webnovel

ข้ากลายเป็นสาวใช้ของแม่ทัพหนุ่ม

องค์หญิงอวี้หลัน องค์หญิงน้อยผู้แสนอาภัพ แห่งแคว้นโหย่ว ในวัยเพียงแปดชันษา พระองค์ต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเศร้าและเจ็บปวด ทั้งการกลั่นแกล้ง ใส่ความให้ร้ายของเหล่าคนรอบกาย เพื่อหวังจะยึดครองตำแหน่งองค์หญิงสุดที่รักจากท่านอ๋องใหญ่บิดาของนาง ซึ่งเป็นถึงองค์ รัชทายาทของแคว้นโหยว ความโชคร้ายไม่จบสิ้น มีคนร้ายได้ลอบวางยาพิษลงในสระน้ำส่วนตัวขององค์หญิงน้อย ทำให้นางต้องจบชีวิตลงในชั่วพริบตาที่สูดดมกลิ่นหอมพิษ ซึ่งโชยขึ้นมากับไอน้ำ ก่อนที่จะสิ้นใจตายพระนางได้อธิษฐานว่า ถ้าหากได้เกิดใหม่ ตนก็ปรารถนาเกิดเป็นคนธรรมดา แม้จะไม่ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ใด ๆ ไม่มีชีวิตที่สบาย ไม่ร่ำรวยเงินทองอย่างที่เคยเป็น ก็ยินดีเช่นนั้น และแล้ว องค์หญิงน้อยก็ได้สิ้นพระทัยลงต่อหน้าธารกำนัลทุกคน ตลอดช่วงชีวิตที่มีมา องค์หญิงน้อยพบว่าไม่เคยมีใครสักคนที่รักนางจริงแม้แต่คนเดียว แต่พระนางคิดผิด... สิบปีผ่านไป องค์หญิงผู้แสนอาภัพ ได้มีชีวิตใหม่ในนาม ฟ่งหลันหลั่น หญิงสาวชาวยุทธ์ทั่วไป แม้ฝีมือด้านวิทยายุทธ์จะไม่เก่งกาจมากนัก แต่นางนั้นเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและคุณธรรมหาผู้ใดเสมอเหมือนได้ ด้วยนิสัยรักความยุติธรรมมากเกินไป นางจึงมักเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่หลายครั้ง จนมีครั้งหนึ่ง ฟ่งหลันหลั่นได้เกิดพลาดพลั้งเสียทีให้กับศัตรูที่ตามมาแก้แค้น หนึ่งในคนพวกนั้นได้ใช้อาวุธลับ ซัดใส่นางเองจนนางถูกพิษชนิดหนึ่งเข้า และทำให้สูญเสียวรยุทธ์ไปชั่วคราว พอรู้สึกตัวอีกที ฟ่งหลันหลั่นก็ได้กลายมาเป็นสาวใช้คนใหม่ของจวนแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหย่ว แม่ทัพใหญ่ของจวนนี้คือ หลงอี้หลิง ผู้มากความสามารถและมีชื่อเสียงเลื่องลือเกรียงไกรด้านการรบ นามของเขานั้นเป็นที่โจษจันและเกรงกลัวของฝ่ายศัตรูเป็นอย่างมาก หลงอี้หลิง ได้ใช้พลังหยินในตัวของเขา ช่วยขับพิษในกายให้ฟ่ง-หลันหลั่น และได้เผลอเปิดจุดลมปราณที่เคยถูกสกัดไว้ให้นางด้วย ทำให้ความทรงจำที่เคยหายไปกลับคืนมา องค์หญิงอวี้หลันทรงจดจำเรื่องราวในอดีตของตนได้ทั้งหมด ว่าตนไม่ได้ตายอย่างที่คิดไว้ แต่เป็นเพราะพระองค์พยายามลบความทรงจำที่เจ็บปวดเลวร้ายนั้นให้หายไป เมื่อองค์หญิงน้อยอวี้หลันจดจำเรื่องราวทุกอย่างได้ จึงอยากที่จะเอาคืนทุกคนที่เคยทำร้ายนาง แต่ด้วยต้องแลกความทรงจำให้กลับมา ด้วยการที่ต้องสูญเสียพลังยุทธ์ไปโดยถาวร ทำให้ต้องตกเป็นหน้าที่ของหลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่ผู้คลั่งรักต้องออกโรง ช่วยแก้แค้นแทนและทวงคืนความยุติธรรมให้กับสาวใช้ของตน เรื่องราวจะดำเนินต่อไปยังไง หลงอี้หลิง แม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นโหยว จะช่วยฟ่งหลันหลั่นหรือองค์อวี้หลัน แก้แค้นและทวงความยุติธรรมได้หรือไม่ ต้องมาติดตามไปพร้อม ๆ กัน

Anastazia23_Boss · History
Not enough ratings
91 Chs

ตอนที่ ๑๘ ความเมาเป็นเหตุ จนถูกเข้าใจผิด

หอโคมแดง

"โย่! นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นท่านแม่ทัพหลง ผู้หล่อเหลาและมากความสามารถนี่เอง"

ฟ่งหลันหลั่นชี้หน้าและกล่าวทักทายหลงอี้หลิงด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานของสตรีและเมามาย ลิ้นเริ่มพันกันฟังแทบไม่รู้เรื่อง จากนั้นก็พยายามลุกขึ้นยืนอย่างโซซัดโซเซ โดยมีเหล่าบุรุษรูปงามเข้ามาช่วยประคองอีกแรง

"คุณชายฟ่ง! ท่านเมามากแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าท่านควรจะกลับเรือนได้เสียที"

แม่ทัพหนุ่มพยายามควบคุมอารมณ์ขุ่นเคืองไม่พอใจของเขาเอาไว้ข้างใน และช่วยสตรีน้อยปกปิดฐานะของนางต่อไป เพราะสิ่งที่สำคัญตอนนี้คือการเอาตัวนางออกไปจากที่นี่ก่อนที่เจ้าตัวจะก่อเรื่องวุ่นวายขึ้น

ฟ่งหลันหลั่นปัดมือเหวี่ยงไปมา นางปฏิเสธเสียงแข็ง ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้แค่ยืนให้ตรง นางยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ

"ใครว่าข้าเมา ม่าย ๆ ข้าไม่ได้เมาซะหน่อย ข้าคอแข็งจะตาย เหล้าแค่นี้จะทำอะไรข้าได้..."

อี๊ก...อึ๊ก! ...

พูดไม่ทันจบก็สะอึกขึ้นหลายที

"ฟ่งหลันหลั่น! ตามข้ากลับเรือนด้วยกันเดี๋ยวนี้" แม่ทัพหนุ่มกล่าวเสียงดุขึ้น อย่างโกรธขึ้ง

"ไม่! ข้าไม่ตามท่านกลับไปที่นั่นหรอก อยู่ที่นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับเป็น นกน้อยในกรงทองของท่าน" คำพูดนี้ของฟ่งหลันหลั่นทำให้แขกเหรื่อและผู้คนในนั้นต่างตกใจและตะลึงกันยกใหญ่

"เจ้าเป็นคนของข้า หากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า เจ้าก็ไม่มีทางไปไหนได้ทั้งนั้น" น้ำเสียงแฝงความหวงแหนอย่างเห็นนางเป็นสมบัติส่วนตัว

สตรีน้อยได้ฟังคำนั้นก็โผเข้าหาตัวแม่ทัพหนุ่มและสวมกอดคอของเขาอย่างรวดเร็ว

"ท่านคงไม่คิดว่า การที่เราสองคนนอนใกล้ชิดแนบเนื้อกันโดยไร้ซึ่งอาภรณ์ห่อหุ้มกายในค่ำคืนนั้น ท่านจะมาบังคับจิตใจของข้าได้นะ"

สตรีน้อยเริ่มพูดจาเจื้อยแจ้วร่ายยาวถึงความหลังครั้งเก่าที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับเขา โดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าคำกล่าวนั้นมันได้สร้างจินตนาการและความเข้าใจผิดให้แก่ผู้คนในห้องโถงของหอโคมแดง รวมทั้งแม่ทัพหนุ่มด้วย

แถมนางพยายามลวนลามเขาด้วยการลูบใบหน้าและบรรยายเรือนร่างอันงดงามแข็งแรงของเขาที่นางจำได้ในหัวตอนที่ตกลงไปยังหน้าผาด้วยกันไม่หยุดปาก

"เจ้า! ..."

หลงอี้หลิงเกิดอาการประหม่าและเขินอายจนหน้าแดงในคำพูดของฟ่งหลันหลั่นเหล่านั้น เขาจึงจับตัวนางหมุนตัวและสวมกอดนางไว้ในอ้อมแขนและใช้มือข้างหนึ่งปิดปากนางไว้อย่างรวดเร็วทันที

ตอนนี้ทั้งแขกและคนของหอโคมแดงต่างพากันซุบซิบเสียงดังจอแจขึ้น เพราะทุกคนจดจำหลงอี้หลิงได้ว่าเขาเป็นผู้ใด และขณะนี้พวกเขาต่างพากันเข้าใจผิดคิดว่าแม่ทัพหนุ่มผู้นี้เป็นพวกนิยมชมชอบไม้ป่าเดียวกันไปเสียแล้ว

ก่อนที่ฟ่งหลันหลั่นจะกล่าวถ้อยคำที่ไม่เป็นจริงทำลายชื่อเสียงเขาไปมากกว่านี้ หลงอี้หลิงจึงรีบเรียกผู้ดูแลของหอโคมแดงมาคิดค่าเสียหายทั้งหมด

แม่ทัพหนุ่มได้จ่ายเงินให้กับผู้ดูแลหอโคมแดงเป็นจำนวนมากพอสมควร และสั่งให้เขากำชับกับทุกคนในที่นั้นว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องที่ เจ้าตัวมาที่นี่เป็นอันขาด และหากมีผู้ใดแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็อย่าหวังว่าจะได้อยู่เมืองหลวงต่อไปได้อีก

จากนั้นหลงอี้หลิงก็ลากแขนฟ่งหลันหลั่น พานางออกไปจากหอโคมแดง ซึ่งสตรีน้อยเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่องลิ้นพันกันเป็นพัลวัน จับใจความไม่ได้เลยสักคำ

แถมแข้งขาก็ไร้เรี่ยวแรงประคองตัวเองให้ยืนตรง ๆ ยังเป็นเรื่องที่ยากสำหรับนางในตอนนี้ ท่ามกลางความตื่นตะลึงของแขกเหรื่อและผู้คนในนั้น

พอพวกเขาออกไปนอกหอโคมแดงได้ ฟ่งหลันหลั่นก็ทรุดลงนั่งตรงด้านหน้านั้น และปล่อยโฮร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็กน้อย เพราะความคิดถึงในเรื่องราวความหลังครั้งเก่าระหว่างนางกับตาเฒ่าฟ่ง ผู้ที่จากไป

หลงอี้หลิงตกใจเล็กน้อยเพราะเขาไม่เคยเห็นนางเศร้าโศกเสียใจเช่นนี้มาก่อน แต่พอยืนมองอยู่นานพักใหญ่ อีกทั้งสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนถนน ทำให้เขาอดทนรออย่างใจเย็นไม่ไหวแล้วจึงตัดสินเดินเข้าไปประคองนางลุกขึ้น เพื่อหวังจะพาตัวกลับเรือนไปด้วยกัน

เป็นจังหวะเดียวกับที่ท้องไส้ของตัวก่อเรื่องเกิดอาการปั่นป่วนอย่างผิดปกติ นางจึงปัดมือเขาออกและรีบวิ่งไปอาเจียนยังกำแพงด้านข้างนั้น

เวลาผ่านไปหนึ่งจิบน้ำชา แม่ทัพหนุ่มจึงตัดสินใจดึงตัวฟ่งหลันหลั่นขึ้นมาแบกไว้บนหลังและพานางเดินกลับเรือนหลงหลิงด้วยอาการหมดสภาพ แถมนางยังกวนประสาทเขาด้วยการขยี้หัวบ้าง กอดคอเขาแน่นบ้าง ร้องเพลงสลับกับร้องไห้บนแผ่นหลังหนาของเขา และที่หนักสุดคือ พยายามลวนลามเขาด้วยการโน้มตัวมาทางด้านหน้าและมอบจุมพิตให้เขาเหมือนเด็กน้อย

เป็นเช่นนั้นตลอดเส้นทางจากหอโคมแดงถึงเรือนหลงหลิง ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่เดินสวนผ่านไปมา แม้จะไม่เยอะแต่มันก็มากพอที่จะทำให้แม่ทัพหนุ่มเกิดความอับอายไม่น้อยเลยทีเดียว

"ฟ่งหลันหลั่น! ฝากไว้ก่อนเถอะ เรื่องทั้งหมดในคืนนี้ รับรองว่าพรุ่งนี้เช้าข้าจะคืนให้เจ้าอย่างไม่ขาดตกบกพร่องเลยทีเดียว"

รุ่งสาง วันต่อมา ยามเหม่า [1]

ภายในห้องพักส่วนของหลงอี้หลิง

ดวงหน้างามน่ารักของฟ่งหลันหลั่น วางแนบซบอยู่บนแผ่นหน้าอก ขาวผ่องหนากว้างของใครบางคน

มือและขาอย่างละข้างของสตรีน้อยสวมกอดรัดตัวเจ้าของเรือนร่างกำยำนั้นไว้อย่างแนบแน่น รอยยิ้มสุขใจเคลิบเคลิ้มเผยขึ้นบนดวงหน้างาม ในขณะที่เจ้าตัวยังคงหลับอยู่

ท่อนแขนยาวเรียวอันแข็งแรงข้างหนึ่งของบุรุษโอบกอดร่างอรชรไว้แน่น

ทั้งสองกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงนอนผืนใหญ่นั้นอย่างสบายอุรา

ฟ่งหลันหลั่นลืมตางัวเงียตื่นขึ้นมา และรู้สึกได้ว่าดวงหน้างามและมือของตนกำลังสัมผัสอยู่บนแผ่นหน้าอกหนาขาวเนียนของใครบางคน กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้นางทำตาเบิกโตขึ้นอย่างตกใจ จึงเงยหน้าขึ้นมองอย่างช้า ๆ ด้วยความประหม่าและภาวนาในใจว่าขอย่าให้เป็นอย่างที่เจ้าตัวกำลังคิดอยู่

[1] ยามเหม่า (卯:mǎo) คือ 05.00 - 06.59 น.

แต่ทว่า ภาพใบหน้าอันหล่อเหลาที่กำลังนอนหลับตาสนิทอยู่ตรงหน้า ทำให้นางถึงกับตาสว่าง สร่างนอนในทันใด

'หลงอี้หลิง! มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น นี่เราเข้ามานอนในห้องของเขาได้ยังไงกัน ฟ่งหลันหลั่น! เจ้าทำบ้าอะไรลงไปอีกแล้ว!'

ฟ่งหลันหลั่นก่นด่าตัวเองในใจเล็กน้อย จากนั้นนางจึงรีบตั้งสติ พยายามเงียบเสียงให้มากที่สุด และค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน ก่อนที่เจ้าของเรือนร่างอันแข็งแรงจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเสียก่อน

แต่จังหวะที่สตรีน้อยกำลังจะลงพ้นจากขอบเตียง แม่ทัพหนุ่มก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเห็นเข้ามาพอดี จึงได้ยื่นมือมาคว้าแขนนางไว้หมับ พร้อมกับออกแรงกระชากตัวนางดึงกลับไปหาเขา

ทำให้ร่างน้อยอรชรถลาไปตามแรงดึงของเขา จนไปนอนหงายอยู่บนหน้าท้องอันมีกล้ามเนื้อกำยำแข็งแรงของเจ้าของเตียงนอนนอนผืนนั้น

"เจ้าจะรีบหนีไปไหน!"

แม่ทัพหนุ่มเอ่ยถามเสียงเข้มขึ้น จนอีกฝ่ายสะดุ้งตัวโหยงอย่างตกใจ และค่อย ๆ หันหน้ากลับมามองยังเขาด้วยท่าทีประหม่า

"ทะ ท่านแม่ทัพถามแปลกนัก ข้าก็จะรีบไปนำอ่างน้ำมาให้ท่านล้างหน้าล้างตาอย่างไรเล่า" นางตอบสวนกลับเขากลับอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก และไม่ยอมสบตาอีกฝ่าย

แม่ทัพหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากลำแขนเรียวเล็กนั้น ดวงตาสีนิลจับจ้องดวงหน้างามของสตรีน้อยเขม็ง

"หลบสายตาของข้าอย่างร้อนตัวแบบนี้ แสดงว่าเจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าเมื่อคืนตัวเองได้กระทำสิ่งใดลงไปบ้าง" น้ำเสียงเข้มดุดัน ของแม่ทัพหนุ่มรูปงาม เหมือนเขากำลังจะเริ่มทำการไต่สวนหาความจริงจากผู้กระทำผิด

"ขะ ข้าไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพกำลังกล่าวถึงเรื่องอันใด ยังไงก็เถอะ ท่านช่วยปล่อยมือออกจากแขนของข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะได้ทำหน้าที่ของตนเสียที อีกอย่างถ้ามีผู้ใดมาเห็นท่านกับข้าอยู่ในสภาพนี้ด้วยกัน มิแคล้วจะพานเข้าใจผิดไปได้"

ฟ่งหลันหลั่นกล่าวพลาง เผลอเหลือบสายตามองสำรวจเรือนร่างบนเตียงตรงหน้าของอีกฝ่ายอย่างลืมตัวอีกครั้ง

แม่ทัพหนุ่มได้ฟังนางกล่าวเช่นนั้น เขาก็หัวเราะขึ้น

ฮ่าฮ่าฮ่า...และถามนางด้วยน้ำเสียงถากถาง "กลัวว่าคนอื่นจะเข้าใจผิดอย่างงั้นรึ เรื่องนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่เจ้ากระทำต่อข้าเมื่อคืนนี้"

แม่ทัพหนุ่มเห็นสายตาเบิกโตและลุกวาวอย่างตะลึงระคนกับความฉงนใจของสตรีตรงหน้า เขาจึงถามจี้ใจดำนาง กลับไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย

"จ้องข้าตาเป็นมันแพรวพราวเยี่ยงนั้น! ดูท่าเจ้าคงเกิดติดใจในตัวข้าขึ้นมาสินะ"

สตรีน้อยได้ฟังคำถามชวนหลงตัวเองของอีกฝ่ายเยี่ยงนั้น นางจึงตอบปฏิเสธสวนกลับทันควัน ดวงหน้าแดงก่ำระเรื่อไล่ไปจนถึงใบหูทั้งสองข้าง

"ใครติดใจท่านกัน!" พูดจบนางก็สะบัดไปอีกทางอย่างเคอะเขินและรีบลุกออกไปจากเตียงนอนผืนใหญ่

ทั้งสองพูดคุยต่อปากต่อคำกันอยู่พักใหญ่ แม่ทัพหนุ่มตั้งท่าวางอำนาจของเขาในฐานะเจ้าบ้านเต็มที่ และตั้งใจจะสอบสวนเรื่องที่นางแอบหนีออกไปเที่ยวข้างนอกในยามวิกาล

"เมื่อคืนเจ้าไปทำอะไรที่หอโคมแดงแห่งนั้นกัน อย่าริคิดหาทางปฏิเสธเสียให้ยาก เพราะข้ามีทั้งพยานและหลักฐานมัดตัวเจ้าอย่างแน่นหนาเลยทีเดียว" แม่ทัพหนุ่มกล่าวถามเสียงเข้มแกมขู่ เพราะต้องการรู้ความจริงให้ทันใจเขา จนลืมไปว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในอิริยาบถไหน

ฟ่งหลันหลั่นซึ่งกำลังนอนหงาย ศีรษะวางทับอยู่บนหน้าท้องอันแข็งแรงเรือนร่างท่อนบนเปล่าเปลือยของแม่ทัพหนุ่ม แม้จะเคยเห็นร่างกายของเขามาแล้วแต่นางก็ยังไม่คุ้นชิน

ตึกตัก ตึกตัก!

เสียงหัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ มือและริมฝีปากสั่นระริกเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัวว่าความลับจะเปิดเผย แต่เพราะความใกล้ชิดแนบแน่นของทั้งคู่ตอนนี้มันชวนให้อารมณ์ของนางสั่นไหวอย่างหาคำอธิบายไม่ได้

"ขะ ข้า..."

สตรีน้อยพูดจาติดขัดเพราะไม่รู้จะตอบคำถามนี้เยี่ยงไรดี

"อ้ำอึ้งแบบนี้ คงไม่รู้สินะว่าไปก่อเรื่องอะไรไว้ที่นั่นบ้าง แถมข้ายังต้องแบกเจ้าที่เมามายขาดสติกลับมาเรือนหลงหลิงอย่างทุลักทุเล ท่ามกลางสายตาคนมอง มิหนำซ้ำพอกลับมาถึงที่เรือนหลงหลิง เจ้ายังลวนลามเขาทั้งคืนต่อหน้าเหล่าทหารและบ่าวไพร่อีก"

ยิ่งได้ฟังแม่ทัพหนุ่มร่ายยาวออกมาซะขนาดนี้ ฟ่งหลันหลั่นพยายามเค้นความคิด นึกภาพตามในหัวถึงเรื่องราวที่เขากำลังพูดถึงอยู่ในตอนนี้

เมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนย้อนผุดขึ้นมาในหัว สตรีน้อยถึงกับพูดไม่ออก เพราะทุกคำกล่าวของเขานั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องจริง ยกเว้นอยู่เรื่องหนึ่ง

'ฮึ! ใครว่าข้าแอบหนีเที่ยวกัน ข้าจะหนีไปจากที่นี่ต่างหากล่ะ นี่ถ้าไม่ติดว่าดันไปเจอคนน่าสงสัยที่อาจจะมีส่วนในการตายของตาเฒ่า ข้าคงไม่เข้าไปในหอโคมแดงนั่น จนเป็นสาเหตุให้เสียเวลาและพลาดโอกาสหนีไปจากที่นี่'

หลงอี้หลิงเห็นฟ่งหลันหลั่นนิ่งเงียบไปนาน เขาจึงขยับตัวขึ้นและก้มหน้าต่ำมองดวงหน้างามใกล้ ๆ เพื่อหวังจะจับพิรุธ

สตรีน้อยสบตาเข้ากับดวงตาคมกริบ ลมหายใจอุ่น ๆ สัมผัสที่พวงแก้มสีลูกท้อ กลิ่นกายความเป็นชายของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าของนางเพียงแค่คืบเดียว

วินาทีนั้นสตรีน้อยจิตใจระส่ำระสายทำตัวไม่ถูก นางตกใจหนักจนเผลอผลักตัวเขาให้ห่างจากตัว จากนั้นก็ลุกขึ้นวิ่งออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว

ทิ้งให้แม่ทัพหนุ่มเจ้าของห้องมองตามหลังด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม พึงพอใจอย่างเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอกหนุ่ม

ในระหว่างทางที่เดินกลับห้องพักของตน ฟ่งหลันหลั่นบ่นพึมพำเบา ๆ กับตัวเองและยกมือทั้งสองข้างขึ้นกุมขมับอย่างปวดกบาลเพราะคิดถึงเหตุการณ์ในคืนที่ผ่านมาไม่ออกเลย

"ว่าแต่เมื่อคืนเราเผลอไปก่อเรื่องอะไรไว้กับเขากันนะ ภาพในหัวก็ช่างรางเลือน โอ๊ย! ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ดูท่าเมื่อคืนเราคงเผลอดื่มไปหนักจริง ๆ"

.....

เซียงไค 盛開