เมืองจิ่ว
ณ เรือนพักรับรองของสกุลหลงในเมืองจิ่ว
หญิงชราสูงศักดิ์กับหลานชายรูปงามสุดรัก ทั้งสองคนกำลังนั่งพูดคุยปรึกษาหารือกันอยู่ตามลำพังภายในห้องพักส่วนตัวของผู้เป็นย่า
"อี้หลิง หลานมั่นใจหรือ ที่จะพาสตรีน้อยผู้นี้กลับไปรักษาตัวที่จวน แม่ทัพของเจ้าในเมืองหลวง ย่าคิดว่าให้นางไปอยู่ที่เรือนสกุลหลงกับย่าจะดีกว่าไหมจะได้ไม่มีปัญหาตามมาและผู้คนจะได้ไม่ครหาในทางเสียหาย เพราะเสียอย่างไร นางก็คือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตย่าเอาไว้"
เพราะอาบน้ำร้อนมาก่อน ฮูหยินเฒ่าของสกุลหลงจึงเอ่ยถามหลานชายสุดที่รักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มิใช่ว่านางจะแล้งน้ำใจหรือต้องการห้ามปราม
หากแต่ห่วงใยและกังวลว่าจะมีปัญหาตามมาในภายภาคหน้า และผู้คนอาจจะครหาให้เสียชื่อเสียงไปทั้งสองฝ่ายได้
หลงอี้หลิงเข้าใจในความหวังดีและความเป็นกังวลใจของผู้เป็นย่าดี เขาจึงชี้แจงให้ฮูหยินเฒ่าได้เข้าใจในเจตนาและเหตุผลของการตัดสินใจในครั้งนี้
"ข้าเข้าใจในความหวังดีและความกังวลนั้นของท่านย่าเป็นอย่างดี แต่สตรีน้อยผู้นี้มีภูมิหลังที่มาที่ไปค่อนข้างซับซ้อนไม่ชัดเจน ข้าจึงอยากเก็บนางไว้ข้างตัว นั่นก็เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของนางด้วยเช่นกัน"
น้ำเสียงที่เขากล่าวออกมาฟังดูหนักแน่น จริงจังเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่ได้กล่าวความจริงออกมาทั้งหมด เพราะยังมีเหตุผลอื่นที่ยังต้องการคำตอบจากฟ่งหลันหลั่น
ฮูหยินเฒ่ารู้จักนิสัยของหลานรักเป็นอย่างดี และนางก็เคารพในการตัดสินใจของเจ้าตัว จึงไม่ได้กล่าวคำคิดเห็นโต้แย้งใด ๆ เพิ่มเติม แต่ทว่าความเป็นห่วงและความกังวลก็ยังคงไม่จางลง
"ถ้าเช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด ย่าเชื่อว่าทุกอย่างที่หลานตัดสินใจ ย่อมมีเหตุผล อีกทั้งด้วยนิสัยส่วนตัวของหลานมักคำนึงถึงผู้อื่นและความถูกต้องเสมอ แต่ถ้าหากเมื่อใดที่ต้องการความช่วยเหลือ เรือนสกุลหลงเปิดประตูรอเจ้าอยู่ทุกเพลา"
แม่ทัพหนุ่มรินน้ำชาลงในถ้วย และนำไปวางลงบนตรงหน้าของฮูหยินเฒ่า
"ขอบคุณที่ท่านย่าที่เข้าใจและเชื่อใจในตัวข้า ข้าไม่มีวันที่จะทำให้สกุลหลงเดือดร้อนหรือเสื่อมเสียชื่อเสียงแน่นอน"
ฮูหยินเฒ่ายิ้มให้หลานรักอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหยิบถ้วยชาตรงหน้าขึ้นดื่ม และพยายามหลบซ่อนสายตาของความกังวลไว้ในใจ ถึงแม้ว่าหลานชายสุดที่รักจะกล่าวชี้แจงถึงจุดประสงค์อย่างชัดเจน แต่ผู้เป็นย่าก็ไม่อาจจะวางใจได้ทั้งหมดเสียทีเดียว เพราะนางรู้ดีแก่ใจว่า ด้วยตำแหน่งหน้าที่ของหลงอี้หลิงในเพลานี้นั้นสำคัญมาก และคนสกุลหลงเองก็มีผู้หมายปองร้ายหวังทำลายชื่อเสียงอยู่รอบตัวมาโดยตลอด
เรือนหลงหลิง (บ้านพักของหลงอี้หลิง)
หลงอี้หลิงพาตัวฟ่งหลันหลั่นกลับมารักษาตัวยังเมืองหลวง
ที่ผ่านมาแม่ทัพหนุ่มไม่เคยอนุญาตหรือพาสตรีนางใดเข้ามาพักอาศัยในจวนแห่งนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ครั้งนี้จึงสร้างความสงสัยและประหลาดใจต่อเหล่าทหารภายใต้สังกัดที่เขาดูแลอยู่เป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากถามถึงที่มาหรือสาเหตุในเรื่องนี้
นี่ก็ผ่านมาร่วมเดือนที่ฟ่งหลันหลั่นเข้ามาอยู่ในจวนแม่ทัพหนุ่มเพื่อพักรักษาอาการบาดเจ็บ ท่านหมอได้มารักษาอาการนางอยู่หลายครั้งแต่ก็อับจนปัญญา เนื่องจากพิษที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย เป็นชนิดหายากไม่ค่อยมีคนรู้จัก
นอกจากผู้ที่สร้างพิษแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดมียาถอนพิษ
นั่นคือถ้อยคำที่ท่านหมอได้กล่าวไว้ในวันแรกที่รักษา และสิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้คือประคองไปตามอาการเท่านั้น
และวันนี้ก็เป็นวันที่ท่านหมอได้แวะมาตรวจดูอาการของผู้ป่วยตามนัดหมาย หลังจากที่ตรวจรักษาเสร็จเรียบร้อย เขาเดินออกมาจากห้องพักของสตรีน้อยและเผยสีหน้าขบคิดอย่างหนัก
หลงอี้หลิงซึ่งยืนรออยู่ตรงด้านหน้าห้อง เห็นท่าทีกังวลใจของท่านหมอ จึงได้เชิญแขกไปพูดคุยต่อยังห้องทำงานของตน
แม่ทัพหนุ่มรินชาลงในถ้วย พร้อมกับนำไปวางลงตรงหน้าแขก
ไอร้อนจากน้ำชาโชยกลิ่นพวยพุ่งสัมผัสยังปลายจมูกของท่านหมอซึ่งเขากำลังยกถ้วยชาขึ้นดื่มตามมารยาท
"ชาปี้หลัวชุน อื้ม! ชาชั้นดี ชานี้ไม่เพียงแค่ส่งกลิ่นหอมเหมือนดอกไม้ แต่ยังมีสรรพคุณช่วยผลิตของเหลวในร่างกายป้องกันการอุดตันในเส้นเลือด ทั้งยังช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ท่านแม่ทัพช่างห่วงใยผู้อื่นยิ่งนัก"
แม่ทัพหนุ่มโค้งคำนับให้สำหรับคำชมนั้นจากท่านหมอ ก่อนจะเอ่ยถามถึงอาการบาดเจ็บของสตรีน้อยอย่างใจเย็น
"ท่านหมอ สีหน้าของท่านดูไม่สู้ดีเลย มิทราบว่าอาการบาดเจ็บของสตรีผู้นั้นเป็นเยี่ยงไรบ้าง"
น้ำเสียงราบเรียบแต่ก็แฝงไว้ด้วยซึ่งความห่วงใยในตัวบุคคลที่กำลังกล่าวถึง
"ขอเรียนท่านแม่ทัพตามตรง ข้าพยายามถอนพิษที่แม่นางผู้นี้ได้รับเข้าสู่ร่างกายมานานเกือบร่วมเดือน แม้มันจะมิได้รุนแรงนัก หากแต่ว่า..."
ท่านหมอกล่าวได้เล็กน้อย เขาก็มีท่าทีอ้ำอึ้งและเผยความกังวลออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
ทำให้แม่ทัพหนุ่มซึ่งรอฟังคำตอบอยู่ เกิดความกังวลตามเขาจึงถามสวนขึ้นด้วยโทนเสียงที่เปลี่ยนไป
"ท่านหมอมิต้องกังวลหรือเกรงใจ โปรดกล่าวมาตามจริงได้เลย หากแต่ว่าอะไร..."
"หากแต่ ข้าตรวจพบว่าในร่างกายของสตรีน้อยท่านนั้น ยังมีพิษร้ายแรงประหลาดอีกชนิดหนึ่ง ที่ข้าเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นพิษชนิดใด และพิษนั้นได้แพร่ซึมเข้าไปในทุกอวัยวะและเส้นเลือดมานานกว่าสิบปี ด้วยสาเหตุนี้พิษใหม่ที่เพิ่งได้รับมา จึงไม่สามารถทำอันตรายต่อร่างกายได้ และเกรงว่านางผู้นี้อาจจะอายุสั้น ถ้าหากไม่ได้รับการถอนพิษ"
ถ้อยคำที่ท่านหมอผู้นี้กล่าวออกมา ยิ่งสร้างความสงสัยใคร่รู้ที่มาของฟ่งหลันหลั่นเป็นยิ่งนัก แต่ก็ยังวางท่านิ่งขรึมและเก็บความคิดนั้นไว้ภายในใจ
"ถ้าเช่นนั้น รบกวนท่านหมอโปรดรักษาและถอนพิษให้นางด้วยเถิด ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ท่านไม่ต้องกังวล ขอเพียงแค่ช่วยคนได้ ข้ายินดีจ่ายตามที่เรียกร้อง"
น้ำคำอันหนักแน่น ผนวกกับสายตาแน่วแน่ที่แม่ทัพหนุ่มเผยออกมา ทำให้ท่านหมอผู้นี้ลำบากใจที่จะตอบเขากลับไปยิ่งหนัก
"ขออภัยท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเป็นเพียงหมอชาวบ้านทั่วไป จึงไร้ความสามารถที่จะทำการรักษาและถอนพิษประหลาดนั้นได้ แม้ท่านจะมีสมุนไพรหายากหรือชั้นเลิศเพียงใด แต่หากไม่ใช่ผู้ที่สร้างพิษ ก็มิมีทางถอนพิษนั้นได้"
ทุกคำพูดที่ท่านหมอกล่าวกับแม่ทัพหนุ่ม ล้วนแล้วแต่เป็นความจริง ตามจรรยาบรรณของหมอจะต้องรักษาผู้ป่วยจนสุดความสามารถ หากแต่รายนี้เขานั้นจนปัญญายิ่งนัก
หลงอี้หลิงได้ฟังก็นั่งเงียบไปครู่ใหญ่ จนท่านหมอเกิดความเกร็งและรู้สึกอึดอัดในบรรยากาศตึงเครียดนั้น ทำให้เขาต้องคิดหาทางบอกลาอย่างสุภาพ
"มีเรื่องหนึ่งที่ข้าน้อยสามารถแนะนำท่านแม่ทัพได้ หากแต่ไม่ทราบว่าท่านต้องการหรือไม่"
แม้หลงอี้หลิงจะเป็นแม่ทัพหนุ่มที่มากความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ แต่เขาก็มิเคยปฏิเสธที่จะยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ถึงแม้ว่าคนผู้นั้นจะมีฐานะต่ำต้อยกว่าก็ตาม
"เชิญท่านหมอว่ามาได้เลย ข้ายินดีรับฟัง"
เมื่อท่านหมอได้รับคำตอบยืนยันเช่นนั้น เขาก็รีบพูดในสิ่งที่ต้องการบอกอีกฝ่าย เพื่อจะได้กลับบ้านโดยไว
"ถึงแม้ว่าภายในร่างกายของแม่นางผู้นั้นจะมีพิษประหลาดที่ร้ายแรงและส่งผลต่อชีวิตของเจ้าตัว แต่เรื่องดีคือ ต่อให้ร่างกายได้รับพิษอื่น ๆ เพิ่มเข้ามา ก็จะมิทำอันตรายได้ เหมือนกับเหตุการณ์ในครั้งนี้.."
ท่านหมอพูดร่ายยาว และหยุดหายใจพักครู่หนึ่ง
ส่วนอีกฝ่ายก็ตั้งใจฟังเงียบ ๆ อย่างสุภาพ
"...ท่านแม่ทัพควรเก็บแม่นางน้อยผู้นี้ไว้ข้างกาย เพราะบางทีนางอาจช่วยงานใหญ่ของท่านได้ในอนาคต เพราะท่านแม่ทัพคือคนที่เสียสละตนเองปกป้องประชาชนและแผ่นดิน คงไม่ผิดหากท่านจะตัดสินใจใช้ประโยชน์จากความโชคร้ายของนางเยี่ยงนั้น"
แม่ทัพหนุ่มนิ่งเงียบและครุ่นคิดอย่างพิจารณาในคำกล่าวทั้งหมดที่ท่านหมอเฒ่าผู้นี้เสนอแนะมา เขาไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธหรือว่าตกลง เผยออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น
"ท่านหมอโปรดช่วยเก็บเรื่องของแม่นางผู้นั้นไว้เป็นความลับได้หรือไม่" หลงอี้หลิงกล่าวเสียงเข้มขึ้น สายตาฉายแววจริงจัง
"ขอรับ ด้วยจรรยาบรรณของหมอ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องรักษาความลับของคนไข้ มิให้แพร่งพรายต่อบุคคลที่สามทราบ" ท่านหมอเข้าใจในคำขอนั้นของแม่ทัพหนุ่มเป็นอย่างดี ถึงแม้เขาจะเป็นหมอชาวบ้านทั่วไป แต่เขาก็ยึดมั่นในคุณธรรมและมีจรรยาบรรณต่ออาชีพของตน
ด้วยเหตุนี้แล้ว ในร่างกายของฟ่งหลันหลั่นจึงมีทั้งพิษเก่าและพิษใหม่จำเป็นต้องพักอยู่ในจวนแม่ทัพแห่งนี้
หลังจากที่ท่านหมอกลับไป แม่ทัพหนุ่มยังคงนั่งครุ่นคิดอยู่ตามลำพังในห้องทำงานของเขาต่ออีกครู่ใหญ่ หลายคำถามมากมายหลั่งไหลเข้ามาในหัวไม่ขาดสาย สายตาเหม่อมองล่องลอยออกไปยังเบื้องหน้า
"เจ้าเป็นใครกันแน่ฟ่งหลันหลั่น ข้าจะจัดการกับเจ้าต่อไปยังไงดี..."
....
เซียงไค 盛開