หอโคมแดง
"โย่! นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นท่านแม่ทัพหลง ผู้หล่อเหลาและมากความสามารถนี่เอง"
ฟ่งหลันหลั่นชี้หน้าและกล่าวทักทายหลงอี้หลิงด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานของสตรีและเมามาย ลิ้นเริ่มพันกันฟังแทบไม่รู้เรื่อง จากนั้นก็พยายามลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ โดยมีเหล่าบุรุษรูปงามเข้ามาช่วยประคองอีกแรง
"คุณชายฟ่ง! ท่านเมามากแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าท่านควรจะกลับเรือนได้เสียที"
แม่ทัพหนุ่มพยายามควบคุมอารมณ์ขุ่นเคืองไม่พอใจของเขาเอาไว้ข้างใน และช่วยสตรีน้อยปกปิดฐานะของนางต่อไป เพราะสิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการเอาตัวนางออกไปจากที่นี่ก่อนที่เจ้าตัวจะก่อเรื่องวุ่นวายขึ้น
ฟ่งหลันหลั่นปัดมือเหวี่ยงไปมา นางปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้แค่ยืนให้ตรง นางยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
"ใครว่าข้าเมา ม่าย ๆ ข้าไม่ได้เมาซะหน่อย ข้าคอแข็งจะตาย เหล้าแค่นี้จะทำอะไรข้าได้..."
อี๊ก...อึ๊ก! ...
พูดไม่ทันจบก็สะอึกขึ้นหลายที
"ฟ่งหลันหลั่น! ตามข้ากลับเรือนด้วยกันเดี๋ยวนี้" แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงดุขึ้น อย่างโกรธขึ้ง
"ไม่! ข้าไม่ตามท่านกลับไปที่นั่นหรอก อยู่ที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับเป็น นกน้อยในกรงทองของท่าน" คำพูดนี้ของฟ่งหลันหลั่นทำให้แขกเหรื่อและผู้คนในนั้นต่างตกใจและตะลึงกันยกใหญ่
"เจ้าเป็นคนของข้า หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าก็ไม่มีทางไปไหนได้ทั้งนั้น" น้ำเสียงแฝงความหวงแหนอย่างเห็นนางเป็นสมบัติส่วนตัว
สตรีน้อยได้ฟังคำนั้นก็โผเข้าหาตัวแม่ทัพหนุ่มและสวมกอดคอของเขาอย่างรวดเร็ว
"ท่านคงไม่คิดว่า การที่เราสองคนนอนใกล้ชิดแนบเนื้อกันโดยไร้ซึ่งอาภรณ์ห่อหุ้มกายในค่ำคืนนั้น ท่านจะมาบังคับจิตใจของข้าได้นะ"
สตรีน้อยเริ่มพูดจาเจื้อยแจ้วร่ายยาวถึงความหลังครั้งเก่าที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับเขา โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคำกล่าวนั้นมันได้สร้างจินตนาการและความเข้าใจผิดให้แก่ผู้คนในห้องโถงของหอโคมแดง รวมทั้งแม่ทัพหนุ่มด้วย
แถมนางพยายามลวนลามเขาด้วยการลูบใบหน้าและบรรยายเรือนร่างอันงดงามแข็งแรงของเขาที่นางจำได้ในหัวตอนที่ตกลงไปยังหน้าผาด้วยกันไม่หยุดปาก
"เจ้า! ..."
หลงอี้หลิงเกิดอาการประหม่าและเขินอายจนหน้าแดงในคำพูดของฟ่งหลันหลั่นเหล่านั้น เขาจึงจับตัวนางหมุนตัวและสวมกอดนางไว้ในอ้อมแขนและใช้มือข้างหนึ่งปิดปากนางไว้อย่างรวดเร็วทันที
ตอนนี้ทั้งแขกและคนของหอโคมแดงต่างพากันซุบซิบเสียงดังจอแจขึ้น เพราะทุกคนจดจำหลงอี้หลิงได้ว่าเขาเป็นผู้ใด และขณะนี้พวกเขาต่างพากันเข้าใจผิดคิดว่าแม่ทัพหนุ่มผู้นี้เป็นพวกนิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกันไปเสียแล้ว
ก่อนที่ฟ่งหลันหลั่นจะกล่าวถ้อยคำที่ไม่เป็นจริงทำลายชื่อเสียงเขาไปมากกว่านี้ หลงอี้หลิงจึงรีบเรียกผู้ดูแลของหอโคมแดงมาคิดค่าเสียหายทั้งหมด
แม่ทัพหนุ่มได้จ่ายเงินให้กับผู้ดูแลหอโคมแดงเป็นจำนวนมากพอสมควร และสั่งให้เขากำชับกับทุกคนในที่นั้นว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องที่ เจ้าตัวมาที่นี่เป็นอันขาด และหากมีผู้ใดแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เมืองหลวงต่อไปได้อีก
จากนั้นหลงอี้หลิงก็ลากแขนฟ่งหลันหลั่น พานางออกไปจากหอโคมแดง ซึ่งสตรีน้อยเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องลิ้นพันกันเป็นพัลวัน จับใจความไม่ได้เลยสักคำ
แถมแข้งขาก็ไร้เรี่ยวแรงประคองตัวเองให้ยืนตรง ๆ ยังเป็นเรื่องที่ยากสำหรับนางในตอนนี้ ท่ามกลางความตื่นตะลึงของแขกเหรื่อและผู้คนในนั้น
พอพวกเขาออกไปนอกหอโคมแดงได้ ฟ่งหลันหลั่นก็ทรุดลงนั่งตรงด้านหน้านั้น และปล่อยโฮร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็กน้อย เพราะความคิดถึงในเรื่องราวความหลังครั้งเก่าระหว่างนางกับตาเฒ่าฟ่ง ผู้ที่จากไป
หลงอี้หลิงตกใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่เคยเห็นนางเศร้าโศกเสียใจเช่นนี้มาก่อน แต่พอยืนมองอยู่นานพักใหญ่ อีกทั้งสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนถนน ทำให้เขาอดทนรออย่างใจเย็นไม่ไหวแล้วจึงตัดสินเดินเข้าไปประคองนางลุกขึ้น เพื่อหวังจะพาตัวกลับเรือนไปด้วยกัน
เป็นจังหวะเดียวกับที่ท้องไส้ของตัวก่อเรื่องเกิดอาการปั่นป่วนอย่างผิดปกติ นางจึงปัดมือเขาออกและรีบวิ่งไปอาเจียนยังกำแพงด้านข้างนั้น
เวลาผ่านไปหนึ่งจิบน้ำชา แม่ทัพหนุ่มจึงตัดสินใจดึงตัวฟ่งหลันหลั่นขึ้นมาแบกไว้บนหลังและพานางเดินกลับเรือนหลงหลิงด้วยอาการหมดสภาพ แถมนางยังกวนประสาทเขาด้วยการขยี้หัวบ้าง กอดคอเขาแน่นบ้าง ร้องเพลงสลับกับร้องไห้บนแผ่นหลังหนาของเขา และที่หนักสุดคือ พยายามลวนลามเขาด้วยการโน้มตัวมาทางด้านหน้าและมอบจุมพิตให้เขาเหมือนเด็กน้อย
เป็นเช่นนั้นตลอดเส้นทางจากหอโคมแดงถึงเรือนหลงหลิง ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เดินสวนผ่านไปมา แม้จะไม่เยอะแต่มันก็มากพอที่จะทำให้แม่ทัพหนุ่มเกิดความอับอายไม่น้อยเลยทีเดียว
"ฟ่งหลันหลั่น! ฝากไว้ก่อนเถอะ เรื่องทั้งหมดในคืนนี้ รับรองว่าพรุ่งนี้เช้าข้าจะคืนให้เจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียว"
รุ่งสาง วันต่อมา ยามเหม่า [1]
ภายในห้องพักส่วนของหลงอี้หลิง
ดวงหน้างามน่ารักของฟ่งหลันหลั่น วางแนบซบอยู่บนแผ่นหน้าอก ขาวผ่องหนากว้างของใครบางคน
มือและขาอย่างละข้างของสตรีน้อยสวมกอดรัดตัวเจ้าของเรือนร่างกำยำนั้นไว้อย่างแนบแน่น รอยยิ้มสุขใจเคลิบเคลิ้มเผยขึ้นบนดวงหน้างาม ในขณะที่เจ้าตัวยังคงหลับอยู่
ท่อนแขนยาวเรียวอันแข็งแรงข้างหนึ่งของบุรุษโอบกอดร่างอรชรไว้แน่น
ทั้งสองกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนผืนใหญ่นั้นอย่างสบายอุรา
ฟ่งหลันหลั่นลืมตางัวเงียตื่นขึ้นมา และรู้สึกได้ว่าดวงหน้างามและมือของตนกำลังสัมผัสอยู่บนแผ่นหน้าอกหนาขาวเนียนของใครบางคน กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้นางทำตาเบิกโตขึ้นอย่างตกใจ จึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้า ๆ ด้วยความประหม่าและภาวนาในใจว่าขอย่าให้เป็นอย่างที่เจ้าตัวกำลังคิดอยู่
[1] ยามเหม่า (卯:mǎo) คือ 05.00 - 06.59 น.
แต่ทว่า ภาพใบหน้าอันหล่อเหลาที่กำลังนอนหลับตาสนิทอยู่ตรงหน้า ทำให้นางถึงกับตาสว่าง สร่างนอนในทันใด
'หลงอี้หลิง! มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น นี่เราเข้ามานอนในห้องของเขาได้ยังไงกัน ฟ่งหลันหลั่น! เจ้าทำบ้าอะไรลงไปอีกแล้ว!'
ฟ่งหลันหลั่นก่นด่าตัวเองในใจเล็กน้อย จากนั้นนางจึงรีบตั้งสติ พยายามเงียบเสียงให้มากที่สุด และค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนที่เจ้าของเรือนร่างอันแข็งแรงจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเสียก่อน
แต่จังหวะที่สตรีน้อยกำลังจะลงพ้นจากขอบเตียง แม่ทัพหนุ่มก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเห็นเข้ามาพอดี จึงได้ยื่นมือมาคว้าแขนนางไว้หมับ พร้อมกับออกแรงกระชากตัวนางดึงกลับไปหาเขา
ทำให้ร่างน้อยอรชรถลาไปตามแรงดึงของเขา จนไปนอนหงายอยู่บนหน้าท้องอันมีกล้ามเนื้อกำยำแข็งแรงของเจ้าของเตียงนอนนอนผืนนั้น
"เจ้าจะรีบหนีไปไหน!"
แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามเสียงเข้มขึ้น จนอีกฝ่ายสะดุ้งตัวโหยงอย่างตกใจ และค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองยังเขาด้วยท่าทีประหม่า
"ทะ ท่านแม่ทัพถามแปลกนัก ข้าก็จะรีบไปนำอ่างน้ำมาให้ท่านล้างหน้าล้างตาอย่างไรเล่า" นางตอบสวนกลับเขากลับอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก และไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย
แม่ทัพหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากลำแขนเรียวเล็กนั้น ดวงตาสีนิลจับจ้องดวงหน้างามของสตรีน้อยเขม็ง
"หลบสายตาของข้าอย่างร้อนตัวแบบนี้ แสดงว่าเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าเมื่อคืนตัวเองได้กระทำสิ่งใดลงไปบ้าง" น้ำเสียงเข้มดุดัน ของแม่ทัพหนุ่มรูปงาม เหมือนเขากำลังจะเริ่มทำการไต่สวนหาความจริงจากผู้กระทำผิด
"ขะ ข้าไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพกำลังกล่าวถึงเรื่องอันใด ยังไงก็เถอะ ท่านช่วยปล่อยมือออกจากแขนของข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะได้ทำหน้าที่ของตนเสียที อีกอย่างถ้ามีผู้ใดมาเห็นท่านกับข้าอยู่ในสภาพนี้ด้วยกัน มิแคล้วจะพานเข้าใจผิดไปได้"
ฟ่งหลันหลั่นกล่าวพลาง เผลอเหลือบสายตามองสำรวจเรือนร่างบนเตียงตรงหน้าของอีกฝ่ายอย่างลืมตัวอีกครั้ง
แม่ทัพหนุ่มได้ฟังนางกล่าวเช่นนั้น เขาก็หัวเราะขึ้น
ฮ่าฮ่าฮ่า...และถามนางด้วยน้ำเสียงถากถาง "กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดอย่างงั้นรึ เรื่องนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เจ้ากระทำต่อข้าเมื่อคืนนี้"
แม่ทัพหนุ่มเห็นสายตาเบิกโตและลุกวาวอย่างตะลึงระคนกับความฉงนใจของสตรีตรงหน้า เขาจึงถามจี้ใจดำนาง กลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
"จ้องข้าตาเป็นมันแพรวพราวเยี่ยงนั้น! ดูท่าเจ้าคงเกิดติดใจในตัวข้าขึ้นมาสินะ"
สตรีน้อยได้ฟังคำถามชวนหลงตัวเองของอีกฝ่ายเยี่ยงนั้น นางจึงตอบปฏิเสธสวนกลับทันควัน ดวงหน้าแดงก่ำระเรื่อไล่ไปจนถึงใบหูทั้งสองข้าง
"ใครติดใจท่านกัน!" พูดจบนางก็สะบัดไปอีกทางอย่างเคอะเขินและรีบลุกออกไปจากเตียงนอนผืนใหญ่
ทั้งสองพูดคุยต่อปากต่อคำกันอยู่พักใหญ่ แม่ทัพหนุ่มตั้งท่าวางอำนาจของเขาในฐานะเจ้าบ้านเต็มที่ และตั้งใจจะสอบสวนเรื่องที่นางแอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอกในยามวิกาล
"เมื่อคืนเจ้าไปทำอะไรที่หอโคมแดงแห่งนั้นกัน อย่าริคิดหาทางปฏิเสธเสียให้ยาก เพราะข้ามีทั้งพยานและหลักฐานมัดตัวเจ้าอย่างแน่นหนาเลยทีเดียว" แม่ทัพหนุ่มกล่าวถามเสียงเข้มแกมขู่ เพราะต้องการรู้ความจริงให้ทันใจเขา จนลืมไปว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในอิริยาบถไหน
ฟ่งหลันหลั่นซึ่งกำลังนอนหงาย ศีรษะวางทับอยู่บนหน้าท้องอันแข็งแรงเรือนร่างท่อนบนเปล่าเปลือยของแม่ทัพหนุ่ม แม้จะเคยเห็นร่างกายของเขามาแล้วแต่นางก็ยังไม่คุ้นชิน
ตึกตัก ตึกตัก!
เสียงหัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ มือและริมฝีปากสั่นระริกเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัวว่าความลับจะเปิดเผย แต่เพราะความใกล้ชิดแนบแน่นของทั้งคู่ตอนนี้มันชวนให้อารมณ์ของนางสั่นไหวอย่างหาคำอธิบายไม่ได้
"ขะ ข้า..."
สตรีน้อยพูดจาติดขัดเพราะไม่รู้จะตอบคำถามนี้เยี่ยงไรดี
"อ้ำอึ้งแบบนี้ คงไม่รู้สินะว่าไปก่อเรื่องอะไรไว้ที่นั่นบ้าง แถมข้ายังต้องแบกเจ้าที่เมามายขาดสติกลับมาเรือนหลงหลิงอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางสายตาคนมอง มิหนำซ้ำพอกลับมาถึงที่เรือนหลงหลิง เจ้ายังลวนลามเขาทั้งคืนต่อหน้าเหล่าทหารและบ่าวไพร่อีก"
ยิ่งได้ฟังแม่ทัพหนุ่มร่ายยาวออกมาซะขนาดนี้ ฟ่งหลันหลั่นพยายามเค้นความคิด นึกภาพตามในหัวถึงเรื่องราวที่เขากำลังพูดถึงอยู่ในตอนนี้
เมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนผุดขึ้นมาในหัว สตรีน้อยถึงกับพูดไม่ออก เพราะทุกคำกล่าวของเขานั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง ยกเว้นอยู่เรื่องหนึ่ง
'ฮึ! ใครว่าข้าแอบหนีเที่ยวกัน ข้าจะหนีไปจากที่นี่ต่างหากล่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าดันไปเจอคนน่าสงสัยที่อาจจะมีส่วนในการตายของตาเฒ่า ข้าคงไม่เข้าไปในหอโคมแดงนั่น จนเป็นสาเหตุให้เสียเวลาและพลาดโอกาสหนีไปจากที่นี่'
หลงอี้หลิงเห็นฟ่งหลันหลั่นนิ่งเงียบไปนาน เขาจึงขยับตัวขึ้นและก้มหน้าต่ำมองดวงหน้างามใกล้ ๆ เพื่อหวังจะจับพิรุธ
สตรีน้อยสบตาเข้ากับดวงตาคมกริบ ลมหายใจอุ่น ๆ สัมผัสที่พวงแก้มสีลูกท้อ กลิ่นกายความเป็นชายของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าของนางเพียงแค่คืบเดียว
วินาทีนั้นสตรีน้อยจิตใจระส่ำระสายทำตัวไม่ถูก นางตกใจหนักจนเผลอผลักตัวเขาให้ห่างจากตัว จากนั้นก็ลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้แม่ทัพหนุ่มเจ้าของห้องมองตามหลังด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม พึงพอใจอย่างเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอกหนุ่ม
ในระหว่างทางที่เดินกลับห้องพักของตน ฟ่งหลันหลั่นบ่นพึมพำเบา ๆ กับตัวเองและยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมขมับอย่างปวดกบาลเพราะคิดถึงเหตุการณ์ในคืนที่ผ่านมาไม่ออกเลย
"ว่าแต่เมื่อคืนเราเผลอไปก่อเรื่องอะไรไว้กับเขากันนะ ภาพในหัวก็ช่างรางเลือน โอ๊ย! ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ดูท่าเมื่อคืนเราคงเผลอดื่มไปหนักจริง ๆ"
.....
เซียงไค 盛開