ตอนที่ 953 รากเหง้าแห่งความโกลาหล
เมื่อเด็กผู้ชายกรีดร้อง กู่ฉิงซานเพียงกล่าวสองคำออกมา
“ทำต่อ”
ฉานนู่รู้งาน
แสงอสนีบาตสีน้ำเงินเข้มพุ่งออกมาจากร่างนางก่อนจมเข้าสู่เด็กผู้ชายอีกครั้ง
พลังเหนือธรรมชาติอสนีบาต “สะเทือนฝัน”
ร่างของเด็กผู้ชายพลันกระตุก
การเตรียมการที่เขาทำขณะกรีดร้องหายไปสิ้นเช่นกัน
กู่ฉิงซานก้าวมาข้างหน้า ย่อตัวลง สบตากับเด็กผู้ชาย
“ความโกลาหลมาจากไหน”
เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เด็กผู้ชายอยู่ในภวังค์ก่อนจมสู่ความทรงจำอีกครั้ง
เมื่อเด็กผู้ชายจะอ้าปากพูดบางอย่าง กู่ฉิงซานใช้วิชาโลกอีกครั้ง
ค่ายชั่วคราวทั้งหมดถูกกวาดล้าง โลกกลับมาว่างเปล่า
จากนั้น องค์ประกอบโลกเก่าปรากฏขึ้นรอบกู่ฉิงซาน
ตกค่ำ
ที่นอกเมือง
ไม่มีใครอยู่รอบข้าง เด็กผู้ชายกำลังนั่งอยู่ข้างทะเลสาบ ในถังเต็มไปด้วยปลาที่จับมาได้
เขาหยิบคันเบ็ดและนั่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ด้วยความงุนงง
ดูเหมือนเขาจะหมกมุ่นกับบางสิ่ง
กู่ฉิงซานก้าวมาข้างหน้าก่อนมายืนข้างเด็กผู้ชาย
เกิดอะไรขึ้น
กู่ฉิงซานคิด
เด็กผู้ชายลังเลสักพัก หยิบปลาออกจากถังไม้ข้างเขาก่อนตัดหัวปลาด้วยกริชทันที
“สังเวย”
เขาพูดคำนั้นออกมา
ทันใดนั้น เสียงกระซิบของชายหญิงนับไม่ถ้วนดังขึ้นรอบเด็กผู้ชายเป็นระยะ
“ใกล้จะเริ่มแล้ว…”
“ต้องการความตายมากกว่านี้…”
“พลัง…”
“รอให้เจ้าเติบโต…”
“เวลา…”
ตอนนี้ กู่ฉิงซานพลันพบว่าวิชาโลกของเขาพัฒนาขึ้น
เพราะเขาสามารถได้ยินเสียงที่เด็กได้ยินแล้ว
ในวิชาโลกนี้ กู่ฉิงซานเริ่มสัมผัสทุกสิ่งได้เหมือนกับคู่กรณี
กู่ฉิงซานตั้งใจฟังเสียงกระซิบเหล่านั้น ใบหน้าของเขาค่อยๆ จริงจัง
สิ่งนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ดูท่าว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่อุบัติเหตุ มันเหมือนกับสิ่งที่ถูกกำหนดไว้เมื่อนานมาแล้ว
เมื่อเด็กผู้ชายฟังคำพูดเหล่านั้น สีหน้าสับสนปรากฏขึ้นมา
แต่เสียงทั้งหมดค่อยๆ หายไป
เด็กผู้ชายเงยหน้าขึ้น
เขาจับปลาจากถังมาสองสามตัวอีกครั้ง สังหารพวกมันทั้งหมดในอึดใจเดียวก่อนโยนลงไปในน้ำ
น้ำโลหิตถูกเติมเต็มในทะเลสาบ สะท้อนใบหน้าสับสนและถวิลหาของเด็กผู้ชาย
เขาถามว่า “ทำไมข้าถึงได้ยินเสียงที่คนอื่นไม่ได้ยินหลังจากลงมือฆ่ากันนะ แถมตอนนี้มันชัดขึ้นเรื่อยๆ ด้วย”
เสียงกระซิบนับไม่ถ้วนดังขึ้นอีกครั้งขณะห้อมล้อมเขาเอาไว้
“ความตาย…”
“แหล่งกำเนิดชีวิต…”
“วิญญาณ…”
“เจ้าต้อง…”
“ฆ่า…”
“ต้องใช้…”
เสียงเหล่านั้นเต็มไปด้วยความเย้ายวน แต่ไม่นานนักพวกมันก็หายไปสิ้น
เด็กผู้ชายนิ่งไปสักพัก
เขาไม่หวาดกลัวมัน กลับกัน ใบหน้าของเขาเผยความตื่นเต้นออกมา
“เยี่ยมไปเลย ข้าแตกต่างจากคนธรรมดาพวกนั้นจริงๆ ด้วย”
เขาพึมพำ สังหารปลาในถังอีกหลายสิบตัวก่อนเทถังโลหิตลงในทะเลสาบ
ตอนนี้ แสงระยิบระยับยามเย็นหายไป ความมืดปกคลุมปฐพี โลหิตในทะเลสาบค่อยๆ จมดิ่ง เด็กผู้ชายไม่เห็นเงาสะท้อนของตัวเองอีกต่อไป
เขาถามว่า “ข้าเป็นใครกัน”
เสียงเหล่านั้นปรากฏขึ้นอีกครั้ง
พวกมันชัดเจนและแผ่วเบามากขึ้น
“เจ้าคือ…คนพิเศษ…”
“การมาถึง…”
“อีกครั้ง…”
“ในที่สุดก็ตื่นขึ้น…”
“จ้าวแห่งการแพร่กระจาย…”
“ผู้ส่งสาร…”
“โลก…”
เด็กผู้ชายไม่สามารถหักห้ามใจเอาไว้ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาพูดเสียงดังฟังชัดมากขึ้นขณะกล่าวว่า “บอกข้ามา ข้าควรทำยังไงถึงจะรู้ทุกอย่าง!”
ในคำถามของเขา เสียงพึมพำนับพันซ้อนทับก่อนกลายเป็นเพียงเสียงเดียว
“ฆ่า”
“เพียงการฆ่าที่สามารถทำให้เจ้าเข้าใจทุกสิ่งได้”
“ผู้ส่งสารความโกลาหล!”
โลกในตอนนี้หยุดนิ่ง
สีหน้าตกตะลึงของเด็กผู้ชายแข็งทื่อ
ความทรงจำสิ้นสุดลงแล้ว
โลกทั้งใบหายไปราวกับทรายดูด
กลายเป็นความว่างเปล่า
กู่ฉิงซานพบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนค่ายชั่วคราวอีกครั้ง
“ผนึก!”
กู่ฉิงซานสั่ง
ฉานนู่ถอยออกมา อัศวินศักดิ์สิทธิ์สิบสองคนเข้ามารวมตัวก่อนเหวี่ยงโซ่แสงสว่างไปที่เด็กผู้ชาย
โซ่เหล่านี้คือเวทมนตร์พันธนาการที่แข็งแกร่งที่สุดในคริสตจักร มันสามารถจองจำคนเอาไว้ได้ชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถขยับได้
หากคนที่ถูกจองจำไม่ได้แข็งแกร่งกว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์สิบสองคนรวมกันถึงสามเท่าก็ไม่สามารถเป็นอิสระจากวิชาผนึกนี้ได้
สีหน้าของเด็กผู้ชายกลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง
เขามองโซ่บนร่างกายก่อนยิ้มเหยียดหยันออกมา
“เดิมทีข้าไม่อยากใช้ความพยายามมากจนเกินไป แต่ในเมื่อรนหาที่ตายกันนัก มันก็อีกเรื่อง”
แสงสีดำพุ่งออกจากร่างของเขาก่อนตัดโซ่ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย
อัศวินศักดิ์สิทธิ์สิบสองคนส่งเสียงฮัมเบาๆ ก่อนถอยออกมา
ทุกคนตกตะลึง
เห็นได้ชัดว่ามีอายุเพียงแค่เจ็ดถึงแปดปีเท่านั้น แล้วทำไมถึงมีพละกำลังที่เหลือเชื่อขนาดนี้ได้
เด็กผู้ชายเผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมาแล้วกล่าวด้วยความเกลียดชังว่า “เอาล่ะ เจ้าพวกคนธรรมดาแสนโง่เขลาไร้สาระ ตายเสียเถอะ”
ก่อนจะทันได้กล่าวจบ เขาพลันถูกอัศวินจับตัวไว้ ทั้งสองพลันหายไปจากทุกคน
กู่ฉิงซานสั่งทุกคนว่า “พวกเจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องเด็กผู้ชายคนนี้ให้มาก ไปตามหาเบาะแสที่ขาดหายไป ตามหาพวกเขาให้เจอ จากนั้นรายงานตำแหน่งให้ข้าทราบ”
หลังจากพูดจบ เขาหายไปจากค่ายชั่วคราวเช่นกัน
ไกลออกไปหนึ่งพันไมล์
บนภูเขาโดดเดี่ยวไกลลิบ
ร่างของกู่ฉิงซานพลันปรากฏขึ้น
เด็กผู้ชายยืนอยู่ตรงข้ามกับกู่ฉิงซาน ความเหยียดหยันและจิตสังหารบนใบหน้าหายไปนานแล้ว
เขาไม่ขยับขณะถูกดาบยาวใสที่แผ่กลิ่นอายคมปลาบจ่อไว้ที่คอ
ดาบเล่มนี้ทำให้เขารู้สึกถึงความน่าสะพรึงมาก
ด้วยพละกำลังและระดับของเขา ทำให้สามารถสัมผัสได้อย่างเต็มที่ว่าต่อหน้าดาบเล่มนี้ ทักษะการต่อสู้ วิถีลับ รวมถึงวิชาทั้งหมดที่อยู่ก้นหีบกลับเปล่าประโยชน์
นี่คือดาบที่สามารถทำลายกฎเกณฑ์ทั้งหมดได้!
ดวงตาของเด็กผู้ชายจับจ้องกู่ฉิงซาน
คนคนนี้คือผู้เชี่ยวชาญดาบ
“เจ้าเป็นตัวตนแบบไหนกัน” เด็กผู้ชายถาม
“เจ้าล่ะเป็นใคร เจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ เป้าหมายสุดท้ายคืออะไร” กู่ฉิงซานถามกลับ
เด็กผู้ชายปิดปากแน่นก่อนไม่กล่าวอะไร
ผลของ ‘ได้พบกันอีกครั้ง’ หายไปแล้ว
กู่ฉิงซานส่ายหน้า
ทุกสิ่งแตกต่างจากที่เขาคิดไว้ในตอนแรก
ตัวตนความโกลาหลคืออะไร
ตอนนี้ต้องการข้อมูลจำนวนมากแล้ว
กู่ฉิงซานคร่ำครวญสักพัก เอื้อมมือไปหยิบไก่หลากสีสันออกมาจากถุงเก็บของก่อนดึงหงอนขึ้น
ไก่หลากสีสันมีชีวิตขึ้นมา
นี่เป็นสิ่งที่ติดกับระบบข้อมูลเทพสงคราม สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเขาได้เป็นจำนวนมาก
“ว่าไง ไม่ได้เห็นหน้ากันตั้งนาน วันนี้เจ้าเกิดคิดถึงข้าขึ้นมางั้นหรือ” ไก่หลากสีสันหาวขณะถามอย่างเกียจคร้าน
“อืม มีบางสิ่งที่ข้าต้องถามหน่อยน่ะ” กู่ฉิงซานตอบ
ไก่หลากสีสันลูบหน้าด้วยปีกก่อนกล่าวอย่างเบื่อหน่ายว่า “กระแสเวลาของโลกใบนี้แตกต่างจากโลกภายนอก โลกภายนอกเพิ่งผ่านไปเพียงสั้นๆ ขณะที่ในนี้ผ่านไปเป็นทศวรรษ เจ้าจะคาดหวังข้อมูลอะไรล่ะ”
หงอนมันห้อยอยู่บนหัว ดูเหมือนจะไม่มีพลังงานมาทำให้มันตั้งขึ้นได้
“ครั้งนี้ต่างออกไป ครั้งนี้ข้าต้องการเกี่ยวกับข้อมูลของโลกใบนี้” กู่ฉิงซานตอบ
“เหอะๆ” ไก่หลากสีสันหัวเราะ “ข้อมูลแบบไหนกันที่จะหาได้ในโลกใบนี้ ยังอยากให้ข้าบอกข้อมูลว่ามีนักบวชหญิงระดับสูงกี่คนในสำนักวาติกันที่อยากลอบเข้าสวนของเจ้าเหมือนคราวที่แล้วหรือไง”
ไก่สยายปีกแล้วกล่าวอย่างเบื่อหน่ายว่า “ช่างเถอะ พอเจ้ากลับสู่โลกปกติแล้ว ไว้ค่อยคุยเรื่องข้อมูลก็แล้วกัน ตอนนี้ข้าขอกลับไปนอนล่ะ”
กู่ฉิงซานมองมันด้วยสีหน้าที่ขาดพลังงานก่อนครุ่นคิดอย่างเงียบงัน
เขาเปลี่ยนใจก่อนพลันกล่าวว่า “ข้าเรียกเจ้าออกมาในคราวนี้ก็เพราะเจอคนขโมยไก่อย่างไรกันล่ะ”
“คนขโมยไก่งั้นหรือ! คนขโมยไก่งั้นหรือ!”
เสียงของไก่พลันดังขึ้น
กู่ฉิงซานชี้ไปที่เด็กผู้ชายที่ไม่รู้เหตุผลว่าอีกฝ่ายพูดแบบนั้นเพื่ออะไร “เขานั่นแหละ ไม่เพียงแค่ขโมยไก่เท่านั้น แต่ยังเอาไก่ไปย่างทั้งเป็นก่อนจะกินจนเกลี้ยงเลย”
ไก่หลากสีสันหรี่ตาก่อนจ้องเด็กผู้ชาย
“เจ้าหนู ไก่อร่อยไหม”
ไก่ถามเสียงต่ำ
เด็กผู้ชายไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ฉากนี้เกินกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก ไม่มีส่วนข้องเกี่ยวกับการต่อสู้ การสังหาร ความเป็นความตาย การสมคบคิด แผนผังหรือแม้กระทั่งสิ่งต่างๆ มากมาย
แล้วมันมาเกี่ยวกับไก่ตัวนี้ได้อย่างไร
เขาคือผู้ส่งสาร คือบุคคลในตำนาน มีชะตาให้พิชิตโลกใบนี้
แล้วการที่บุคคลเช่นเขากินไก่มันใช่เรื่องต้องมาถามไหม
เด็กผู้ชายยืดอกก่อนตอบว่า “อร่อยสิ ข้ากินจนเกลี้ยงเลย แล้วจะทำไม”
ไก่หลากสีสันไม่พูด
หงอนของมันตั้งขึ้นช้าๆ
....................................................