ตอนที่ 590 ใบไม้จากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์
แม่มารจากโลกมารดึกดำบรรพ์รับสิ่งประดิษฐ์วิญญาณสีทองแดงไป และในที่สุดอารมณ์ของเธอก็ดีขึ้น
สายตาของเธอกวาดข้ามผ่านฝูงชน และตกลงบนลอร่า
“ขออนุญาตเอ่ยถาม เจ้าเป็นคนของราชวงศ์หนามใช่หรือไม่?” แม่มารเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
อีเลียก้าวมายืนขวางลอร่าและกล่าว “ใช่ พวกเราเป็นคนที่ทางอาณาจักรหนามส่งมา เป็นทีมพิเศษไว้คอยช่วยเหลือมิสเตอร์กู่ฉิงซาน”
แม่มารพอสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงอำนาจจากฝ่ายตรงข้าม เธอก็ย้อนนึกไปถึงตำนานที่เล่าลือกันของสายพันธุ์หนาม และเริ่มเกิดความรู้สึกไม่สบายใจขึ้น
วิหคหนาม คือสายพันธุ์ที่สามารถอยู่รอดได้ในดินแดนอัศจรรย์ และยังเป็นสายพันธุ์เดียวที่ยินดีติดต่อกับโลกภายนอกอีกด้วย
วิหคหนามมีสมบัติจากในดินแดนอัศจรรย์ไว้ในครอบครองนับไม่ถ้วน เป็นเผ่าพันธุ์ที่ร่ำรวยที่สุดในตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ความมั่งคั่งที่ว่านั่นมิอาจเข้าไปฉกชิงได้
นั่นก็เพราะ...
รุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนอัศจรรย์ ไม่เว้นกระทั่งโลกเก้าร้อยล้านชั้น และมันคอยพิทักษ์สมบัติของวิหคหนามเรื่อยมา
นอกเหนือไปจากเหล่าสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงในดินแดนอัศจรรย์แล้ว ในโลกอื่นๆ ของดินแดน ก็ไม่มีใครต้องการที่จะรุกรานวิหคหนาม
กระทั่งดินแดนชิงอำนาจ ดินแดนมิติอนันต์ และดินแดนที่ถูกยึดครองโดยศัตรู
ท่ามกลางโลกนับล้านๆ ไม่เว้นกระทั่งมาร ล้วนไม่มีผู้ใดยินดีที่จะรุกรานพวกเขา
นี่เป็นเพราะในอดีต ได้เกิดเหตุการณ์โด่งดังขึ้นในประวัติศาสตร์
สามหมื่นปีก่อน ทหารพิทักษ์แห่งอาณาจักรหนามได้หายตัวไปอย่างน่าฉงน
ใช่แล้วล่ะ ถึงแม้ว่าสมบัติของวิหคหนามจะไม่ได้สามารถขโมยได้ แต่หากเป็นวิหคหนามตัวเป็นๆ ล่ะก็ สามารถทำได้
เมื่อทหารพิทักษ์หายตัวจนล่วงเลยไปสามวัน ตลอดทั้งอาณาจักรหนามก็ยังไม่ค้นพบตัวเขา
ในตอนนั้นเอง กษัตริย์หนามก็ได้ประกาศรางวัลออกมา
กษัตริย์ได้ประกาศว่าหากใครสามารถค้นพบทหารพิทักษ์ และตามจัดการเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับมัน สามารถทำให้เขาพึงพอใจได้ กษัตริย์ก็จะมอบรางวัลของอาณาจักรหนามให้
และรางวัลที่ว่า คือกองภูเขาสมบัติ ที่ถูกทับถมรวมกันโดยสมบัติจากดินแดนอัศจรรย์
บนสุดของภูเขาสมบัติ ถูกวางเอาไว้ด้วยอาวุธสามชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นแยกกันเป็น ระดับชั้นมหากาพย์ ระดับชั้นตำนาน และระดับชั้นสิ่งประดิษฐ์เทวะ วัตถุศักดิ์สิทธิ์
กษัตริย์หนามได้กล่าวว่า รางวัลทั้งสามชิ้นนี้ จะพิจารณามอบให้กับกลุ่มที่สามารถทำงานเพื่อเขาได้ดีที่สุด
ทันทีที่รางวัลนี้ถูกประกาศออกไป โลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้นก็ตกอยู่ในความคลุ้มคลั่ง!
สงครามทั้งหมดหยุดลง
เหล่าตัวตนทรงอำนาจละทิ้งการเผชิญหน้ากัน
แม้กระทั่งพันธมิตร และองค์กรระหว่างดวงดาวขนาดใหญ่มากมาย ก็ยังล้มเลิกแผนการเดิม และเริ่มทำการออกค้นหาทหารพิทักษ์แห่งหนาม
ทุกตัวตนอันยอดเยี่ยมทั้งหมดต่างออกหน้า
ภายใต้อำนาจและอิทธิพลมากมาย ที่คุมขังทหารพิทักษ์ก็ถูกค้นพบได้อย่างรวดเร็ว
มันคือจักรวรรดิดวงดาวขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่ง
จักรวรรดิที่ว่านั่นครอบครองพื้นที่กว่าเจ็ดชั้นโลก และยังครอบครองกองกำลังที่ไม่เป็นสองรองใคร
ไม่ว่าจะเป็นความเจริญก้าวหน้าของอารยธรรม หรืออิทธิพลความแข็งแกร่ง จักรวรรดิดวงดาวแห่งนี้ก็ล้วนยืนอยู่บนจุดสูงสุด
จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิได้สั่งการให้ลอบจับตัวทหารพิทักษ์ออกมา
ด้วยความคาดหวังว่าทหารพิทักษ์จะยอมจำนนต่อเขาด้วยสารพัดวิธีการทนทุกข์ทรมาน และคิดมอบสมบัติของมันให้แก่เขาด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากข้อมูลนี้ถูกเปิดเผย ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง จักรวรรดิดวงดาวแห่งนี้กลับถูกฉีกทึ้งเป็นชิ้นๆ โดยบรรดาเหล่าตัวตนทรงอำนาจจากตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น!
และนับตั้งแต่นั้นมา ก็ไม่เคยมีใครกล้าหือกับวิหคหนามอีกเลย
แม่มารเบนสายตา มองย้อนกลับมาลงบนร่างของกู่ฉิงซาน
แต่คนผู้นี้กลับสามารถมีสัมพันธ์กับวิหคหนามได้…
…
นี่มันช่างน่าประหลาดใจอย่างแท้จริง
แล้วหลี่อันไปตกเหยื่อตัวนี้ได้อย่างไรกัน?
“เจ้าเด็กกู่ เจ้าต้องการร่วมมือกับหลี่อันเพื่อกำจัดหนึ่งแสนกองทัพสัตว์ประหลาดผี และสองร้อยล้านผู้เข้าสู่วิถีมารใช่หรือไม่ แล้วเจ้ามีแผนการอย่างไรบ้าง?”
แม่มารมองมายังกู่ฉิงซาน เอ่ยถามอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
และนี่เป็นครั้งแรกเลย ที่เธอกำลังเพ่งตรวจสอบกู่ฉิงซานอย่างจริงจัง
“แน่นอนว่ามี” กู่ฉิงซานกล่าว
“ลองกล่าวมาข้าจะฟัง ขณะเดียวกันข้าก็จะประเมินตัวเจ้าไปด้วย ต้องรู้นะว่าพวกเรามารสวรรค์ไม่อาจสำแดงพลังที่แท้จริงออกมาได้ในโลกใบนี้ และข้าเองก็กังวลไม่น้อยเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลี่อัน”
“เข้าใจแล้ว แผนการของข้าคือ ‘สู้ด้วยน้อยแต่ได้มาก’” กู่ฉิงซานกล่าว
“อืม ว่าต่อสิ”
“จบแล้ว”
สองตาของแม่มารหรี่แคบลง เธอเอ่ยปากอย่างช้าๆ “เพื่อที่จะจัดการกับศัตรูจำนวนมากมายขนาดนั้น แต่แผนของเจ้า กลับมีน้อยนิดเพียงแค่หกคำเองหรือ? นี่เจ้าเห็นเป็นเรื่องล้อเล่น?”
“เปล่า เปล่าเลย นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”
กู่ฉิงซานอธิบาย “ผู้คนน่ะมักจะประทับใจกับการที่ได้เห็นการซุ่มโจมตีด้วยกำลังที่น้อยกว่า แต่สามารถโค่นล้มกำลังที่มากกว่าได้ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วนั่นน่ะคือการดิ้นรนเฮือกสุดท้าย แต่ดันโชคดีชนะมาได้เท่านั้น”
เขายังคงพูดต่อ “ จากในศาสตร์แห่งสงคราม กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือ แข็งแกร่งชนะอ่อนแอ และมากชนะน้อย”
“แข็งแกร่งแต่มิใช่อ่อนแอจึงจะชนะ ขณะเดียวกันมากแต่มิใช่น้อยจึงจะชนะเช่นกัน นี่คือความจริงที่ไม่มีทางลบล้างได้ และยังเป็นกลยุทธ์ในการใช้ทหารที่ดีที่สุดที่จะช่วยเพิ่มโอกาสคว้าชัยชนะอีกด้วย”
สีหน้าของแม่มารในที่สุดก็ดีขึ้น เธอพยักหน้าอย่างลับๆ
เธอลองขบคิดสักพัก จึงเอ่ยถาม “มันก็ฟังดูไม่เลว แล้วในกระบวนการยิบย่อยของมันเล่า เจ้าตั้งใจจะทำอะไร?”
กู่ฉิงซานกล่าว “เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ฝึกยุทธ์ตัดผ่านขอบเขต สวรรค์และโลกจะส่งสายฟ้ามาลงทัณฑ์เขา ขณะเดียวกันปีศาจร้ายมากมายก็จะปรากฏตัวขึ้น และข้าอยากให้หลี่อันใช้ช่วงเวลานั้น ติดต่อกับพวกมัน ทำการอัญเชิญกำลังรบจำนวนมากให้ออกมา”
“กำลังรบที่เจ้าว่า ใช่หมายถึงทุกชนิดของปีศาจร้ายที่มักจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อผู้ฝึกยุทธ์ตัดผ่านขอบเขตใช่หรือไม่”
“ใช่”
กู่ฉิงซานมองหลี่อันและเอ่ยถาม “เจ้าเป็นมารสวรรค์ ดังนั้นก็น่าจะมีความสัมพันธ์กับปีศาจร้ายตนอื่นๆ อยู่บ้าง เจ้าสามารถเรียกพวกมันมาหารือกันสักหน่อยจะได้หรือไม่?”
หลี่อันลังเล “เรื่องเรียกปีศาจร้ายมาน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่พวกมันดันไม่สันทัดในเรื่องพูดคุยนี่สิ”
กู่ฉิงซานกล่าว “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ขอแค่ได้บอกถึงสิ่งที่จะใช้แลกเปลี่ยนออกไป เดี๋ยวต่อจากนั้นพวกมันก็จะกลายมาเป็นสหายที่ดีได้เอง”
หลี่อันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เจ้านี่มันน่าสนใจจริงๆ ปีศาจร้ายน่ะชอบกินคน แต่เจ้าดันอยากจะเป็นสหายกับพวกมัน”
“ตัวข้ามีเพียงจิตวิญญาณเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่มีทางเพียงพอให้พวกมันแบ่งปันกันได้ ทว่าหากพวกมันร่วมมือกับข้า พวกมันก็จะได้รับสมบัติ และ แบ่งปันสองร้อยล้านจิตวิญญาณร่วมกัน ข้าเชื่อมั่นสุดหัวใจว่าพวกมันย่อมรู้ดีว่าจะต้องเลือกหนทางใด” กู่ฉิงซานกล่าว
หลี่อันเบนสายตาจากเขา กล่าวน้ำเสียงเรียบเฉย “เช่นนั้นข้าคงต้องขอเตรียมตัวก่อน”
สองมือของเธอจีบเข้าด้วยวิชาลับ และเริ่มท่องคาถายาวเหยียด อัญเชิญปีศาจร้ายตนอื่นๆ ออกมา
แม่มารจ้องมองมาที่ฉากนี้ และต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง
แต่สุดท้ายเธอก็หุบปากลง และไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
มารสวรรค์ตนอื่นๆ เหลือบมองซึ่งกันและกัน ลอบกระซิบกระซาบ
“เจ้าดูนั่นสิ เหมือนพวกเขากำลังจีบกันอยู่เลยมิใช่หรือ”
“ท่านแม่ไม่ใส่ใจ หรือว่านางแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นมันกันแน่?”
“เจ้าคิดว่าท่านแม่จะมองไม่เห็นจริงๆ น่ะหรือ?”
“ใจเย็นๆ ก่อน อย่าลืมสิว่าเขามีสิ่งประดิษฐ์วิญญาณอยู่นะ”
ใช่แล้ว เขาน่ะครอบครองสิ่งประดิษฐ์วิญญาณ!
บังเกิดความเงียบงันขึ้น
ทุกคนเริ่มรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ทันใดนั้นจิตสัมผัสเทวะจากมารสวรรค์ตนหนึ่งก็ส่งผ่านไปยังทุกๆตน
“พี่น้องทั้งหลาย ข้ามีบางอย่างอยากจะเอ่ยถาม พวกเจ้าคิดว่าหากเทียบเปรียบระหว่างข้ากับหลี่อันแล้ว เป็นข้าหรือนางที่งดงามมากกว่ากัน?”
มารสวรรค์หญิงสบตากันและกัน นิ่งค้างไป
ไม่มีใครตอบคำถามที่ฟังดูน่าเบื่อหน่ายนี้
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของพวกนางทุกคนกลับตกลงบนร่างของกู่ฉิงซานเป็นเป้าเดียว
ประโยคนี้ คล้ายกับว่าได้เบิกเนตรให้แก่เหล่าหญิงสาว
ดูเหมือนว่า…ความหวังที่พวกตนจะได้ครอบครองสิ่งประดิษฐ์วิญญาณเช่นเดียวกับหลี่อัน กำลังค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นอย่างช้าๆ
กู่ฉิงซานก้าวออกมา รวมตัวกันกับลอร่า อีเลีย และทหารพิทักษ์คนอื่นๆ
“ตอนที่พวกเรามีอีกหนึ่งปัญหา” กู่ฉิงซานกล่าว
“ปัญหาอะไร?” ลอร่าเอ่ยถาม
กู่ฉิงซานกล่าว “กระหม่อมจะต้องร่วมมือกับปีศาจ ช่วยกันสังหารผู้เข้าสู่วิถีมาร ดังนั้นกระหม่อมเลยต้องการสัญญาที่มีผลผูกมัดไว้เป็นหลักประกัน มิฉะนั้นแล้วในกรณีที่ปีศาจคิดบิดพลิ้ว ทรยศพวกเรา มันจะมีปัญหาตามมา”
ลอร่าหยิบหนังสือสัญญาใหม่เอี่ยมจากกระเป๋าของเธอออกมาและกล่าว “ใช้เจ้าสิ่งนี้สิ มันใช้งานง่ายมากๆ มีผลผูกมัดกับพฤติกรรมของทั้งสองฝ่าย และจะไม่ยินยอมให้เกิดการทรยศกันขึ้นในระหว่างข้อตกลง”
“แล้วถ้าทรยศล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?” กู่ฉิงซานเอ่ยถาม
“คนที่ทรยศจะถูกฆ่าโดยกฎเกณฑ์แห่งคำมั่นสัญญาโดยตรง” ลอร่าตอบ
กู่ฉิงซานขบคิด “แค่ฆ่าหรือ? แต่บทลงโทษนี้ ดูเหมือนว่าสำหรับปีศาจแล้ว…”
อีเลียส่ายหัว และพูดบ้าง “ลอร่า แม้ว่านี่จะเป็นหนังสือสัญญาของหอคอยสูงที่ใช้กันทั่วไปในตลอดทั้งหมื่นโลกา แต่สำหรับการดำรงอยู่ของพวกปีศาจน่ะมันใช้ไม่ได้ แม้ในสัญญาจะเป็นการปลิดชีพพวกมันก็ตาม แต่บางทีพวกมันอาจจะมีวิธีฟื้นคืนชีพอยู่ก็ได้”
“ถ้าแบบนั้น เราควรทำอย่างไรดี?” ลอร่าเอ่ยถาม
อีเลียยิ้มและกล่าว “ท่านลืมใบไม้จากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามของพวกเราไปแล้วหรือ?”
ลอร่าเข้าใจทันที แต่แล้วเธอก็เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ “แต่เราไม่ได้นำเจ้าสิ่งนั้นมา…”
“แต่กระหม่อมเอามา” อีเลียกล่าว
ว่าจบ เธอก็หยิบใบไม้สีเขียวออกจากถุง และมอบให้กับกู่ฉิงซาน
“นี่คือใบไม้จากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนาม แต่ละใบจะมีสัญญาที่มิอาจต่อต้านได้” อีเลียกล่าว
“สัญญาอะไร?” กู่ฉิงซานถาม
“สัญญาที่มิอาจฝ่าฝืน มิฉะนั้นแล้วจักถูกลงโทษ”
“แล้วบทลงโทษจากการผิดคำสัญญามันคืออะไร?”
“อำนาจทั้งหมดของคนผู้นั้นจักถูกดูดกลืนโดยรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ และจิตวิญญาณจะถูกสูบไปเป็นอาหารหล่อเลี้ยงรุกขชาติ”
“ร้ายกาจจริงๆ แต่ผมกลัวว่าอาจจะมีปีศาจบางตนที่ยังไม่เชื่อ”
“ไม่ต้องกังวลไป เพราะตราบใดที่ปีศาจเหล่านั้นเห็นพวกเราวิหคหนาม พวกมันจะเข้าใจเอง”
แต่กู่ฉิงซานก็ยังไม่รู้สึกวางใจ “แล้วถ้าหากเกิดกรณีที่มีการดำรงอยู่บางชนิด ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับพวกคุณเหมือนอย่างผมล่ะ?”
“…เอาล่ะๆ เจ้าลองหยิบใบไม้ออกมา แล้ววางมันลงบนฝ่ามือ ก็จะเข้าใจเอง”
กู่ฉิงซานหยิบใบไม้มา และวางมันลงบนฝ่ามือเขา
ทันใดนั้น กู่ฉิงซานก็รู้สึกว่าจิตสัมผัสเทวะของตนกำลังลอยล่องออกไปจากโลกใบนี้
อำนาจอันไร้ที่สิ้นสุดของกฎเกณฑ์แผ่ออกมาจากใบไม้ มันได้นำพาจิตของกู่ฉิงซานตัดผ่านมิติและเวลา ไปปรากฏขึ้นเบื้องหน้าการดำรงอยู่ของบางสิ่งที่แสนจะยิ่งใหญ่และศักดิ์สิทธิ์
มันเป็นต้นไม้
ต้นไม้โบราณที่มีขนาดความสูงมากกว่าหนึ่งหมื่นเมตร
กู่ฉิงซานแม้เพียงมองผ่านจากในจิตใจของเขา แต่กลับสามารถสัมผัสได้ว่าเบื้องหลังรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์สูงตระหง่านที่คอยให้ร่มเงานี้ มีพลังชีวิตเหลือล้นที่ตัวเขาทำได้เพียงแหงนหน้ามองขึ้นไป
อำนาจของมันยิ่งใหญ่เกินไป จนผู้คนที่เห็นทำได้เพียงชื่นชม แต่ไม่คิดอยากเป็นปฏิปักษ์
ในหัวใจของกู่ฉิงซาน รู้สึกได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์แห่งหนามที่ส่งออกมา จิตใจของเขาเต้นครึกโครมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ในขณะเดียวกัน คลื่นความคิดก็ถูกส่งผ่านมาจากรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์
คลื่นความคิดนี้ไหลเข้าสู่หัวใจของกู่ฉิงซานโดยตรง บอกเล่าให้เขาตระหนักรู้ถึงสิ่งหนึ่งทันที
ใช่แล้วล่ะ หากตนเองได้เอ่ยคำมั่นสาบานกับใบไม้ รุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ก็จะรับรู้
ขณะที่เมื่อใครก็ตามละเมิดคำสาบาน รุกขชาติศักดิ์สิทธิ์จะดูดกลืนอำนาจทั้งหมดของคนผู้นั้น แม้กระทั่งจิตวิญญาณก็ยังถูกดูดซับไปเป็นอาหาร
นี่คือกฎของมัน
เป็นกฎที่โลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้น ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจละเมิดได้
กู่ฉิงซานถอนจิตสัมผัสเทวะกลับคืนอย่างรวดเร็ว
“ทรงอำนาจจริงๆ!” เขาถอนหายใจ
ลอร่าตบลงในกระเป๋าของเธอและกล่าวว่า “ถูกต้อง กระเป๋าของเราเองก็ถูกถักทอขึ้นจากใบและกิ่งก้านของรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน เท่ากับว่าสิ่งต่างๆ ที่ใส่ไว้ในกระเป๋าของเราก็จะถูกเก็บรักษาไว้โดนรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์โดยตรง นอกเหนือไปจากเรา ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเปิดกระเป๋าใบนี้ได้”
อีเลียเอ่ยเสริมในเวลาเดียวกัน “ครั้งหนึ่งข้าเคยได้ปฏิญาณว่าจะปกป้องลอร่า ในกรณีที่ข้าไม่อาจบรรลุคำมั่นได้ รุกขชาติศักดิ์สิทธิ์ก็จะพรากอำนาจทั้งหมดของข้าไป และจิตวิญญาณของข้าก็จะถูกรับไปโดยมัน”
กู่ฉิงซานใส่ใบไม้กลับเข้าไปในถุง ปากเอ่ยกล่าวด้วยความพึงพอใจ “ด้วยอำนาจที่ทรงประสิทธิภาพเช่นนี้ ย่อมสามารถนำมาใช้แทนสัญญาได้อย่างแน่นอน ขอบคุณมากจริงๆ”
อีเลียส่ายมือและกล่าว “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว”
ลอร่าดึงชายเสื้อของกู่ฉิงซานด้วยดวงตาแดงเรื่อ “กู่ฉิงซาน เรายินดีจ่ายสมบัติทุกอย่าง ตราบใดที่เจ้าสามารถแก้แค้นให้ครอบครัวของเราได้!”
“อืม ท่านวางใจเถอะ พวกเราจะสามารถแก้แค้นแทนพวกเขาได้อย่างแน่นอน”
กู่ฉิงซานแตะลงบนหัวของเธอ ปากเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
.............................................