรับรู้กลิ่นก็ทำงานทันที
"ฮึ! กลิ่นนี้มัน..." สตรีน้อยกล่าวขึ้น พร้อมกับทำจมูกย่นและพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อย่างสนใจ
ฟุดฟิด ฟุดฟิด
ฟ่งหลันหลั่นกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสดังขึ้นอย่างมั่นใจ "...นี่มันกลิ่น ไก่ย่างกับกลิ่นของสุรานี่นา" และกวาดสายตามองไปรอบตัวอย่างรวดเร็ว
ดวงตากลมโตสดใสพลันสบสายตาเข้ากับนัยน์ตาสีนิล ฉายแววโกรธขึ้ง บนใบหน้าถมึงทึงของแม่ทัพหนุ่ม นางสะดุ้งตัวโหยงเล็กน้อยและเผลอหลุดอุทานขึ้นเบา ๆ อย่างตกใจ
อึ๋ย!
ในห้องนี้ยังมีจางเก่อซึ่งยืนทำหน้านิ่งเหมือนทุกครั้งที่นางเจอเขา อีกทั้งเข่อลั่ว ซึ่งเผยสีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อยและกำลังยื่นสิ่งของที่ถืออยู่ในมือส่งให้สหาย
"นี่พวกท่านทั้งสาม ยืนอยู่ตรงนี้นานแล้วงั้นหรือ" สตรีน้อยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเจื่อน ๆ เมื่อนึกย้อนถึงอากัปกิริยาท่าท่าทางบิดขี้เกียจที่ไม่งามของสตรีและคำบ่นที่นางกล่าวตำหนิแม่ทัพหนุ่มออกมาก่อนหน้านี้
แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครตอบกลับมา ฟ่งหลันหลั่นก็เปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์อย่างรวดเร็ว เมื่อได้เห็นชัดเจนว่าสิ่งของที่อยู่ในมือของนายกองหนุ่มนั้นคืออะไร ดวงตากลมโตลุกโชนจ้องตาเป็นมัน และเผลอกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ อย่างโหยหาต้องการสิ่งนั้นมาครอบครอง
แม่ทัพหนุ่มเห็นท่าทีของฟ่งหลันหลั่น ยิ่งทำให้อาการหงุดหงิดหัวเสียของเขาเพิ่มทวีขึ้น และอารมณ์โกรธนั้นก็พานไปถึงนายกองร่างเนื้อ ผู้เป็นเจ้าของความคิดนั้น
"จางเก่อ จงพาเข่อลั่วไปรับโทษของเขาซะ!" คำสั่งครั้งที่สองของเจ้านายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง
"ขอรับนายน้อย" จางเก่อขานรับขึ้น เขาหันขวับ และรีบนำสิ่งของในมือไปวางไว้บนโต๊ะกลมทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว
จากนั้นทหารนายกองทั้งสองก็เดินกลับออกไปจากห้องหนังสือของแม่ทัพหนุ่มอย่างไม่รอช้า
ตอนนี้เหลือเพียงฟ่งหลันหลั่นที่ต้องเผชิญชะตากรรมต่อจากนี้ด้วยตนเอง
เมื่อสตรีน้อยเห็นนายกองหนุ่มทั้งสองนายเดินออกไปจากห้องหนังสือ นางก็ลุกขึ้นจากเบาะที่นั่งอยู่ก่อนหน้า และวิ่งปรี่ตรงไปหยุดยืนอยู่ข้างกายแม่ทัพหนุ่มทันที พร้อมกับมองหน้าเขาส่งสายตาแป๋วออกมาอย่างเว้าวอน
ฟ่งหลันหลั่นชี้มือไปทางสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ และเอ่ยถามแม่ทัพหนุ่มด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล อ่อนหวาน
"ท่านแม่ทัพ สุราและอาหารพวกนั้น ถ้าหากว่าท่านไม่กิน ข้าขอได้ไหม" ดวงตาสุกใสแวววาว ท่าทีของนางในตอนนี้ดูผิดจากก่อนหน้านี้ตอนที่บ่นให้เขายิ่งนัก
หลงอี้หลิงพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกเล็กน้อย
หึ! และหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ อย่างเยาะหยันอยู่ในลำคอ
"เจ้านี่นะ! ช่างหาความเป็นกุลสตรีไม่ได้เลยสักนิด นิ่งเป็นหลับขยับเป็นต้องกิน"
หลงอี้หลิงไม่ได้ตอบตกลงยกสิ่งของนั้นให้ แถมยังกล่าวตำหนิเหน็บอีกด้วย
แต่ฟ่งหลันหลั่นกลับยิ้มแป้นให้เขา และวิ่งตรงไปหยิบของเหล่านั้นขึ้นมาถือไว้ในมือ พร้อมกับสำรวจพวกมันอย่างไม่รีรอ นาทีต่อมาก็ได้เอี้ยวตัวกลับมาทางแม่ทัพหนุ่มเล็กน้อย
ใบหน้าผุดผาดประดับด้วยรอยยิ้มกว้างสดใสปรากฏขึ้นมาพร้อมกับน้ำเสียงเริงร่า
"ขอบคุณท่านแม่ทัพ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวไปจัดการเจ้าพวกนี้ก่อนนะ"
ฟ่งหลันหลั่นหันมากล่าวขอบคุณเรียบร้อย นางก็หันหลังขวับและตั้งหน้าเดินออกไปจากห้องหนังสือ
นี่ข้าพูดไม่ชัดเจน หรือเป็นนางเองที่ฟังไม่เข้าใจกันแน่
หลงอี้หลิงมองตามหลังสตรีน้อยและส่ายหัวไปมาเล็กน้อย และประหลาดใจในความหน้ามึนของนาง สตรีผู้นี้ช่างต่างจากนางอื่นที่เขาเคยพบเจอมาเสียจริง
ทว่าจังหวะนั้นเอง สองขาเรียวเล็กของฟ่งหลันหลั่นยังก้าวไม่พ้นขอบธรณีประตูเสียด้วยซ้ำ น้ำเสียงอันเข้ม ดุดัน ก็ดังตามหลังขึ้นมา
"เจ้าจะรีบชิ่งหนีไปไหน ลืมไปแล้วรึว่าข้ายังมิได้อาบน้ำ รีบไปจัดเตรียมทุกอย่างเสียให้เรียบร้อย มิฉะนั้นข้าจะยึดสิ่งของในมือคู่นั้นที่เจ้ากำลังถืออยู่คืนกลับมาให้หมด"
หลงอี้หลิงกล่าวเสร็จเขาก็เดินกลับไปนั่งลงยังเบาะนั่นที่หน้าโต๊ะทำงานของตน พลางเอื้อมมือไปหยิบสมุดงานตรงหน้า ขึ้นมาเปิดดูอีกครั้ง
ฟ่งหลันหลั่นหันขวับกลับมามองเจ้านายหนุ่มด้วยสายตาเหวี่ยงอย่างเสียอารมณ์ 'บุรุษผู้นี้ช่างเป็นมารคอหอยของข้าเสียจริง ๆ'
นางเม้มริมฝีปากเล็กเข้าหากัน และหรี่ตามองเข้าด้วยใบหน้าบูดบึ้ง สายตาที่มองไปยังแม่ทัพหนุ่มผู้นั้น ฉายแววหงุดหงิดและขุ่นเคืองใจแฝงอยู่ในที
"เมื่อครู่ ท่านเพิ่งยกสุราชั้นดีและกับแกล้มพวกนี้ให้ข้าอยู่หยก ๆ แต่ตอนนี้กลับมาสั่งให้ข้าไปจัดเตรียมอุปกรณ์ให้ท่านอาบน้ำ ท่านแม่ทัพหลงต้องการจะอาบน้ำในเวลาดึกดื่นเยี่ยงนี้ นี่ท่านคิดจะหาเรื่องแกล้งข้ากระนั้นหรือ" น้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจของสาวใช้บ่นให้เจ้านายหนุ่ม ดังออกมาไม่หยุดปาก จนแม่ทัพหนุ่มต้องชะงักมือและเงยหน้าขึ้นมองนางอีกครั้ง
"ไม่ว่าเป็นเพลาใด หากข้าต้องการให้เจ้าอยู่ปรนนิบัติรับใช้ เจ้าก็จะต้องทำตามอย่างเคร่งครัดโดยไม่ปริปากบ่น อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นสาวใช้ส่วนตัวของข้า..."
แม่ทัพหนุ่มกล่าวสวนกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทว่าสายตาเขายังจับจ้องมองสมุดงานที่ถืออยู่ในมือ
"ใจร้ายชะมัด!" ฟ่งหลันหลั่นยังคงเขาด้วยสายตาค่อนขอดและตัดพ้อน้อยใจต่อตามประสาเด็กสาววัยแรกแย้ม เพราะสมัยที่นางใช้ชีวิตร่วมกันกับตาเฒ่าฟ่งนั้น นางสามารถทำอะไรได้ตามใจอย่างอิสรเสรี จะกิน จะดื่ม และจะนอนเวลาไหน ตาเฒ่าของนางก็ไม่มีสิทธิ์มากำหนดหรือบังคับกะเกณฑ์ได้
คำพูดนั้นของนางทำให้แม่ทัพหนุ่มยิ่งรู้สึกสนุกกับการที่ได้กลั่นแกล้งสตรีน้อยผู้นี้ เขาเผยยิ้มอ่อนขึ้นบนใบหน้าอันหล่อเหลา ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา
"...รึว่าอยากให้ข้าเรียกหาสาวใช้นางอื่นมาทำหน้าที่นี้ ส่วนตัวเจ้าก็ไปรับโทษโบยหลังพร้อมกับเข่อลัว ว่าไง ต้องการแบบนั้นไหมล่ะ" สุ้มเสียงไม่กราดเกรี้ยว หากแต่วางอำนาจอยู่ในทีอย่างกับผู้ที่อยู่เหนือกว่า
แม่ทัพหนุ่มเริ่มใช้อำนาจในมือ พูดจาข่มขู่ฟ่งหลันหลั่นให้ทำตามในสิ่งที่เขาต้องการ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้ว เขาเองก็รู้ดีแก่ใจว่านางอยู่ที่นี่เพราะสาเหตุใด
สตรีน้อยรู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจ เมื่อได้ยินแม่ทัพหนุ่มบอกว่าจะเรียกหาสาวใช้นางอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนตน และยังจะต้องถูกโบยหลังโดย ไม่มีความผิดอีก
"ก็แค่ฐานะสาวใช้หลอก ๆ เท่านั้น ท่านจริงจังไปได้ อีกอย่างท่านมีสาวใช้ส่วนตัวนางอื่นเสียที่ไหนกันล่ะ ตั้งแต่ข้ามาเข้าอยู่ในเรือนของท่าน ข้ายังไม่เห็นหน้าสาวใช้ของที่นี่เลยสักคน มองไปทางไหนก็มีแต่บุรุษวิ่งพล่านกันให้เกลื่อนตาเต็มไปหมด"
สตรีน้อยยังบ่นพึมพำต่อปากต่อคำไม่หยุดหย่อนอย่างท้าทาย
คำพูดนั้นช่างแทงใจดำแม่ทัพหนุ่มเสียจริง เพราะมันคือเรื่องจริงที่เรือนหลงหลิงแห่งนี้แทบจะไม่เห็นสาวใช้อยู่เลย ทุกตำแหน่งงานในนี้ล้วนแต่เป็นบุรุษทั้งสิ้น ไม่ว่าว่าจะเป็นชายฉกรรจ์หนุ่มแน่นหรือคนชรา เว้นเสียจากว่านาน ๆ ทีหลงฮูหยิน ท่านย่าของเขาจะพาสาวใช้จากเรือนสกุลหลงมาทำความสะอาดและจัดระเบียบความเรียบร้อยของที่นี่เป็นครั้งคราว ซึ่งนั่นก็ได้สร้างความแปลกใจให้ฟ่งหลันหลั่นอยู่ไม่น้อย แต่นางก็ไม่เคยถามออกมา
เมื่อแม่ทัพหนุ่มถูกสตรีน้อยพูดจายอกย้อนต่อปากต่อคำเช่นนั้น จนตัวเขาก็หาคำมาปฏิเสธโต้แย้งในข้อเท็จจริงนี้ไม่ได้ จึงแสร้งทำเสียงขึงขังโกรธขึ้ง อย่างเผด็จการและเอาแต่ใจ
"เจ้ายังไม่รีบไปจัดการตามที่ข้าสั่งอีก รึว่าอยากจะโดนโบยหลังตามเข่อลั่วไปอีกคนจริง ๆ" หลงอี้หลิงแกล้งพูดขู่เสียงเข้มขึ้นมาอีกครั้ง
"เจ้าค่ะ! หลันหลั่นผู้นี้จะรีบไปจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อให้ท่านแม่ทัพหลงผู้รูปงามและเกรียงไกรได้ขัดสีฉวีวรรณเรือนร่างอันงดงามนั้น อดใจรอสักครู่นะเจ้าคะ"
สาวใช้ตัวป่วนตีฝีปากกล้าต่อปากต่อคำและขานรับแม่ทัพหนุ่มด้วยน้ำเสียงประชดประชัน จากนั้นก็เดินส่ายสะโพก พร้อมถือของในมือออกไปจากห้องหนังสือนั้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง
หลงอี้หลิงมองตามหลังฟ่งลันหลั่นด้วยสายตาพึงพอใจ และเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอกบนใบหน้าหล่อเหลา
"ในรัตติกาลของพวกเราทั้งคู่ที่ชะแง่งผานั้น ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเจ้าจะกระทำไปด้วยเจตนาใดก็ตาม ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เจ้าก็ได้กลายเป็นคนของข้า โดยที่ไม่สามารถจะปฏิเสธได้"
หลงอี้หลิงกล่าวขึ้นตามหลังฟ่งหลันหลั่น น้ำเสียงและแววตาของเขานั้นช่างหนักแน่นและจริงจังยิ่งนัก
จากนั้นแม่ทัพหนุ่มก็หันกลับจัดการงานตรงหน้าที่ยังคั่งค้างอยู่ต่อให้เสร็จเรียบร้อย
....
เซียงไค 盛開