ตอนที่ 1114 ความจริงที่ซ่อนเร้น
“วิชานี้สามารถอยู่ได้สามสิบวินาที พวกเราต้องรีบคุยแล้ว”
ทันทีที่เสียงของกู่ฉิงซานหายไป มีการเคลื่อนไหวจากข้างนอก
ทั้งไกลและใกล้ เสียงเคลื่อนไหวดังอึกทึก
“จุดผันผวนของวิชาอยู่ตรงนี้!” ใครบางคนตะโกนเสียงดัง
ความผันผวนพลังอันแก่กล้าจำนวนมากกระแทกกับลานบ้านขนาดเล็กราวพายุ
ผู้หญิงชุดดำเผยสีหน้าซับซ้อนราวกับกำลังตัดสินใจทางเลือกบางอย่าง
“แต่ข้าไม่รู้ว่าจะบอกเจ้ายังไงน่ะ”
นางส่ายหน้าขณะกล่าว
ตอนนี้ คนอื่น ๆ ย่อมเข้าใจว่าอีกฝ่ายจะมองสามสิบวินาทีเป็นเวลาที่สั้นเกินไปจนไม่สามารถอธิบายได้
แต่กู่ฉิงซานผ่านสถานการณ์มามากมายและได้พบกับผู้คนนับไม่ถ้วนมาตลอดชั่วชีวิต แค่ฟังจากน้ำเสียงก็สังเกตเห็นถึงความหมายบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในคำพูด
ตอนนี้ เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างห่างเหินนัก
ถึงแม้จะยังยืนอยู่ข้างหน้า แต่อีกฝ่ายกลับหลบเลี่ยง
…อีกฝ่ายคล้ายกับมีความต่อต้านและความลังเลอยู่บ้าง
อะไรที่เปลี่ยนท่าทีของพวกนาง
ในกรณีแบบนี้ แสดงว่าต้องมีบางสิ่งที่เป็นอันตรายต่อพวกนาง
ความคิดของกู่ฉิงซานพลันคมปลาบ เขากล่าวทันทีว่า “ก่อนจะตัดสินใจช่วยข้า ตอนนี้ พวกเจ้าควรยึดมั่นการตัดสินใจของตัวเองให้หนักแน่น”
สองสาวมองเขา
กู่ฉิงซานเน้นเสียงขณะกล่าวว่า “พวกเจ้ามีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติกับข้าในฐานะคนของพวกเจ้า ข้าจะไม่ทำให้สหายที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ผิดหวัง”
ผู้หญิงชุดดำมองเขาแล้วไม่กล่าวอะไร
กู่ฉิงซานรอสักพัก
เวลาพลันยาวนานยิ่ง แต่มันเต็มไปด้วยอันตราย
เสียงอึกทึกด้านนอกยิ่งมากยิ่งดัง
ความผันผวนของพลังอันโอ่อ่าจำนวนมากค่อย ๆ เข้าใกล้
“ฟิ่ว…”
ความผันผวนของวิชาค่อย ๆ สิ้นสุดลง
ผู้หญิงชุดขาวกล่าวอย่างวิตกว่า “พี่สาว ตัดสินใจที!”
“ข้ากำลังจะไปแล้ว เกรงว่าเป็นการยากที่จะได้พบกันอีกในอนาคต ให้โอกาสข้าได้ช่วยพวกเจ้าเถอะ!” กู่ฉิงซานกล่าว
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ผู้หญิงชุดดำพลันกล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “ให้ตายเถอะ ช่วงนี้หญิงแก่อย่างข้าโชคไม่ดีเลย แต่วันนี้ข้าชักอยากจะลองเดิมพันดูสักหน่อย!”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา กู่ฉิงซานรู้สึกว่านางกลับมาจากสถานที่อันไกลลิบอีกครั้ง ไม่ได้ดูคลุมเครือจนคาดเดาไม่ได้อีกต่อไป
ผู้หญิงชุดดำหยิบแผ่นหยกออกมาก่อนร่ายวิชาลงไปอย่างรวดเร็ว
“เวลากระชั้นนัก ข้ามีเวลาบอกเจ้าเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้น” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมยิ่ง “ข้าจะเริ่มพูดแล้ว เจ้าจะมองแผ่นหยกนี้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง ทันทีที่มอง เจ้าจะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายใจเหมือนวันก่อน ๆ ได้อีกต่อไป เจ้าจะตกอยู่ในความลังเลและความสิ้นหวัง”
ทันทีที่สิ้นเสียง ผู้หญิงชุดดำส่งแผ่นหยกให้เขา จากนั้นฟาดใส่
กู่ฉิงซานพลันตกลงมานั่งอยู่บนพื้นของยานอวกาศ
ภาพมายาของยมโลกหายไปแล้ว
อีกฝ่ายผลักเขาออกมาจากเศษเสี้ยวยมโลก…หรือไม่ก็ระยะเวลาของวิชาใกล้สิ้นสุดลง
แต่เขากลับมาแล้ว
ไฟอ่อน ๆ บนยานอวกาศสาดส่องมายังห้องพัก
กู่ฉิงซานไม่ขยับ
เขานิ่งสักพักขณะอ่านทุกสิ่งที่อีกฝ่ายพูดซ้ำในใจหลายครั้ง
เขาไม่ได้ยืนขึ้นจนกระทั่งเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายอย่างถ่องแท้
เขาหันศีรษะจนเห็นว่าร่างกายยังนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังกว้าง ดวงตาหลับอยู่ สีหน้าสงบ
รอบข้างเงียบสงัด
มีเสียงลมพัดมาจากนอกยานอวกาศ
นั่นคือกระแสวังวนความว่างเปล่าที่ไม่เคยหยุดพัด
กู่ฉิงซานมองแผ่นหยกในมือ
…นี่คือแผ่นหยกที่แผ่คลื่นวิชาการทำลายล้างออกมา
กู่ฉิงซานเคยเห็นแผ่นหยกแบบนี้มาก่อน
แผ่นหยกนี้จะถูกทำลายเมื่อมองเพียงแค่ครั้งเดียว
มันเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ
ในช่วงเวลาที่จำกัด ข้อมูลแบบไหนที่ผู้หญิงชุดดำป้อนเข้ามา
ถึงแม้จะยังไม่ได้เปิดดู แต่กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงความจริงที่แปลกประหลาดยากจะอธิบาย
ความจริงเหมือนกับอสรพิษที่ซ่อนอยู่ในความมืด ทำเอาผู้คนรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา
กู่ฉิงซานถอนหายใจขณะกลับเข้าร่าง
ดวงตาลืมขึ้น
ของยังอยู่ในมือ
จะดูดีหรือไม่
กู่ฉิงซานนึกถึงคำพูดของอีกฝ่ายอีกครั้ง “เจ้าจะมองแผ่นหยกนี้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง ทันทีที่มอง เจ้าจะไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสบายใจเหมือนวันก่อน ๆ ได้อีกต่อไป เจ้าจะตกอยู่ในความลังเลและความสิ้นหวัง”
ใช้ชีวิตอย่างสบายใจเหมือนวันก่อน ๆ
กู่ฉิงซานส่ายหน้าก่อนถอนหายใจ
เกิดในยุคที่มีการทำลายอาณาจักรอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ใครล่ะจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสบายใจได้
เว้นแต่ยักษ์แห่งการเริ่มต้นที่ซ่อนอยู่ในหมู่เมฆตลอดกาล
แต่การใช้ชีวิตในหมู่เมฆเป็นเวลาหลายร้อยล้านปีถึงกับต้องการความกล้าและความเพียรที่คนธรรมดาไม่มี ไม่อย่างนั้นคงมีสติแตกก่อนแน่ ๆ
กู่ฉิงซานลูบแผ่นหยกในมือ
เขาค้นหาสักพักก่อนถ่ายพลังวิญญาณลงไป
แผ่นหยกแผ่ลำแสงวิญญาณออกมา รวมตัวเป็นกลุ่มก้อน ลอยขึ้นจากมือช้า ๆ คลี่ออกในอากาศบางจนกลายเป็นภาพภาพหนึ่ง
แสงและเงาลอยอยู่
ภายใต้ท้องนภาหมองหม่น ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์หลายพันคนคุกเข่าลงกับพื้น มือถูกมัดเอาไว้ ไม่สามารถขยับได้
“ประหาร!” ใครบางคนตะโกนเสียงดัง
ผู้คนนับพันคอตก
รอบซากศพเหล่านี้คือทะเลทรายขนาดใหญ่ที่ไกลสุดสายตา
ในทะเลทรายที่เดิมเคยว่างเปล่า มีกองซากศพผู้ฝึกยุทธ์มากมาย
ผู้ชายสวมหน้ากากผีเคลื่อนลงมาจากท้องนภาแล้วถามว่า “ตายหรือยัง”
“รายงานนายท่าน กลุ่มสุดท้ายเพิ่งถูกฆ่าไปเมื่อครู่ เชิญตรวจสอบ”
“อืม ขอข้าดูหน่อย”
ผู้ชายเคลื่อนลงมายังทะเลทรายช้า ๆ
เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่ง เขานิ่งไปขณะหยิบศีรษะจากพื้นเพื่อมองอย่างละเอียด
“ศิษย์น้อง เจ้าโง่เขลาเกินไป”
เขากล่าวกับศีรษะ
“แต่ตอนนี้พวกเจ้าตายหมดแล้ว ไม่มีใครมาต่อต้านความคิดของพวกข้าอีก”
“พวกข้าจะกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายเพื่ออยู่รอดจนถึงวันสุดท้าย พิชิตวิถีวิญญาณชั่วร้าย รวมถึงหวนคืนชาติภพหกวิถีเพื่อกลายเป็นผู้ปกครองทุกภพ!”
หลังจากพูดจบ เขาโยนศีรษะลงกับพื้นก่อนเดินจากไป
…
แสงและเงาหายไปก่อนรวมตัวอีกครั้ง
ภาพเปลี่ยนไป
เขาเห็นเงาสีดำลอยอยู่ในอากาศ
รอบข้างเขา ผู้คนนับสวมหน้ากากผีไม่ถ้วนกำลังร่ายวิชาคนแล้วคนเล่า
ใครบางคนกล่าวว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณสร้างสิ่งประดิษฐ์วิญญาณทรงพลังไว้ข้างหุบเหวนิรันดร์ มันมีชื่อว่ามังกรมารหลับใหล พวกเราจะสร้างโอกาสเพื่อให้เจ้าไปเกิดในสิ่งประดิษฐ์วิญญาณนั่น”
“ขอรับ” วิญญาณสีดำตอบ
“จำเอาไว้ นับจากนี้ไป เจ้าคือมังกรมาร ต้องทำลายความพยายามของพวกมันแล้วนำเทพอย่างพวกเราไปสู่โลกที่พวกมันสร้างแล้วขับไล่ออกไป!”
“อย่ากังวลไปเลย นายท่าน ข้าจะต้องทำหน้าที่ให้ลุล่วงได้อย่างแน่นอน” วิญญาณสีดำกล่าว
…
ฉากเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ผู้ชายสวมหน้ากากผีปรากฏตัวขึ้น
เขากำลังสนทนากับสหายนับไม่ถ้วนที่สวมหน้ากากเช่นกัน
“พวกเราจะทำลายโลกคู่ขนานเก้าร้อยแปดใบ ใช้พลังนี้เพื่อทำลายกฎแห่งความว่างเปล่าก่อนเคลื่อนลงไปในหุบเหวนิรันดร์”
“นี่จะทำให้เกิดการกัดกร่อนของโชคชะตาที่สุดจะคาดเดาเพื่อเล่นงานหุบเหวนิรันดร์จนสาหัสหรืออาจถึงขั้นถูกทำลายจนช่วยให้พวกเราได้รับชัยชนะ”
ภาพเริ่มไม่มั่นคง
เสียงของผู้ชายยิ่งมากยิ่งกระตือรือร้น
“เหมือนกับหกชิ้นส่วนที่พวกเราพิชิตกับโลกคู่ขนานอีกมากมาย หุบเหวนิรันดร์และโลกเก้าร้อยล้านชั้นจะกลายเป็นข้ารับใช้ของพวกเรา”
“สิ่งมีชีวิตอย่างพวกมันจะกลายเป็นทาสของพวกเรายามที่มีชีวิต หลังจากตายไปแล้ว ร่างจะกลายเป็นอาหารสด ๆ แล้ววิญญาณจะกลับมาเกิดเป็นทาสอีกครั้ง”
“ตอนนี้ ทำให้สงครามก่อเกิดในวังวนความว่างเปล่าเถอะ!”
ทุกคนตอบรับอย่างกระตือรือร้นว่า “สงคราม!”
ฉากสิ้นสุดลง
เปรี้ยะ…
หยกถูกบดขยี้
ผู้หญิงชุดดำใช้เวลาเพียงสิบอึดใจเพื่อใส่สามภาพเข้าไปในแผ่นหยก
กู่ฉิงซานเงียบ ไม่พูดอะไรสักพักใหญ่
ยานอวกาศกลับสู่ความเงียบ
เวลาผ่านไป
ในที่สุดเสียงของกู่ฉิงซานก็ดังขึ้น
“ข้าคิดว่าจะเป็นแค่ฉากเล็ก ๆ แต่กลับเป็นโลกของวิญญาณชั่วร้ายที่แม้แต่ยมโลกกับโลกอื่น ๆ ต้องเชื่อฟัง...”
เขาพลันหยิบแหวนออกมา
…นี่คือแหวนหุบเหวที่เหล่าต้ามอบให้
กู่ฉิงซานเริ่มใช้งานแหวนวงนี้ขณะส่งข้อมูลไปให้หุบเหวนิรันดร์
..............................