ตอนที่ 1161 ความเชื่อใจของมังกรมาร (สอง)
“หุบเหวนิรันดร์… จะถูกทำลายในวันนี้งั้นหรือ” กู่ฉิงซานทวนซ้ำ
“ใช่” มังกรมารตอบ
กู่ฉิงซานมองมันโดยไม่กล่าวสักคำ
ดวงตาของมังกรมารเผยความอาลัยอาวรณ์ก่อนกล่าวว่า “ข้าเกิดในกลุ่มวิญญาณชั่วร้ายมาก่อน เคยถูกเรียกว่าอัจฉริยะไร้ใครเทียบตอนที่ยังเป็นหนุ่ม ข้าดิ้นรนมาตลอดหลายร้อยปี บางคนถึงขั้นบอกว่าในอีกหนึ่งพันปีต่อมา ข้าจะได้กลายเป็นปรมาจารย์ภูตผีตนที่สี่”
“นี่คือวิธีจัดการกับปัญหาของข้า”
“ในตอนนั้น ปรมาจารย์ภูตผีเข้าหาข้าแล้วบอกว่าตราบที่ข้าทำหน้าที่ลุล่วง เขาจะตบรางวัลเป็นทรัพยากรจำนวนนับไม่ถ้วนและพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยข้าพัฒนารากฐานการฝึกฝนจนทำให้ความฝันกลายเป็นความจริงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น” กู่ฉิงซานถาม
มังกรมารก้มศีรษะ ยิ้มหยันที่มุมปากแล้วตอบว่า “หลังจากนั้น…ข้ารับคำสั่งเพื่อทำภารกิจก่อนมาอยู่ในร่างของมังกรมาร ทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณเพื่อความอยู่รอดก่อนขับไล่พวกมันออกไป จากนั้นก็ต่อสู้กับเจ้าเพื่อดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพจนกระทั่งถึงทุกวันนี้”
“ข้าผ่านช่วงเวลาโดดเดี่ยวมายาวนาน ในที่สุดก็รอจนกระทั่งโลกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสู่กระแสวังวนความว่างเปล่า แต่ข้าถูกฝังแมลงเอาไว้ในทันทีก่อนตายด้วยมือของเจ้า”
“ในที่สุดข้าก็เข้าใจ”
“ในฐานะอัจฉริยะระดับแนวหน้าของวิญญาณชั่วร้าย คุณค่าสุดท้ายของข้าคือทำลายศัตรูเพื่อบุตรของปรมาจารย์ภูตผีด้วยร่างกายและวิญญาณ”
น้ำเสียงของมังกรมารเย็นชาและโหดเหี้ยมราวกับกำลังพูดถึงสิ่งที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับตัวเอง
กู่ฉิงซานถอนหายใจจนอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้
ในด้านพรสวรรค์และความสามารถ มังกรมารนับว่าไม่เลว แต่ชีวิตของมันช่างน่าเวทนา
กู่ฉิงซานไม่สามารถหาคำพูดมาปลอบได้
มังกรมารมองกู่ฉิงซานแล้วกระซิบว่า “ทุกสิ่งที่ชางอู๋จางมีคือสิ่งที่ดีที่สุด รวมถึงมังกรฟ้ากับหน้าคำสาปของเขา เดิมที ตัดสินจากพละกำลังของเขาแล้ว เขาไม่มีคุณสมบัติจะเข้ามาพัวพันได้ ไม่มีค่าถึงขั้นจะได้ฉายา ‘เจตจำนงภูตผี’ ด้วยซ้ำ”
“กู่ฉิงซาน เหลือเชื่อมากที่เจ้าสามารถจัดการเขาได้ในครั้งแรก แต่เจ้าภาวนาไว้ดีกว่าอย่าได้เจอกันอีกในอนาคต”
“หรือว่าจะต้องเผชิญหน้ากับตาเฒ่านั่นอีก” กู่ฉิงซานถามพลางหรี่ตา
“ไม่จำเป็นที่เจ้าต้องเผชิญหน้ากับเขา แต่เขาจะต้องใช้พลังที่เจ้าไม่สามารถขัดขืนได้เพื่อมาฆ่าเจ้าในพริบตาเดียวอย่างแน่นอน” มังกรมารตอบ
มังกรมารจ้องกู่ฉิงซานสักพักแล้วกล่าวว่า “หลังจากเจ้าดูดกลืนพลังของข้าไป เจ้าจะมีพลังของมังกรสามตนซึ่งใกล้เคียงกับเจตจำนงภูตผีที่แท้จริง”
“แต่เจ้าต้องจำไว้ว่าในโลกของวิญญาณชั่วร้าย มีวีรชนภูตผีหลายสิบตนที่นำทหารมา ใครก็ตามที่มาพร้อมกับกองทัพจะพบเพียงความตายจากการต่อสู้”
ขณะพูด ร่างของมังกรมารค่อย ๆ ผอมลง
มังกรมารและกู่ฉิงซานมองหน้ากัน
“เวลาของข้ากำลังจะหมดแล้ว ข้าต้องหาร่างเดี๋ยวนี้”
มังกรมารกล่าว ยกศีรษะขึ้นแล้วดึงผนึกแปลก ๆ ออกมา
“ขอยืมพลังวิญญาณส่วนหนึ่งสิ ข้าต้องใช้วิชา”
กู่ฉิงซานไม่กลัวอีกฝ่ายจะสร้างปัญหา เขาขยับความคิดเพื่อมอบพลังวิญญาณให้ส่วนหนึ่ง
มังกรมารได้รับพลังวิญญาณมา ผนึกในมือของมันเสร็จสมบูรณ์ทันที
คลื่นที่มองไม่เห็นหายไปจากมือของมัน
กู่ฉิงซานสัมผัสได้ไม่มากนักในตอนแรก แต่เมื่อเวลาผ่านไปใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป
เขาเอื้อมมือไปหยิบสามเหรียญออกมา
เขาเห็นว่าสามเหรียญแตกสลายอย่างรวดเร็วก่อนกลายเป็นกรวดละเอียดแล้วกระจายออกจากมือของมัน
“เจ้าทำลายสามเหรียญของข้างั้นหรือ” กู่ฉิงซานถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
มังกรมารโบกมือ
สามเหรียญที่เหลือพลันพุ่งออกจากวิญญาณก่อนตกลงตรงหน้ากู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานเอื้อมมือไปรับเหรียญ
สามเหรียญเหล่านี้แตกต่างจากที่เขาเคยได้รับมาก่อนหน้านี้
พวกมันอยู่ในมือของกู่ฉิงซาน พวกมันส่งเสียงฮัมแผ่วเบาให้กับมังกรมารราวกับจะกล่าวลา
เหรียญมีวิญญาณ!
แถวหิ่งห้อยผุดขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“เหรียญมิติและเวลา”
“คำอธิบาย ท่านได้รู้พลังที่มันครอบครองแล้ว แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันมาจากที่ไหน”
“คำอธิบาย นี่คือเหรียญมิติและเวลาที่แท้จริง ในวังวนความว่างเปล่า มีเพียงสามสิ่งนี้ที่เป็นของจริง!”
กู่ฉิงซานมองเหรียญ จากนั้นมองมังกรมารก่อนจะเข้าใจบางสิ่งช้า ๆ
มังกรมารมองสามเหรียญแล้วกล่าวอย่างเหนื่อยล้าว่า “ในความว่างเปล่า มีสมบัติน่าเหลือเชื่อห้าอย่าง”
“หนังสือแห่งโชคชะตาของโลกภายใน ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพในหุบเหวนิรันดร์ เหรียญมิติและเวลาที่ไม่ทราบจุดกำเนิดคือหนึ่งในนั้น”
“เหรียญมิติและเวลาได้รับมาจากนักผจญภัยของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณหลังจากมาถึงวังวนความว่างเปล่า”
“ในยุคโบราณ มนุษย์โบราณใช้พลังของเหรียญเหล่านี้เป็นจำนวนมาก แต่พวกเขาไม่รู้ว่าของจริงนั้นมันได้อยู่ในมือของข้า ของปลอมเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมาก่อนจะถูกนำไปเปิดเผยกับพวกเขาในที่ลับ”
“เหรียญปลอมจะพังทลายสิ้นหลังจากใช้ไปได้ไม่กี่ครั้ง”
กู่ฉิงซานถามว่า “ไม่ว่าใครที่ใช้เหรียญเหล่านั้นจะถูกทิ้งไว้ในยุคสมัยหนึ่งใช่หรือเปล่า”
“ไม่ พวกเขาจะดึงดูดความสนใจของสัตว์ประหลาดก่อนถูกกลืนกินขณะผ่านแม่น้ำแห่งกาลเวลาสายยาว”
“ข้าใช้งานวิชาลับเมื่อครู่เพื่อทำลายเหรียญเหล่านั้นทั้งหมดแล้ว”
“ในบรรดาโลกทั้งหมด มีเพียงสามเหรียญในมือของเจ้าเท่านั้นที่เป็นของจริง ข้าตายแล้วข้าไม่สามารถเอาพวกมันไปได้ ดังนั้นข้ามอบให้เจ้าดีกว่า”
ร่างของมังกรมารค่อย ๆ หายไปก่อนลอยไปในความว่างเปล่า
“จำไว้”
มันกล่าวทิ้งท้าย
“ข้าไม่อยากช่วยเจ้าหรอกนะ กู่ฉิงซาน ข้าแค่หวังว่าเจ้าจะจะนำความเกลียดชังของข้าไปฆ่าปรมาจารย์ภูตผีที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนั่น”
“ถึงแม้นี่จะเป็นไปไม่ได้ แต่นี่คือการปฏิเสธชะตากรรมในอดีตของข้า”
“มันคือสิ่งที่เจ้าต้องจ่ายหลังจากรับสามเหรียญมิติและเวลาไปจากข้านั่นแหละ”
“เรื่องนี้ฝากเจ้าด้วยล่ะ”
เสียงจางหาย
ร่างของมังกรมารกำลังจะจากไปแล้ว
“ช้าก่อน!” กู่ฉิงซานรีบกล่าว
“เจ้าได้รับเหรียญมิติและเวลาทั้งหมดมาแล้ว ยังต้องการอะไรจากข้าอีก” มังกรมารถามกลับ
“เจ้าสามารถอยู่ในทะเลแห่งความตระหนักรู้ของข้าได้นะ พอข้ากลับถึงโลกดั้งเดิมแล้ว ข้าจะช่วยเจ้ากลับชาติมาเกิดเพื่อให้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
กู่ฉิงซานเสริมว่า “ข้าได้รวบรวมทรัพยากรวิญญาณทั้งหมดให้เจ้าแล้ว อย่าห่วงไปเลย ข้าแตกต่างจากปรมาจารย์ภูตผี ข้าทำอย่างที่พูด”
มังกรมารกล่าวว่า “ถึงการกลับชาติมาเกิดจะทำให้ลืมอดีต แต่ข้าจะไม่มีวันลืมอดีต ข้าจะไม่มีวันเป็นคนโง่ที่มีพรสวรรค์แต่ถูกหลอกและเอารัดเอาเปรียบ”
หลังจากขยับ มันออกจากทะเลแห่งความตระหนักรู้ของกู่ฉิงซาน
แมวสีส้มลืมตาอันคมปลาบขึ้นขณะมองร่างวิญญาณโปร่งแสงก้าวข้ามท้องนภาก่อนพุ่งออกไปไกล
แมวสีส้มปลดปล่อยจิตเทพขณะตามรอยการเคลื่อนไหวของร่างวิญญาณ เขาตรวจสอบไกลออกไปหลายหมื่นไมล์เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของโลก
ไม่ช้า แมวสีส้มเกิดความประทับใจในโลกนี้ขึ้นมา
นี่คือโลกเทคโนโลยีล้าหลัง
สิ่งที่เรียกว่าจักรกลยังอยู่ในช่วงวิจัยเบื้องต้นเท่านั้น
ผู้คนกระตือรือร้นที่จะใช้โทรศัพท์มือถือ
เพราะตัวตนของอาวุธนิวเคลียร์ สงครามส่วนใหญ่จึงกระจายตามท้องถิ่น เป็นไปตามวิถีธรรมชาติ
มลพิษทางอากาศกลายเป็นเรื่องร้ายแรง
พลังงานสะอาดยังไม่คืบหน้า
โดยรวมแล้วโลกยังอยู่ในช่วงกำลังเจริญรุ่งเรืองและพัฒนา
คาดไม่ถึง…มังกรมารกำลังจะถือกำเนิดในโลกใบนี้
แมวสีส้มกำลังคิดก่อนจะเห็นวิญญาณมังกรมารอยู่บนถนนขณะลอยไปมา
บนฝั่งหนึ่งของถนน มีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ผู้หญิงคนหนึ่งในโรงพยาบาลกำลังให้กำเนิด
ครอบครัวของนางยืนล้อมเป็นกลุ่มขณะรออยู่นอกห้องผ่าตัดด้วยความวิตก
มังกรมารยืนนิ่งในความว่างเปล่านอกหน้าต่างอยู่สักพัก
แมวสีส้มมาเช่นกันขณะนั่งยองอยู่บนตึกสูงเพื่อมองฉากนี้เงียบ ๆ
มังกรมารลังเลสักพัก จากนั้นพลันหันหลังแล้วจากไป
มันข้ามโรงพยาบาลก่อนมาอยู่อีกฝั่งของถนน
สลัม
มันบินไปที่ตรอกสกปรกไกลออกไปก่อนหยุดอยู่ที่ตรอกชั้นในสุด
ข้างกองขยะ เด็กอายุห้าถึงหกขวบกองอยู่บนพื้น ร่างของเขาเย็นเยียบ
แม้จะใกล้ตาย เขายังคงคุ้ยขยะ
ดูท่าเด็กคนนี้อาจจะอดตายหรือไม่ก็กินอาหารไม่ถูกสุขลักษณะจนตายเพราะป่วย
มังกรมารมองเด็ก
เท้าหลายคู่เดินผ่านเด็กไป
ผ่านไปพักใหญ่
ไม่มีใครเข้ามาเก็บศพเด็กคนนี้
ยังไงเสีย นี่คือสลัม เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก
อาจจะมีใครบางคนมาเพื่อจัดการกับศพเมื่อราตรีมาเยือนพร้อมกับแสงที่สาดส่อง
ผ่านไปสักพัก มังกรมารไม่ลังเลอีกต่อไปก่อนจะดิ่งวิญญาณลงไป
เด็กลืมตาขึ้นช้า ๆ
เขากองอยู่บนพื้นขณะไออย่างรุนแรง
ผ่านไปสักพัก เด็กหยุดไอก่อนยืนขึ้นอย่างยากลำบาก
“เหอะ ช่างเป็นร่างที่เปราะบางอะไรอย่างนี้…”
เด็กเย้ยหยันด้วยคำพูดคำจาที่ดูไม่สมวัยก่อนยืนขึ้นอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
บนท้องนภา หิมะตกลงมา
สายลมขมขื่นยังคงพัดพา
จำนวนคนในตรอกค่อย ๆ เพิ่มขึ้น เพราะเริ่มมืด แม้กระทั่งคนจนก็ยังมีรังที่ให้สามารถกลับไปได้
“เหอะ เด็กเปี๊ยกอย่างเจ้าไม่มีใครต้องการหรอก คิดว่าเมื่อกี้ตายไปแล้วซะอีก”
จากนั้นก็ถ่มน้ำลายใส่ร่าง
คนที่เดินผ่านที่นี่สบถอย่างไม่ใส่ใจก่อนจากไป
เด็กหยุดนิ่ง
เขาไม่มีอารมณ์ ในแววตาเผยความรู้สึกเฉยชาออกมา
สิ่งที่หนักหนากว่านี้หลายร้อยเท่าก็ผ่านพ้นมาแล้ว ดังนั้นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่สามารถทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจได้แม้แต่นิดเดียว
ไม่ช้า เขาไม่สามารถเดินได้
หลังจากคิดสักพัก เขาเอนร่างกายกับกำแพงก่อนขยับไปข้างหน้าช้า ๆ
ก่อนจะมืดไปกว่านี้ เขาต้องหาสถานที่อบอุ่น ไม่อย่างนั้นวันนี้ลำบากมากแน่ ๆ
ต้องมีชีวิตรอด
นี่คือบทเรียนแรกของชีวิตใหม่ของเขา
ยอดตึกสูง
แมวสีส้มมองฉากนี้เงียบ ๆ
“นายท่าน ดูสิ เขาพยายามมากจริง ๆ ”
“เขาอาจจะไม่มีสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว ยังไงเสีย เขาก็อยู่อย่างโดดเดี่ยวมานาน”
“แสดงว่าเขาพบร่างแล้วหรือ”
“…อืม…เพราะเป็นสายลับมานาน ข้าว่าคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะเชื่อใจใครได้น่ะ…”
…
เด็กนั่งลงอยู่ที่มุมหนึ่งของตรอก
เขาพบผลิตภัณฑ์พลาสติกขนาดใหญ่ อย่างน้อยก็เอามากันลมหนาวในวันนี้ได้
ตอนนี้เขาเพียงหวังว่าหิมะในคืนนี้จะไม่ตกหนักจนเกินไป ไม่อย่างนั้นเป็นปัญหามากแน่ ๆ
เด็กพิงกับกำแพง นั่งเงียบ ๆ เตรียมเอาชีวิตในคืนอันหนาวเหน็บ
วิชานับไม่ถ้วนที่เคยฝึกฝนในอดีตก่อเกิดขึ้นในจิตใจ
น่าเสียดาย ร่างนี้อ่อนแอเกินไป แถมยังป่วยอีก ส่งผลให้ทำอะไรมากไม่ได้
ถ้าสามารถหาอาหารได้สักหน่อย…
สายลมเย็นเยือกพัดหวีดหวิว
เด็กก้มศีรษะแล้วขดตัว
ทันใดนั้น
เขาเห็นเงาขนาดเล็ก
นั่นคือแมวสีส้ม
แมวสีส้มมาหาเขาพร้อมตะกร้าที่อยู่ในปาก
ในตะกร้ามีขวดนมอุ่นกับขนมปังสองสามแผ่น
แมวสีส้มวางตะกร้าก่อนร้อง “เหมียว” แล้วหมอบตัวนิ่ง
เด็กมองแมวสีส้มด้วยสายตาเฉยชา
แมวสีส้มจ้องเด็กก่อนดันตะกร้าด้วยอุ้งเท้า
ผ่านไปสักพัก
ในที่สุดเด็กเอื้อมมือไปหยิบนม
“เหอะ ยุ่งไม่เข้าเรื่องน่า”
เขากล่าวอย่างไม่พอใจก่อนหันศีรษะหนีไป
..............................